เงาร่างทั้งสี่ได้แยกจากกันที่ตรงหัวมุมถนน
มู่เฉียนซีและกู้ไป๋อีได้ไปยังที่ที่มีเสียงตีกลองและฆ้องนั้นลอยมา ในตอนนี้ที่รอบด้านนั้นได้มีผู้คนมารวมตัวกันเพื่อชื่นชมความครื้นเครงจำนวนไม่น้อย
ที่สองฝากฝั่งถนนนั้นเต็มไปด้วยผ้าไหมสีแดง รวมไปถึงบนพื้นก็ถูกปูเต็มไปด้วยดอกไม้สีแดงสด
แค่เพียงขบวนดนตรีนั้นก็ดูเหมือนว่าจะมีคนมากกว่าร้อยคนแล้ว
ถ้าหากว่าคนอื่น ๆ ไม่รู้ว่าเขากำลังจะไปแต่งภรรยาน้อยก็คงได้พากันคิดว่านี่เป็นการแต่งภรรยาหลวงอย่างแน่นอน!
ไม่นานนักมู่เฉียนซีก็ได้เห็นบุรุษผู้หนึ่งสวมชุดเจ้าบ่าวขี่อยู่บนหลังม้าวิญญาณโลหิตที่กำลังเดินมุ่งเข้ามา
หน้าตาของบุรุษผู้นั้นก็นับได้ว่าพอดูได้ ส่วนรูปร่างของเขานั้นก็นับว่าพอใช้ได้
แต่ทว่าดวงตาคู่นั้นที่เต็มไปด้วยความโลภและใบหน้าสีเหลืองเข้มนั้นทำให้ผู้คนรู้สึกอึดอัดยิ่งนัก
ใบหน้าของอันเหรินในตอนนี้เต็มไปด้วยความสุข!
เด็กสาวผู้นั้นช่างพิเศษและเร่าร้อนยิ่งนัก แต่นางกลับมิได้ถูกเสน่ห์ของเขาทำให้หลงไหลจนโงหัวไม่ขึ้น นั่นจึงทำให้เขาต้องการที่จะเอาชนะนาง
ความปรารถนาที่จะพิชิตอย่างโรคจิตนั้นจึงได้กลายเป็นการตบแต่งภรรยาน้อยที่โอ่อ่าในวันนี้
มู่เฉียนซีและกู้ไป๋อีที่อยู่ท่ามกลางกลุ่มผู้คนได้มองนายน้อยของเมืองแห่งความโกลาหลที่กำลังใกล้เข้ามา มู่เฉียนซีคิดที่จะลงมือเมื่อถึงเวลาอันสมควร
อันเหรินนั้นเป็นพวกคนเสเพลประเภทหนึ่ง แต่กลับมีความรวดเร็วต่อเรื่องของสตรีรูปงามเป็นอย่างมาก
ในขณะที่ในใจของเขากำลังคิดถึงเหยียนเซี่ยฉีไปพลาง ตัวเขาเองก็เหลือบมองไปยังชาวเมืองที่มามุงดูอยู่รอบด้านไปพลาง
ทันใดนั้นสายตาของเขาก็ได้พบกับเงาร่างของหญิงงามผู้หนึ่งในกลุ่มฝูงชนที่งดงามอย่างมิอาจหาผู้ใดเทียมได้
งดงาม ช่างงดงามยิ่งนัก!
หากกล่าวว่าเหยียนเซี่ยฉีคือผู้ที่งดงามอย่างมิอาจหาผู้ใดเทียบได้แล้วในโลกมนุษย์ เช่นนั้นหญิงงามผู้นี้ก็คงไม่นับว่าอยู่ในโลกมนุษย์เสียแล้ว
นี่เป็นครั้งแรกที่ได้พบเห็นหญิงงามเช่นนี้ อันเหรินได้ลืมเรื่องการแต่งภรรยาน้อยในวันนี้ไปเสียแล้ว เขาได้หยุดม้าวิญญาณโลหิตฉับพลันไม่เดินหน้าไปต่อแล้ว
อันเหรินกระโดดลงมาจากม้าวิญญาณโลหิตตัวนั้นและมุ่งไปทางมู่เฉียนซีในทันใด
มู่เฉียนซีตะลึงค้าง หรือว่านางจะถูกจับได้เสียแล้ว
นั่นเป็นไปไม่ได้!
