สำนักขวางโซ่วซ่อนตัวอยู่ในสถานที่ที่ลึกลับมาก อยู่ใต้ดินที่ไร้มนุษย์ทางตะวันออกและตะวันตกของทุ่งรกร้างแห่งนี้
พวกเขาได้สร้างตำหนักใต้ดินขึ้นมาตำหนักหนึ่ง เพื่อเป็นฐานที่มั่นของสำนักขวางโซ่ว
บัดนี้ เจ้าสำนักขวางโซ่วได้ตกอยู่ในกำมือของพวกมู่เฉียนซีแล้ว จึงทำได้เพียงแค่ยอมรับชะตากรรม
“ตกลงพวกขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าเหล่านั้นเป็นพวกใดกันแน่?” มู่เฉียนซีกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
คำถามนี้มู่ฉือซานได้ถามไปแล้ว แต่เจ้าสำนักขวางโซ่วบอกไม่ได้
หากพูดออกไปเขาต้องซวยแน่นอน อีกทั้งในร่างกายของเขาก็ถูกวางยาพิษเอาไว้
ดูท่า หากอยากรู้ถึงตัวตนของคนเหล่านั้น ก็ทำได้แค่รอจับตัวพวกขั้นมหาจักรพรรดิระดับเก้าเหล่านั้นมาให้ได้
มีเจ้าสำนักขวางโซ่วเป็นคนนำทาง และเดิมทีสำนักขวางโซ่วก็ได้รับความเสียหายไปอย่างหนักในสนามรบครั้งก่อนแล้วด้วย
ทันทีที่เข้าสู่สำนักขวางโซ่ว ดูเหมือนว่าพวกเขาไร้ซึ่งกำลังที่จะตอบโต้กลับ
อีกอย่างสำนักขวางโซ่วก็อยู่ใต้ดินในที่ลับ มู่เฉียนซีวางยาพิษเพียงเล็กน้อยก็สามารถทำให้พวกเขาได้รับบาดเจ็บอย่างสาหัสแล้ว
ผู้มีพลังขั้นจักรพรรดิธรรมดาไร้ซึ่งกำลังที่จะต่อสู้แล้ว ส่วนขั้นมหาจักรพรรดิที่เหลือเหล่านั้น องครักษ์เงาของตระกูลมู่ก็พุ่งออกไปรับมือทันที
ทั่วทั้งสำนักขวางโซ่วดูเหมือนเป็นสถานที่ทดลองยาก็อย่างไรอย่างนั้น
ในที่แห่งนี้มีพิษแปลกประหลาดนับพันชนิด หากมู่เฉียนซีไม่เข้าใจเกี่ยวกับการปรุงยาแล้วละก็ ทันทีที่ย่างเท้าเข้าไปพวกนางก็คงจะตายเพราะโดนพิษแล้วเป็นแน่
ตูม ปัง ปัง!
ชายชราทั้งสองที่กำลังซ่อนตัวรักษาอาการบาดเจ็บอยู่ในสำนักขวางโซ่วตกตะลึงขึ้น บัดซบ! นึกไม่ถึงว่าพวกมันจะมาได้เร็วเช่นนี้
มู่เฉียนซีได้นำกำลังคนมากวาดล้างสำนักขวางโซ่วแล้ว อาการบาดเจ็บของพวกเขาทั้งสองยังไม่ทันรักษาให้หายดี ก็ต้องออกมาแล้ว
ร่างในชุดดำและชุดเทาทั้งสองเคลื่อนไหวกระโจนออกมา ถึงแม้ว่าพวกเขาจะได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่พวกเขาก็มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า มู่เฉียนซีเตรียมใช้ยาโชคลาภตี้หลินเพื่อเพิ่มพลังวิญญาณ
แต่กู้ไป๋อีกลับห้ามเอาไว้ “คุณหนูใหญ่ สองคนนี้ได้รับบาดเจ็บสาหัสแล้ว ข้ารับมือได้! คุณหนูใหญ่ไม่จำเป็นต้องสิ้นเปลืองยา”
ถึงแม้ว่ายาเพิ่มพลังวิญญาณนั้นจะไม่ได้ส่งผลกระทบอันใดต่อร่างกายนาง แต่เม็ดยาที่ต้านสวรรค์เช่นนี้ก็ใช่ว่าจะได้มาโดยที่ไม่ต้องเสียอะไรไปเลย
นี่เป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตเอาไว้ได้ในยามวิกฤต เขาไม่อยากให้นางสิ้นเปลือง
นางกล่าว “เสี่ยวไป๋ ระวังตัวด้วย!”
