ไคลน์ทราบดีว่าเพราะเหตุใดมิสจัสติสถึงหันมาจ้องตน สืบเนื่องจากเหตุการณ์คดีลาเนวุสในอดีต เธอย่อมทราบว่าเดอะฟูลเคยกระทบกระทั่งกับพระผู้สร้างแท้จริงทั้งฉากหน้าและฉากหลังหลายหน จึงน่าจะมีวัตถุเกี่ยวข้องกับอีกฝ่ายติดตัวไม่มากก็น้อย
ในทางทฤษฎี การคิดแบบนั้นไม่ใช่เรื่องผิด และในความเป็นจริง เราเองก็เคยเผชิญหน้ากับพระผู้สร้างแท้จริงทางอ้อมหลายหน จนถึงขั้นมีวัตถุชนิดดังกล่าวติดตัว… ไคลน์รำพัน
ชายหนุ่มเต็มใจยื่นมือช่วยเหลือเดอะซันน้อยอย่างสุดฝีมือ เพราะภายในดินแดนเทพทอดทิ้ง เมืองเงินพิสุทธิ์ มีสัตว์ประหลาดหายากอยู่มากมาย พวกมันแทบไม่ปรากฏตัวในทวีปเหนือใต้มาก่อน
ไม่เพียงเท่านั้น ประวัติศาสตร์และองค์ความรู้อันยาวนานกว่าสองพันปีของเมืองเงินพิสุทธิ์คือสมบัติแสนล้ำค่า พวกเขาไม่ถูกบิดเบือนความจริงโดยเจ็ดโบสถ์หลักเหมือนกับทวีปเหนือใต้ ฉะนั้น ไม่ว่าจะในมุมมองของผู้นำชุมนุมทาโรต์ หรือในมุมการหาผลประโยชน์ส่วนตัว ไคลน์ก็ไม่คิดจะทอดทิ้งให้เดอะซันน้อยเผชิญชะตากรรมตามลำพัง นอกจากจะหมดสิ้นหนทางเยียวยาโดยแท้จริง
ทว่า ตัวตนอย่างมิสเตอร์ฟูลก็ไม่สามารถพูดออกไปได้ทุกเรื่อง
ขณะจัสติส ออเดรย์ กำลังจ้องมองมิสเตอร์ฟูลหลังม่านหมอกด้วยสายตาคาดหวัง เดอะเวิร์ลผู้เงียบขรึมพลันเปล่งเสียงจากด้านข้าง
“ผมมีวัตถุปนเปื้อนการกัดกร่อนทางจิตจากพระผู้สร้างแท้จริง”
มันกำลังหมายถึง ‘ดวงตาดำล้วน’ ของนักเชิดหุ่นโรซาโก้
“วัตถุปนเปื้อนการกัดกร่อนทางจิตจากพระผู้สร้างแท้จริง?” อัลเจอร์ครุ่นคิดพลางเรียบเรียงคำพูด “นั่นต้องช่วยเดอะซันฝ่าฟันวิกฤติได้แน่! หากสมาชิกทีมสำรวจ—เหยื่อของพระผู้สร้างแท้จริง สัมผัสถึงจิตของพระผู้สร้างแท้จริงเข้า สติของพวกมันจะบิดเบี้ยวกะทันหันจนเกิดการเปลี่ยนสภาพในทันที”
เดอะเวิร์ลหันไปจ้องเดอะซันพลางหัวเราะแหบพร่า
“ผมยินดีให้คุณยืมวัตถุชิ้นดังกล่าว แต่คิดจะแลกเปลี่ยนด้วยสิ่งใด?”
