สีหน้าของมู่เฉียนซีเย็นยะเยือกยิ่งกว่าเดิม จากนั้นนางก็ได้กวาดกระบี่ออกไปในทันทีโดยที่ไม่มีความเกรงใจ
“มังกรเพลิงสังหาร!”
มังกรเพลิงสีแดงเข้มได้พุ่งทะลุผ่านตัวนายน้อยของเมืองแห่งความโกลาหล
ไป ไม่นานนักก็มีเสียงเหมือนดั่งหมูถูกเชือดลอยมา
“อ๊ากก!”
เสียงนั้นน่าสังเวชเป็นอย่างมาก
ชาวเมืองเหล่านั้นที่ถอยหลบออกไปได้ยินเสียงนั้นก็ตะลึงงันไปชั่วขณะ “นั่นเหมือนจะเป็นเสียงของนายน้อย”
“นายน้อยร้องอย่างน่าสังเวชเช่นนั้น หรือว่าจะได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัส?”
“……”
ปัง! อันเหรินล้มลงบนพื้น ร่างกายของเขากระตุกไปทั้งร่าง เขาเจ็บเสียจนลุกขึ้นมาไม่ไหว
ส่วนอื่น ๆ บนร่างกายของเขาแม้จะไม่ได้รับบาดเจ็บ แต่ทว่าส่วนที่เขาให้ความสำคัญที่สุด และมันก็อ่อนแอที่สุดนั้น ในตอนนี้ได้ถูกเผาจนไหม้เป็นเถ้าถ่านไปแล้ว
กู้ไป๋อีที่เดิมทีคิดจะสั่งสอนอันเหริน ทว่าเมื่อได้เห็นสภาพของนายน้อยที่น่าอนาถเช่นนี้แล้ว มุมปากของเขาก็แสยะออกมา
เป็นอย่างคิดเอาไว้จริง ๆ นางเป็นพวกที่ไม่ยอมเสียเปรียบใคร หากทำให้นางโกรธแล้วจะต้องได้ชดใช้อย่างหนักหน่วงแน่นอน
นายน้อยกล่าวอย่างไร้เรี่ยวแรง “จับพวกนั้นเอาไว้ จะต้องจับพวกนางให้ได้…”
“นายน้อย ท่านใจเย็นก่อน พวกเรา…พวกเราจะพาท่านไปรักษาอาการบาดเจ็บก่อน”
คนกลุ่มหนึ่งรีบนำตัวนายน้อยไปรักษา ส่วนอีกกลุ่มหนึ่งได้หันมาประมือกับพวกมู่เฉียนซีต่อไป
มู่เฉียนซีกล่าว “อู๋ตี้ เสี่ยวหง ออกมา!”
เมื่อได้สั่งสอนเจ้าหมอนั่นไปแล้ว ต่อมาพวกเขาก็ควรที่จะรีบฝ่าออกจากเมืองไป
“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทานในใต้หล้า!”
“เพลิงเผาสวรรค์!”
ตูม!
หยุดเอาไว้ไม่อยู่ พวกเขาไม่สามารถหยุดยั้งสองคนนั้นเอาไว้ได้
ทางด้านของมู่เฉียนซีได้เกิดความโกลาหลวุ่นวายขึ้น ส่วนทางด้านเย่เฉินนั้นก็ได้ช่วยเหยีนเซี่ยฉีออกไปได้แล้ว ทั้งใบหน้าของเหยียนเซี่ยฉีตอนนี้ล้วนเต็มไปด้วยความสุข
“พี่เย่ ข้ารู้ว่าท่านจะต้องมาช่วยข้า”
“ฉีเออร์ ข้าปล่อยให้เจ้าได้รับความทุกข์ทนเสียแล้ว”
“ข้าทำให้พี่เย่เป็นกังวลใจเสียแล้ว”
“……”
ทั้งสองก็ได้แสดงความรักต่อกันเช่นนี้จนกระทั่งไปถึงหน้าประตูเมือง เซียวโม่ได้ยินแล้วก็รู้สึกเข็ดฟันอยู่บ้าง
ตูม!