มู่เฉียนซียับยั้งที่จะไม่ลงมือ และอันเหรินก็ได้เดินเข้ามาถึงเสียแล้ว
เงาร่างสีขาวเงาหนึ่งได้ปรากฏตัวขึ้นข้างกายของมู่เฉียนซี กระบี่ยาวของกู้ไป๋อีได้ยกขึ้นขวางที่ด้านหน้าตัวของมู่เฉียนซี
สายตาที่คนผู้นั้นมองมายังนาง เขาไม่ยินดีกับมันเป็นอย่างมาก
อันเหรินกล่าวขึ้น “แม่นาง ข้ามิได้มีเจตนาไม่ดี! ข้า…ข้านั้นรักแม่นางตั้งแต่แรกพบเห็น และอยากที่จะสู่ขอแม่นางเป็นภรรยา”
อันเหรินมองมู่เฉียนซีด้วยแววตาหลงใหล ในตอนนี้กู้ไป๋อีอยากที่จะบั่นเศียรของเขาให้ร่วงลงดินไปในคราเดียว
เหล่าผู้คนต่างเกิดความสับสนงงงวยขึ้น ครานี้ได้มีละครสนุก ๆ ให้ดูเสียแล้ว!
วันนี้มิใช่ว่าท่านนายน้อยจะไปแต่งภรรยาน้อยหรอกหรือ? แต่กลับได้มาเจอรักแรกพบเข้าบนถนนกับสตรีนางหนึ่ง อีกทั้งยังต้องการที่จะแต่งนางเป็นภรรยา
เรื่องที่นายน้อยแต่งภรรยาน้อยนั้นเป็นเรื่องที่สองสามวันเกิดขึ้นหนึ่งหน แต่ทว่าการแต่งภรรยาที่แท้จริงนั้นเป็นเรื่องที่พบเจอได้ยากยิ่ง โดยประมาณแล้วก็สักสามปีหนึ่งหน
มู่เฉียนซียิ้มเยาะ “เจ้ามิไปรับตัวเจ้าสาวของเจ้าหรือ?”
อันเหรินกล่าว “แม้ว่าสตรีนางนั้นจะงดงาม แต่นางกลับไม่สามารถที่จะเทียบกับเจ้าได้เลย เหตุผลที่ข้าต้องการจะแต่งนาง ต้องการที่จะได้นางมานั่นเพราะว่าร่างกายของนางสามารถที่จะช่วยข้าฝึกบำเพ็ญได้ก็เท่านั้น ที่ข้าทำกับนางนั้นมิใช่ใจจริงของข้า”
“ผู้ที่ข้าชอบจริง ๆ นั้น…ชอบจริง ๆ นั้นคือ…” ใบหน้าของอันเหรินแดงระเรื่อ และคิดที่จะบอกความในใจด้วยความตื่นเต้น
กู้ไป๋อีทนฟังต่อไปไม่ได้แล้วจริง ๆ ทันทีที่ปลายกระบี่ของเขาขยับ มันก็ได้ฟาดฟันไปทางอันเหริน
“นายน้อย ระวัง!” ในตอนที่อันเหรินจะถูกกระบี่พิฆาตเข้าไปในคราเดียวนั้น องครักษ์ที่อยู่ข้างกายก็ได้เข้าช่วยชีวิตน้อย ๆ ของอันเหรินเอาไว้
เจ้าหมอนี่น่าขยะแขยงจริง ๆ แต่มู่เฉียนซีก็มิได้คิดที่จะฆ่าเขา
หากทันทีที่ฆ่าเขาไป เมืองแห่งความโกลาหลจะไม่หยุดราวีพวกนางแน่
พวกนางมาในครั้งนี้มิได้มาเพื่อเปิดศึกอย่างเป็นทางการกับเมืองแห่งความโกลาหล ต้องช่วยเหยียนเซี่ยฉีออกไปให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน
บัญชีนี้เตรียมการรอเอาไว้ก็พอแล้ว หากสามารถจับตัวบุตรชายของเจ้าเมืองแห่งความโกลาหลได้ก็ค่อยว่ากันอีกที
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ!
