แม้ว่ากระบี่นี้ของมู่เฉียนซีจะถูกอาวุธวิญญาณป้องกันเอาไว้ได้ แต่ปราณของกระบี่นี้ได้พุ่งทะลุการป้องกันนั้นไป และได้กรีดผิวหนังของเขาตั้งแต่หน้าผากลากลงมาจรดปลายคาง
ทันใดนั้นเลือดสด ๆ ก็ได้สาดกระเซ็นออกมา ดวงตาข้างซ้ายของข่งชัวเองก็ได้รับบาดเจ็บ
เขาเอามือมากุมใบหน้าที่มีเลือดไหลออกมา เขามองไปที่มู่เฉียนซีและร้องโวยวายออกมาราวกับจะขาดใจ “มู่หรงเฉียนเยี่ย ข้าจะทำให้เจ้าไม่ได้ตายดี ไม่ได้ตายดี!”
ค่ายกลส่งตัวระยะไกลนั้นได้ส่งตัวพวกเขาออกไปและเหลือเอาไว้เพียงเลือดสีแดงสดบนพื้น
สีหน้าของคนเหล่านั้นที่ยังเหลืออยู่ก็พลันเปลี่ยนไปอย่างใหญ่หลวงทันที “หนี!”
ธิดาศักดิ์สิทธิ์และท่านข่งชัวได้หนีไปแล้ว ไหนเลยที่พวกเขาจะสามารถรับมือกับผู้วิปริตเช่นนี้ได้
หากอยากมีชีวิตรอดก็มีเพียงแต่ต้องวิ่งหนีให้เร็วหน่อยเท่านั้น
ในตอนที่พวกเขากำลังจะวิ่งออกไป ประตูใหญ่ของห้องโถงแห่งนี้ก็ได้ถูกปิดลงอีกครั้ง ไม่ว่าพวกเขาจะผลักมันอย่างไรก็ตามมันก็ไม่เปิดออก
สีหน้าของพวกเขายิ่งซีดลงไปมากกว่าเดิม “สู้ตาย!”
“สู้ตายกับเจ้าเด็กนี่เสีย”
เหมันต์จันทราที่มาเยือนนั้นมิอาจที่จะต้านทานได้!
เมื่อรวมเข้ากับความรวดเร็วปานสายฟ้าของมู่เฉียนซีแล้ว พวกเขาได้ถูกกำหนดเอาไว้ให้เป็นผู้พ่ายแพ้แก่มู่เฉียนซีแล้ว
ปัง ปัง ปัง! พวกเขาค่อย ๆ ล้มลงทีละคน ๆ
ในตอนที่คนสุดท้ายกำลังจะพ่ายแพ้นี่เอง เพลิงศักดิ์สิทธิ์ที่ก่อความวุ่นวายนั้นก็ได้ปรากฏขึ้นมาอีกครั้ง
ปัง! ทันทีที่แขนของมันเริ่มขยับ เปลวเพลิงนั้นก็ได้ห่อหุ้มตัวของเขาเอาไว้แล้วป้องกันการโจมตีของมู่เฉียนซีไป
มู่เฉียนซีถอยหลังไปหลายสิบก้าว นางมองไปยังคนผู้นั้นด้วยสีหน้าจริงจังแล้วกล่าว “เจ้าเฒ่า เจ้าต้องการที่จะเข้ามาแทรกแซง?”
