เนื่องจากหลงฉือได้เพิ่มตำแหน่งขึ้นมาหนึ่งตำแหน่ง การต่อสู้ในครั้งนี้จึงไม่จำเป็นต้องดำเนินต่อไปแล้ว
หลงฉือกล่าว “ทุกคนกลับไปได้แล้ว เว้นแต่ไป๋อีกับมู่เฉียนซี!”
พวกเขารู้ดีว่าฝ่าบาทนั้นสนใจกู้ไป๋อีกับมู่เฉียนซีมาก
ครั้นแล้วเมื่อพวกเขาก็กลับมายังอาณาบริเวณส่วนตัวของหลงฉือ กู้ไป๋อีก็กล่าวขึ้นอย่างเย็นชาว่า “หลงฉือ ยังมีเรื่องอันใดอีก?”
หลงฉือกล่าว “อีกไม่นาน สถานที่แห่งนั้นก็จะเปิดขึ้นแล้ว ในระหว่างนี้ พวกเจ้าทั้งสองมีความคิดเช่นไรหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเกียจคร้านว่า “กิน ๆ นอน ๆ เล่นกับเสี่ยวไป๋อย่างไรล่ะ ยังจะมีเรื่องอันใดอีก!”
หลงฉือยิ้มพลางกล่าว “เฉียนซี เจ้าช่างน่าสนใจยิ่งนัก!”
“เมื่อสถานที่แห่งนั้นเปิด ที่แห่งนั้นจะอันตรายมาก ความแข็งแกร่งของเฉียนซีนั้น ข้ารู้ดี เพียงแต่พลังความแข็งแกร่งของเฉียนซียังสามารถแข็งแกร่งขึ้นได้อีก”
ตอนนี้นางเป็นเพียงจักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่ก็วิปริตได้ถึงเพียงนี้ หากพลังของนางถึงขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าล่ะ นางอาจจะชนะกู้ไป๋อีก็ได้
เมื่อถึงตอนนั้นแล้วให้นางไปยังสถานที่แห่งนั้น เกรงว่าจะมีโอกาสราบรื่นมาก
มู่เฉียนซีกล่าว “เมืองเฮยตูมีผลต่อการยับยั้งความแข็งแกร่ง ที่นี่เป็นสถานที่ฝึกความแข็งแกร่ง แต่การฝึกฝนพลังวิญญาณ และการเพิ่มพลังวิญญาณ ดูเหมือนว่าจะไม่ค่อยเหมาะสมเท่าไหร่ หรือว่าเจ้าจะให้ข้าออกไปจากที่นี่”
หลงฉือยิ้มมุมปาก “เฉียนซีเก่งกาจถึงเพียงนี้ ข้ายังมีเรื่องหนึ่งต้องการให้เจ้าทำ จะยอมตัดใจปล่อยให้เจ้าออกไปได้เช่นไรกันเล่า”
มู่เฉียนซีเลิกคิ้วพลางกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ แล้วข้าจะแข็งแกร่งขึ้นได้เช่นไรล่ะ?”
หลงฉือกล่าว “ข้าได้เตรียมห้องฝึกบำเพ็ญพิเศษให้เจ้าแล้ว ในนั้นสามารถฝึกบำเพ็ญพลังวิญญาณได้เร็วกว่า แต่ไม่รู้ว่าเจ้าจะชอบหรือไม่”
มู่เฉียนซีหันไปมองกู้ไป๋อี สิ่งนี้ที่เจ้าหมอนี่เตรียมไว้ ใช่เป็นการหลอกลวงหรือไม่?
กู้ไป๋อีพยักหน้าเล็กน้อย หลงฉือไม่มีทางลงมือในขณะที่สถานที่แห่งนั้นกำลังจะเปิดขึ้นแน่นอน
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ตกลง!”
“ข้าหวังว่าสถานที่แห่งนั้นจะปรากฏขึ้นมาช้าหน่อย เช่นนี้เจ้าก็สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้ ตอนนี้สามารถแข็งแกร่งขึ้นได้แค่ไหนก็แค่นั้นแล้ว” หลงฉือกล่าวเสียงขรึม
หลงฉือพามู่เฉียนซีไปที่ห้องฝึกบำเพ็ญนั้น และในนั้นก็สามารถโคจรพลังวิญญาณได้เร็วขึ้นจริง ๆ ด้วย
นางกล่าวกับกู้ไป๋อีว่า “เสี่ยวไป๋ เจ้าก็เข้ามาฝึกเป็นเพื่อนข้าเถอะ!”