รับมือกับผู้ที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสถึงสองคน ถึงแม้ว่ากู้ไป๋อีจะต้องต่อสู้แบบสองต่อหนึ่ง แต่ก็สามารถจัดการได้อย่างสบายมือ
ส่วนมู่เฉียนซีก็เลือกที่จะไปฝึกฝีมือกับยอดฝีมือคนอื่น ๆ ของสำนักขวางโซ่วแล้ว
ตูม เปรี้ยง ปัง! เผชิญหน้ากับคนเหล่านี้ของสำนักขวางโซ่ว มันเปรียบเสมือนฝันร้ายของสำนักขวางโซ่วเลยก็ว่าได้
“เงาจันทราคู่!”
วงล้อจันทราสีเงินสองวงฟันเข้าบริเวณเอวของชายชราสองคนนั้น
กู้ไป๋อีควบคุมพลังได้อย่างแม่นยำมาก เพียงแค่ทำให้พวกเขาบาดเจ็บสาหัสเท่านั้น ไม่ได้ฟันเอวของพวกเขาจนขาดสะบั้นแต่อย่างใด
พวกเขาทั้งสองล้มลงไปกับพื้นจมไปในกองเลือด
เสี่ยวไป๋จัดการสองคนนี้ได้รวดเร็วยิ่งนัก ทันใดนั้นร่างในชุดม่วงก็กระโจนมา
มู่เฉียนซีวางกระบี่มังกรเพลิงลงบนคอของคนผู้นั้น ก่อนจะกล่าวว่า “บอกมาเถอะ! ตกลงแล้วเป็นกองกำลังใดกันแน่ที่ส่งพวกเจ้ามา?”
อย่างน้อยก็ต้องเป็นกองกำลังระดับสองครึ่ง หรือไม่ก็ระดับสาม หนึ่งในนั้นคงเป็นตำหนักตงจี๋และตำหนักเป่ยหาน
ชายชราชุดดำมองไปที่กู้ไป๋อี และกล่าวว่า “ท่าน ข้าว่าท่านก็คงจะคาดเดาได้แล้ว”
แสงสีเงินสว่างวาบขึ้น ปลายกระบี่แทงทะลุไหล่ของชายชราชุดดำไปคราหนึ่ง
“ตกลงว่าเป็นผู้ใดกันแน่ที่สั่งให้เจ้ามากระทำเรื่องเช่นนี้?” ใบหน้าของกู้ไป๋อีเย็นยะเยือกขึ้น
น้ำเสียงอันแหบแห้งเสียงหนึ่งดังขึ้น “แน่นอนว่านี่เป็นการตัดสินใจของนายท่านตำหนักเหนือ พวกเราทุกคนล้วนแต่จะต้องทำภารกิจใหญ่นี้ของนายท่านให้สำเร็จเพื่อความดีความชอบ แต่ท่านทำเช่นนี้ ไม่กลัวว่าเขาจะโกรธเอาหรือ?”
ชายชราชุดขาวผู้หนึ่งเดินย่างกรายออกมา คนผู้นี้เขารู้จัก!
“เฮยเฉีย!”
เขาคือคนสนิทของผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตำหนักเป่ยหาน
“ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าผู้แข็งแกร่งที่ยิ่งใหญ่เช่นท่าน จะจำผู้น้อยอย่างข้าได้ด้วย”
“เจ้า ฆ่าตัวตายซะเถอะ!” เผชิญหน้ากับชายชราชุดขาวผู้เสแสร้งเช่นนี้ กู้ไป๋อีจึงกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ต้องขออภัยท่านด้วย ข้าฟังเพียงแค่คำสั่งของท่านผู้อาวุโสสูงสุดเท่านั้น ไม่ฟังคำสั่งของท่าน แต่หากท่านทำให้คนอื่นปลิดชีพเพื่อเป็นการขอโทษที่ล่วงเกินข้าได้ ข้าก็จะปล่อยให้ท่านหนีไปอย่างปลอดภัย”
“รนหาที่ตาย!” ชั่วครู่หนึ่งความเย็นยะเยือกก็ได้แผ่ซ่านไปทั่วทั้งใต้ดิน
เฮยเฉียกล่าว “พลังของท่านถดถอยลงมาถึงขั้นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับหนึ่ง ท่านคิดว่าข้าจะเกรงกลัวท่านอย่างนั้นหรือ?”
ใบหน้าของกู้ไป๋อียิ่งทวีความเย็นยะเยือกขึ้น จากนั้นกระบี่เฉียนหานก็เคลื่อนไหวตัดผ่านอากาศไป
ไม่มีอันใดต้องพูดอีกแล้ว ในเมื่อได้รู้แล้วว่าผู้ใดเป็นคนบงการ เช่นนั้นก็จัดการคนผู้นี้ไปให้สิ้นซากได้
เมื่อเผชิญกับกระบี่เล่มนี้ เฮยเฉียก็รีบหลบหลีก จากนั้นแมงป่องขนาดใหญ่ตัวหนึ่งก็ได้ปรากฏขึ้นบนพื้นดิน และพุ่งเข้าหามู่เฉียนซี
“ได้ยินมาว่าสาวน้อยนางนี้เป็นคนที่ท่านใส่ใจยิ่งนัก เช่นนั้นข้าก็จะทำให้นางกลายมาเป็นอาหารของลูกข้าก็แล้วกัน!”
แมงป่องตัวนั้นรวดเร็วมาก อีกทั้งยังพ่นพิษรุนแรงออกมาอีกด้วย
และสิ่งที่จัดการได้ยากยิ่งกว่านั้นก็คือ มัน…
มันคือสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหก!
อู๋ตี้เห็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกเข้าดวงตาก็เริ่มแดงก่ำขึ้น หมายความว่ามีผนึกวิญญาณของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกให้กินอีกแล้ว เพียงแต่ว่า…
สู้มันไม่ได้อ่ะ! ช่างอึดอัดใจยิ่งนัก!
เดิมทีไม่อยากจะสิ้นเปลืองยาโชคลาภตี้หลิน แต่ตอนนี้กลับจำต้องใช้มันแล้ว
มีเพียงแค่เพิ่มพลังวิญญาณให้ถึงขั้นมหาจักรพรรดิเท่านั้น เมื่อเผชิญหน้ากับแมงป่องตัวนี้ นางถึงจะมีกำลังในการต่อสู้เพิ่มขึ้น!
ทว่า กำลังในการต่อสู้ของสัตว์ศักดิ์สิทธิ์เมื่อเทียบกับมนุษย์ที่มีความแข็งแกร่งในระดับเดียวกันแล้ว สัตว์ศักดิ์สิทธิ์จะแข็งแกร่งกว่ามาก และร่างของนางในตอนนี้ก็ปนเปื้อนไปด้วยพิษของแมงป่องไม่น้อยเลย
หากไม่ใช่เพราะว่าพิษทำอันใดนางไม่ได้ เกรงว่านางคงจะถูกฆ่าตายไปแล้ว
“ทักษะโยวหลัว!”
ตูม เปรี้ยง เปรี้ยง!
เกราะป้องกันของแมงป่องพิษนี้สมบูรณ์แบบมากจริง ๆ แม้ว่าจะเป็นทักษะโยวหลัวก็ไม่สามารถทำลายมันได้
หมอกพิษที่มันได้พ่นออกมาอย่างต่อเนื่องนั้น ทำให้วังใต้ดินในตอนนี้เต็มไปด้วยพิษอันรุนแรง
มู่อีและพวกเห็นผู้นำตระกูลของตนเองถูกเจ้าสัตว์น่ากลัวตัวนี้ตามไล่ฆ่าอย่างน่าหวาดเสียวเช่นนี้ก็รู้สึกกระวนกระวายใจเป็นอย่างยิ่ง
“ท่านผู้นำตระกูล!”
