“เจ้าจะออกไป?” ดวงตาอันใสกระจ่างคู่นั้นฉายแววของการวางแผนการลอบทำร้าย
“ได้สิ! ข้าจะส่งเจ้าออกไปข้างนอกเดี๋ยวนี้เลยนังผู้หญิงบ้า”
ทันทีที่ร่างกายของอาถิงขยับอย่างรวดเร็ว เขาคิดที่จะถีบผู้หญิงบ้าที่น่ารำคาญผู้นี้ออกไป
แต่ดูเหมือนว่ามู่เฉียนซีจะคาดเดาได้ถึงการกระทำของเขาตั้งแต่แรกแล้ว นางจึงได้พุ่งอ้อมไปที่ด้านหลังตัวของเขาและจับข้อมือบิดมาไว้ที่ด้านหลัง
มู่เฉียนซีโยกตัวเข้ามากระซิบที่ข้างหูของเขา “อาถิง เจ้าคิดที่จะทำร้ายข้าผู้เป็นนายของเจ้า เจ้ายังอ่อนหัดไปหน่อยนะ!”
อาถิงอยู่มาไม่รู้ว่านานกว่ามู่เฉียนซีตั้งกี่ปี
แต่ทว่าเขานั้นอยู่กับผู้เป็นพี่สาวมาโดยตลอด ถึงแม้ว่าอารมณ์เขาจะไม่ค่อยดีนัก แต่ทว่าใจเขานั้นกลับบริสุทธิ์เป็นอย่างมาก
หากกล่าวถึงเรื่องแผนการลอบทำร้ายอันใจดำแล้ว เขาเทียบไม่ได้เลยกับมู่เฉียนซี
คิดที่จะลอบลงมือและคิดว่าตนเองนั้นปกปิดเอาไว้ได้เป็นอย่างดี แต่ที่จริงมันได้ถูกมู่เฉียนซีอ่านออกอย่างทะลุปรุโปร่งไปตั้งแต่แรกแล้ว
“นังผู้หญิงบ้า เจ้าคิดจะทำอะไร?”
มู่เฉียนซีกล่าว “คราวก่อนเจ้าถีบข้าออกไปนอกมิติ ครั้งนี้เจ้าก็ยังคิดที่จะถีบข้าอีก? ข้าจะยอมให้เจ้าทำสำเร็จหรือ? ฝันไปเถอะ!”
“ข้าจะถีบเจ้า เจ้าจะทำอะไรได้?”
“ถ้าหากเจ้ากล้าที่จะถีบ อย่างมากข้าก็แค่เอาเจ้ามาเป็นเบาะรองกระแทก ถึงแม้ว่าตัวเจ้าจะมีเนื้อหนังแค่ไม่กี่ชั่งก็เถอะ”
“มีเนื้อหนังแค่ไม่กี่ชั่งอะไรกัน? นังผู้หญิงบ้าเจ้ารนหาที่ตาย!”
เขาแทบจะถูกผู้หญิงบ้าผู้นี้ทำให้โกรธตาย เขาไม่อยากที่จะเห็นหน้านางอีกต่อไป
พลังวิญญาณเขียวอ่อนได้ผลักมู่เฉียนซีออกไปนอกมิติ แรงพลังนั้นไม่เบาเลย
มู่เฉียนซีกลับมายังห้องโถงที่ได้ถูกลอบทำร้ายไปอีกครั้งหนึ่ง มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “อู๋ตี้ เสี่ยวหง ตอนนี้ลองเปิดประตูดู”
ตูม! เมื่อไร้ซึ่งทะเลเพลิงและไร้ซึ่งวิญญาณเพลิงที่ชั่วร้าย อู๋ตี้และเสี่ยวหงก็ผลักประตูบานนี้เปิดออกได้อย่างง่ายดาย
ที่แห่งนี้เต็มไปด้วยความอันตราย ไม่รู้ว่าพวกไป๋เหยียนเอ๋อร์นั้นยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?