เมื่อกู้ไป๋อีลงมือ เหล่าชาวเมืองรอบด้านนั้นก็ได้กระจายตัวกันออกไปแล้ว ส่วนองครักษ์ของนายน้อยก็ได้ล้อมตัวพวกนางเอาไว้
อันเหรินกล่าว “ข้าไม่มีเจตนาร้ายจริง ๆ องครักษ์ข้างกายเจ้าลงมือกับข้า ข้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก”
เขามองไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “เจ้าว่าข้าจะทำลายใบหน้าของเขาก่อนดี! หรือว่าทำลายเส้นเอ็นที่มือของเขา หรือว่าหาคนสักสองสาม…”
อันเหรินหันไปมองกู้ไป๋อีอย่างริษยา! บุรุษผู้นี้หล่อเหลามากเกินไปแล้ว ถึงต่อให้เขาไร้ซึ่งฐานันดรหรือเงินทองใด ๆ แต่โดยประมาณแล้วก็คงจะมีสตรีรูปงามยอมพลีกายให้แก่เขาอยู่ไม่น้อย
นายน้อยของเมืองแห่งความโกลาหลมิเพียงแต่มักมากในกามเท่านั้น อีกทั้งเขายังเป็นผู้ที่โหดร้ายเป็นอย่างมาก มิอาจที่จะเห็นบุรุษผู้ที่เหนือกว่าตนเองได้
เดิมทีมู่เฉียนซีคิดที่จะถ่วงเวลาออกไปอย่างสงบจิตสงบใจ แต่ทว่าเจ้าหมอนี่กลับรนหาที่ตาย!
นางกล่าวขึ้น “เสี่ยวไป๋ ได้เวลาพอประมาณแล้ว พวกเราลงมือ!”
กู้ไป๋อีพยักหน้ารับพร้อมกล่าว “ได้ คุณหนูใหญ่!”
การโจมตีโดยกระบวนท่าจันทราอันหนาวเหน็บได้ปรากฏขึ้น ฟึ่บ ฟึ่บ!
องครักษ์เหล่านั้นของนายน้อยของเมืองแห่งความโกลาหลมีฝีมือไม่เท่าไร
“มังกรวารีพิฆาต!”
มู่เฉียนซีได้ลงมือไปแล้ว นางลงมือโหดเหี้ยมขึ้นไปอีก
ถึงแม้ว่าพลังในการต่อสู้ของพวกนางจะแข็งแกร่ง แต่เหล่าองครักษ์ที่อยู่ข้างกายของอันเหรินเหล่านั้นก็สามารถมองพลังความสามารถของพวกนางออกได้
หัวหน้าองครักษ์กล่าวขึ้น “ผู้หนึ่งเป็นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ขั้นที่หนึ่ง ส่วนอีกผู้หนึ่งเป็นจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่ห้า นายน้อย พลังความสามารถของพวกเขานั้นไม่เท่าไร การจะจับกุมพวกเขานั้นเป็นเรื่องที่ง่ายดายนัก”
อันเหรินกล่าว “ถึงแม้ว่าจะจับพวกเขาได้อย่างง่ายดาย แต่พวกเจ้าจะต้องระวังอย่าทำให้คนงามบาดเจ็บ สาวงามผู้นั้นสูงค่าดั่งทองคำ! ถ้าหากพวกเจ้ากล้าทำให้นางมีเลือดหยดแม้เพียงหยดเดียวละก็ ข้าจะเอาตัวพวกเจ้าไปให้หมาป่ากิน”
“ขอรับ!”
“ทักษะเทียนซวน!”
“ทักษะโยวหลัว!”
สองทักษะหัตถ์ถูกปลดปล่อยออกไปพร้อมกัน นั่นทำให้องครักษ์จำนวนไม่น้อยถูกอัดกระเด็นออกไป
“เงาจันทราคู่!”
“……”
ตูม!
การต่อสู้ยังคงดำเนินต่อไป พวกนั้นพบว่าถึงแม้พลังความสามารถของสองคนนี้จะต่ำ แต่มันกลับมิได้รับมือได้ง่ายดายเช่นนั้น!
ปัก ปัก ปัก!
เหล่าองครักษ์ข้างกายของนายน้อยพวกนั้นล้วนแต่กระเด็นลอยออกไปราวกับผ้าที่ขาดวิ่นก็มิปาน
มุมปากของหัวหน้าองครักษ์ที่กล่าวเมื่อครู่ว่าสามารถจับกุมพวกเขาได้อย่างง่ายดายได้เริ่มกระตุกขึ้นมาเล็กน้อยแล้ว “พวก…พวก…พวกเขาจะวิปริตเกินไปแล้วกระมัง!”