มู่เฉียนซีตะโกนกล่าว “พวกเจ้าถอยออกไปให้หมด! เฝ้าด้านนอกเอาไว้ หากมีผู้ใดกล้าหนีออกไปก็ฆ่าได้ทันที ไม่ว่าจะเกิดอันใดขึ้น ห้ามเข้ามาเด็ดขาด!”
“ท่านผู้นำตระกูล แต่ว่า…”
มู่เฉียนซีตะโกนอย่างเย็นชาว่า “หรือแม้แต่คำสั่งของข้า พวกเจ้าก็ไม่ฟังอย่างนั้นเหรอ?”
“ขอรับ! ข้าน้อยรับคำสั่ง!”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! แม้ว่าจะเป็นกังวลมากเพียงใด แต่ในฐานะองครักษ์เงาของตระกูลมู่แล้ว พวกเขาจะขัดคำสั่งของท่านผู้นำไม่ได้เด็ดขาด
ท่านผู้นำตระกูลจะต้องไม่เป็นอะไร!
ในสายตาของกู้ไป๋อี เมื่อก่อนเฮยเฉียนั้นเป็นผู้ที่ไร้ซึ่งความโดดเด่น แต่เขานั้นเข้าใจถึงพิษอันแข็งแกร่งของแมงป่องพิษตัวนี้ของเฮยเฉียเป็นอย่างดี และรู้ว่านางกำลังตกอยู่ในอันตราย!
กู้ไป๋อีที่ร้อนอกร้อนใจดุจดั่งไฟลุกโหมในตอนนี้ พลังชีวิตในร่างกายของเขานั้นโคจรรุนแรงมาก
พลังชีวิตทั้งหมดในบริเวณโดยรอบได้รวมตัวเข้าด้วยกัน
ถึงเวลาฟื้นฟูแล้ว!
เฮยเฉียสังเกตเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของกู้ไป๋อี สีหน้าก็พลันเปลี่ยนไปทันที พลังของเขากำลังจะฟื้นฟูกลับมาแล้ว!
สีหน้าของมู่เฉียนซีฉายแววดีใจขึ้น หากพลังของเสี่ยวไป๋ฟื้นฟูกลับมา ต่อไปก็คงจะรับมือได้ง่ายขึ้น
ตูม! เฮยเฉียฉวยโอกาสในตอนที่พลังของกู้ไป๋อียังฟื้นฟูไม่สมบูรณ์เริ่มโจมตีเขาอย่างบ้าคลั่ง
กู้ไป๋อีหลบหลีกได้ทุกการโจมตี ร่างชุดขาวเคลื่อนไหวออกไปท่ามกลางหมอกควันพิษ พลังขั้นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับเก้านั้นทำให้เฮยเฉียต้องถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว
ผู้แข็งแกร่งที่เคยทรงพลังเมื่อก่อนได้กลับมาแล้ว เขา…
กระบี่เฉียนหานพุ่งตรงไปที่หัวใจของเฮยเฉีย แม้ว่าจะไม่โดนหัวใจ แต่ร่างกายของเฮยเฉียก็ถูกแทงจนปรากฏรอยแผลขึ้น
กู้ไป๋อีกระวนกระวายใจอยากเข้าไปช่วยมู่เฉียนซีจัดการกับสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกตัวนั้น ดังนั้นเขายิ่งลงมือกับเฮยเฉียโหดเหี้ยมขึ้น
เผชิญหน้ากับกู้ไป๋อีที่พลังฟื้นฟูกลับมาถึงขั้นมหาจักรพรรดิยอดยุทธ์ระดับเก้าแล้วเช่นนี้ เฮยเฉียไม่มีโอกาสได้ตอบโต้เลย!
ไร้หนทางอื่นแล้ว มีเพียงแค่หนทางนี้ทางเดียว แววตาของเฮยเฉียฉายแววโหดร้ายขึ้น และกล่าวกับชายชราชุดดำว่า “เปิดค่ายกลเร็วเข้า! รีบเปิดค่ายกลเร็วเข้า!”