สายตาอันชั่วร้ายของยอดฝีมือผู้หนึ่งแห่งตำหนักตงจี๋มองไปยังมู่เฉียนซี “เจ้าหนู เหยื่อที่ข้าล่ามาตั้งนานเช่นนั้นได้หนีไปแล้ว ข้าอารมณ์ไม่ค่อยดีนัก แน่นอนว่าจะต้องเล่นเป็นเพื่อนเจ้าเสียหน่อย”
มู่เฉียนซีกล่าว “ดูท่าแล้วผู้หญิงที่ชื่อหมิงจีนั่นก็ไม่ได้เก่งกาจนัก นางมิได้ทำให้เจ้าบาดเจ็บสักเท่าไรเลยนี่”
“ถึงต่อให้ข้าได้รับบาดเจ็บ แต่การจะประมือกับตุ๊กตาตัวน้อยเช่นเจ้านั้นมันก็ยังเหลือเฟือ”
ห้องโถงแห่งนี้ได้กลายเป็นทะเลเพลิงอีกครั้ง วิธีการเดิมได้ถูกใช้ขึ้นอีกครั้ง ที่รอบด้านนั้นปรากฏกลุ่มวิญญาณเพลิงชั่วร้ายขึ้นมากลุ่มหนึ่ง
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า! เด็กน้อย วิญญาณของเจ้าไม่มีประโยชน์กับข้าแต่ว่าข้าสามารถเล่นเป็นเพื่อนเจ้าได้ ข้าจะคอยมองดูเจ้าค่อย ๆ สิ้นหวังไปอย่างช้า ๆ แล้วตายไป” คนที่อยู่ตรงหน้านั้นหัวเราะอย่างโหดร้ายและกล่าวออกมา
ปัง! นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่มู่เฉียนซีรับมือกับวิญญาณเพลิงชั่วร้ายนี้ นางเข้าใจในคู่ต่อสู้อย่างชัดเจน
แม้ว่าจะจัดการกับวิญญาณเพลิงชั่วร้ายไปดวงหนึ่งแต่มันก็จะปรากฏขึ้นมาอีกดวงหนึ่ง มู่เฉียนซีสามารถที่จะรับมืออย่างไม่รีบร้อนได้แล้ว
คิดที่จะบีบนางเข้าสู่ความสิ้นหวังนั้นไม่มีทางเป็นไปได้หรอก
เมื่อเห็นมู่เฉียนซีต่อสู้กับวิญญาณเพลิงชั่วร้ายเหล่านั้น รอยยิ้มอันเย็นยะเยือกบนใบหน้าของเจ้าเฒ่านั่นก็ยิ่งเด่นชัดขึ้นไปทุกที
“ฆ่าไปเถอะ! ฆ่าไปเสีย! ไม่ว่าเจ้าจะฆ่ามันไปเท่าไรก็ไร้ประโยชน์ พวกมันนั้นไม่ดับไม่สิ้นไปหรอก”
แน่นอนว่ามู่เฉียนซีรู้ว่าพวกมันนั้นฆ่าไม่ตาย แต่ถ้าหากว่าฆ่าผู้ที่ควบคุมพวกมันอยู่ละก็ เช่นนั้นพวกมันก็จะต้องตาย!
“มังกรเพลิงสังหาร!”
เปลวเพลิงสีแดงฉานได้เปิดทางให้แก่มู่เฉียนซี!
เมื่อเจ้าเฒ่าเห็นเปลวเพลิงนี้เข้าก็ตะลึงค้าง “เปลวเพลิงนี้….ทำไมถึงได้แข็งแกร่งกว่าเปลวเพลิงของข้าอีก”
เมื่อมังกรเพลิงพุ่งออกไป หมูที่น่ารักตัวหนึ่งก็ได้พุ่งออกไปเช่นกัน
มันกล่าวขึ้นอย่างดูแคลน “เพลิงศักดิ์สิทธิ์ เจ้าเองก็ยังมีหน้ากล้ามาเรียกสิ่งนี้ว่าเพลิงศักดิ์สิทธิ์ เจ้าคิดว่าเจ้าเหมาะสมกับชื่อนี้หรือ?”
