ชิงมู่กล่าว “เพราะว่าตระกูลจวินมีบุรุษหน้าตารูปงามมากมาย ดังนั้น…”
เมื่อได้ยินชิงมู่แฉเรื่องราวด้านมืดของฝ่าบาทตนเองอย่างจริงจังเช่นนี้แล้ว สีหน้าของมู่เฉียนซีก็ดำคล้ำขึ้น
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “ใช่ นี่คือยากระดูกมังกร!”
เย่เฉินยังไม่ได้รับเม็ดยานี้มา แต่ในตอนนี้เขากลับตัวสั่นไปทั้งตัว ความรู้สึกทั้งตกใจ ทั้งตื่นเต้น…
ชิงมู่กล่าว “นายท่าน ดูเหมือนว่านายท่านจะลืมไปแล้วว่ายากระดูกมังกรนี้มีเพียงแค่ฝ่าบาทเท่านั้นที่สามารถหลอมได้ คนอื่นไม่รู้ แต่เจ้าคนของตระกูลเย่ผู้นี้ เกรงว่าเขาจะรู้แล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าว “รู้ก็รู้”
เย่เฉินอยากจะพิสูจน์ความจริง เขามองไปที่กู้ไป๋อีที่อยู่ข้าง ๆ และกล่าวว่า “ท่านกู้ ข้ามีเรื่องที่สำคัญมากเรื่องหนึ่งจะพูดคุยกับนายท่านตามลำพัง ท่าน…ท่านออกไปก่อนได้หรือไม่”
เขารู้ดีว่านายท่านนั้นเชื่อใจท่านกู้มาก แต่เรื่องที่เขาจะพูดต่อไปนี้…ไม่ได้เด็ดขาด!
ถึงอย่างไรเสียเสี่ยวไป๋ก็เป็นคนของตำหนักเป่ยหาน มู่เฉียนซีสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ เจ้าไปรอด้านนอกก่อน ห้ามให้ใครเข้ามาเด็ดขาด”
ถึงแม้ว่ากู้ไป๋อีจะเป็นคนที่ใจจดใจจ่ออยู่แต่กับการฝึกฝนมาโดยตลอด แต่ความคิดของเขานั้นกลับละเอียดถี่ถ้วนมาก
เย่เฉินระแวดระวังถึงเพียงนี้ เกรงว่าจะมีเรื่องที่สำคัญมาก สำคัญมากจนต้องให้เขาออกไป
ยากระดูกมังกร ยานี้เขาไม่ได้เคยได้ยินที่ไหนมาก่อนเลย
เมื่อได้ยินมู่เฉียนซีบอกให้เขาออกไปด้วยเช่นนี้ เขาก็ตกใจชะงักไปเล็กน้อย นางไม่เชื่อใจเขาอย่างนั้นเหรอ?
ในใจแอบเจ็บปวด แต่ไม่นานนักเขาก็ตระหนักได้ว่าความลับนี้มีความเกี่ยวพันมาก และมีความเกี่ยวพันไปถึงความสบายใจของนางด้วย
แม้ว่าการไม่ได้รับความไว้วางใจจะทำให้เขารู้สึกเจ็บปวด แต่เมื่อนึกถึงความสบายใจของนาง กู้ไป๋อีจึงทำได้เพียงออกไปอย่างเงียบ ๆ
เขารับรู้มาโดยตลอดว่านางนั้นมีความลับอยู่มากมาย
มากจนกระทั่งหยิบยกเอาความลับมาแค่ความลับเดียวก็สามารถทำให้ทั่วทั้งดินแดนสี่ทิศพลิกผันได้
ตุบ! ในตอนนี้เอง เย่เฉินก็ได้คุกเข่าข้างหนึ่งลงพลางกล่าว “นายท่าน!”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้ารู้แล้วอย่างนั้นเหรอ เป็นเพราะยากระดูกมังกร?”