หลงฉือกล่าว “ตอนนี้พลังของไป๋อีถึงระดับสูงสุดแล้ว เข้าไปฝึกบำเพ็ญด้วยกันก็ไร้ประโยชน์ อยู่ดื่มชาเป็นเพื่อนข้ายามข้าเบื่อจะดีกว่า”
มู่เฉียนซีดึงกู้ไป๋อีมา และกล่าวอย่างใช้อำนาจบาตรใหญ่ว่า “ข้าฝึกบำเพ็ญอยู่ในนั้นก็เบื่อเหมือนกัน ฉะนั้น ข้าต้องการให้เสี่ยวไป๋เข้าไปกับข้า หากเจ้าเบื่อแล้วละก็ ไปหาคนอื่นมาดื่มชาเป็นเพื่อนก็แล้วกัน”
แววตาของหลงฉือเปล่งประกายขึ้น ถึงแม้ว่าสาวน้อยผู้นี้จะมีพรสวรรค์อันแข็งแกร่งมาก แต่ถึงอย่างไรก็เป็นเพียงแค่สาวน้อยผู้หนึ่ง มีนิสัยเป็นเด็ก จะฝึกบำเพ็ญทั้งทีก็ต้องมีคนอยู่ฝึกเป็นเพื่อน
หลงฉือกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ข้าก็จะไม่ห้าม!”
ครั้นแล้วมู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีก็เข้าไปเก็บตัวฝึกบำเพ็ญ
มู่เฉียนซีหันมองกู้ไป๋อีและกล่าวว่า “เสี่ยวไป๋ เจ้าก็ลองดูสิว่าจะฟื้นฟูพลังวิญญาณกลับมาได้หรือไม่”
หลังจากที่พลังของกู้ไป๋อีฟื้นฟูถึงขั้นจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับหนึ่งก็ไม่ได้ทะลวงพลังวิญญาณเพิ่มขึ้นอีกเลย เขารู้ว่าพลังของเขานั้นแข็งแกร่งขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว แต่หากพลังฟื้นฟูกลับมาถึงระดับสูงสุดเช่นเดิมได้ เช่นนั้นพวกเขาจะยิ่งปลอดภัย
มู่เฉียนซีฝึกบำเพ็ญอยู่ด้านในจนพลังวิญญาณในระดับสี่อยู่ในจุดสูงสุดและคงที่แล้ว
แต่การจะทะลวงผ่านเข้าสู่ระดับห้าได้นั้น ไม่ใช่เรื่องที่สามารถทำได้ภายในชั่วพริบตาเดียว
พวกเขาเก็บตัวฝึกบำเพ็ญอยู่ได้ไม่นาน จู่ ๆ ทั่วทั้งเมืองเฮยตูก็เกิดเสียงระเบิดดังสนั่นขึ้น
ตูม!
ทันใดนั้น เมืองเฮยตูก็ปรากฏหลุมดำขนาดใหญ่ขึ้นหลุมหนึ่ง และได้กลืนกินผู้คนไปจำนวนไม่น้อย
หลงฉือลุกยืนพรวดขึ้นทันใด และมองไปทางที่หลุมดำหลุมนั้นปรากฏ “นึกไม่ถึงว่าจะเร็วกว่าที่ข้าได้จินตนาการเอาไว้”
“เด็ก ๆ เรียกราชทินนามสิบเอ็ดคนนั้นมาให้ข้าเดี๋ยวนี้!”
“ให้กู้ไป๋อีกับมู่เฉียนซีออกมาจากการฝึกบำเพ็ญด้วย!”
“ขอรับ!” ข้ารับใช้ของเขารับคำสั่งและรีบไปเชิญพวกเขามาทันที
หลงฉือจะเรียกตัวพวกเขาแล้ว!
มู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีหยุดจากการฝึกบำเพ็ญและออกจากห้องฝึกบำเพ็ญทันที
หลงฉือมองมู่เฉียนซีและกล่าวถามว่า “ทะลวงพลังวิญญาณได้แล้วหรือไม่?”
มู่เฉียนซีกล่าว “พลังวิญญาณขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับสี่ ยังไม่ทะลวง!”
เห็นได้ชัดว่าหลงฉือนั้นผิดหวังเล็กน้อย ส่วนคนอื่น ๆ ต่างก็รีบพากันมาด้วยความตื่นตระหนก
“ฝ่าบาท ที่เรียกพวกเรามาเพราะสถานที่แห่งนั้นปรากฏออกมาแล้วใช่หรือไม่?”
หลงฉือพยักหน้าพลางกล่าว “ใช่!”
“สถานที่แห่งนั้นปรากฏขึ้นเร็วกว่าที่ข้าได้จินตนาการเอาไว้มาก พวกเจ้าเตรียมตัวให้พร้อมเถอะ!”
มู่เฉียนซีได้เห็นความขี้ขลาดที่อยู่นัยน์ตาของพวกเขา และแน่นอนว่าหลงฉือก็เห็นเช่นกัน
หลงฉือกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ข้ารอเวลานี้มานานมากแล้ว และไม่อยากรออยู่ที่นี่อีกต่อไปแล้ว ครั้งนี้ ทุกคนต้องไปทั้งหมด หากพวกเจ้ากล้าไม่ฟังคำของข้า ข้าจะเอาชีวิตของพวกเจ้าเดี๋ยวนี้”
จิตสังหารและความกระหายเลือดได้แผ่ซ่านออกมา พวกเขาล้วนแต่รู้ดีว่าหลงฉือนั้นจริงจังเพียงใด
พวกเขาทั้งสิบเอ็ดคนล้วนแต่คุกเข่าลง “ข้าน้อยยอมลุยน้ำลุยไฟเพื่อฝ่าบาท!”
