ปัง! แน่นอนว่าชิงอิ่งเองก็ไม่ได้ให้เจ้าหมอนั่นโต้กลับ
แต่ทว่าการโจมตีของเขานั้นก็มิได้สร้างความเสียหายให้แก่วิญญาณสีดำเหล่านั้นมากนัก!
เมื่อร่างวิญญาณเหล่านี้ได้ถูกตีจนแยกออกไป มันก็จะกลับเข้ามารวมตัวกันอีกครั้งหนึ่ง
ปัง! ในตอนที่รับมือกับวิญญาณเหล่านี้นี่เอง ราชาหุ่นก็ได้โจมตีเข้ามา ชิงอิ่งได้ถูกโจมตีจนกระเด็นลอยออกไปในทันใด
แต่การโจมตีนี้มิได้รุนแรงเพียงพอที่จะทำให้ชิงอิ่งได้รับความเสียหายอย่างหนัก
ลอบลงมือแต่กลับมิได้ทำให้คู่ต่อสู้ได้รับความเสียหาย ราชาหุ่นนั้นมิได้รู้สึกหงุดหงิด แต่กลับยิ่งมีความตื่นเต้นเพิ่มมากขึ้นไปอีก
“พลังป้องกันที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ ในโลกนี้ หุ่นเชิดที่สามารถที่จะรับการโจมตีของข้าได้ซึ่ง ๆ หน้าโดยไม่ถูกทำลายไปก็คงจะมีเพียงแต่เจ้าเท่านั้นแล้ว”
สายตาอันมืดมนของเขาราวกับกำลังจ้องมองสิ่งของล้ำค่าหายากก็มิปาน
มีการรบกวนจากวิญญาณเหล่านั้น เดิมทีชิงอิ่งที่สามารถต่อสู้ได้เสมอกันกับราชาหุ่นอย่างฝืดเคือง มาในตอนนี้จะประมือกับราชาหุ่นก็กลับมิได้ง่ายดายเสียแล้ว
มู่เฉียนซีกุมกระบี่มังกรเพลิงเอาไว้ เห็นได้อย่างชัดเจนเลยว่าการรับมือกับวิญญาณเหล่านี้นั้นเป็นเรื่องที่มันถนัด
นางกล่าวกับกระบี่มังกรเพลิง “มังกรเพลิง จงกลืนกินเจ้าพวกนั้นไปเสีย”
“มังกรเพลิงสังหาร!”
มู่เฉียนซีกวัดแกว่งกระบี่มังกรเพลิง ในตอนที่มังกรเพลิงตัวนั้นได้พุ่งออกไปนี่เอง มู่เฉียนซีก็ได้โยนกระบี่ที่อยู่ในมือออกไปเช่นกัน
กระบี่มังกรเพลิงอยู่ที่กลางอากาศ มันได้เก็บเกี่ยวเอาวิญญาณเหล่านั้นไปอย่างตื่นเต้นราวกับหมาป่าตัวหนึ่งที่ได้เข้าไปในฝูงแกะอันสดใหม่ที่มีเนื้อแสนนุ่มก็มิปาน
กระบี่มังกรเพลิงดูดดื่มวิญญาณอยู่กลางอากาศอย่างป่าเถื่อน ทำให้วิญญาณเหล่านั้นร้องเสียงแหลมและวิ่งหนีไปมั่วซั่ว พวกมันไม่กล้าที่จะมาล่วงเกินให้เจ้าหมอนี่โกรธกริ้วอีกต่อไป
ชิงอิ่งพุ่งเข้าไปหาราชาหุ่น เมื่อไร้ซึ่งการรบกวนจากวิญญาณเหล่านั้น เขาก็สามารถที่จะทุ่มกำลังไปเพื่อประมือกับเจ้านั่นได้อย่างเต็มที่
เมื่อเฟิงอวิ๋นซิวเห็นกระบี่ที่มีเปลวเพลิงล้อมรอบอยู่นั้นเองก็ถึงกับตะลึงค้าง กระบี่นี้สามารถที่จะกลืนกินวิญญาณเข้าไปได้!
กระบี่วิญญาณมังกรเพลิงพิฆาตในตำนานนั้นก็สามารถที่จะกลืนกินวิญญาณเข้าไปได้เช่นกัน แต่ว่านี่มันจะใช่หรือไม่?
