เมืองเงินพิสุทธิ์
เดอร์ริค·เบเกอร์ลืมไปแล้วว่าตนเดินกลับมาถึงบ้านได้อย่างไร สิ่งเดียวในหัวคือความรู้สึกสะพรึงกลัวเหนือคำบรรยาย
พฤติกรรมของดาร์ก·รีเจนซ์เปลี่ยนแปลงไปไม่มากก็จริง แต่ความต่างเพียงเล็กน้อยก็มากพอจะมอบความปั่นป่วนในใจเดอร์ริค
เด็กหนุ่มกำลังกังวลว่าเมืองเงินพิสุทธิ์ของตนอาจกลายเป็นเป้าโจมตีของเทพมาร—พระผู้สร้างเสื่อมทราม เดอร์ริคกลัวว่าเมืองเงินพิสุทธิ์จะถูกทำลายก่อนตนจะกลายเป็นสุริยัน ไม่ทันได้ขจัดคำสาปอันยาวนานกว่าสองพันปีของดินแดนแห่งนี้
เด็กหนุ่มกำลังโกรธแค้นตัวเอง เหตุไฉนตนถึงอ่อนแอเช่นนี้ เหตุไฉนถึงยังเป็นเพียงผู้วิเศษลำดับ 8
ปล่อยไว้ไม่ได้! เราจะเฝ้าดูอย่างเดียวไม่ได้!
เดอร์ริคลุกพรวด เตรียมเดินไปแจ้งข่าวให้สภาอาวุธคนอื่นและท่านผู้นำ โคลิน·อีเลียด ทราบถึงความเปลี่ยนแปลงในคราวนี้
อย่างไรก็ตาม เด็กหนุ่มทราบดี ความเปลี่ยนแปลงเพียงเล็กน้อยไม่ใช่เรื่องแปลกสำหรับทีมสำรวจ หากเพิ่งกลับจากการเดินทางไกล ผู้วิเศษหลายคนจะประสบภาวะตึงเครียดนานหลายวัน สิบวัน หรือเป็นเดือน
ขณะเดียวกัน ถ้าเป็นการสำรวจบนทุ่งโล่งและความว่างเปล่า จิตใจของสมาชิกในทีมก็จะยิ่งไม่มั่นคง อาจถึงขั้นซึมเศร้า
ยิ่งไปกว่านั้น เพื่อความปลอดภัย สมาชิกทุกคนจะไม่ได้รับอนุญาตให้ปลดปล่อยความใคร่ทางเพศตลอดการเดินทาง สิ่งนี้ทำให้จิตใจใครหลายคนเกิดความว้าวุ่นไม่น้อย และในกรณีเลวร้าย หากสมาชิกในทีมเสียชีวิตหรือบาดเจ็บหนักเกินกว่าครึ่ง การเปลี่ยนนิสัยจากหน้ามือเป็นหลังมือจะไม่ใช่เรื่องแปลกใหม่
ปัญหาข้างต้นสามารถถูกแก้ไขได้รูปแบบเดียวก็คือ ต้องกักตัวไว้ชั่วคราวและให้ผู้วิเศษเส้นทางจิตใจเยียวยาอย่างใกล้ชิด แทบไม่มีวิธีอื่นอีกแล้ว
เมืองเงินพิสุทธิ์ครอบครองสูตรโอสถเส้นทางมังกรสามลำดับแรก หมายความว่า พวกมันไม่ขาดแคลนนักจิตวิเคราะห์
เดอร์ริค ผู้กำลังปรี่ไปทางประตูบ้านตัวเอง มีอันต้องชะลอฝีเท้าและหยุดยืนคิด
มันเริ่มตระหนักว่า การรายงานของตนอาจไม่ส่งผลดีสักเท่าไร ตรงกันข้าม สิ่งนี้อาจทำให้ถูกสงสัยยิ่งกว่าเดิม ไม่เพียงเท่านั้น ตัวมันอาจตกเป็นเป้าความโกรธแค้นจาก ‘คนเลี้ยงแกะ’ โลเฟียร์ แห่งสภาอาวุโส
หลังจากเดินวนเวียนในบ้านหลายสิบวินาที เด็กหนุ่มตัดสินใจผลักประตูบ้านออกไปพลางกัดฟันกรอด
เดอร์ริคเกิดความรู้สึกอย่างแรงกล้า ว่าตนต้องแจ้งเรื่องดังกล่าวให้สภาอาวุโสรับทราบ ถึงแม้จะต้องเกิดอันตรายกับตัวเองก็ตาม!