เมื่อมองเห็นแสงแห่งความหวัง สมองของเดอร์ริครีบประมวลผลจนกระทั่ง มันย้อนนึกถึงรายละเอียดการชุมนุมในคราวก่อน
“ผมจะช่วยคุณหาตะกอนพลังของเงามืดหนังมนุษย์ ต่อมใต้สมองกลายพันธุ์และโลหิตของนักล่าพันหน้า รวมไปถึง ผมยินดีช่วยหาวิธีลบการกัดกร่อนทางจิตออกจากตะกอนพลังของผู้คลุ้มคลั่ง หากผมสำเร็จเรื่องใดก่อน สิ่งนั้นจะถูกใช้เป็นเครื่องแลกเปลี่ยนในการหยิบยืมวัตถุคราวนี้”
จากบรรดาตัวเลือกทั้งหมด เงามืดหนังมนุษย์สามารถหาพบได้ค่อนข้างง่ายรอบเมืองเงินพิสุทธิ์ พวกมันจัดเป็นสัตว์ประหลาดแข็งแกร่งท่ามกลางความมืดมิด
ปัจจุบัน เดอร์ริคไม่กังวลว่าการแลกเปลี่ยนของตนจะเสียเปรียบอีกฝ่าย และถึงจะเป็นลักษณะของการ ‘ยืม’ โดยต้องคืนในภายหลัง แต่การเอาตัวรอดให้ผ่านพ้นวิกฤตินั้นสำคัญเหนือสิ่งอื่นใด สำหรับตัวมันในตอนนี้ วัตถุเจือปนจิตกัดกร่อนของพระผู้สร้างแท้จริงนับว่ามีมูลค่ามหาศาล จำเป็นต้องรับข้อเสนอเสียเปรียบจากเดอะเวิร์ลอย่างมิอาจเลี่ยง โดยส่วนหนึ่งก็ทำไปเพื่อแสดงความจริงใจ
เดอะเวิร์ลพยักหน้ารับ
“ตกลง ไว้จบการชุมนุมเมื่อใด ผมจะรบกวนให้มิสเตอร์ฟูลช่วยส่งไปให้ทันที”
ขณะกล่าว เดอะเวิร์ลเผยให้ทุกคนเห็นดวงตาดำล้วนพลางแทรกคำอธิบายประกอบ
“สิ่งนี้มีมูลค่าเทียบเท่าโอสถลำดับ 5… หากคุณเผลอทำมันสูญหาย จะต้องชดเชยในราคาเท่าเทียมหรือมากกว่า ฉะนั้น ถ้าใช้งานเสร็จเมื่อไรให้รีบนำมาคืนทันที”
นี่คือความกังวลขอไคลน์ ตัวตนอย่างเดอะฟูลมิอาจเอ่ยคำว่า ‘ชดเชยอย่างเหมาะสม’ หรือ ‘ใช้เสร็จแล้วรีบนำมาคืน’ ออกไปได้ถนัดปากนัก เพราะนั่นจะเป็นการทำลายภาพลักษณ์อันสูงส่ง
ไม่เพียงเท่านั้น ไคลน์ยังกังวลถึงอันตรายซึ่งอาจเกิดขึ้นในอนาคต
ชายหนุ่มมีเหตุให้ต้องใช้งานดวงตาดำล้วนบนโลกจริงบ่อยครั้ง หากนำสมาชิกคนใหม่เข้าร่วมชุมนุมและอีกฝ่ายบังเอิญเคยเห็นดวงตาดำล้วนมาก่อน ความลับทั้งหมดก็จะพังครืนทันที ฉะนั้น การปล่อยให้ทุกคนเข้าใจว่าเชอร์ล็อก·โมเรียตี้คือเดอะเวิร์ล ย่อมดีกว่าการให้เข้าใจว่าเดอะฟูลคือเดอะเวิร์ล
เมื่อพลังแท้จริงไม่สมกับฐานะเปลือกนอก เราต้องคอยก้าวเดินอย่างระมัดระวัง ให้คิดว่าเบื้องล่างคือแผ่นน้ำแข็งบางเสมอ หรือไม่ก็กำลังเดินไต่เชือกเส้นเดียวเหนือหุบเหวลึก…
ไคลน์ตัดพ้อ
เมื่อเห็นว่ามิสเตอร์ฟูลมิได้คัดค้านคำขอร้องของเดอะเวิร์ล รวมถึงไม่ได้ตำหนิว่าการแลกเปลี่ยนเมื่อครู่มีจุดบกพร่อง เดอร์ริคพลันเบาใจลงหลายส่วนและยอมรับทุกข้อเสนอจากอีกฝ่ายโดยไม่โต้แย้ง