เฟิงอวิ๋นซิวรีบส่ายหน้า เขาเองก็ไม่กล้าที่จะฟันธง มันจะต้องไม่ใช่อย่างแน่นอน!
สิ่งของที่แปลกประหลาดบนโลกนี้มีอยู่ไม่น้อย กระบี่ที่สามารถกลืนกินวิญญาณเข้าไปนั้นมิได้มีแต่เพียงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เท่านั้น
ถ้าหากว่ามู่เฉียนซีมีกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์จริง ๆ ละก็ เช่นนั้นนางก็ต้องมีพลังวิญญาณธาตุไฟไปตั้งนานแล้ว แต่ทว่านางกลับไม่มี!
เฟิงอวิ๋นซิวได้ปฏิเสธความคิดคาดเดานั้นไป เพราะประการแรกคือเขาไม่อยากที่จะเป็นศัตรูกับมู่เฉียนซีเร็วไปนัก
ส่วนประการที่สองก็คือไม่มีผู้ใดที่จะสามารถคาดเดาได้ว่ากระบี่ที่แข็งแกร่งดั่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์จะกลายสภาพเป็นหลายเศษส่วนที่ไม่สมบูรณ์
“เฉียน ออกไปก่อน!”
เวลาของอากาศพิษที่ทำให้พวกเขาสูญเสียการมองเห็นนั้นมีอยู่อย่างจำกัด มู่เฉียนซีคาดคำนวนระยะเวลาแล้วว่าอีกไม่นานพวกเขาก็จะฟื้นฟูการมองเห็นขึ้นมาได้แล้ว
หากไม่ไปในตอนนี้หลังจากนี้ไปก็จะออกไปได้ยากยิ่งขึ้น!
“เฟิงอวิ๋นซิว เจ้ารีบล่าถอยไป!”
“หากจะไปก็ต้องไปด้วยกัน!”
พลังวิญญาณธาตุลมของเฟิงอวิ๋นซิวได้รัดตัวมู่เฉียนซีเอาไว้ มู่เฉียนซีมิได้มีการป้องกันระวังต่อเขา นางจึงไม่สามารถที่จะสลัดตัวให้หลุดพ้นออกมาได้ในทันใด
ในเวลาเพียงชั่วพริบตาพวกเขาก็ได้ออกไปห่างจากสำนักหุ่นปีศาจ
แน่นอนว่าพวกที่ไล่ตามมาด้านหลังนั้นยังไม่ละความพยายาม!
เพราะพวกเขามองไม่เห็น ความรวดเร็วจึงลดลงไปอยู่ไม่น้อย
“เฟิงอวิ๋นซิว!” มู่เฉียนซีตะโกนไปที่เฟิงอวิ๋นซิวอย่างโกรธเกรี้ยว
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “เฉียนซี ข้าไม่อาจที่จะสนใจอะไรมากมายเช่นนั้นได้ ข้าจึงทำได้เพียงแต่เลือกที่จะพาเจ้าออกไปอย่างปลอดภัย”
“เชื่อเถอะว่าเขาทำใจที่จะจากเจ้าไปไม่ได้หรอก”
หลังจากมู่เฉียนซีหนีพ้นพวกที่ไล่ตามมาแล้วนั้น แน่นอนว่าชิงอิ่งก็ได้ไม่ได้ต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตายกับราชาหุ่นด้วยการที่ไม่ห่วงความปลอดภัยของตนเองอีก เขาเองก็ได้ถอยร่นออกมาอย่างรีบร้อน
หากว่าเขามิได้กลับไปอย่างปลอดภัยแล้ว เฉียนจะต้องเป็นกังวลอย่างแน่นอน อาจถึงขนาดที่จะย้อนกลับมายังที่ที่อันตรายแห่งนี้อีก
ราชาหุ่นกล่าว “สิ่งที่ข้าเพ่งเล็งเอาไว้แล้วนั้นหนีไม่รอดหรอก!”