สำหรับประชากรส่วนใหญ่ของเมืองเงินพิสุทธิ์ ทุกคนจะถูกปลูกฝังอย่างเข้มงวดว่า ถ้าการสละชีพของตนช่วยรักษาอารยธรรมกว่าสองพันปีของเมืองไว้ได้ ก็อย่านึกลังเลโดยเด็ดขาด สิ่งนี้ฝังอยู่ในหัวทุกคนมาตั้งแต่เกิด
คนเห็นแก่ตัวมักมีอายุไม่ยืนยาวภายใต้สถานการณ์วิกฤติในปัจจุบัน ไม่ว่าจะภายในหรือภายนอกเมืองก็ตาม
แน่นอน เดอร์ริคไม่ได้ใช้ชีวิตอย่างประมาท ภายใต้การอบรมของสมาชิกชุมนุมทาโรต์ โดยเฉพาะแฮงแมน เด็กหนุ่มทราบดีว่าตนต้องอดทนในเวลาเหมาะสม และลงมือเมื่อจังหวะสำคัญมาถึง ในบางครั้ง การอดทนมองดูความสูญเสีย ก็เป็นทางเลือกเหมาะสมกว่า หากต้องการช่วยเหลือเมืองในระยะยาว
เราแค่รายงานความผิดปรกติให้ท่านผู้นำทราบ ไม่น่าจะเป็นอันตรายสักเท่าไร…
เดอร์ริคปลอบใจตัวเอง พลางเร่งฝีก้าวให้เร็วขึ้นทีละนิด
เพียงไม่นาน เด็กหนุ่มก็มองเห็นยอดหอคอยสูงตระหง่าน อาคารสำคัญอันดับหนึ่งของเมืองเงินพิสุทธิ์
เดอร์ริคเดินเข้าไปหาเวรผู้คุ้มกัน ตามด้วยการทำเรื่องขอพบท่านผู้นำสูงสุด
ค่อนข้างน่าประหลาด เวรผู้คุ้มกันมิได้ซักถามอะไรมากนัก หลังจากให้กรอกข้อมูลพื้นฐาน อีกฝ่ายก็เดินนำเดอร์ริคขึ้นบันไดไปยังห้องส่วนตัวของหัวหน้าอาวุโสทันที
แปลกมาก… ไม่เหมือนกับคราวก่อน…
เมื่อพบความต่าง เด็กหนุ่มพลันเกิดความหวาดระแวง
ขณะเดอร์ริคย่างกรายเข้าไปในห้อง ผู้นำสูงสุด โคลิน·อีเลียด กำลังยืนใกล้กับกำแพง
อาวุโสคนนี้มีรูปร่างสูง ดวงตาสีฟ้าลุ่มลึก เส้นผมสีเทายุ่งเหยิง กำลังหันหลังให้กำแพงโดยบนกำแพงมีดาบสองเล่มแขวนอยู่
โคลินสวมชุดป่านสีขาวด้านในและสวมโค้ทสีน้ำตาลทับด้านนอก มองผิวเผินยากจะเชื่อว่านี่คือนักล่าอสูรอันดับหนึ่งของเมืองเงินพิสุทธิ์ ผู้ปราบสัตว์ประหลาดและปีศาจมากมายนับไม่ถ้วน
“เดอร์ริค·เบเกอร์ คุณมีเรื่องด่วนประการใดต้องการแจ้งให้ผมทราบเป็นการส่วนตัวหรือ?” โคลินถามเสียงชรึม
“ท่านผู้นำ” เดอร์ริคกล่าวทักทายอย่างนอบน้อม “ผมมีโอกาสไปพบกับทีมสำรวจซึ่งเพิ่งกลับมาถึงลานฝึกในวันนี้ ผ…ผมรู้สึกว่าดาร์ก·รีเจนซ์ เพื่อนของผม มีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางแปลกประหลาด เขามิได้ร่าเริงเหมือนแต่ก่อน รอยยิ้มสดใสกลายเป็นรอยยิ้มเย็นชาของคนแปลกหน้า… ล…แล้วก็ อาวุโสโลเฟียร์กลายเป็นคนเงียบขรึม ไม่พูดจาหลายบุคลิกตามปรกติ…”
โคลินเพ่งมองเดอร์ริคหัวจรดเท้าพลางซักถามด้วยเสียงต่ำ
“แค่สองเรื่องนี้?”