เย่เฉินกล่าว “นายท่าน นายท่านเป็นเจ้านายของหม้อเทพนิรันดร์ หรือว่านายท่านได้ยานี้มาด้วยความบังเอิญ ยากระดูกมังกรนี้ มีเพียงแค่ท่านหม้อเทพนิรันดร์ผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถหลอมได้”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างหยอกล้อว่า “เจ้าลองเดาดูเองสิ!”
หากจะบอกว่านายท่านเป็นเจ้านายของหม้อเทพนิรันดร์ มันก็น่าเหลือเชื่อจนเกินไป
อย่างท่านหม้อเทพนิรันดร์นั้น ใช่ว่าจะยอมรับผู้ใดเป็นเจ้านายง่าย ๆ
แต่หากไม่ใช่เช่นนั้น แล้วยากระดูกมังกรนี้จะสามารถเก็บมาได้ง่าย ๆ อย่างนั้นเหรอ
มู่เฉียนซีเห็นท่าทางฉงนสงสัยของเย่เฉินเช่นนี้ นางจึงกล่าวว่า “ข้าเป็นผู้ทำพันธสัญญากับนิรันดร์”
เย่เฉินได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น ชื่อของผู้อาวุโสที่ได้รับความเคารพชื่อนี้ ตระกูลเย่ของพวกเขาได้มีบันทึกเอาไว้
มหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์แต่ละชนิดก็มีชื่อเป็นของตนเอง อย่างท่านหม้อเทพนิรันดร์ ชื่อของเขาก็คือ ‘นิรันดร์’
ชื่อของผู้อาวุโสที่ได้รับความเคารพนี้ ใช่ว่าคนข้างกายจะสามารถเรียกได้อย่างตามใจ
เว้นเสียจากจะเป็นมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ระดับเดียวกันกับเขาแล้ว จะมีก็เพียงผู้ที่เป็นเจ้านายถึงจะเรียกชื่อเช่นนี้ได้
เย่เฉินกล่าว “นายท่าน หากนายท่านบอกข้าตั้งแต่แรก เราก็ไม่มีความจำเป็นใดที่ต้องทำสัญญาตกลงกันว่าข้าจะรับใช้นายท่านสิบปี ชีวิตนี้ของข้าทั้งชีวิต ข้าจะเชื่อฟังคำของนายท่านทุกอย่าง”
มู่เฉียนซีกล่าว “ตระกูลเย่ได้หายสาบสูญไปแล้ว และเจ้าก็ไม่จำเป็นที่จะต้องทำตามสิ่งที่บรรพบุรุษได้สืบทอดเอาไว้ ชีวิตเจ้าเป็นของเจ้า เจ้ามีชีวิตเป็นของตัวเองดั่งที่เจ้าต้องการจะมี สิบปีก็คือสิบปี เอาหล่ะ ตอนนี้เจ้ารีบใช้ยานี่ซะ”
“ขอรับ!”
