ปัง ปัง ปัง! ในขณะที่พวกเขาลงมือ มู่เฉียนซีและพวกก็หลบหลีกได้
“เสี่ยวหง อู๋ตี้ ออกมา!”
“เป็นพวกเจ้าจริง ๆ ด้วย เป็นพวกเจ้า…”
ดวงตาของเย่เฉินพลันแดงก่ำขึ้น ได้เจอกับศัตรูที่ฆ่าล้างทำลายตระกูลของเขาเช่นนี้ เขาไม่สามารถทำใจให้สงบได้อีกต่อไป
ตูม!
เย่เฉินที่เดิมทีมีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสาม ในตอนนี้พลังกลายเป็นขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหกแล้ว
คนเหล่านั้นพึมพำว่า “เจ้าเด็กผู้นี้แปลกประหลาดเกินไปแล้ว อายุน้อยเช่นนี้มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับสามก็ว่าแปลกมากแล้ว ตอนนี้ยังจะมาเลื่อนเป็นระดับหกอีก”
“พวกเจ้าสมควรตาย!”
เพราะความอาฆาตแค้น พลังของเม็ดยากระดูกมังกรที่เย่เฉินใช้ไปนั้นจึงระเบิดออกมา และตอนนี้เขาก็เปรียบเสมือนมังกรโหดร้ายที่กำลังบ้าคลั่งตัวหนึ่งก็มิปาน
“บัวแดงพิฆาต!” มู่เฉียนซีก็ลงมือแล้ว แม้จะยากที่จะทำร้ายผู้มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูงเหล่านี้ได้ก็ตาม
“เงาจันทราคู่!” กู้ไป๋อีก็ลงมือแล้วเช่นกัน
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง! อู๋ตี้กับเสี่ยวหงก็สู้อย่างเต็มกำลังความสามารถ
ปัง ปัง ปัง!
ถึงอย่างไรพวกเขาก็มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูง แม้กระทั่งมหาจักรพรรดิระดับเก้าก็มี
เย่เฉินเห็นมู่เฉียนซีถูกพลังอันน่าสะพรึงกลัวนั้นกระแทกกระเทือนจนถอยหลังไปหลายก้าว อีกทั้งยังได้รับบาดเจ็บอีกด้วย ส่วนกู้ไป๋อีในตอนนี้ทำได้เพียงแค่ต้านทานเอาไว้เท่านั้น
สถานการณ์ของเขาในตอนนี้ ก็สามารถรับมือกับคู่ต่อสู้ที่มีพลังระดับเจ็ดลงมาได้เท่านั้น หากเป็นระดับสูงกว่านี้ก็ยากที่จะรับมือได้
เย่เฉินที่ตกอยู่ในความอาฆาตแค้นเมื่อครู่ ในตอนนี้ก็ได้สติและกลับมาสงบอีกครั้ง เขากล่าว “หากพวกเจ้าฆ่าพวกของข้าแล้วล่ะก็ ไม่ว่าสิ่งใดพวกเจ้าก็อย่าหวังว่าจะได้ไป”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้ว คนเหล่านั้นก็ไม่ได้ลงมืออย่าโหดเหี้ยมหรือคิดจะฆ่าพวกเขาอีกต่อไป
คนเหล่านั้นมองไปที่เย่เฉิน ก่อนจะกล่าวว่า “ในเมื่อพวกเจ้ารู้ เช่นนั้นสิ่งที่พวกข้าต้องการก็คงจะอยู่ที่เจ้าเป็นแน่”
“พวกเจ้าอยากได้แผนที่ม้วนไผ่โบราณของมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์ใช่ไหมล่ะ พวกเจ้าเสาะหาในตระกูลเย่ของข้ามาตั้งนานแต่ก็หาไม่เจอสักที อยากรู้ใช่หรือไม่ว่าตกลงแล้วมันอยู่ที่ไหนกันแน่?”
