Lord of the Mysteries ราชันย์เร้นลับ – ราชันเร้นลับ 423 : สายลมก่อตัว

ราชันเร้นลับ 423 : สายลมก่อตัว

“ถูกต้อง ประมาณหนึ่งเดือนก่อน” อลันใช้ปลายนิ้วขยับกรอบแว่นสีทองพร้อมกับมอบคำตอบอย่างมั่นใจ

ประมาณหนึ่งเดือนก่อน…ตอนนั้นคุณกำลังถูกวิล·อัสตินตามหลอกหลอนในความฝันอยู่ไม่ใช่หรือ? ไคลน์ทั้งประหลาดใจและค่อนข้างฉงน แต่ไม่ปล่อยให้ความเคลือบแคลงเผยทางสีหน้า

ทันใดนั้น มันหวนนึกถึงการทำนายถึงตำแหน่งของวิล·อัสตินสองครั้งก่อนหน้า

ครั้งแรก จากการทำนายด้วยแท่งวิญญาณทั้งสองจุดภายในห้องนอนอลัน ปลายของไม้ค้ำต่างชี้ไปทางเตียงนอนทั้งสองหน

ครั้งถัดมา การทำนายด้วยนิมิตความฝัน วิล·อัสตินอยู่ในห้องมืดสนิท ด้านนอกเป็นเสียงน้ำไหลค่อนข้างชัด

เสียงน้ำ…น้ำคร่ำหรือไม่ก็เลือด?

ไคลน์พลันเย็นหลังวาบเมื่อมันเริ่มตระหนักถึงบางสิ่งอันน่าเหลือเชื่อ

อย่างไรก็ตาม สีหน้าภายนอกยังคงปรกติทุกประการ มันจ้องอลันด้วยแววตาครุ่นคิดเล็กน้อย

ชายหนุ่มกำลังสงสัยว่า ในครรภ์ของภรรยาของอลัน จะใช่วิล·อัสติน อสรพิษปรอทตัวจริงหรือไม่

ในทางศาสตร์เร้นลับ สัญลักษณ์แทนอสรพิษแห่งโชคชะตาคือภาพของงูขดตัวเป็นวงกลมจากหัวถึงหาง ใช้ปากกลืนหางตัวเองเล็กน้อย สื่อถึงวัฏจักรแห่งโชคชะตาซึ่งต้องวนกลับมาเริ่มต้นใหม่เสมอ…

หรือเพื่อหลบหนีจากสายตาศัตรู วิล·อัสตินจึงต้องแอบมาเกิดใหม่ก่อนสิ้นสุดวัฏจักรเก่า?

ไคลน์คาดเดาจากหลักฐานในมือ

อลันมิได้พบความผิดปรกติซึ่งอีกฝ่ายพยายามปกปิดอย่างสุดความสามารถ ศัลยแพทย์คนดังแห่งเบ็คลันด์เพียงยิ้มและกล่าวอย่างเป็นกันเอง

“เขาต้องเติบโตเป็นหนุ่มหล่อแน่นอน หากถึงวันคลอดเมื่อไร ผมจะจัดงานเลี้ยงฉลองอย่างยิ่งใหญ่ เชอร์ล็อก คุณต้องมาให้ได้นะ”

“อาจเป็น ‘เธอ’ ก็ได้นะครับ” ไคลน์ยิ้ม

ว่ากันตามตรง มันเองก็อยากเห็นว่าอสรพิษปรอทแรกเกิดจะมีหน้าตาเป็นเช่นไร

อย่างไรก็ตาม ใจหนึ่งก็รู้สึกกังวลเกี่ยวกับอนาคตพอสมควร อสรพิษปรอทเป็นถึงลำดับ 1 แห่งเส้นทางสัตว์ประหลาด เส้นทางซึ่งกล่าวกันว่าเกี่ยวพันกับโชคชะตา ไม่เพียงเท่านั้น ไคลน์ยังสันนิษฐานว่า ปัจจุบันลำดับ 1 ทั้งสามตนในเส้นทางกำลังต่อสู้กันเพื่อแย่งชิงตำแหน่งเทพ—ลำดับ 0 จึงไม่ทางทราบว่าอนาคตของวิล·อัสตินจะราบรื่นและโรยด้วยกลีบกุหลาบหรือไม่