“เฉียนซี…”
ที่แห่งนี้ไม่ปลอดภัย จะต้องรีบไปให้ไว
มู่เฉียนซีกล่าว “เฟิงอวิ๋นซิว เจ้าไปก่อน! ข้าไม่เป็นอะไรหรอก ข้าต้องพาชิงอิ่งออกไปจากเทือกเขาเมฆามืดอย่างปลอดภัย”
“ข้าไม่เป็นอะไร แต่ไอ้ราชาหุ่นนั่นมันจะเอาชีวิตของเจ้า!”
ขอเพียงแค่เฟิงอวิ๋นซิวได้จ้องมองใบหน้านี้ของนาง เช่นนั้นแล้วก็จะไม่เคยโกรธนางเลย
แต่ทว่าตอนนี้เป็นเพราะชิงอิ่งนางจึงไม่สนใจความปลอดภัยของตนเอง ในดวงตาสีเหลืองอำพันนั้นมีเปลวเพลิงที่กำลังปะทุดีดขึ้นมา
ถ้าหากว่าเป็นนางจะทำอย่างไร? เขาจะไม่กล่าวคำว่าไม่ออกมาอย่างแน่นอน
แต่ผู้ที่อยู่ตรงหน้านั้นไม่ใช่นาง หากแต่เป็นเฉียนซี เขาจะต้องหยุดยั้ง!
ไม่นานนักเงาร่างสีเขียวก็ได้พุ่งเข้ามา
ในขณะที่ราชาหุ่นกำลังไล่ตามมานั้นก็ได้พบความลับหนึ่งของชิงอิ่งเข้า
“หุ่นเชิดตัวหนึ่งกลับมีหัวใจ มันช่างน่าสนใจจริง ๆ เกรงว่าความลับทั้งหมดของเจ้าคงจะอยู่บนหัวใจดวงนั้นกระมัง!”
ดวงตาของชิงอิ่งได้กลายเป็นเย็นยะเยือกไปอย่างมาก หัวใจของเขานั้นเฉียนคือผู้ที่มอบให้
นอกจากเฉียนแล้วเขาจะไม่มอบมันให้แก่ผู้ใดอย่างแน่นอน!
บึ้ม!
พวกเขาทั้งสองได้ต่อสู้กันที่กลางอากาศในเทือกเขาเมฆามืดอีกครา สู้กันเสียจนฟ้าดินมืดมัว
พวกเขามีพลังในการต่อสู้และพลังป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุด ถึงขนาดที่ว่าไม่สามารถสัมผัสได้ถึงความเจ็บปวด
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “นี่เป็นความได้เปรียบที่น่ากลัวที่สุดของหุ่นเชิดในการต่อสู้”
ถึงแม้ว่าจะมีความได้เปรียบเช่นนี้ เขาก็มิได้คิดเหมือนดั่งที่ราชาหุ่นคิดเช่นนั้น ที่ว่าหุ่นเชิดแข็งแกร่งกว่ามนุษย์
หุ่นเชิดมีข้อได้เปรียบในการต่อสู้ของมัน และมนุษย์เองก็มีเช่นกัน!
ในตอนนี้พวกเจียงขุยได้ตามมาทันแล้ว ในบัดนี้ผู้ที่มีพลังความสามารถค่อนข้างที่จะแข็งแกร่งหลายคนสามารถที่จะมองเห็นได้แล้ว
เจียงขุยมองไปที่มู่เฉียนซีอย่างชั่วร้ายแล้วกล่าว “สาวน้อย เจ้าวางยาพิษลอบทำร้ายพวกเรา ทำให้พวกเราไม่สามารถมองเห็นไปได้นานเช่นนั้น ข้าจะต้องจับตัวเจ้ามาให้ได้ จากนั้นก็ทรมานเจ้าอย่างโหดร้ายถึงจะพอใจ!”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าฝันไปเถอะ!”
“นายน้อยอวิ๋นซิว ข้าเองก็จะเอาเจ้ามาทำหุ่นเชิด เดิมทีเจ้ายังมีโอกาสที่จะหนีไปได้ แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะยอมเสียเวลาเพียงเพราะเด็กสาวผู้นี้ ดูท่าแล้วเจ้าคงจะถูกกำหนดมาให้กลายเป็นหุ่นเชิดของข้า” เจียงขุยกล่าวอย่างทะนงตน
“เจ้านั้นไม่ใช่คู่ต่อสู้ของข้าเลย!”