อันที่จริงแล้วแผนที่ม้วนไผ่โบราณของตระกูลเย่นั้นหายไปตั้งนานแล้ว
ต่อให้ตระกูลเย่ถูกทำลายล้าง แต่คนเหล่านี้ก็ไม่มีทางได้อันใดไป
อีกอย่าง ต่อให้มีแผนที่ม้วนไผ่โบราณนั้นแล้วอย่างไรเล่า
นายท่านหม้อเทพนิรันดร์ได้ยอมรับผู้เป็นนายไปแล้ว ต่อให้พวกเขามีแผนที่ครบก็ไม่สามารถตามหานายท่านหม้อเทพนิรันดร์ได้
“ใช่ พวกเราต้องการแผนที่ม้วนไผ่โบราณของหม้อเทพนิรันดร์”
เย่เฉินกล่าว “ของล้ำค่าชิ้นนั้นอยู่ในคลังเก็บของล้ำค่าในตระกูลเย่ พวกข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกเจ้า เพียงแต่ขอแค่พวกเจ้าไว้ชีวิตพวกข้า ข้าจะพาพวกเจ้าไปที่คลังเก็บของล้ำค่านั้น”
พวกเขาหัวเราะชอบใจขึ้นก่อนจะกล่าวว่า “เจ้าช่างเป็นเด็กที่รู้ความมากกว่าคนอื่น ๆ ในตระกูลจริง ๆ แต่ทางที่ดีเจ้าอย่าได้คิดจะเล่นแง่ใช้อุบายอันใดกับข้าเชียวล่ะ มิเช่นนั้นพวกข้าไม่มีทางปล่อยเจ้าเป็นแน่”
เย่เฉินกล่าว “พวกเจ้าเก่งกาจถึงเพียงนี้ ข้าจะกล้าได้อย่างไรเล่า!”
จากนั้นเย่เฉินก็นำทางไปด้วยท่าทางที่สงบ มู่เฉียนซีรู้ถึงแผนการของเขาทั้งหมด ดังนั้นนางกับกู้ไป๋อีจึงเดินตามไปเงียบ ๆ
พวกเขาได้มาถึงภูเขาศิลาลูกหนึ่ง บนภูเขาศิลานั้นได้สลักลวดลายพืชมากมายนับไม่ถ้วน
คนเหล่านั้นไม่รู้ว่าลวดลายเหล่านี้หมายถึงสิ่งใด แต่มู่เฉียนซีกลับรู้ว่านี่ล้วนเป็นสมุนไพรวิญญาณขั้นสวรรค์ทั้งสิ้น
เย่เฉินได้กรีดข้อมือตัวเอง หยดเลือดสามหยดลงบนสมุนไพรวิญญาณต้นหนึ่ง จากนั้นก็เกิดเสียงตูมดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น
“ที่แท้ห้องลับนี้ต้องเป็นผู้ที่มีสายเลือดของตระกูลเย่เท่านั้นถึงจะเปิดมันได้ มิน่าล่ะพวกเราตามหามานานหลายปีแต่กลับไปเจอสักที”
พวกเขารุมล้อมข้างกายเย่เฉินและกล่าวว่า “เข้าไปสิ!”
ด้านในมืดสนิท ในขณะที่พวกเขาก้าวเท้าเข้าไปนั้นก็มีแสงสีเหลืองอ่อนเปล่งประกายขึ้น
เมื่อเดินผ่านเส้นทางมาเส้นทางหนึ่ง จู่ ๆ เย่เฉินก็ลงมือโจมตีคนอื่นทันที
“มังกรทำลาย!”
พลังอำนาจอันทรงพลังนั้นได้สลัดพวกเขาที่อยู่ข้างกายออกไป เย่เฉินตะโกนกล่าวกับมู่เฉียนซีและกู้ไป๋อีว่า “ทางนี้!”