เรื่องนี้เป็นผลดีหรือผลเสียกับอลันกันแน่… แบ่งออกเป็นสองประเด็น ข้อแรก วิล·อัสตินมีเจตนาดีหรือร้าย ส่วนอีกข้อหนึ่ง ศึกระหว่างลำดับ 1 จะส่งผลต่อครอบครัวหมออลันมากแค่ไหน เพราะไม่ว่าอย่างไร ถ้าเด็กในครรภ์เติบโตขึ้น สักวันก็ต้องถูกอสรพิษปรอทตนอื่นพบตัวอยู่ดี…

ในเมื่อวิล·อัสตินยังไม่เคยกระทำเรื่องแย่ การนำข่าวไปแจ้งให้เหยี่ยวราตรีทราบคงใจร้ายเกินไปสักหน่อย เราเข้าใจหัวอกผู้วิเศษนอกกฎหมายเป็นอย่างดี…

ดังนั้น เราควรทำตัวเป็นเพียงผู้ชมอยู่วงนอก…ไม่สิ บางที อาจมีลู่ทางให้นำเรื่องนี้มาใช้ประโยชน์ได้ในสักวัน…

อา…เรายังไม่ควรด่วนตัดความเป็นไปได้อื่นออกไป เรื่องทั้งหมดมีโอกาสเป็นแค่การคิดมากของเราคนเดียว วิล·อัสตินอาจไม่ใช่อสรพิษปรอท และทารกในครรภ์อลันคือมนุษย์ปรกติคนหนึ่ง…

ห้วงความคิดกำลังแล่นผ่านสมองไคลน์

“เธอหรือ…นั่นก็ยิ่งดีเลย!” อลันกล่าวด้วยสีหน้าคาดหวังแกมตื่นเต้น

หลังจากก้มหน้าไตร่ตรองสักพัก ไคลน์ซักถามเพิ่มเติม

“พักหลังมานี้ คุณยังฝันร้ายอยู่ไหม”

“ก็มีบ้างประปราย แต่ทั้งหมดเป็นฝันร้ายทั่วไป ไม่ได้เกี่ยวข้องกับวิล·อัสตินอีกแล้ว เชอร์ล็อก ต้องขอบคุณมากสำหรับคำแนะนำอันมีค่า!” อลันกล่าวจากใจจริง

ผิดแล้ว…นี่มันผิดปรกติมาก…

ในฐานะนักรบคีย์บอร์ดจากโลกเก่า เราพอจะมีความรู้พื้นฐานด้านจิตวิทยาอยู่บ้าง จึงค่อนข้างมั่นใจว่า การฝันร้ายถึงวิล·อัสตินถือเป็นเหตุการณ์ปรกติซึ่งควรจะเกิดขึ้น…

สิ่งนี้คือปฏิกิริยาตอบสนองปรกติทางร่างกายหลังจากจิตใต้สำนึกถูกกระตุ้นอย่างรุนแรง ยิ่งมนุษย์ถูกกระตุ้นด้วยสิ่งใดมากเข้า สมองก็ยิ่งฝันถึงเรื่องนั้นบ่อยครั้ง…

ในเมื่อวิล·อัสตินเคยสร้างความโชคร้ายให้หมออลันมากมาย ความฝังใจจึงควรประทับลงในจิตใต้สำนึก และเกิดเป็นการฝันถึง…

ฉะนั้น ผลลัพธ์ ‘ปรกติ’ จึงควรเป็นการฝันถึงวิล·อัสตินอย่างสม่ำเสมอ แต่เป็นความฝันไม่ชัดเจน และไม่จำเป็นต้องฝันร้ายเสมอไป ทราบอย่างคร่าวๆ ว่ามีสิ่งใดเกิดขึ้นบ้าง ไม่สามารถระบุรายละเอียดได้ชัดเจน…

ไคลน์ค่อนข้างมั่นใจในทฤษฎีของตน

ทันใดนั้น เสียงหวีดแหลมพลันดังมาจากด้านนอกอาคารสโมสรครักซ์

ชายหนุ่มรีบหันขวับ และพบว่าหมอกหนาสีเหลืองอ่อนบนท้องฟ้ากำลังถูกสายลมกระโชกพัดผ่านจนเกิดรอยแหว่งเป็นทางยาว

