เมื่อมู่เฉียนซีกวัดแกว่งกระบี่ใส่ไป๋เหยียนเอ๋อร์ ทันใดนั้นทั้งตำหนักใหญ่ก็ได้กลายเป็นทะเลเพลิง ทำให้มู่เฉียนซีไม่ทันตั้งตัว
ไป๋เหยียนเอ๋อร์ได้โอกาส ผ้าแพรสีขาวพุ่งเข้าหามู่เฉียนซีราวกับงูพิษ และกระแทกมู่เฉียนซีเข้าไปในทะเลเพลิงนั้น
ตูม! หลังจากที่ไป๋เหยียนเอ๋อร์และคนอื่น ๆ จากไป ประตูที่อยู่ตรงหน้าพวกเขาก็ถูกปิดลง
ข่งชัวกล่าว “เจ้าเด็กนั่นต้องถูกเผาจนแม้แต่กระดูกก็ไม่มีเหลือเป็นแน่!”
“น่าเสียดาย! ที่ไม่ได้ฆ่าเด็กนั่นด้วยมือของตัวเอง”
ตำหนักใหญ่ของเมืองเพลิงศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้เป็นกับดัก
หลังจากตำหนักใหญ่กลายเป็นทะเลเพลิง เสี่ยวหงก็พุ่งออกมาใช้เปลวเพลิงของตัวเองระงับเปลวเพลิงรอบข้าง
“โล่วิญญาณน้ำแข็ง!” พลังวิญญาณธาตุน้ำห่อหุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้ ทำให้เปลวเพลิงเหล่านี้ไม่อาจเข้าใกล้มู่เฉียนซีได้ชั่วคราว
มู่เฉียนซีพุ่งไปยังประตูบานใหญ่นั้น นางต้องรีบออกไปจากสถานที่บ้า ๆ แห่งนี้ให้เร็วที่สุด แต่…
นางไม่สามารถเปิดประตูบานนี้ได้ ทันใดนั้นแสงสีขาวก็สว่างวาบขึ้น และอู๋ตี้ผู้มีความสามารถก็ได้ปรากฏตัวออกมา
เดิมทีอู๋ตี้คิดว่าตนเองจะสามารถเปิดประตูที่ขวางทางเจ้านายของตนออกได้ แต่กลับคิดไม่ถึงเลยว่าจะระเบิดไม่ได้
ตูม!
อุณหภูมิโดยรอบสูงขึ้นและสูงขึ้นเรื่อย ๆ
เปลวเพลิงในที่นี้เริ่มกดทับเปลวเพลิงของเสี่ยวหง และบทบาทธาตุน้ำของมู่เฉียนซีก็ลดน้อยลงเรื่อย ๆ
เสี่ยวหงโกรธขึ้นมาแล้ว “ไฟนี่มันไฟอะไรกันแน่?”
ท่ามกลางเปลวเพลิงอันตรายนี้ ทันใดนั้นก็มีเงาดำทยอยปรากฏขึ้นมา
เงาดำเหล่านี้มีรูปร่างเหมือนมนุษย์ แต่มีเขี้ยวและกรงเล็บแหลมคม
พวกเขามุ่งเข้าหามู่เฉียนซีและล้อมไว้ จากนั้นพวกเขาก็ได้ยื่นกรงเล็บออกมาหมายจะคว้าตัวมู่เฉียนซีไป
เสี่ยวหงกล่าวเสียงแหลมว่า “นี่…นี่คงไม่ใช่วิญญาณเพลิงชั่วร้ายหรอกกระมัง! ทำไมถึงมาเจอมันได้ล่ะ”
อู๋ตี้กล่าว “เจ้ายังมีหน้ามาพูดอีก ไม่ใช่เพราะเจ้าที่พานายท่านมาที่นี่หรอกหรือ?”
มู่เฉียนซีถาม “เสี่ยวหง วิญญาณเพลิงชั่วร้ายคืออะไร?”
“วิญญาณเพลิงชั่วร้ายเป็นผู้บำเพ็ญภูตที่แข็งแกร่งที่มีเปลวเพลิงสวรรค์ หลังจากตายไปแล้วเขาได้รวบรวมศพของผู้บำเพ็ญภูตธาตุไฟจำนวนหนึ่ง และดึงวิญญาณของพวกเขาออกมา จากนั้นก็ใช้ค่ายกลเพื่อควบคุมพวกเขาทำให้พวกเขากลายเป็นผู้แข็งแกร่งที่ถูกควบคุมเพื่อคอยทำเรื่องต่าง ๆ ให้แก่ผู้บำเพ็ญภูตผู้นั้น”
“โฮก!” เสียงคำรามของอู๋ตี้!