ถ้าหากว่ายังมีชีวิตอยู่ นางจะต้องเข้าไปแทงซ้ำอีกสักสองสามครา
มู่เฉียนซีเดินทางผ่านเมืองเพลิงศักดิ์สิทธิ์ และตลอดทางนั้นก็ได้พบกับศพที่ถูกเผาจนไหม้เกรียมอยู่หลายศพ
ดูจากสิ่งของที่พวกเขาทิ้งเอาไว้ก็สามารถที่จะวิเคราะห์ออกมาได้ว่านี่เป็นคนของตำหนักตงจี๋
ระหว่างทางนั้นไม่พบร่องรอยของไป๋เหยียนเอ๋อร์ ขอแค่เพียงนางมิได้ตายไป อย่างไรก็จะได้เจอกันเข้าแน่
มู่เฉียนซีได้หาห้องโถงใหญ่อีกแห่งหนึ่งจนพบและมันเหมือนกับห้องเมื่อก่อนหน้านี้ไม่มีผิด
ประตูห้องโถงใหญ่นั้นได้ถูกเปิดออกเอาไว้นานแล้ว ที่ด้านในนั้นมีคนอยู่
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กับข่งชัวพร้อมด้วยยอดฝีมือของตำหนักตงจี๋อีกหลายคน ในตอนนี้พวกเขาได้ถูกเพลิงนั้นที่ลอยสูงอยู่กลางอากาศทำให้งงงวยสับสน
มู่เฉียนซีลอบเข้าไปในนั้นอย่างไร้สุ้มเสียงและไม่ถูกพวกเขาพบตัว
ราวกับว่าเปลวเพลิงที่ลอยอยู่กลางอากาศนั้นกำลังตรวจสอบพวกไป๋เหยียนเอ๋อร์อยู่ ไม่นานนักเสียงอันแหบแห้งเสียงหนึ่งก็ได้ลอยออกมา
“เยี่ยมมาก เจ้าเป็นผู้ที่ข้าเลือก รอมานานเช่นนี้ในที่สุดก็ได้พบเจ้าแล้ว”
เปลวเพลิงนั้นลอยอยู่เบื้องหน้าของไป๋เหยียนเอ๋อร์
เพลิงศักดิ์สิทธิ์ได้เลือกไป๋เหยียนเอ๋อร์!
ข่งชัวรู้สึกผิดหวังอยู่บ้าง ถ้าหากเพลิงศักดิ์สิทธิ์เลือกเขา เขาก็จะสามารถกลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตที่มีสองพลังธาตุได้ เฟิงอวิ๋นซิวก็จะมิได้มีอะไรที่เก่งกาจนัก
ใบหน้าของไป๋เหยียนเอ๋อร์เผยสีหน้าของความยินดีออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ข้ารู้ว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะต้องเลือกข้าเป็นแน่”
ยังไม่ทันที่จะให้ไป๋เหยียนเอ๋อร์ได้มีความสุขมากพอ หมิงจีที่อยู่ในร่างของนางก็ได้สาดน้ำเย็นเข้าใส่
“เจ้าช่างโง่เขลานัก หนีเร็ว!”
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าว “ไม่นานนักข้าก็จะกลายเป็นผู้บำเพ็ญภูตธาตุไฟแล้ว เหตุใดต้องไปด้วยเล่า?”
“เจ้าโง่ เจ้ารนหาที่…”
หมิงจีอยากที่จะหยุดยั้งนางเอาไว้แต่ก็ไม่ทันการเสียแล้ว จึงทำได้เพียงแต่มองเปลวเพลิงนั้นพุ่งเข้าใส่ร่างของไป๋เหยียนเอ๋อร์
“อ๊าก!” ไป๋เหยียนเอ๋อร์ร้องโหยหวนขึ้นมา เปลวเพลิงนั้นแทบที่จะเผาวิญญาณของนางเสียจนสะอาดสิ้น”
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! หามาตั้งนานเช่นนั้น ในที่สุดข้าก็หาวิญญาณที่สกปรกและขุ่นมัวเช่นนี้พบแล้ว ถึงแม้ว่าจะเป็นร่างกายของอิสตรี แต่มันก็สามารถทำให้ข้าคืนชีพขึ้นมาได้อีกครั้งหนึ่ง” เสียงอันชั่วร้ายเสียงหนึ่งได้ระเบิดขึ้นมาในหัวของไป๋เหยียนเอ๋อร์
สีหน้าของไป๋เหยียนเอ๋อร์กลายเป็นขาวซีดขึ้นมา ที่แท้มันคือกับดัก!