เติบโตจนอายุป่านนี้ พวกเขาเพิ่งได้เห็นความวิปริตเช่นนี้เป็นครั้งแรก
นายน้อยกล่าวขึ้นด้วยความสนใจ “นึกไม่ถึงเลยว่าคนงามจะมิเพียงแต่มีหน้าตาที่ดี แต่ยังเก่งกาจเช่นนี้อีก ข้ายิ่งจะสนใจนางขึ้นมาเรื่อย ๆ แล้วสิ ส่งสัญญาณออกไปให้เหล่าหน่วยใหญ่ต่าง ๆ ของผู้ดูแลความสงบ(ตำรวจ) มาที่นี่”
ผู้ดูแลความสงบหน่วยใหญ่ต่าง ๆ ของเมืองแห่งความโกลาหลนั้นล้วนแต่เป็นผู้ที่มีพลังความสามารถระดับมหาจักรพรรดิขั้นกลาง ซึ่งมีตั้งแต่ขั้นที่สี่ขึ้นไปจนถึงขั้นที่หกเต็มขั้น
การระดมยอดฝีมือเช่นนี้เพื่อไปจับตัวสตรีนางหนึ่ง มันช่างเป็นการใช้กำลังพลจำนวนมากเพียงเพื่อทำเรื่องเรื่องเดียวจริง ๆ
แต่ในเมื่อเป็นคำสั่งของนายน้อย พวกเขาจำต้องปฏิบัติตาม
ไม่นานนัก มู่เฉียนซีและกู้ไป๋อีก็สัมผัสได้ถึงกลิ่นอายอันแข็งแกร่งหลายกลิ่นอายกำลังใกล้เข้ามา ถึงขนาดที่ว่ามหาจักรพรรดิระดับที่หกก็ยังมี
มู่เฉียนซีกล่าว “เสี่ยวไป๋ พวกเรารีบสู้รีบจบแล้วรีบจากไป!”
“รับทราบ!”
ปัก ปัก ปัก!
ยอดฝีมือของเมืองแห่งความโกลาหลได้ใกล้เข้ามาแล้ว ทันทีที่กระบี่ของกู้ไป๋อีขยับตัว มันก็ได้พุ่งไปทางนายน้อย
ไป๋อีกำลังจะลงมือฆ่าเขาเสียแล้ว
กระบี่ในครานี้เขาไม่สามารถที่จะหลบหลีกไปได้ นายน้อยตะลึงงันแล้วร้องตะโกนขึ้น “ช่วยด้วย!”
“นายน้อย!” ชายชราผู้หนึ่งปรากฏตัวขึ้นอย่างรวดเร็วและป้องกันกระบี่นั้นของกู้ไป๋อีเอาไว้
“บังอาจ เจ้ากล้าคิดที่จะลอบสังหารนายน้อยของข้า ช่างรนหาที่ตาย!” ชายชราผู้นั้นเกรี้ยวกราดเป็นที่สุด พลังวิญญาณของเขาเริ่มโหมกระหน่ำ ชุดคลุมของเขาค่อย ๆ พองลอยขึ้น
ปัง! กู้ไป๋อีได้สู้กับชายชราผู้นี้เข้าในทันที
มู่เฉียนซีเองก็รู้สึกว่าไม่สามารถจะปล่อยเจ้าสวะนี้ไปได้ ถึงแม้จะไม่ฆ่าเขา แต่ก็ต้องเอาผลประโยชน์มาสักหน่อยถึงจะได้!
ในที่สุดมู่เฉียนซีก็ได้ชักกระบี่มังกรเพลิงออกมา ปลายกระบี่นั้นชี้ไปทางนายน้องของเมืองแห่งความโกลาหล
นายน้อยกล่าวขึ้น “คนสวย อย่าได้เล่นสิ่งของที่อันตรายเช่นนี้ เจ้าไปกับข้า ข้าไม่ทำร้ายเจ้าหรอก อีกทั้งจะยังมีอะไรที่สนุกสนานยิ่งกว่านี้ให้เล่นอีก…”
.