“เพลิงเผาสวรรค์!” เสี่ยวหงร้องคำรามออกมา
เปลวเพลิงของเสี่ยวหงได้พุ่งตามการโจมตีของมังกรเพลิงเข้าไป
สีหน้าของเจ้าเฒ่านั้นเปลี่ยนไปเป็นอย่างมาก เมื่อเผชิญกับกระบี่นั้นและสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่โผล่เข้ามาอย่างรวดเร็ว เขาจึงทำได้เพียงหลบไปอย่างรีบร้อน
มันที่วิญญาณได้รับบาดเจ็บนั้นไม่กล้าที่จะเผชิญหน้ากับพวกนางโดยตรง
ตูม! หลังจากที่เขาหลบหลีกไปแล้ว ที่ข้างหลังตัวเขาก็ได้ปรากฏสิ่งใหญ่โตมหึมาขึ้น
เมื่อเผชิญหน้ากับหมอนี่ อุ้งเท้าของอู๋ตี้ก็ได้ตบเข้าไปอย่างไม่เกรงใจ
ปัง! ร่างของคนผู้นั้นปลิวลอยออกไปราวกับผ้าที่ขาดวิ่น
และกระบี่ต่อมาของมู่เฉียนซีก็ได้ใกล้เข้ามา “บัวแดงพิฆาต!”
เปลวเพลิงสีแดงได้ทำให้เปลวเพลิงรอบด้านของเจ้าเฒ่านั่นสั่นสะท้าน
จากนั้นทั้งร่างของคนผู้นั้นก็ถูกเปลวเพลิงคลอกเอาไว้
และเงาร่างนั้นก็ได้ถูกทำลายไปทันใด
เจ้าเฒ่าหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่ง “ฮ่า ฮ่า ฮ่า! ไอ้หนู เจ้าคิดว่าเจ้าทำลายร่างนี้แล้วจะสามารถทำลายข้าได้หรือ? เป็นไปไม่ได้หรอก”
“พวกลูกรักของข้าจะเล่นเป็นเพื่อนเจ้าไปจนเจ้าสิ้นลมหายใจ!”
เมื่อร่างของมู่เฉียนซีพุ่งออกไป กระบี่มังกรเพลิงก็ได้พุ่งแทงเข้าไปในกายของกลุ่มเปลวเพลิงนั้น
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “มังกรเพลิง การที่จะทำลายมันในครั้งนี้ขึ้นอยู่กับเจ้าแล้ว”
เมื่อเผชิญกับวิญญาณที่ดำมืดเช่นนี้ มังกรเพลิงนั้นตื่นเต้นเป็นอย่างมาก
และเมื่อได้สัมผัสเข้ากับเปลวเพลิงนั้นมันก็ได้เริ่มกลืนกินเปลวเพลิงอย่างบ้าคลั่ง
“อ๊าก!” เสียงร้องโหยหวนเสียงหนึ่งดังมาจากข้างในเปลวเพลิงนั้น
มู่เฉียนซีเห็นเปลวเพลิงนั้นกำลังดิ้นรน แต่เหยื่อที่ถูกกระบี่มังกรเพลิงเพ่งเล็งเอาไว้แล้วอย่างไรก็หนีไม่พ้น
“กระ…กระบี่เล่มนี้สามารถที่จะกลืนกินวิญญาณของข้าได้ มันกลับสามารถ…”
“เป็นไปได้ยังไง…”
“มัน…มันคือกระบี่วิญญาณมังกรเพลิงพิฆาต เจ้าหนู…เจ้าสามารถได้มาซึ่งกระบี่วิญญาณมังกรเพลิงพิฆาต” เจ้าเฒ่านั้นแทบไม่อยากที่จะเชื่อ
ก่อนที่เขาจะถูกฆ่าเขาเองก็เป็นผู้แข็งแกร่งผู้หนึ่ง เขานั้นรู้จักกระบี่วิญญาณมังกรเพลิงพิฆาตเป็นอย่างดี ที่สำคัญเขาก็เคยทำทุกวิถีทางโดยไม่เกี่ยงวิธีเพื่อให้ได้ซึ่งมันมา
แต่กลับนึกไม่ถึงเลยว่าตนเองนั้นจะถูกพลังของกระบี่วิญญาณมังกรเพลิงพิฆาตกลืนกินจนวิญญาณแหลกสลายไป
“อย่า! อย่า! หยุดเสีย! เจ้าหนู เจ้าจะต้องเสียใจในภายหลังเป็นแน่”
“เสียใจภายหลัง?” มู่เฉียนซีเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย
เมื่อวิญญาณของเขาได้ถูกกระบี่มังกรเพลิงกลืนกินไปแล้ว เปลวเพลิงเหล่านั้นที่อยู่รอบด้านก็ค่อย ๆ หยุดนิ่งไปทีละดวง
“เจ้าจะเสียใจภายหลังแน่! ทันทีที่วิญญาณของข้าได้สูญสลายไปหมด ทั้งเมืองเพลิงศักดิ์สิทธิ์จะถูกปิดผนึกและเจ้าจะออกไปไม่ได้ตลอดกาล ออกไปไม่ได้ไปตลอดกาล…”
“เจ้าจงรอที่จะติดอยู่ที่นี่ไปตลอดกาลเถอะ! ฮ่า ฮ่า ฮ่า!”