“ต่อให้เป็นวิญญาณเพลิงชั่วร้าย ข้าอู๋ตี้ ก็จะฆ่าเจ้าให้ได้”
“เพลิงเผาสวรรค์!” เสี่ยวหงก็ใช้กระบวนท่าสุดยอดของตัวเองเช่นกัน
“นายท่าน พวกเราต้องรีบออกไปแล้ว”
มู่เฉียนซีเปลี่ยนกระบี่ธรรมดาของนางและหยิบกระบี่มังกรเพลิงออกมา
เมื่อเผชิญหน้ากับวิญญาณเพลิงชั่วร้ายที่พุ่งเข้ามาหานาง มู่เฉียนซีก็ออกกระบวนท่ากระบี่ไปในทันที “มังกรเพลิงสังหาร!”
กระบี่มังกรเพลิงคำรามออกไป ราชาของเปลวเพลิงได้กดวิญญาณเพลิงชั่วร้ายเหล่านี้ไว้อย่างน่าหวาดกลัว
ปัง! เสียงดังสนั่นหวั่นไหว วิญญาณเพลิงชั่วร้ายได้ถูกมังกรเพลิงจัดการจนหายตัวไป
แต่การหายตัวไป ก็มิใช่ว่าจะสูญสิ้นไปอย่างสมบูรณ์
ปัง ปัง ปัง!
วิญญาณเพลิงชั่วร้ายตนอื่นพุ่งเข้ามาจะจับตัวมู่เฉียนซีอีกครั้ง
อู๋ตี้ เสี่ยวหงและมู่เฉียนซีต่างต่อสู้กับวิญญาณเพลิงชั่วร้ายเหล่านี้ในทะเลเพลิงอย่างสุดกำลัง
เจ้าพวกนี้ได้รับการโจมตีร้ายแรงอย่างไรก็ไม่มีสูญเสียเลือด เพียงแต่หายไปเท่านั้น
มู่เฉียนซีไม่รู้ว่าตัวเองใช้กระบี่มังกรเพลิงฟันวิญญาณเพลิงชั่วร้ายไปแล้วเท่าไหร่ แต่วิญญาณเพลิงชั่วร้ายโดยรอบกลับไม่ลดลงเลยและยิ่งเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ
เสี่ยวหงกล่าว “วิญญาณที่เหลืออยู่ของวิญญาณเพลิงชั่วร้ายเป็นอมตะ วิญญาณเพลิงชั่วร้ายนี้ฆ่าไม่ตาย ยิ่งฆ่ายิ่งมาก”
เสี่ยวหงพูดถูก มันเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ แม้ว่ามู่เฉียนซีจะหยิบกระบี่มังกรเพลิงออกมา และแม้ว่าพลังการต่อสู้ของมู่เฉียนซีจะเพิ่มขึ้นอีกระดับหนึ่งก็ยังคงถูกวิญญาณเพลิงชั่วร้ายเหล่านี้ทำให้ตกอยู่ในสภาพที่น่าอนาถ
“บัวแดงพิฆาต!” ดอกบัวเพลิงสีแดงเข้มพุ่งขึ้นสู่ท้องฟ้าและระเบิดลงมาที่ตำหนักใหญ่
เมื่อการโจมตีเพียงครั้งเดียวของบัวแดงพิฆาตทำให้วิญญาณเพลิงชั่วร้ายเหล่านี้หายไปทั้งหมด นี่จึงทำให้มู่เฉียนซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก
“ทุกอย่างเรียบร้อยดีแล้ว”
แต่มันง่ายขนาดนั้นที่ไหนกันล่ะ? วิญญาณเพลิงชั่วร้ายจำนวนมากปรากฏตัวขึ้นจากอากาศและล้อมพวกเขาไว้อีกครั้ง
มู่เฉียนซีกำกระบี่มังกรเพลิงไว้แน่น ทั่วทั้งร่างของกระบี่มังกรเพลิงระเบิดแสงอันร้อนแรงออกมาเพื่อยับยั้งวิญญาณเพลิงชั่วร้ายเหล่านี้
ภายใต้การคุกคามของกระบี่มังกรเพลิง วิญญาณเพลิงชั่วร้ายเหล่านี้กลับหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว และกลายเป็นวิญญาณเพลิงชั่วร้ายขนาดยักษ์
ความแข็งแกร่งเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบเท่า และใบหน้าของมู่เฉียนซีก็เคร่งขรึมมากขึ้น
มู่เฉียนซีพึมพำเสียงเบา ๆ “อู๋ตี้ เสี่ยวหง พวกเราสู้กันเถอะ!”
“มังกรเพลิงสังหาร!”
“มังกรวารีพิฆาต!”
ตูม!