“ค…ครับ” เดอร์ริคก้มต่ำ “ผมคิดว่าต้องมีบางสิ่งผิดปรกติเกิดขึ้นอย่างแน่นอน…”
โคลินโบกมือไล่และกล่าวส่งท้าย
“เข้าใจแล้ว ผมจะให้ไอโฟลว์ตรวจสอบเรื่องนี้ คุณกลับไปได้ สำหรับอนาคต ถ้าเป็นเรื่องทำนองเดียวกัน ให้รายงานกับเวรคุ้มกันหอคอยโดยตรงได้เลย”
ไอโฟลว์คือนักจิตวิเคราะห์อันดับหนึ่งของเมืองเงินพิสุทธิ์ ได้ชื่อว่าเข้าใกล้ลำดับ 6 มากกว่าใครทั้งหมด แต่น่าเสียดาย เมืองเงินพิสุทธิ์ไม่มีสูตรโอสถลำดับ 6 ของเส้นทางมังกร
หลังจากได้รับคำตอบ เดอร์ริคกลับออกมาด้วยสีหน้าอึมครึม
โคลินจ้องมองแผ่นหลังเด็กหนุ่มหายไปพร้อมกับการปิดสนิทของบานประตู มันถอนหายใจยาวด้วยสีหน้าผิดหวัง
…
หลังจากถกเถียงประเด็นของวิล·อัสตินกับนายแพทย์อลันสักพัก ไคลน์ลงจากรถม้าของอีกฝ่ายและเดินทางต่อด้วยรถไฟใต้ดิน
ผ่านไปสามสถานี ชายหนุ่มนำพาตัวเองขึ้นมายังถนนใกล้กับถนนมินส์ จากนั้นก็เปลี่ยนไปนั่งรถม้าสาธารณะแบบไร้รางเพื่อตรงกลับบ้าน
ขณะข้อมูลยังคุกรุ่น ไคลน์รีบทำนายยืนยันว่าผู้เช่าบ้านคนใหม่แทนครอบครัวอัสตินมิได้โกหกตนกับอลัน
เมื่อได้รับคำตอบ ชายหนุ่มเดินไปหยิบหนังสือแห่งความลับมานั่งศึกษาอย่างตั้งใจ
การได้ครอบครองหนังสือแห่งความลับช่วยให้ไคลน์มั่นใจว่า ตนสามารถใช้พลังของมิติเหนือสายหมอกได้อย่างช่ำชอง เทคนิคหลายประการถูกนำมาปรับใช้เพื่ออำนวยความสะดวกให้ตัวเอง
ขีดจำกัดของเราในตอนนี้คือลำดับโอสถและระดับพลังวิญญาณ…
เมื่อเริ่มมืดค่ำ ไคลน์นำหนังสือแห่งความลับไปซ่อนและเข้าห้องน้ำทำความสะอาดร่างกายเตรียมตัวเข้านอน
ในคืนดังกล่าว ชายหนุ่มหลับสบายและฝันหวานถึงเช้า ชนิดแม้แต่ระฆังวิหารก็มิอาจปลุกให้ตื่น อย่างมากก็แค่พลิกตัว
ฤดูหนาวคือช่วงเวลาเหมาะแก่การซุกตัวใต้ผ้าห่มและหลับยาวไม่ใช่หรือไง…
ไคลน์รำพันพลางพยุงตัวลุก
เพื่อเป็นการให้รางวัลแก่จอมโจรวีรบุรุษจักรพรรดิมืด ชายหนุ่มทำไข่ต้มปรุงรสและกินคู่กับขนมปังข้าวโอ๊ตทาแยมสตรอว์เบอร์รี
ขณะนั่งลิ้มรสมื้ออาหารอย่างอิ่มเอมใจ เสียงกริ่งบ้านพลันกังวานอย่างไม่คาดฝัน
เราบอกให้ไมค์แวะเข้ามาหลังอาหารเช้าไม่ใช่หรือ?