จากนั้นวิญญาณของมันก็ได้สูญสลายไปอย่างสมบูรณ์
แม้ว่ามู่เฉียนซีอยากที่จะชักกระบี่กลับมา แต่ดูเหมือนว่าจะไร้หนทางที่จะหยุดยั้งไม่ให้วิญญาณของมันแหลกสลายไปได้แล้ว
เปลวเพลิงนี้ได้หายไปอย่างสมบูรณ์ วิญญาณเพลิงชั่วร้ายที่รอบด้านก็หายไปอย่างไร้ร่องรอย
ทั่วทั้งห้องโถงก็เหลือแค่เพียงมู่เฉียนซี เสี่ยวหงและอู๋ตี้เท่านั้น
อู๋ตี้กล่าว “ข้าไม่เชื่อมารร้ายนั่นหรอก ถึงต่อให้ต้องถล่มทั้งเมืองเพลิงศักดิ์สิทธิ์ข้าก็ต้องหาหนทางให้นายท่านให้ได้”
เสี่ยวหงกล่าวเสริม “ใช่แล้ว! ข้าไม่เชื่อว่าจะไม่สามารถระเบิดมันออกได้”
ตูม! อู๋ตี้กับเสี่ยวหงเริ่มระเบิดประตูบานที่ได้เดินเข้ามาบานนั้น แต่ว่ามันระเบิดไม่ออกจริง ๆ
หลังจากที่ระเบิดไปครู่หนึ่งก็พลันได้ยินเสียงระเบิดมาจากอีกทางหนึ่ง
บึ้ม!
บึ้ม!
“……”
อู๋ตี้กล่าว “นายท่าน มีคนกำลังจะบุกเข้ามาในที่แห่งนี้”
การเคลื่อนไหวนั้นรุนแรงเป็นอย่างมาก และยิ่งเข้าใกล้พวกเขาเข้ามาเรื่อย ๆ
ผู้มาเยือนนั้นสามารถทำเรื่องที่อู๋ตี้และเสี่ยวหงร่วมมือกันแต่ก็ยังทำไม่สำเร็จได้ พลังความสามารถนั้นแข็งแกร่งยิ่งนัก
ไม่รู้ว่าจะเป็นศัตรูหรือมิตร อย่างไรเสียระวังเอาไว้เสียหน่อยก็จะดีเสียกว่า
แล้วก็มีเสียงดังสนั่นลอยมาอีกครั้งหนึ่ง บึ้ม! ห้องโถงที่มู่เฉียนซีอยู่แห่งนี้ได้ถูกระเบิดให้เปิดออก
เงาร่างสีเขียวเงาหนึ่งพุ่งเข้ามา เส้นผมนั้นประหนึ่งผ้าไหม ใบหน้านั้นได้ถูกหน้ากากที่ทำจากไม้บาง ๆ ปิดซ่อนเอาไว้อยู่
เมื่อเห็นเงาร่างสีเขียวมรกตนั้น ดวงตาที่ไร้ซึ่งแววใด ๆ ก็ได้เกิดคลื่นความเคลื่อนไหวออกมา
ทันใดนั้นชิงอิงก็ได้ปรากฏตัวขึ้นข้างกายมู่เฉียนซี
“เฉียน!” ชิงอิ่งเรียกขึ้นเบา ๆ
มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “ชิงอิ่ง ที่แท้ก็เป็นเจ้ามานี่เอง!”