คำสั่งของเจ้านาย เขารับฟัง
ต่อให้นายท่านจะไม่ใช่เจ้านายของท่านหม้อเทพนิรันดร์ แต่หลังจากสิบปี เขาก็จะติดตามนายท่านต่อไปอย่างแน่นอน
ยากระดูกมังกร พลังที่ผนึกไว้ของเผ่ามังกรนี้ช่วยเพิ่มพลังความแข็งแกร่งอย่างไม่ส่งผลกระทบใดใด เขานั้นรู้ดี
มู่เฉียนซีกล่าว “พลังของเจ้าในตอนนี้ หากบีบบังคับเพิ่มถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหก ผลที่ตามมาจะทำให้เจ้ากลายเป็นคนไร้ประโยชน์แน่ ฉะนั้นสามารถเพิ่มได้ถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งเท่านั้น”
มู่เฉียนซีเอาเข็มหนึ่งออกมาและแทงเข้าที่แขนของเขา ยาเข็มนี้สามารถทำให้ยาเม็ดนี้ถูกผนึกให้อยู่ในขั้นพื้นฐานที่สุด และการยับยั้งอีกครั้งทำให้เย่เฉินเลื่อนขั้นได้อย่างเชื่องช้า
“แต่ว่าภายในเวลาหนึ่งเดือนพลังจะถึงระดับหก ในช่วงเวลานี้เจ้าต้องฝึกฝนให้พลังของเจ้ามั่นคง ยกระดับการต่อสู้สนามจริง แม้กระทั่งการการถูกโจมตี! แต่ผู้ที่เตรียมพร้อมจะไปเขาหนานอวิ๋นนั้นมีไม่น้อย เจ้าน่าจะถูกโจมตีไม่น้อย”
ถูกโจมตี! เย่เฉินได้ยินเช่นนี้ถึงกับตกใจผงะไป
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ไม่ต้องกลัว! ข้าจะหลอมเม็ดยาวิญญาณให้เจ้าติดตัวเอาไว้มากพออยู่แล้ว หากเจ้าได้รับบาดเจ็บก็กินเข้าไปเยอะ ๆ ก็ไม่เป็นไร”
การเพิ่มพลังวิญญาณนั้นต้องจ่ายไปด้วยราคาไม่น้อยเลย เย่เฉินสามารถทำนายได้เลยว่าวันข้างหน้าของเขานั้นจะน่าสังเวชเพียงใด
มู่เฉียนซีและพวกได้พักผ่อนอยู่ในเมืองหนานอวิ๋นหนึ่งคืน เช้าวันต่อมาก็ได้เดินทางมุ่งหน้าไปยังเขาหนานอวิ๋น
ผู้ที่เดินทางไปเขาหนานอวิ๋นนั้นมีไม่น้อยเลย นอกจากกองกำลังใหญ่ ๆ แล้ว ก็ยังมีผู้บำเพ็ญพลังวิญญาณอื่น ๆ ที่อยากรู้อยากเห็นอีกไม่น้อย
ถึงแม้พวกเขาจะไม่ได้ของดี แต่บางทีอาจจะได้ของเหลือจากผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นก็ไม่แน่!
อย่างไรเสียที่นั่นก็เคยเป็นที่อยู่ของหนึ่งในสามของตระกูลยาโบราณอย่างตระกูลเย่!
เมื่อเข้ามาในป่าดงพงไพร มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นว่า “เย่เฉิน เจ้าไปให้กองกำลังอื่นโจมตีเถอะ! ไปยั่วโมโหคนอื่นให้ทั่ว แสดงท่าทางทำให้คนอื่นโมโห หรือจะหาวิธีใดก็ได้ให้ฝ่ายตรงข้ามโมโหให้ได้”
มุมปากของเย่เฉินกระตุกขึ้นก่อนจะกล่าวว่า “ข้า…เข้าใจแล้ว”
หลังจากที่เย่เฉินจากไป มู่เฉียนซีก็กล่าวว่า “อู๋ตี้ เจ้าตามเย่เฉินไป อย่าทำให้เขาโดนใครฆ่าตายซะล่ะ”
อู๋ตี้กล่าว “ขอรับนายท่าน!”
โฮ่ก โฮ่ก โฮ่ก!