ชายหนุ่มรีบซดซุปหวานและเช็ดปากด้วยผ้าขาวอย่างมีมารยาท
จากการนัดแนะล่วงหน้า นักข่าวไมค์จะแวะเข้ามาหาหลังกินอาหารเช้าเสร็จประมาณครึ่งชั่วโมง จากนั้น คนทั้งสองจะเดินทางไปยังเขตตะวันออกเพื่อสัมภาษณ์กลุ่มเหยื่อผู้เคยถูกคาพินลักพาตัว แต่ถ้าไมค์ไม่แวะเข้ามาภายในครึ่งชั่วโมง หมายความว่าภารกิจดังกล่าวจะเลื่อนออกไปเป็นวันพรุ่งนี้
ไคลน์รีบเดินไปยังประตูหน้า แต่ยังไม่ทันจะใช้ฝ่ามือสัมผัสลูกบิด ภาพนิมิตของผู้มาเยือนก็ปรากฏในหัว อีกฝ่ายไม่ใช่ไมค์·โยเซฟ แต่เป็นศัลยแพทย์คนดัง อลัน·คริสต์
“อรุณสวัสดิ์ อลัน เมื่อคืนนอนดึกหรือ?”
ไคลน์สังเกตว่าใบหน้าศัลยแพทย์ขาวซีดผิดปรกติ จึงเปิดเนตรวิญญาณตรวจสอบ
อลันถอดหมวกและวางไม้ค้ำ แต่ขณะกำลังจะถอดเสื้อโค้ท สายลมเย็นเฉียบภายในบ้านทำให้มันต้องชะงักมือ
ไคลน์หัวเราะแห้ง
“คุณคงทราบอยู่แล้ว ผมมีนัดกับไมค์ในอีกไม่นาน จึงไม่ได้จุดเตาผิงเตรียมไว้”
อลันพยักหน้ารับโดยไม่กล่าวสิ่งใด เพียงเดินตามไคลน์เข้าไปนั่งในห้องนั่งเล่น
“เชอร์ล็อก เมื่อคืนผมฝันร้าย เป็นการฝันถึงเด็กคนนั้น วิล·อัสติน”
ฝันร้าย? สหาย คุณมาหาถูกคนแล้ว… ผมคือผู้เชี่ยวชาญด้านแปลความฝัน ผู้เชี่ยวชาญตัวจริง ไม่ใช่การอนุมานเลื่อนลอย…
ไคลน์โน้มตัวไปข้างหน้าเล็กน้อยพลางประสานสองมือเข้าด้วยกัน
“เป็นฝันร้ายแบบไหน?”
อลันทำหน้านึก
“ผมจำรายละเอียดไม่ได้ในหลายสิ่ง แต่จำได้แม่นยำว่า ในฝันมียอดหอคอยปลายแหลมสีดำสนิท บนผนังหอคอยด้านนอกมีงูยักษ์สีเงินกำลังขดเป็นเกลียวรัดพัน มันเคลื่อนไหวอย่างเชื่องช้า จ้องมองผมด้วยดวงตาสีแดงสดแสนดุร้าย ผมเองก็ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด แต่ตัวผมในความฝันตัดสินใจเดินเข้าไปในหอคอยดังกล่าว ผ่านบันไดขั้นแล้วขั้นเล่า ผ่านบานประตูวกวนซับซ้อนมากมาย จนกระทั่ง ผมได้ผมเด็กชายวิล·อัสตินกำลังนั่งหลบภายในมุมมืด… เขาพยายามพยุงตัวยืนด้วยขาข้างเดียวพลางอาศัยแผ่นหลังค้ำยันกับกำแพง รอบตัวมีไพ่ทาโรต์วางกระจัดกระจาย เมื่อเขามองเห็นผม เด็กชายมีท่าทีหวาดกลัวกึ่งดีใจ เขาเรียกผมว่า ‘คุณหมออลัน’ ภาพรวมความฝันก่อนผมจะตื่น เป็นไปตามคำบอกเล่าข้างต้น”
ไคลน์ก้มหน้าครุ่นคิด ก่อนจะเริ่มตั้งคำถาม
“วิล·อัสตินได้พูดอะไรอีกไหม?”