ต้นไม้แห้งไร้กิ่งโยกเอนเด่นชัด สภาพแวดล้อมทั้งหมดระบุตรงกันว่า ต้นตอของลมพายุดังกล่าวกำลังมุ่งหน้าไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ของกรุงเบ็คลันด์

ไม่กี่วินาทีถัดมา ทุกสิ่งกลับคืนสู่ปรกติ

“ลมแรงขนาดนี้แทบไม่เคยเกิดขึ้นในฤดูหนาวของเบ็คลันด์มาก่อน อย่างน้อยผมก็ไม่เคยเห็นแม้แต่ครั้งเดียว” อลันจ้องออกไปนอกหน้าต่างพลางถอนหายใจ

นั่นไม่ใช่ลมธรรมดา… เกิดอะไรขึ้นกันแน่?

ไคลน์ระงับความสงสัยและรีบขอตัวไปเข้าห้องน้ำเพื่อทำนายถาม ทว่า ทุกประโยคทำนายกลับล้มเหลวอย่างน่าอัศจรรย์

ชายหนุ่มตัดสินใจไม่เก็บไปคิดให้ปวดหัว ในเมื่อผลการทำนายล้มเหลว หมายความว่าไม่มีสิ่งใดเกี่ยวข้องกับตน หรืออย่างน้อยก็ไม่ทำให้ตนเกิดอันตราย

ขณะมันเตรียมตัวเดินลงไปยังชั้นล่างเพื่อซ้อมยิงปืน บริกรชายในกั๊กแดงเดินเข้ามาทักพร้อมกับกล่าวด้วยสีหน้าเกรงใจ

“มิสเตอร์โมเรียตี้ครับ เพื่อนของคุณกำลังรอพบด้านนอก”

“ใครกัน?” ไคลน์ถามอย่างประหลาดใจ

“มิสเตอร์ไอคานส์·เบอร์นาร์ด” บริกรกั๊กแดงมอบคำตอบ

หือ… หมายถึงอาวุโสหัวหน้าทีมจิตแห่งจักรกล ผู้มักถูกกระจกวิเศษ ‘จัดทรงผม’ โดยไม่เต็มใจ…? เขาถามหาเราทำไม คดีมีความคืบหน้าแล้วหรือ…

ไคลน์เดินตามบริกรกลับไปยังห้องรับรอง

ไอคานส์ใช้มือกดหมวกซึ่งถูกดันขึ้นโดยเส้นผมแข็งกระด้างและยุ่งเหยิง มันเดินเข้ามาหาไคลน์พร้อมกับทักทายด้วยเสียงค่อย

“ทูตพิพากษารายงานเข้ามาว่า พวกเขาพบตัวเจสัน·แพทริค·บีเลียลแล้ว”

“พบได้ยังไง?” ไคลน์ซักถามด้วยเสียงประหลาดใจแกมเคลือบแคลง

จากนิมิตทำนายของตน เจสัน·บีเลียลมักสวมหนังมนุษย์ตลอดเวลา ไม่เคยเผยรูปพรรณแท้จริงหรือออร่าให้ใครสัมผัสถึง ดังนั้น ในทางทฤษฎีศาสตร์ทำนาย การสืบหาเบาะแสเจสันจึงไม่ควรได้ผลลัพธ์รวดเร็วเช่นนี้

ไอคานส์มองไปรอบตัวและเล่าต่อ

“ผมเองก็ไม่แน่ใจ แต่ได้รับรายงานเข้ามาตามนั้น”