ด้านข้างเป็นกำแพงกำแพงหนึ่ง เย่เฉินพุ่งพรวดทะลุกำแพงเข้าไป ส่วนมู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีก็ตามเข้าไปด้วยเช่นกัน
ปัง! คนอื่น ๆ ก็ต้องการจะพุ่งทะลุกำแพงตามไป แต่เมื่อพุ่งตัวออกไปแล้วกลับชนเข้ากำแพงจนจมูกบิดเบี้ยว พวกเขาไม่สามารถทะลุกำแพงเข้าไปได้
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! ทันใดนั้นกลไกของคลังเก็บของล้ำค่านี้ก็เริ่มทำงานขึ้นแล้ว อาวุธลับนับไม่ถ้วนโจมตีมาที่พวกเขา
สีหน้าของพวกเขาดำคล้ำลงทันที “บัดซบ! โดนเด็กเจ้าเล่ห์บ้านั่นเล่นอุบายใส่จนได้”
ปัง ปัง ปัง! กลไกมากมายหลายชนิดของคลังเก็บของล้ำค่าของตระกูลเย่ทั้งหมดพุ่งออกมาต้อนรับพวกเขา ทำให้พวกเขาทุกข์ทรมานเป็นอย่างยิ่ง
ส่วนทางด้านของมู่เฉียนซีกลับปลอดภัยมาก
เย่เฉินกล่าวขอโทษว่า “นายท่าน ข้าเองก็นึกไม่ถึงเลยว่าไอ้พวกคนเลวทรามที่ฆ่าล้างตระกูลข้าพวกนั้นยังมีชีวิตอยู่ ทำให้นายท่านลำบากแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าทำได้ดีมากแล้ว อีกอย่างตอนนี้เราก็รอดพ้นมาจากอันตรายนั้นแล้ว นี่ ข้ายอมรับเลยว่ากลไกคลังเก็บของล้ำค่าของตระกูลเย่ทำออกมาได้ไม่เลวเลย”
เย่เฉินกล่าว “ตระกูลเย่ของข้าระมัดระวังมาโดยตลอด กลไกที่ประตูมีอยู่สองประเภท ประเภทแรกก็คือหากเข้ามาอย่างปลอดภัย ต้องหยดเลือดลงบนดอกบัววิญญาณพันปี อีกแบบก็คือเข้ามาโดยมีอันตราย นั่นก็คือต้องหยดเลือดลงบนบุปผาแห่งความตาย”
“หากเปิดด้วยประเภทที่สอง ก็จะมีทางหนีที่ปลอดภัยทางหนึ่ง จากนั้นกลไกของคลังเก็บของล้ำค่าก็จะเริ่มทำงาน”
“ถึงแม้พวกมันจะมีพลังความแข็งแกร่งขั้นมหาจักรพรรดิระดับสูง แต่กลไกในคลังเก็บของล้ำค่าก็สามารถทำให้พวกมันเห็นดีได้ ทำให้พวกมันไม่กล้าแม้แต่จะก้าวเท้ามาแม้แต่ครึ่งก้าว”
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เช่นนั้นหากเปิดกลไกแล้ว พวกเราจะเอาดีงูสวรรค์มาได้อีกหรือไม่?”
“ทางนี้ ทางนี้มีทางปลอดภัยอยู่ทางหนึ่ง ไม่มีกลไก นายท่านตามข้ามาเถอะ”
มีเย่เฉินคอยนำทาง พวกเขาก็เดินเข้ามาในคลังเก็บของล้ำค่าของตระกูลเย่ได้อย่างปลอดภัย ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านมานานหลายปีแล้ว แต่ด้านในยังคงสะอาดสะอ้านอยู่เฉกเช่นเดิม
ส่วนใหญ่ในนี้จะเป็นสมุนไพรวิญญาณ อีกทั้งยังมีผลึกวิญญาณอยู่จำนวนมาก อู๋ตี้เห็นเช่นนี้ดวงตาก็วาววับเปล่งประกาย
“มีของกินมากมายเช่นนี้ เยี่ยมไปเลย!”