การต่อสู้อย่างสุดกำลังของพวกเขาดูเหมือนจะไม่สามารถทำอะไรวิญญาณเพลิงชั่วร้ายนี้ได้
ในเวลานี้วิญญาณเพลิงชั่วร้ายได้พุ่งเข้าหามู่เฉียนซีอย่างเฉียบขาด
มันยังไม่ทันจะได้สัมผัสมู่เฉียนซี แสงสีเขียวอ่อนก็ปกคลุมไปทั่วพื้นที่ เปลวเพลิงที่ลุกโชนราวกับถูกหยุดชะงักไว้ในภาพวาด
เวลาได้หยุดเคลื่อนที่แล้ว
ร่างสีเขียวอ่อนปรากฏขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซี
เขาเหลือบไปมองสถานการณ์รอบข้างแล้วกล่าวว่า “ทุกครั้งที่ข้าออกมา ล้วนไม่ใช่สถานที่ดีอะไรนัก?”
มู่เฉียนซียิ้ม “แต่เจ้าออกมาในเวลาที่เหมาะสมมาก”
“หากข้าออกมาไม่ถูกเวลา ชีวิตน้อย ๆ ของเจ้าเกรงว่าคงจะรักษาไว้ไม่รอดแล้ว!”
ขณะที่พวกเขาพูดคุยกันอยู่นั้น เปลวไฟรอบ ๆ ก็ขยับอีกครั้ง
สิ่งขนาดใหญ่มหึมาตรงหน้านี้ชกหมัดเข้าใส่มู่เฉียนซี
อาถิงดึงมู่เฉียนซีหลบ มืออันงดงามของเขานั้นได้รับหมัดใหญ่ของวิญญาณเพลิงชั่วร้ายเอาไว้ได้
ปัง! วิญญาณเพลิงชั่วร้ายถูกเขาผลักจนลอยกระเด็นออกไป
อาถิงกล่าวอย่างเย็นชาว่า “เวลาไหลย้อนกลับ!”
เจ้าพวกนี้ฆ่าไม่ตาย แต่ปล่อยให้เวลาของพวกเขาไหลย้อนกลับจนถึงเวลาที่พวกเขาไม่ได้กลายเป็นวิญญาณเพลิงชั่วร้ายก็จะสามารถจัดการได้แล้ว
พลังของพวกเขากำลังอ่อนกำลังลง เมื่อพลังของพวกเขาหายไป เปลวเพลิงก็พุ่งเข้าใส่มู่เฉียนซี
ความเร็วของเปลวเพลิงนี้รวดเร็วมาก!
มู่เฉียนซีไม่ได้ป้องกันตัวเองจึงถูกเปลวเพลิงแผดเผา
“เปลวเพลิงนั่นคืออะไร?” มู่เฉียนซีตะลึงงัน
ภายในร่างกายของนางลุกโชนไปด้วยเปลวเพลิง มู่เฉียนซีไม่ได้รู้สึกถูกเผาแม้แต่น้อย แต่นางมีลางสังหรณ์ที่ไม่ดีอย่างมาก
เสี่ยวหงรีบกระโดด “บ้าเอ๊ย! วิญญาณเพลิงชั่วร้ายเหล่านั้นหลงเหลือเปลวเพลิงอยู่ลูกสุดท้าย เปลวเพลิงนั่นคือ…”
“นายท่าน รีบให้ท่านหวงจิ่วเยี่ยมาเร็วเข้า เร็วเข้า…”
มู่เฉียนซีกล่าว “มีอะไรหรือ? ตอนนี้วิกฤติได้คลี่คลายแล้ว อาถิงก็ตื่นขึ้นมาแล้ว น่าจะรับมือได้…”
เสี่ยวหงร้อนใจ “ไม่ได้! นายท่าน ท่านรีบให้ท่านหวงจิ่วเยี่ยมาเร็วเข้า ไม่เช่นนั้นคงไม่ทันแล้ว…”
“เจ้าหมูขี้เกียจหุบปากซะ!”
อาถิงจับเสี่ยวหงแล้วโยนเสี่ยวหงออกไปทันที
“ผู้ทำพันธสัญญาของข้า ตอนนี้ยังไม่ถึงตาเจ้าหมอนั่นมาช่วย!”
แสงสีเขียวอ่อนห่อหุ้มมู่เฉียนซีเอาไว้
“เจ้าสิ่งน่ารังเกียจ อย่าคิดว่าเจ้าซ่อนตัวอยู่บนร่างของนางผู้หญิงบ้าคนนี้แล้ว ข้าจะจับเจ้าไม่ได้”
แม้ว่าอาถิงจะเต็มไปด้วยความมั่นใจ แต่…ไม่นานสีหน้าของเขาก็หนักอึ้งขึ้นมา
“เป็นไปได้ยังไง? กลับทำมันไม่ได้จริง ๆ”
มู่เฉียนซีเอ่ยถาม “อาถิง เปลวเพลิงนั่นคืออะไรกันแน่?”
เสี่ยวหงร้อนใจจนทำอะไรไม่ถูกทำให้มู่เฉียนซีมีสีหน้าเคร่งเครียดขึ้นมา