ขณะเล่า มันชี้ไปยังนกสีขาวตัวเล็ก บนต้นไม้ด้านนอกอาคารสโมสร

นกตัวดังกล่าวกำลังก้มหัวทำความสะอาดขนด้วยจะงอยปาก

โดยไม่รอให้ไคลน์ถามเพิ่ม ไอคานส์เริ่มอธิบายรายละเอียดอย่างคร่าว

“ทูตพิพากษาเล่าว่า พวกเขาพบเบาะแสสำคัญจนนำไปสู่การระบุตำแหน่งของเจสันได้สำเร็จ แต่นั่นก็ทำให้สัญชาตญาณตระหนักถึงอันตรายของปีศาจทำงาน มันจึงชิงลงมือฆ่าทูตพิพากษาไปสองคนก่อนจะหลบหนีไป เรื่องนี้ทำให้เบื้องบนของโบสถ์วายุสลาตันโกรธจนควันออกหู ลุกลามถึงขั้น ผู้ขับขานแห่งเทพ เอส·สเน็ก ตัดสินใจลงมือไล่ล่าเจสันด้วยตัวเอง คุณคงเห็นพายุเมื่อครู่ไปแล้ว นั่นเป็นฝีมือของเขา เอส·สเน็กไม่เพียงเป็นอาร์ชบิชอปแห่งโบสถ์วายุสลาตันประจำมุขมณฑลเบ็คลันด์ แต่ยังเป็นหนึ่งในพระคาร์ดินัลแห่งศาสนาวายุสลาตันทั่วโลก”

ส่วนหนึ่งฟังดูสมเหตุสมผล แต่อีกส่วนก็ยังน่าเคลือบแคลง… จากสมมติฐานของเราและไอเซนการ์ด เจสันคงทำไปเพื่อเรียกร้องความสนใจจากผู้วิเศษลำดับสูง…

หลังจากไตร่ตรองสักพัก ไคลน์ซักถาม

“พวกคุณแน่ใจได้อย่างไร ว่าทูตพิพากษาพบเบาะแสของเจสัน·บีเลียลตัวจริง”

สีหน้าไอคานส์พลันอึมครึม ก่อนจะหันมาตอบไคลน์ด้วยเสียงทุ้ม

“ผมจะลองตรวจสอบดู”

มันทำสัญญาณมือบอกให้ไคลน์เดินตามออกไปข้างนอก ตรงไปยังรถม้าคันใหญ่ซึ่งจอดนิ่งอยู่ริมถนน ภายในห้องโดยสารมีจิตแห่งจักรกลสองคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว

ไอคานส์สูดลมหายใจยาวพร้อมกับหยิบกระจกสีเงินลวดลายแปลกประหลาดออกจากช่องกระเป๋าลับของเสื้อโค้ท

เมื่อดำเนินขั้นตอนพื้นฐานเสร็จ ไอคานส์กล่าวด้วยสีหน้าอึมครึมแกมเคร่งเครียด

“ถึงท่านอาโรเดสผู้ยิ่งใหญ่ คำถามของกระผมก็คือ ‘ตำแหน่งปัจจุบันของเจสัน·แพทริค·บีเลียล’”

บรรยากาศรอบตัวทุกคนพลันมืดมน เป็นความสลัวคล้ายกับท้องฟ้าเพิ่งผ่านฝนตกหนัก

ฉากหนึ่งเริ่มปรากฏบนผิวกระจกเงาสีเงิน

เป็นภาพของเรือล่องแม่น้ำลำใหญ่ซึ่งกำลังชักใบเรือขึ้นสูง เจสัน·บีเลียล เจ้าของดวงตาสีฟ้าและแก้มโหนกสูง เส้นผมหวีเรียบ กำลังกดปีกหมวกลงและก้มศีรษะต่ำ ปกเสื้อตั้งขึ้นปิดบังปลายคางและริมฝีปาก มันกำลังเดินเข้าไปในห้องพักสำหรับผู้โดยสาร

“เจสันเตรียมหนีออกจากเบ็คลันด์! เข้าใจแล้วว่าทำไม ผู้ขับขานแห่งเทพจึงกำลังมุ่งหน้าไปยังเขตท่าเรือ…” จิตแห่งจักรกลสาวด้านข้างโพล่งขึ้น

ถูกพบตัวได้ง่ายดายขนาดนี้เชียว? ไม่ง่ายไปหน่อยหรือ อีกฝ่ายเป็นถึงปีศาจ…

สีหน้าไคลน์เต็มไปด้วยความเคลือบแคลง

ขณะเดียวกัน ไอคานส์มิได้สนใจประเด็นดังกล่าว สมาธิของมันกำลังจดจ่ออยู่กับข้อความบนผิวกระจก