เพลิงศักดิ์สิทธิ์นั่นล้วนแต่เป็นเรื่องหลอกลวง เจ้าเฒ่าประหลาดนี้เพียงแค่อยากหาวิญญาณที่เหมาะสมวิญญาณหนึ่งเพื่อที่จะเขมือบเข้าไปก็เท่านั้น
“เจ้าเฒ่า เจ้าฝันไปเถอะ!”
ร่างกายนี้เป็นร่างที่หมิงจีเลือกเอาไว้ แน่นอนว่าหมิงจีจะต้องรักษาสิทธิ์ของตน
“เจ้าเป็นตัวอะไร? เด็กสาวผู้นี้ข้าได้เลือกเอาไว้แล้ว”
และแล้วหมิงกับเจ้าเฒ่าประหลาดนั้นก็ได้ต่อสู้ติดพันกันอยู่ในร่างของไป๋เหยียนเอ๋อร์ วิญญาณของนางได้รับการโจมตีจากการต่อสู้เพื่อความอยู่รอดของทั้งสอง นั่นทำให้นางเจ็บปวดอย่างที่สุด
แน่นอนว่ามู่เฉียนซีเองก็สัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณอันแข็งแกร่งสองพลังที่กำลังต่อสู้กันอยู่ ดูทีแล้วหมิงจีกับเจ้าเฒ่าประหลาดเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะต่อสู้กันเสียแล้ว
ในตอนนี้สุนัขของฝ่ายตรงข้ามกำลังกัดกันอยู่ หากไม่ลงมือในตอนนี้แล้วจะรอในตอนไหน?
มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “ธิดาศักดิ์สิทธิ์ พวกเราพบกันอีกแล้ว ดูเหมือนว่าเจ้าจะหาเพลิงศักดิ์สิทธิ์พบแล้ว ยินดีด้วย ยินดีด้วย!”
“เจ้า…เจ้ายังไม่ตาย!” เมื่อมองไปยังเด็กหนุ่มในชุดสีขาวที่กล่าวเสียดสีนาง ไป๋เหยียนเอ๋อร์ก็ตะลึงค้าง
“เป็นไปได้อย่างไร? ถูกเปลวเพลิงเช่นนั้นกลืนกินเข้าไปแต่กลับมิได้ถูกเผาเป็นเถ้าถ่านไป!” ข่งชัวเองก็กล่าวอย่างตกตะลึงเช่นกัน
มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าวเชิงหยอกล้อ “สีหน้าของธิดาศักดิ์สิทธิ์ดูไม่ปกติ! ที่ข้างกายยังมีกลิ่นอายอันดำมืด คงจะไม่ถูกมารอะไรเข้าร่างหรอกมั้ง? ข้าเองก็เกิดความเมตตาขึ้นมาเป็นอย่างมาก ข้าจะช่วยให้ธิดาศักดิ์สิทธิ์หลุดพ้นก็แล้วกัน!”
แสงจันทราสีเงินพุ่งออกมาจากกระบี่ กระบี่นี้ของมู่เฉียนซีนั้นคิดที่จะเอาชีวิตของไป๋เหยียนเอ๋อร์
แน่นอนว่าข่งชัวจะไม่ยอมให้มู่เฉียนซีทำได้สำเร็จ เขากล่าวขึ้นอย่างรีบร้อน “ปกป้องธิดาศักดิ์สิทธิ์!”
“ฆ่าเจ้าเด็กนี่เสีย!”