อลันขมวดคิ้วพลางเค้นสมองนึก
“พูด… เขาบอกว่า ‘คุณหมออลันครับ งูตัวหนึ่งกำลังจะกินผม’ ทันใดนั้น งูยักษ์สีเงินได้ห้อยศีรษะลงมาจากเพดานโดยหันหัวเข้าหาผม… ปากของมันกว้างมาก ไม่มีฟัน ไม่มีลิ้น มีเพียงเนื้อสีแดงฉาน”
งูยักษ์สีเงิน… ยอดหอคอยดำสนิท…
หมายความว่า วิล·อัสตินกำลังถูกปกป้องโดยพลังลึกลับหลายชั้น…
ไคลน์เงยหน้าตอบอลันเสียงขรึม
“ความฝันของคุณไม่ใช่สิ่งผิดปรกติ คล้ายกับจิตใต้สำนึกของคุณสังเกตเห็นว่า เด็กชายคนนั้นกำลังเผชิญกับเรื่องหนักใจบางประการ หรือถูกใครบางคนคุกคาม ส่งผลให้คุณฝันเห็นเขาหลบอยู่ในหอคอยลึกเข้าไปหลายห้อง ต้องผ่านผนังและประตูนับไม่ถ้วน โดยด้านบนมีงูยักษ์สีเงินห้อยหัวลงมา… ฮะฮะ! ในฐานะนักสืบ ผมพอจะมีความรู้ด้านจิตวิทยาอยู่บ้าง แถมยังเคยอ่านผ่านตาจากหนังสือพิมพ์บ่อยครั้ง หากจะมีเรื่องใดผิดปรกติ นั่นก็คงเป็น ทำไมคุณเพิ่งจะมาฝันเอาป่านนี้…”
ไคลน์ไม่ได้โกหกคำแปลของฝัน เพียงแต่แต่งสาเหตุการฝันขึ้นมาเอง
อลันตอบกลับทันที
“ก่อนหน้านี้ ผมยุ่งมากจนลืมเล่าบางสิ่งสำคัญให้คุณฟังมาตลอด”
ขณะกล่าว ศัลยแพทย์คนดังล้วงหยิบกระเป๋าสตางค์หนังสีน้ำตาล และนำนกกระเรียนกระดาษซึ่งถูกพับอย่างประณีตออกมาถือบนฝ่ามือ
“หลังจากทราบว่าวิล·อัสตินและครอบครัวย้ายบ้านออกไป ผมเพิ่งฉุกคิดได้ว่า เขาเคยมอบนกกระดาษให้ผมก่อนออกจากโรงพยาบาล โดยกล่าวทิ้งท้ายไว้ว่า ‘คุณหมอครับ นกกระดาษตัวนี้จะนำพาโชคดีมาให้’ ในตอนนั้น ผมไม่ได้ใส่ใจกับมันนัก เพียงเก็บไว้ในลิ้นชักของห้องทำงาน แต่หลังจากแยกทางกับคุณเมื่อคืน ผมเดินทางกลับโรงพยาบาลและนำมันมาเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ ในคืนเดียวกัน ฝันร้ายก็เกิดขึ้นทันที”
ไคลน์ก้มหน้าจ้องนกกระเรียนกระดาษ พลางครุ่นคิด
“ดอกเตอร์อลัน ดูเหมือนวิล·อัสตินจะไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณโชคร้าย เขาพยายามชดเชยด้วยการมอบนกกระดาษตัวนี้ คุณอาจไม่ทราบ แต่นกกระเรียนกระดาษซึ่งถูกคิดค้นโดยจักรพรรดิโรซาย มีความเชื่อกันว่า สามารถดลบันดาลให้คนเราหายจากอาการป่วยไข้ได้ ถ้าเข้าใจไม่ผิด เด็กคนนั้นคงอวยพรให้คุณหลุดพ้นจากโชคร้าย”
อลันถามกลับ
“ออริกามิถูกคิดค้นโดยจักรพรรดิโรซาย?”
ไม่มั่นใจเหมือนกันว่าจะใช่เขาหรือไม่ แต่มีโอกาสเป็นไปได้มากทีเดียว…
ไคลน์ยิ้ม
“คงอย่างนั้น”
……………………