คราวนี้ก็เป็นเกมถามตอบเช่นเคย หากตอบผิดจะต้องเผชิญบทลงโทษอันน่าสะพรึง

เพียงไม่กี่อึดใจ ตัวอักษรสีเลือดปรากฏขึ้นบนกระจกทีละคำ :

“หากชายคนรักของเจ้ากลายเป็นก้อนเนื้อเหลวข้นน่าสะอิดสะเอียน ระบุไม่ได้ว่ามนุษย์หรือสัตว์ประหลาด แต่ยังสามารถสื่อสารกันรู้เรื่อง เจ้าจะยังรักเขาอยู่หรือไม่”

คำถามวัดใจสินะ…

เดี๋ยวนะ…ชายคนรัก…?

ไคลน์พยายามยับยั้งตัวเองมิให้หันหน้าไปมองไอคานส์·เบอร์นาร์ดด้านข้าง

หัวหน้าทีมจิตแห่งจักรกลถอนหายใจเสียงค่อยพร้อมกับมอบคำตอบ

“ยังรัก…แต่ผมจะฆ่าเขาด้วยมือตัวเอง”

“ซื่อสัตย์ใช้ได้” ข้อความใหม่ผุดขึ้นบนผิวกระจกเงิน

…เกมถามตอบบัดซบนี่ต่างอะไรกับการนำความลับคนอื่นมาประจาน?

ไคลน์อยากเลื่อนมือขึ้นมาปิดหน้า

มันชำเลืองสมาชิกทีมจิตแห่งจักรกลสองคนด้วยหางตาและพบว่า พวกเขาไม่แสดงท่าทีผิดปรกติ หรือควรจะพูดว่า พวกเขาแสร้งทำเป็นไม่เห็นอะไรทั้งนั้น

ไคลน์วกกลับเข้าเรื่องด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“ผมรู้สึกว่าเจสันถูกพบตัวได้ง่ายเกินไป บางที บุคคลในนิมิตทำนายอาจไม่ใช่เจสัน·บีเลียลตัวจริง…”

“แต่การทำนายถึงเจสัน·บีเลียลได้ผลลัพธ์ออกมาเป็นเขา” ไอคานส์กล่าวขณะเตรียมเก็บกระจกเงินเข้าไปในโค้ท

ไคลน์ก้มหน้าตรึกตรอง ก่อนจะเรียบเรียงออกมาเป็นคำพูดอย่างใจเย็น

“ผิดแล้ว พวกเราไม่ควรยึดติดกับผลการสอบสวนในอดีต เป้าหมายการทำนายควรเปลี่ยนเป็น ‘ผู้ปลดปล่อยแรงกระหาย’ หาใช่เจสัน·บีเลียล ทั้งสองอาจไม่ใช่คนคนเดียวกัน สัญชาตญาณนักสืบบอกผมว่าอย่างนั้น”

บนถนนหลวงราชา รถม้าคันใหญ่พิเศษกำลังเคลื่อนตัวออกจากรัฐสภาแห่งอาณาจักร

ทางขึ้นเป็นบันไดพรมแดง ภายในห้องโดยสารเต็มไปด้วยเครื่องเรือนหรูหราจำพวกเตียงนอน โซฟา โต๊ะกาแฟ และอื่นๆ มองผิวเผินจะไม่ต่างอะไรกับห้องนอนติดล้อ

ดยุคพาลัส·นีแกนแต่งกายในชุดสีกรมท่าประจำกองทัพเรือ มันกำลังจิบไวน์แดงสีคล้ายเลือดสดจากแก้วใสมันวาว