เวลาผ่านไปไม่นานนัก ฤทธิ์ที่คอยสะกดพลังความสามารถเอาไว้ก็กำลังจะหมดลงแล้ว
ข่งชัวพบว่าพลังความสามารถของตนในตอนนี้ได้ไปอยู่ที่ระดับมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หกแล้ว ส่วนคนอื่น ๆ เองก็ฟื้นฟูขึ้นมาได้ไม่เลวเช่นกัน
เขารู้สึกว่า พลังความสามารถของเขาในตอนนี้ช่างเหลือเฟือกับการที่จะจัดการกับเจ้าเด็กนี่
แต่เขากลับนึกไม่ถึงเลยว่าพลังความสามารถเด็กหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้จะเพิ่มขึ้น
“จักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หก! ระดับขั้นของเจ้าเพิ่มขึ้นแล้ว”
นี่เพิ่งผ่านไปไม่นาน พลังความสามารถของเจ้าเด็กนี่ก็เพิ่มขึ้นไปหนึ่งขั้น สีหน้าของเขาเองก็เผยแววแห่งความตกตะลึงออกมา
“ไม่ว่าระดับความสามารถของเจ้าจะเพิ่มขึ้นกี่ขั้น แต่ในวันนี้เจ้าจะต้องตายอย่างมิต้องสงสัย!”
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! เงาร่างหลายเงาร่างได้พุ่งไปล้อมมู่เฉียนซีเอาไว้
กระบี่ของมู่เฉียนซีตัดกวาดผ่านกลางอากาศ เมื่อเผชิญหน้ากับพวกเขาที่ล้อมโจมตีเข้ามา มู่เฉียนซีก็รับมืออย่างใจเย็น
แต่ทว่าอีกด้านหนึ่ง ไป๋เหยียนเอ๋อร์นั้นกลับไม่ค่อยจะดีนัก
นางทั้งเจ็บและอิจฉาเสียจนสลบไป จากนั้นก็ได้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
นางกล่าวด้วยความเจ็บปวด “ท่านหมิงจี ท่านหมิงจี…”
“เจ้าหุบปากเสีย!” หมิงจีโกรธเกรี้ยว
เจ้าเฒ่านั่นอยู่บนโลกนี้มาแล้วเป็นหมื่นปี การจะรับมือกับเขานั้นมิอาจที่จะเสียสมาธิได้เลยแม้แต่น้อย เจ้าโง่นี่ยังเอาแต่สร้างความน่ารำคาญ!
พวกเขาทั้งสองต่อสู้กันไปครานึง หมิงจีได้ใช้กำลังทั้งหมดที่มีเพื่อขับไล่สิ่งนั้นออกไป อีกทั้งตัวของนางเองก็ได้รับบาดเจ็บไม่น้อย
หมิงจีกล่าวด้วยความโกรธเคืองอย่างที่สุด “บ้าจริง เจ้านี่เป็นคนทำเรื่องดี ๆ ไม่ได้เรื่อง ไอ้เรื่องแย่ ๆ นี่ทำเก่งยิ่งนัก”
“ไปเร็ว! รีบไป มิเช่นนั้นแล้วเจ้าหมอนั่นจะไม่ปล่อยเจ้าไปแน่”
ไป๋เหยียนเอ๋อร์กล่าว “ได้ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”
ม้วนหนังสือส่งตัวระยะไกลนั้นมีค่าเป็นอย่างมาก แต่มาตอนนี้ก็จำเป็นที่จะต้องใช้มันเสียแล้ว
ข่งชัวมองไปยังไป๋เหยียนเอ๋อร์ที่เปิดม้วนหนังสือส่งตัวระยะไกลนั้นก็ได้ร้อนรนขึ้นมาและวิ่งเข้าไปหานางในทันที “ท่านธิดาศักดิ์สิทธิ์ อย่าทิ้งข้าเอาไว้!”
“บ้าจริง! คิดที่จะหนี ไม่ทางหรอก!” กระบี่ของมู่เฉียนซีได้ฟาดฟันลงไป
วงจันทร์วงหนึ่งได้หมุนอ้อมรอบอกของผู้บำเพ็ญภูตที่ขวางกั้นอยู่นั้นไป ส่วนอีกกระบวนกระบี่นั้น…
“อ๊าก!” เสียงร้องอนาถเสียงหนึ่งดังลอยมา