ขณะเดียวกัน ออเดรย์กำลังโล่งใจแทนเดอะซันน้อยจากก้นบึ้ง
ทางด้านอัลเจอร์ยังคงก้มหน้าครุ่นคิด ก่อนจะกล่าวกับเดอะซันด้วยน้ำเสียงเตือนสติ :
“อย่าเพิ่งมองโลกในแง่ดีนัก หลังจากนี้ยังต้องกังวลเรื่องการหาโอกาสลงมือให้เหมาะสม ประการแรก เพื่อไม่ให้เกิดอันตรายกับตัวเอง คุณต้องฉวยโอกาสขณะสมาชิกทีมสำรวจคนใดคนหนึ่งอยู่ตามลำพัง และบริเวณใกล้เคียงต้องมีพลเมืองทั่วไปช่วยเป็นประจักษ์พยานให้จำนวนหนึ่ง หรือไม่ก็ ต้องลงมือขณะสมาชิกทีมสำรวจส่วนใหญ่ยังคงอยู่ในเขตกักกัน… คุณต้องเตรียมตัวให้พร้อมตลอดเวลา จงผนึกภาชนะบรรจุวัตถุปนเปื้อนจิตกัดกร่อนด้วยกำแพงวิญญาณ ห้ามมิให้ใครสัมผัสถึงสิ่งนี้โดยเด็ดขาด ถ้าทำสำเร็จ คุณจะกลายเป็นฝ่ายคุมเกม… และต้องไม่ลืมซ่อนวัตถุดังกล่าวให้มิดชิดทันทีหลังจบภารกิจ จะให้หกสภาอาวุโสเห็นมันไม่ได้เด็ดขาด ไม่อย่างนั้นคงไม่มีวันขจัดความเคลือบแคลงในตัวคุณสำเร็จ…”
เฮ่อ… ถ้าพ่อหนุ่มหัวอ่อนคนนี้ด่วนตายไป เราก็คงไม่ได้หลอกถามข้อมูลของยุคสมัยบรรพกาลกันพอดี โดยเฉพาะข้อมูลของดินแดนเทพทอดทิ้ง… แฮงแมนแสดงท่าทีเต็มใจช่วยโดยไม่ขัดข้อง
หลังจากได้ฟังคำแนะนำ เดอร์ริครีบบันทึกส่วนสำคัญของแผนลงในความทรงจำ
“ขอบคุณมาก มิสเตอร์แฮงแมน ขอบคุณมากทุกคน” เด็กหนุ่มแสดงความขอบคุณจากใจจริง พฤติกรรมดังกล่าวทำให้ออเดรย์รู้สึกมีความสุขเมื่อตระหนักว่าตนได้ทำความดีลงไป
หลังจากปัญหาของเดอะซันจบลง ฟอร์ส ผู้เฝ้ามองเหตุการณ์อย่างเงียบงันมาสักพัก เริ่มฉุกคิดบางสิ่งได้
เธอใช้มือสางเส้นผมยาวหยักศกตอนปลายพลางกล่าว :
“ดิฉันต้องการทราบว่า เส้นทางผู้ฝึกหัดถือครองโดยตระกูลใด ยินดีแลกเปลี่ยนข้อมูลด้วยเนื้อหาหนึ่งบทจากหนังสือ ‘ประสบการณ์โลกวิญญาณ’ … แม้ว่าเนื้อหาส่วนใหญ่จะเป็นการพร่ำเพ้อคล้ายกับผู้เขียนกำลังนอนฝันกลางวัน แต่จากประสบการณ์ท่องวิญญาณส่วนตัวของดิฉัน ขอรับประกันว่าเนื้อหาข้างในเป็นความจริงเสียส่วนมาก”
‘ประสบการณ์โลกวิญญาณ’ คือหนังสือด้านศาสตร์เร้นลับ เป็นหนึ่งในมรดกตกทอดจากมาดามอาริสา เนื้อหาด้านในขาดตรรกะและความสมเหตุสมผลโดยสิ้นเชิง แค่ได้อ่านก็มากพอจะทำให้คนสติดีเกิดความระคายเคืองทางสมอง อย่างไรก็ตาม หลังจากฟอร์สมีโอกาสท่องโลกวิญญาณทั้งหมดสามครั้งจากหลากหลายสาเหตุ เธอกลับพบว่าเนื้อหาในหนังสือนั้นไม่ใช่การพร่ำเพ้อทั้งหมด
ประสบการณ์โลกวิญญาณ…?