“ข้าน้อยจะเดินหน้าไปกับฝ่าบาท”
“……”
น้ำเสียงของพวกเขานั้นเด็ดเดี่ยวมาก แต่ในใจนั้นกลับสั่นเทา
สถานที่แห่งนั้นเป็นฝันร้ายที่อยู่ในใจของชาวเมืองเฮยตูตลอดมา
ทุกครั้งที่สถานที่แห่งนั้นได้ปรากฏขึ้น ผู้ที่ไปเยือนสถานที่แห่งนั้นล้วนแต่ไม่มีผู้ใดมีชีวิตรอดกลับมา เว้นเสียจากฝ่าบาท
หลงฉือเอ่ยถาม “ไป๋อี เฉียนซี พวกเจ้าตัดสินใจเช่นไร?”
กู้ไป๋อีกล่าว “นับตั้งแต่ย่างเท้าก้าวเข้ามาที่นี่อีกครั้ง ข้าก็ไร้ทางเลือกแล้ว”
ในครานั้น หลงฉือก็เคยยื่นเงื่อนไขเช่นนี้ให้เขาเช่นกัน แต่เขาปฏิเสธ ไม่เหมือนกับพวกเขาเหล่านี้ที่ถูกบีบบังคับให้เลือกเชื่อฟังอย่างเดียว
และแน่นอนว่าการปฏิเสธของเขานั้นทำให้หลงฉือโกรธเป็นฟืนเป็นไฟจนอยากจะฆ่าเขา สุดท้ายพวกเขาก็ลงมือต่อสู้กัน
แต่เนื่องจาการยับยั้งพลังวิญญาณของเมืองเฮยตู ไม่ว่าเมื่อก่อนหลงฉือจะแข็งแกร่งและวิปริตเพียงใด สุดท้ายผลการต่อสู้ของพวกเขาก็ออกมาเสมอกัน
หลงฉือก็ไม่อาจขวางเขาให้ไม่จากไปได้
หลงฉือกล่าว “แล้วเฉียนซีล่ะ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ไป ข้าก็ไป! ปัญหานี้ของเจ้าเกินความจำเป็นไปแล้ว”
หลงฉือยิ้มพลางกล่าว “ข้ารู้สึกอิจฉาไป๋อียิ่งนัก ที่มีคนที่ใส่ใจเขามากเช่นนี้”
กู้ไป๋อีตกใจสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย ถึงแม้ว่าเขาจะจงเกลียดจงชังหลงฉือ แต่คำพูดนี้ของหลงฉือนั้นกลับทำให้เขารู้สึกดีใจอยู่บ้าง
และในขณะที่ดีใจนั้นก็ยิ่งเป็นกังวลใจเช่นกัน
เขายอมให้นางไม่สนใจความเป็นความตายของเขาและออกไปจากเมืองเฮยตูมากกว่า เช่นนั้นนางถึงจะปลอดภัย
มู่เฉียนซีกล่าวถามว่า “พวกเจ้าเอาแต่พูดว่าสถานที่แห่งนั้น ๆ ตกลงมันคือที่ใดกันแน่?”
หลงฉือกล่าวอย่างแผ่วเบาว่า “มันยังมีชื่อเรียกอีกอย่างหนึ่ง ก็คืออุโมงค์ฝังศพมังกร!”
“อุโมงค์ฝังศพมังกร เป็นสถานที่ฝังศพของเผ่ามังกรอย่างนั้นเหรอ?” ดวงตาของมู่เฉียนซีเบิกกว้างด้วยความตกใจ
หลงฉือกล่าว “ที่นั่นเป็นสถานที่ฝังศพของพวกที่ทรยศต่อเผ่ามังกร ก่อนหนีออกจากเผ่ามังกรพวกมันได้นำของล้ำค่าของเผ่ามังกรไปไม่น้อย หากสามารถเอาชีวิตรอดมาจากอุโมงค์ฝังศพมังกรได้ ก็จะได้ของล้ำค่าที่หาได้ยากในโลกนี้มา”
ทันทีที่หลงฉือโบกมือ กลางอากาศก็ปรากฏเม็ดยาวิญญาณ มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์รวมไปถึงสมุนไพรวิญญาณต่าง ๆ มากมาย
ของล้ำค่าเหล่านี้เพียงพอที่จะทำให้เหล่าราชทินนามคนอื่นตาแดงก่ำแล้ว ทว่าแววตาของมู่เฉียนซีนั้นยังคงเฉยเมยเช่นเคย
ของเหล่านี้ไม่เพียงพอที่จะทำให้นางเอาชีวิตเข้าไปเสี่ยงอันตรายเช่นนั้น
ทว่า เผ่ามังกร กลับทำให้นางสนใจเป็นอย่างยิ่ง
“เคยมีเผ่ามังกรตกอยู่ที่นั่นไม่น้อย แต่ของเหล่านี้ข้าไม่ได้เจอที่ใจกลางของมัน แต่เจอที่เขตแดน” เพียงแค่คิดก็รู้แล้วว่าของล้ำค่าที่อยู่ในใจกลางนั้นสามารถทำให้ผู้คนตาเป็นประกายได้แน่นอน