เย่เฉินไปแล้ว ทางด้านมู่เฉียนซีก็เริ่มฝึกฝีมือกับสัตว์วิญญาณในเทือกเขาหนานอวิ๋นเล้วเช่นกัน
นางเพิ่งจะทะลวงพลังขั้นจักรพรรดิแห่งภูตระดับห้าได้ จำเป็นต้องฝึกฝนพลังให้มั่นคง
ในตอนนี้ค่ายกลนั้นยังไม่ได้ถูกทำลายทั้งหมด เข้าใกล้ที่นั่นก็ทำได้เพียงแค่มองยังทำอันใดไม่ได้ ยืดเส้นยืดสายสักหน่อยก่อนก็ไม่เลว
เมื่อถึงยามดึก เย่เฉินก็ยังไม่กลับมา
มู่เฉียนซีให้กู้ไป๋อีออกไปล่ากระต่ายและสัตว์จำพวกไก่วิญญาณมา เตรียมจะทำของอร่อย ๆ กิน
มู่เฉียนซีย่างเนื้อได้อย่างช่ำชอง กลิ่นหอมที่ชวนน้ำลายสอนั้น นึกไม่ถึงว่าจะดึงดูดคนแปลกหน้าผู้หนึ่งมา
คนแปลกหน้าผู้นี้สวมชุดคลุมยาวสีแดง คิ้วโค้งเรียวยาวดุจกระบี่ ดวงตาเป็นประกายดุจดวงดารา รูปร่างหล่อเหลา สง่าผ่าเผย แววตาดุจดั่งหงส์ เห็นแล้วทำให้ผู้คนมีความรู้สึกกล้าหาญและกระตือรือร้นเป็นอย่างยิ่ง
เทือกเขาหนานอวิ๋นไม่ใช่สถานที่ที่ปลอดภัย คนส่วนมากล้วนแต่มากันเป็นกลุ่ม น้อยนักที่จะมีคนหนุ่มสาวเข้ามาเพียงลำพังเช่นนี้
เขาเห็นมู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีก็ตกใจผงะไป “พวกเจ้าก็มากันแค่สองคนหรือ?”
“ข้าคิดว่าผู้ที่กล้าย่างเนื้อในเทือกเขาหนานอวิ๋นจะเป็นกลุ่มผู้แข็งแกร่งกองกำลังระดับหนึ่งซะอีก”
เซียวโม่จ้องมองพวกเขา เขาคิดว่าตนเองนั้นรูปร่างหน้าตาหล่อเหลาสามารถดึงดูดใจสตรีได้ กลับคิดไม่ถึงว่าจะได้เจอกับผู้ที่หน้าตางดงามราวกับไม่ใช่มนุษย์ถึงสองคนที่เทือกเขาหนานอวิ๋นแห่งนี้
เกิดมาเพื่อทำร้ายกันจริง ๆ เลย!
หน้าตางดงามยังไม่พอ แถมยังย่างเนื้อได้หอมถึงเพียงนี้อีก
เซียวโม่จ้องมองมู่เฉียนซีพลางแอบคิดในใจว่าหากได้แต่งงานมีภรรยาเช่นนี้ต้องน่าชื่นชมมากเป็นแน่ ช่างน่าเสียดายที่มีเจ้าของแล้ว!
กู้ไป๋อีเห็นชายผู้นี้จ้องมองมู่เฉียนซีเช่นนี้เขาก็ขมวดคิ้วขึ้น และกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “หากท่านไม่มีเรื่องอันใดก็เชิญไปเสียเถอะ อย่ารบกวนเวลาอาหารของพวกเราเลย”
น้ำเสียงอันเย็นชาได้ทำให้ความคิดของเซียวโม่หยุดชะงักลงทันใด
ให้เขาจากไปอย่างนั้นเหรอ อาหารเลิศรสอยู่ตรงหน้าเช่นนี้ เขาจะทำใจจากไปได้อย่างไรกันเล่า
เซียวโม่กล่าว “แม่นางท่านนี้ ท่านย่างเนื้อมากมายเช่นนี้ก็กินไม่หมดหรอก แบ่งให้ข้าสักหน่อยได้หรือไม่? ข้าเอาของแลกกับท่านได้นะ”
คนผู้นี้สามารถเข้ามาในเทือกเขาหนานอวิ๋นเพียงลำพังได้ พลังความแข็งแกร่งต้องไม่ธรรมดาแน่ ของดีมาหาถึงที่เช่นนี้จะพลาดไปได้อย่างไร
มู่เฉียนซีมองเขาและกล่าวว่า “แล้วเจ้าจะเอาสิ่งใดมาแลกกับข้าล่ะ?”