ไคลน์เอนกายเล็กน้อยพลางควบคุมให้เดอะเวิร์ลชิงตอบตัดหน้าแฮงแมน
“ผมทราบคำตอบ และยินดีมอบข้อมูลอื่นประกอบโดยไม่คิดราคาเพิ่ม”
ชายหนุ่มทราบดีว่าแฮงแมนทราบคำตอบของคำถามเมื่อครู่
การมีคู่แข่งทำให้เราต้องยอมเสียสละ… จำเป็นต้องยื่นข้อเสนอต่อตาล่อใจให้สูงกว่าอีกฝ่าย… ไคลน์รำพัน
“ตกลง” ฟอร์สแสดงสีหน้าคาดหวัง
เธอพบว่าชุมนุมทาโรต์มีระดับแตกต่างจากของชุมนุมลับอื่นโดยสิ้นเชิง คำถามยากและซับซ้อนล้วนถูกไขกระจ่างแทบจะในพริบตา
เดอะเวิร์ลซักถามเสียงแหบพร่า
“คุณต้องการฟังคำตอบตามลำพัง หรือต้องการให้คนอื่นได้ยินไปพร้อมกัน”
ฟอร์สก้มหน้าตรึกตรองหลายวินาที ก่อนจะมอบคำตอบเหนือความคาดหมายทุกคน
“เชิญพูดออกมาได้เลย”
ในความคิดของเธอ คำตอบของคำถามเมื่อครู่คงไม่ช่วยให้คนอื่นได้ประโยชน์อะไรนัก และถ้าเดอะเวิร์ลตอบตกหล่นหรือตอบผิดไปจากความจริง สมาชิกคนอื่นยังสามารถโต้แย้งหากมีข้อมูล โดยเธอยินดีตอบแทนในแบบเดียวกันกับสมาชิกคนดังกล่าว ด้วยวิธีเช่นนี้ ฟอร์สมั่นใจว่าตนจะได้รับคำตอบฉบับสมบูรณ์
เดอะเวิร์ลไม่แสดงท่าทีประหลาดใจ เพียงเริ่มต้นเล่าอย่างใจเย็น
“ย้อนกลับไปในยุคสมัยที่สี่ เส้นทางผู้ฝึกหัดถูกครอบครองโดยตระกูลอับราฮัม โดยในภายหลังเริ่มแพร่กระจายมาถึงตระกูลทามาร่าผ่านการสมรสฉันท์พันธมิตรสักระยะหนึ่ง สำหรับยุคสมัยที่ห้า… ยุคสมัยปัจจุบันของมนุษย์เรา ชุมนุมสัมผัสวิญญาณก็มีสูตรโอสถผู้ฝึกหัดและนักตุกติกไว้ในครอบครอง เชื่อกันว่าพวกเขาสืบเชื้อสายมาจากอับราฮัมหรือไม่ก็ทามาร่า โดยในขณะเดียวกัน หลายฝ่ายได้ตั้งประเด็นว่าชุมนุมสัมผัสวิญญาณอาจเป็นองค์กรลับในเครือเดียวกับนิกายแม่มด”
เมื่อประเมินว่ามิสเมจิกเชียนเคยพบกับหนึ่งในสมาชิกตระกูลอับราฮัมมาแล้ว ไคลน์จงใจเล่าเสริมผ่านเดอะเวิร์ล
“มีข่าวลือว่า ตระกูลอับราฮัมคือสายเลือดต้องสาป พวกเขาจึงไม่มีทางเลือกนอกจากแยกกันอาศัยในลักษณะครอบครัวเล็ก เลี่ยงการอยู่ใกล้ชิดกันเพื่อป้องกันอันตราย”
สายเลือดต้องสาป…?
ดวงตาฟอร์สพลันสั่นเทาขณะทบทวนเรื่องราวในความทรงจำ
…สามีของมาดามอาริสาคือสมาชิกของตระกูลอับราฮัม? และมิสเตอร์ลอว์เรนซ์ พี่ชายของเขา ก็เป็นสมาชิกของตระกูลอับราฮัมเช่นเดียวกัน? และเป็นสาเหตุว่าทำไม เธอถึงได้พูดออกมาว่า ‘ไม่ต้องกังวลเรื่องคำสาปถ้าไม่ได้เป็นสมาชิกของตระกูลหลัก’ …
แต่เราดันใช้งานกำไลข้อมือ… จนตัวเองต้องกลายเป็นสมาชิกของตระกูลอับราฮัมไปโดยปริยาย?