หลังจากชิมเสร็จ พาลัส·นีแกนกล่าวด้วยสีหน้าครุ่นคิด

“ในวันพรุ่งนี้ อย่าลืมเชิญเอิร์ลฮอลล์มาเป็นแขกพิเศษของฉัน พวกเราต้องคุยกันในประเด็นการขึ้นค่าแรงและการปรับแก้กฎหมายแรงงานให้เหมาะสม ร่างกฎหมายดังกล่าวถูกเขาผลักดันอย่างหนักในช่วงหลัง ฉันคิดว่าเขาน่าจะสนใจและตอบรับคำเชิญ อา… ด้วยเหตุผลบางอย่าง โบสถ์รัตติกาลกำลังสนใจในประเด็นของคนงานท่าเรือและโรงงานเป็นพิเศษ จริงแล้ว หลังจากส่งคำเชิญ อย่าลืมบอกเขาด้วยว่า ฉันยังมีประเด็นอื่นต้องการถกเถียง เช่น พวกเราไม่สามารถยกเลิกกฎหมายการกำจัดสิทธิ์การเลือกตั้งของประชาชนได้ เพราะไม่อย่างนั้น หากใครซื้อใจชนชั้นแรงงานได้มากกว่า ก็จะเป็นฝ่ายชนะการเลือกตั้งไปโดยปริยาย คนพวกนั้นอ่านไม่ออกเขียนไม่ได้ด้วยซ้ำ พวกเขาไม่มีทางเข้าใจระบบการบริหารประเทศ…แล้วก็ พวกเราต้องช่วยกันยับยั้งความเหิมเกริมของกลุ่มผู้สนับสนุนการเลือกตั้งแบบแบ่งเขต…”

เลขาด้านข้างก้มหน้าจดคำสั่งดยุคนีแกนอย่างละเอียด

เมื่อเห็นอีกฝ่ายบันทึกเสร็จ ดยุคนีแกนถอนหายใจยาว

“ฉันทำแบบนี้ก็เพื่อประโยชน์ของขุนนางทุกคน แต่ในบรรดาพวกเรากลับเต็มไปด้วยคนไม่เอาถ่านและไร้ฝีมือ แถมยังมีบางส่วนกำลังติดหนี้บุญคุณกลุ่มพ่อค้ารายใหญ่”

เมื่อถึงทางแยก รถม้ามิได้แล่นไปทางเขตราชินีตามปรกติ แต่ตรงต่อไปโดยไม่หยุดจอด

ในฐานะขุนนางผู้มั่งคั่งอันดับหนึ่งรองจากกษัตริย์ ไม่ใช่เรื่องแปลกหากดยุคนีแกนจะมีภรรยาลับเป็นจำนวนมาก อย่างไรก็ตาม อาณาจักรโลเอ็นค่อนข้างอนุรักษนิยม การมีภรรยาหลายคนอาจทำให้ถูกใช้เป็นเป้าโจมตีทางการเมือง ดังนั้น ถึงจะเป็นดยุค มันก็ต้องแอบย่องไปหาภรรยาลับอย่างไม่เอิกเกริก

แต่แม้จะต้องลำบากมากขึ้น ดยุคนีแกนกลับมองเป็นเรื่องน่าตื่นเต้นยิ่งกว่าปรกติ

สำหรับวันนี้ มันกำลังจะไปหาภรรยาลับหมายเลขหนึ่งตลอดสองสามปีหลัง เด็กสาวผู้มีวัยเพิ่งย่างเข้ายี่สิบ

ดยุคนีแกนหยิบขวดยาซึ่งมีส่วนผสมของผงมัมมี่ขึ้นมาดื่ม พลางใช้มืออีกข้างสัมผัสกับเครื่องประดับตรงคอ หอยสังข์สีน้ำเงินเข้มขนาดเท่าหัวแม่มือ

สิ่งนี้คือสมบัติวิเศษจากโบสถ์วายุสลาตัน มอบให้หลังจากดยุคนีแกนเคยถูกคีลิงเกอร์วางแผนลอบสังหาร หากใครเป่าสังข์ตัวนี้ด้วยพลังวิญญาณ ผู้ขับขานแห่งเทพ เอส·สเน็ก พระคาร์ดินัลประจำมหาวิหารวายุศักดิ์สิทธิ์ จะจับตำแหน่งได้และรีบเหาะมาหาด้วยความเร็วสูงสุด

เพื่อเป็นการเพิ่มระดับความปลอดภัยเข้าไปอีกขั้น ดยุคนีแกนจึงเลือกซื้อบ้านใกล้กับมหาวิหารวายุศักดิ์สิทธิ์ให้ภรรยาลับพักอาศัย