เฟิงอวิ๋นซิวเพิ่งจะกล่าวจบไป พลังวิญญาณรอบด้านของเขานั้นก็ได้เปลี่ยนแปลงเป็นน่าหวั่นพรึงขึ้นมา
อย่างน้อย ๆ กลิ่นอายนี้ก็เป็นกลิ่นอายของยอดฝีมือเต็มขั้น
เจียงขุยกล่าว “นึกไม่ถึงเลยว่านายน้อยอวิ๋นซิวจะมีเคล็ดวิชาลับเพิ่มขั้นพลังความสามารถเช่นนี้ แต่เจ้าจงอย่าได้ลืมไปว่าข้านั้นยังมีหุ่นเชิดเต็มขั้นอีกตัวหนึ่ง!”
หากสู้กันตัวต่อตัว เขาไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเฟิงอวิ๋นซิวที่ได้เพิ่มขั้นพลังความสามารถของตนเองขึ้นมา
แต่หากเพิ่มหุ่นเชิดเข้ามาอีกตัวเป็นสองรุมหนึ่งแล้ว เช่นนั้นมันก็จะแตกต่างกันไป!
จากนั้นพลังอันแข็งแกร่งพลังหนึ่งก็ได้พุ่งดิ่งเข้ามา
มู่เฉียนซีกวัดแกว่งกระบี่มังกรเพลิงและพุ่งแทงไปทางเจียงขุย “เจ้าสำนักเจียง เจ้าจงอย่าได้ลืมข้าไป”
ม่านตาของเจียงขุยพลันหรี่เล็กลง “เจ้า…พลังความสามารถของเจ้าเองก็เพิ่มขึ้นแล้ว”
สถานการณ์ในตอนนี้ มู่เฉียนซีจำเป็นที่จะต้องกินยาเพิ่มระดับพลังความสามารถเข้าไป!
เจียงขุยเองก็แค่เพียงประหลาดใจไปชั่วขณะเท่านั้นและมิได้เห็นมู่เฉียนซีอยู่ในสายตา ถึงแม้ว่ามู่เฉียนซีจะได้ฆ่าโหวหมิงไปก็ตาม
“พลังความสามารถเพิ่มขึ้นไปถึงมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่งก็เท่านั้นเอง ข้ายังนึกว่าจะเก่งกาจสักเท่าไหร่กันเชียว มหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หนึ่งผู้หนึ่ง เพียงแค่ข้าขยับมือก็สามารถทำให้เจ้าตายได้แล้ว” เจียงขุยกล่าวอย่างดูแคลน
บึ้ม! เฟิงอวิ๋นซิวได้เริ่มสู้กับหุ่นเชิดเต็มขั้นตัวนั้นของสำนักหุ่นปีศาจแล้ว
จากนั้นพวกที่ไล่ตามมาที่ด้านหลังนั้นก็ได้ตามมาทัน
การต่อสู้อันเลวร้ายได้เริ่มขึ้นอีกครั้งหนึ่ง
ดวงตาของคนจากสำนักหุ่นปีศาจได้ฟื้นคืนเป็นปกติแล้วและได้โต้กลับอย่างรุนแรงยิ่งนัก
ราชาหุ่นรู้สึกว่าชิงอิ่งเป็นสิ่งมีชีวิตที่แปลกประหลาดสิ่งหนึ่ง การต่อสู้พัวพันกับเขานั้นไม่รู้ว่าจะต้องพัวพันกันไปถึงเมื่อใด
แต่ว่าพลังงานในร่างกายของเขานั้นมิใช่ว่าจะไม่มีวันหมดสิ้นไป
“ฆ่าเด็กสาวนั่นเสีย!” ราชาหุ่นออกคำสั่ง
เขารู้ว่าชิงอิ่งนั้นไม่ใช่หุ่นเชิดธรรมดาทั่วไป ถึงแม้ว่าผู้เป็นนายจะตายไป แต่เขาก็จะไม่เข้าสู่ภาวะจำศีล แต่มันก็ต้องลองดูมิใช่หรือ?
หากประสบความสำเร็จเข้า การเก็บตัวเขาที่จำศีลอยู่และไร้ซึ่งพลังในการต่อสู้แม้แต่น้อยนั้น มันเห็นได้ชัดเลยว่าช่างเบาสบายกว่ากันไม่น้อย