ในตอนนี้พวกเขาได้ยินเสียงระเบิดดังมาจากทางใจกลางเมือง
เหยียนเซี่ยฉีกล่าว “คงไม่เกิดเรื่องกับเฉียนซีกระมัง! นายน้อยนั่นบ้ากามเป็นพิเศษ ถ้าหากว่าเขาเห็นเฉียนซีเข้าละก็เกรงว่า…”
เหยียนเซี่ยฉีอดเป็นห่วงมู่เฉียนซีไม่ได้ เย่เฉินจึงกล่าวขึ้น “สบายใจเถอะ! ยังมีท่านกู้อยู่”
กล้าที่จะมาโลภมากหวังในตัวนายท่าน ด้วยน้ำใจที่ท่านกู้มีต่อนายท่านแล้ว ท่านกู้จะไม่ปล่อยเขาไปอย่างแน่นอน
“พวกเราออกจากเมืองไปก่อน!”
“ได้!”
ในวันนี้ถึงแม้ว่าเหยียนเซี่ยฉีจะเป็นหญิงสาวผู้ที่นายน้อยจะตบแต่งไปเป็นภรรยาน้อยผู้นั้น แต่ทว่าเหล่าทหารรักษาการณ์ที่เฝ้าประตูเมืองอยู่นั้นกลับมิได้รู้จักนาง ดังนั้นแล้วจึงได้ปล่อยให้พวกเขาออกจากเมืองไปได้อย่างสบาย ๆ
ปัง ปัง ปัง!
และในขณะนี้มู่เฉียนซีกับกู้ไป๋อีก็ได้พุ่งออกไปราวกับพายุสายฟ้า
แม้แต่ระดับมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หกในเมืองโกลาหลจะออกโรงเอง แต่ไม่นานนักก็ได้พ่ายแพ้ให้แก่กู้ไป๋อี
จนเมื่อพวกนางกำลังจะมาถึงประตูเมือง ชายชราผู้หนึ่งก็ได้ตะโกนขึ้น “ปิดประตูเมือง อย่าให้ใครก็ตามออกไปได้ มีผู้ทำให้นายน้อยได้รับบาดเจ็บสาหัส จะให้มันหนีไปไม่ได้เป็นอันขาด”
ครึ่ม!
ประตูเมืองได้ถูกปิดลง พวกเย่เฉินที่รอมู่เฉียนซีอยู่ด้านนอกตะลึงงัน
พวกเขาอดที่จะเป็นกังวลไม่ได้แล้ว คงจะเกิดเรื่องใหญ่แล้วกระมัง!
มุมปากของมู่เฉียนซีแสยะยิ้มอย่างเยือกเย็นออกมา “พวกเจ้าคิดจริง ๆ หรือว่าปิดประตูเมืองแล้วพวกเราจะออกไปไม่ได้?”
“อู๋ตี้ เสี่ยวหง!”
เรื่องการระเบิดประตูเมืองเช่นนี้ อู๋ตี้และเสี่ยวหงมิได้เคยทำมาแค่เพียงครั้งเดียวเท่านั้น ดังนั้นแล้วพวกมันจึงระเบิดประตูเมืองออกอย่างชำนาญการ
ตูม!