ฟอร์สอยากแหกปากกรีดร้องในความโง่เขลาของตนอีกครั้ง
อัลเจอร์และออเดรย์เพิ่งเคยได้ยินเรื่องคำสาปของตระกูลอับราฮัมเป็นครั้งแรก แต่ละคนจึงครุ่นคิดในแบบของตัวเอง ไม่มีใครกล่าวสิ่งใดออกมาเป็นเวลานาน
ผ่านไปสักพัก ฟอร์สถอนหายใจยาว :
“ขอบคุณมาก มิสเตอร์เวิร์ล คำตอบของคุณช่วยคลายปมในใจดิฉันจนกระจ่าง หลังจบการชุมนุม ดิฉันจะคัดลอกบทแรกของหนังสือประสบการณ์โลกวิญญาณและสังเวยให้มิสเตอร์ฟูล… ได้ไหมคะท่าน?”
มิสเมจิกเชี่ยนคือลูกหลานตระกูลอับราฮัม? เข้าใจแล้วว่าทำไมถึงเคยมีประสบการณ์ผ่านเข้าออกโลกวิญญาณ… และถ้าเราเดาไม่ผิด เธอต้องครอบครองสมบัติวิเศษในขอบเขตดังกล่าวสักชิ้นสองชิ้นแน่… แฮงแมนเพ่งมองหญิงสาวฝั่งตรงข้ามพลางครุ่นคิด
ฟอร์สคือสมาชิกตระกูลอับราฮัม? เธอเป็นลูกหลานของตระกูลเก่าแก่จากยุคสมัย 4…?
ออเดรย์พยักหน้าหงึกหงักราวกับเข้าใจบางสิ่งคนเดียว
เมื่อได้รับสัญญาณเชิงบวกจากมิสเตอร์ฟูล ฟอร์สเริ่มผ่อนคลายพลางประกาศขอซื้อวัตถุดิบหลักโอสถนักตุกติก—ถุงกระเพาะอาหารของผู้กลืนวิญญาณและเลือดของปลามาร์ลินทะเลลึก แต่เนื่องจากเดอะซันเอาแต่หมกตัวอยู่ในเมืองตลอดสัปดาห์ ความคืบหน้าในเรื่องนี้จึงเป็นศูนย์ ในส่วนของแฮงแมน มันระบุว่า ตนพอจะมีเบาะแสของปลามาร์ลินทะเลลึกอยู่บ้าง แต่ไม่รับปากไปมากกว่านี้
ขณะเดียวกัน ยังไม่มีใครได้ครอบครองสูตรโอสถผู้รับใช้วายุ แฮงแมนจึงต้องรอต่อไปอีกสักพักใหญ่ ส่วนทางด้านออเดรย์ก็ไม่รีบร้อนหาซื้อสูตรโอสถลำดับถัดไป เพราะเธอกำลังจะได้เป็นสมาชิกของสมาคมแปรจิต
เดิมที ไคลน์ต้องการขายตะกอนพลังของมนุษย์หมาป่าหรือไม่ก็ขวดพิษชีวภาพ แต่เมื่อพิจารณาว่าสมบัติวิเศษอย่างหลังมีพลังสอดคล้องกับร่างวิญญาณของตน รวมถึงตระหนักว่าสมาชิกคนอื่นกำลังขัดสนทางการเงิน ชายหนุ่มจึงพับเก็บการขายไว้ชั่วคราว
ช่วงเวลาค้าขายจบลงอย่างรวดเร็ว ชุมนุมทาโรต์เริ่มเข้าสู่ช่วงแลกเปลี่ยนข้อมูลอิสระ
ออเดรย์รีบกวาดสายตาหนึ่งรอบและกล่าวด้วยรอยยิ้มสดใสอย่างไม่ปิดบัง
“เมื่อราวหนึ่งสัปดาห์ก่อน กรุงเบ็คลันด์มีข่าวใหญ่น่าสนใจหนึ่งเรื่อง โดยพระเอกในเหตุการณ์ดังกล่าวมีชื่อว่า… จอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด”
……………………