รถม้าสุดอลังการกำลังแล่นเข้าไปในอาคารหรูหราหลังหนึ่งอย่างไม่รีบร้อน บรรยากาศรอบบ้านค่อนไปทางร่มรื่นเขียวขจี

ลานหญ้ากว้างใหญ่หน้าบ้านมีเรือนกระจกซึ่งเต็มไปด้วยกุหลาบสีแดงเบ่งบาน

……………………

Lord of the Mysteries

Lord of the Mysteries

ป็นเรื่องราวการข้ามโลกของหนุ่มชาวจีนนามว่า โจวหมิงรุ่ย โลกใบที่ชายคนนี้ต้องเผชิญมีลักษณะคล้ายคลึงกับยุควิกตอเรียของยุโรป ยุคสมัยแห่งจักรกลไอน้ำเฟื่องฟู สุภาพบุรุษขุนนางเดินขวักไขว่ด้วยสูทและเสื้อกั๊กมาดเท่ แน่นอน เป็นโลกที่มีพลังพิเศษ ผู้วิเศษ และ สัตว์วิเศษ แต่พลังของมนุษย์บนโลกจะไม่เหมือนกับนิยายเรื่องใด ไม่มีจอมยุทธ์ ไม่มีการบังเอิญพบคำภีลับและได้ครอบครองยอดเคล็ดวิชา ไม่ได้เกิดใหม่พร้อมกับพลังสุดโกง ไม่เลย ไม่น่าเบื่อและจืดชืดขนาดนั้น ในอดีตกาล เผ่าพันธุ์มนุษย์อันต่ำต้อยมิอาจต่อสู้กับเหล่าสัตว์วิเศษในตำนานไหว หนึ่งในหนทางครอบครอง ‘พลังพิเศษ’ ก็คือการดื่ม ‘โอสถ’ หลังจากมนุษย์ดื่มโอสถและกลายเป็น ‘ผู้วิเศษ’ พวกเขาจะข้ามขีดจำกัดเดิมตามแต่ชนิดโอสถที่ดื่ม ผู้วิเศษในโลกแบ่งออกเป็น 9 ลำดับ โดยลำดับ 9 จะอ่อนแอที่สุด หนทางอัพเกรดลำดับก็แสนพิลึก ไม่ใช่การพัฒนาพลังเหมือนนิยายเรื่องใด แต่เป็นการดื่ม ‘โอสถ’ ที่ ‘ถูกต้อง’ ตามสูตรของลำดับถัดไป พลังพิเศษไม่สามารถข้ามสายได้ โอสถแต่ละชนิดจะมีสูตรการปรุงที่แตกต่าง แถมการฝึกฝนพลังของผู้วิเศษก็ยังพิสดารเหนือคำบรรยาย เรื่องราวจะยิ่งเข้มข้นขึ้นเมื่อตัวเอกเริ่มทราบว่า อดีตมหาจักรพรรดิของโลกเมื่อร้อยปีก่อนเป็น ‘ผู้เดินทางข้ามโลก’ เหมือนกับเขา แถมยัง… เหลือทิ้งไดอารี่สุดสำคัญไว้ให้ชนรุ่นหลัง แต่ไดอารีถูกเขียนด้วยภาษาจีนที่ไม่มีใครอ่านออกแม้แต่คนเดียว… ยกเว้นโจวหมิงรุ่ย With the rising tide of steam power and machinery, who can come close to being a Beyonder? Shrouded in the fog of history and darkness, who or what is the lurking evil that murmurs into our ears? Waking up to be faced with a string of mysteries, Zhou Mingrui finds himself reincarnated as Klein Moretti in an alternate Victorian era world where he sees a world filled with machinery, cannons, dreadnoughts, airships, difference machines, as well as Potions, Divination, Hexes, Tarot Cards, Sealed Artifacts… The Light continues to shine but mystery has never gone far. Follow Klein as he finds himself entangled with the Churches of the world—both orthodox and unorthodox—while he slowly develops newfound powers thanks to the Beyonder potions. Like the corresponding tarot card, The Fool, which is numbered 0—a number of unlimited potential—this is the legend of “The Fool”.

Comment

Options

not work with dark mode
Reset