แม้ว่าประตูเมืองของเมืองแห่งความโกลาหลจะแน่นหนาเป็นอย่างมาก แต่เมื่อถูกพวกมันทั้งสองระเบิดพลังใส่อย่างบ้าคลั่งก็ได้แตกออกเป็นเสี่ยง ๆ
เมื่อผู้ดูแลความสงบของเมืองแห่งความโกลาหลเห็นรูใหญ่ที่เกิดขึ้นตรงประตูเมืองนั้น สีหน้าของพวกเขาก็ดำมืดยิ่งกว่าเดิม
“ตามไป จะให้พวกเขาหนีไปไม่ได้เป็นอันขาด”
นายน้อยถูกทำให้พิการ ประตูเมืองก็ถูกระเบิดออก นี่เป็นความอัปยศครั้งใหญ่อย่างแน่นอน
ที่จริงแล้วเจ้าเมืองแห่งความโกลาหลชินกับการที่บุตรของตนมักจะแต่งภรรยาน้อยอยู่เป็นนิจมาตั้งนานแล้ว ก็เลยมิได้สนใจแต่อย่างใด
แต่ทว่าในครานี้มันได้เกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้ว
ผู้สืบสกุลเพียงผู้เดียวของเขาได้ถูกทำให้พิการเสียแล้ว
นักปรุงยายังบอกเขาอีกว่าเป็นเพราะเปลวเพลิงนั้นรุนแรงยิ่งนัก มันจึงได้เผาไปอย่างราบคราบ ดังนั้นแล้วจึงไร้หนทางที่จะรักษานายน้อยให้หายดีได้
ปัง! หลังจากที่ได้พิฆาตฆ่านักปรุงยาผู้ไร้ประโยชน์ไปแล้ว เจ้าเมืองอันก็ได้นำผู้แข็งแกร่งส่วนมากมุ่งไปที่ประตูเมืองทางทิศใต้
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะมาถึงสายไปเสียแล้ว
มู่เฉียนซีได้ฝ่าออกไปตั้งนานแล้ว และได้ขึ้นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาจากไปแล้วเช่นกัน
เจ้าเมืองอันมองจุดสีดำบนอากาศนั้นแล้วกล่าว “ส่งสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภาที่รวดเร็วที่สุดในเมืองแห่งความโกลหลของเราตามไปจับตัวพวกนั้นกลับมา ข้าจะสับศพพวกมันเป็นหมื่น ๆ ชิ้น!”
“ขอรับ!”
เมื่อเพิ่งจะส่งคนออกไปตามไล่ฆ่าพวกมู่เฉียนซีได้ อีกทางหนึ่งก็ได้มีข่าวส่งเข้ามา
“ท่านเจ้าเมือง ฮูหยินผู้ที่นายน้อยจะไปแต่งเข้ามานั้นไม่อยู่แล้ว และองครักษ์ทั้งหมดก็ล้วนแต่ถูกฆ่าตายไปสิ้น”
เจ้าเมืองอันตะลึงค้าง “หายตัวไปแล้ว! ไฉนเลยจะมีเรื่องที่บังเอิญเช่นนี้?”
“ท่านเจ้าเมือง พวกเรามองเห็นว่าบนตัวสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ท่องนภานั้นมีคนอยู่ห้าคน หญิงสาวผู้นั้นดูเหมือนจะเป็นผู้ที่นายน้อยต้องการจะแต่งงานด้วย”
บึ้ม! เจ้าเมืองอันโกรธกริ้วยิ่งนัก
เรื่องทั้งหมดนี้ไม่ได้เกิดขึ้นโดยบังเอิญ แต่มันได้ถูกวางแผนมาตั้งแต่แรกแล้ว
“เมืองเล็ก ๆ เมืองหนึ่งอย่างเมืองเหยียนช่างกล้าดีนัก! บุตรของข้าต้องการที่จะปกป้องนางแต่นางกลับไม่รู้จักดีชั่ว ก็อย่าได้ว่ากันเมื่อข้าล้างเมืองเหยียนด้วยเลือด”
แน่นอนว่าระหว่างทางนั้นมีทหารที่ไล่ตามมาอยู่ไม่น้อย
แต่ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดในบรรดาพวกเขาก็เป็นเพียงแค่ระดับที่หกเท่านั้น เย่เฉินและกู้ไป๋อีจึงสามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย
เหยียนเซี่ยฉีกล่าวด้วยความตกตะลึง “มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับที่หก พี่เย่ ท่าน…”
หลังจากจัดการกับทหารที่ไล่ตามมาคนสุดท้ายเป็นที่เรียบร้อยแล้วเย่เฉินก็กล่าวขึ้น “อื้ม! ข้ามีพลังความสามารถของมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หกแล้ว ข้าจะปกป้องเซี่ยฉีให้ดีอย่างแน่นอน จะไม่ให้ใครมาทำร้ายเซี่ยฉีได้อีก”
“พี่เย่…”
เซียวโม่มองเย่เฉินที่กอดสาวงามไว้ในอ้อมแขนด้วยความอิจฉาและริษยา เขาเอ่ยขึ้นว่า “เฉียนซี เจ้าหนุ่มนี่เอาแต่แสดงความรักช่างน่ารังเกียจนัก ข้าแนะนำให้โยนเขาลงไปจากสัตว์ศักดิทธิ์ท่องนภาซะ”
มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “ถ้าหากเจ้าสามารถที่จะโยนเย่เฉินลงไปได้ละก็ เช่นนั้นก็โยนลงไปเถอะ! ข้าสนับสนุน!”