เสี่ยวหงกล่าว “แมวอย่างเจ้าก็รู้จักแต่เรื่องกินนั่นแหละ”
เย่เฉินหยิบกล่องใบหนึ่งออกมา “นายท่าน นี่คือดีงูสวรรค์”
มู่เฉียนซีเปิดกล่องใบนั้น และพบว่าด้านในเป็นถุงน้ำดีสีเขียวเข้มของงูอยู่
นางพยักหน้าพลางกล่าว “ไม่เลวเลย นี่แหละ ดีงูสวรรค์”
ได้ของที่หลอมยาหยินหยางอนันต์เพิ่มมาอีกชนิดแล้ว
“ส่วนของล้ำค่าอื่น หากนายท่านไม่รังเกียจแล้วล่ะก็ เอาไปทั้งหมดเถอะ”
ตระกูลเย่รับใช้และจงรักภักดีต่อท่านหม้อเทพนิรันดร์มาตั้งแต่โบราณจนถึงตอนนี้ ในฐานะที่มู่เฉียนซีเป็นนายท่านของท่านหม้อเทพนิรันดร์ แน่นอนว่านางก็เป็นนายท่านของตระกูลเย่ด้วย
ของของตระกูลเย่ ก็คือของของนาง
รอบตัวเต็มไปด้วยสมุนไพรวิญญาณมากมาย มู่เฉียนซีก็รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาแล้ว
“เจ้าไม่บอก ข้าก็ไม่เกรงใจอยู่แล้ว”
สำหรับสมุนไพรวิญญาณแล้ว แต่ไหนแต่ไรมานางไม่เคยเกรงอกเกรงใจอยู่แล้ว
มู่เฉียนซีกวาดสมุนไพรวิญญาณทั้งหมดไป ผลึกวิญญาณก็มอบให้อู๋ตี้เพื่อช่วยให้มันเลื่อนขั้นเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับห้าโดยเร็ว
ส่วนของล้ำค่าอื่น ๆ ก็ให้เย่เฉินเป็นคนเก็บเอาไว้
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เสี่ยวไป๋ เจ้ามีของสิ่งใดที่ต้องการหรือไม่?”
กู้ไปอีกล่าว “ที่เย่เฉิน มีแผนที่ม้วนไผ่โบราณของหม้อเทพนิรันดร์ใช่หรือไม่?”
มู่เฉียนซีกับเย่เฉินผงะไปครู่หนึ่ง “เสี่ยวไป๋ เจ้าอยากได้แผนที่ม้วนไผ่โบราณอย่างนั้นเหรอ?”
กู้ไป๋อีกล่าว “ของสิ่งนี้ไม่ใช่ของธรรมดา ข้าจะไม่ฝืนใจ ก็แค่ถามเท่านั้นเอง ข้าเคยได้รับคำสั่งมาว่าให้หาของสิ่งนี้ให้เจอก็เท่านั้น แต่ก็ไม่ได้เก็บมาใส่ใจอันใด”
“เพียงแต่ว่า หากเย่เฉินมีของสิ่งนี้อยู่ จะต้องระมัดระวังให้มาก”
มู่เฉียนซีกล่าว “หากทำภารกิจไม่สำเร็จ เสี่ยวไป๋ เจ้าคงจะไม่ถูกลงโทษหรอกกระมัง?”
กู้ไป๋อีกล่าว “ไม่หรอก อยู่ในดินแดนสี่ทิศ ผู้ใดก็ไม่สามารถลงโทษข้าได้”
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “แล้วหากทำภารกิจสำเร็จ จะมีรางวัลหรือไม่?”
“น่าจะมี!”
ครั้นแล้วมู่เฉียนซีจึงเอาแผนที่ม้วนไผ่โบราณม้วนหนึ่งออกมาจากมิติและยัดใส่มือกู้ไป๋อี “เช่นนั้น ข้าให้เจ้า รอให้พลังของเจ้าฟื้นกลับมาทั้งหมดแล้ว นำมันกลับไปเอารางวัลเถอะ! ของสิ่งนี้ยากมากกว่าจะได้มา เจ้าต้องจำเอาไว้ว่าจะต้องรีดไถเจ้านายให้มากหน่อย”
นางกับนิรันดร์ได้ทำพันธสัญญากันแล้ว แผนที่ม้วนไผ่โบราณนี้ไม่มีความหมายใดแล้ว หากเสี่ยวไป๋สามารถนำแผนที่ม้วนไผ่โบราณนี้ไปรีดไถหัวหน้าตำหนักเป่ยหานได้ ก็นับว่าไม่เลว