“……”
เหล่าทหารที่ไล่ตามหลังมานั้นไร้ซึ่งความคุกคามใด ๆ ต่อพวกเขา พวกเขาจึงหยอกล้อกันไปตลอดเส้นทาง
ไม่นานนักที่ทางด้านเมืองแห่งความโกลาหล เจ้าเมืองอันก็ได้รับข่าวว่าคนที่เขาส่งออกไปนั้นได้ถูกฆ่าตายทั้งหมด เขาแทบที่จะระเบิดออกมาในทันที
“เจ้าพวกไร้ประโยชน์ ตามฆ่าไอ้พวกเด็กขนหัวอ่อนเพียงไม่กี่คนก็ยังทำไม่ได้ ช่างเลี้ยงเสียข้าวสุกเสียจริง!”
“ไปสืบมาว่าพวกมันเป็นใครกันแน่”
“ขอรับ!”
พวกมู่เฉียนซีได้กลับมาถึงยังเมืองเหยียนแล้ว เมื่อเจ้าเมืองเหยียนเห็นเหยียนเซี่ยฉีกลับมาอย่างปลอดภัย เขาที่ได้รับบาดเจ็บหนักอยู่นั้นก็ราวกับฟื้นคืนพลังเป็นปกติก็มิปาน
เย่เฉินกล่าว “ท่านพ่อตา เซี่ยฉีหายตัวไปพวกนั้นจะต้องสงสัยเป็นแน่ อีกไม่นานนักก็คงจะสืบสาวมาถึงตัวพวกเราได้ เมืองเหยียนไม่ใช่สถานที่ที่ควรจะอยู่ต่อนาน ข้าอยากจะพาเซี่ยฉีไปยังเมืองเหลย ที่นั่นค่อนข้างจะปลอดภัยมากกว่า”
เจ้าเมืองเหยียนเองก็มิได้รังเกียจคำเรียกขานนั้นแล้ว เขากล่าวตอบ “ได้! ทั้งหมดเอาความปลอดภัยของเซี่ยฉีเป็นหลัก”
“ไอ้บ้าเย่เฉิน!”
ขณะเดียวกันเจ้าเมืองอันก็สืบสาวราวเรื่องออกมาได้แล้ว
เจ้าเมืองแห่งความโกลาหลนั้นไม่เคยสนใจแม้ที่ที่อื่น ๆ ก่อความวุ่นวายน้อยใหญ่ขึ้น เมืองที่แข็งแกร่งและอยู่ที่จุดศูนย์กลางที่สุดของเขานั้น ไม่มีเมืองใดจะสามารถสร้างความคุกคามต่อเขาได้
แต่มาตอนนี้…
“คิดจริงหรือว่าเมื่อได้ไปซึ่งทางตะวันตกและทางใต้ของทุ่งรกร้างแล้วจะสามารถมาท้าทายกับเมืองแห่งความโกลาหลของข้าได้? ช่างไม่ประเมินกำลังตนเองเสียจริง”
“ทหาร! รวมพลยอดฝีมือทั้งหมด ข้าจะทำลายกลุ่มพันธมิตรที่เจ้าเย่เฉินนั่นสร้างขึ้นมา และจับสตรีสองนางนั้นมาชดเชยให้แก่บุตรของข้า”
และในตอนที่เขากำลังออกคำสั่งนี่เองก็พลันมีเสียงอันเย็นยะเยือกเสียงหนึ่งลอยมา “หากคิดจะต่อกรกับพวกนั้นด้วยกำลังของเมืองแห่งความโกลาหลของพวกเจ้าเพียงลำพังนั้น ค่อนข้างที่จะยากเย็นอยู่บ้าง!”
.