มู่เฉียนซีกล่าว “ท่านปรมาจารย์จาง ตรวจสอบแล้วเป็นเช่นไรบ้าง ข้านับว่าผ่านหรือไม่?”
ยาลูกกลอนนี้เป็นของจริง ต่อหน้าสายตาผู้คนมากมายเช่นนี้ ต่อให้เขาไม่อยากยอมรับมากเพียงใดก็ไม่มีวิธีแล้ว
ปรมาจารย์จางกล่าว “ผ่าน! เจ้าผ่านการประลองในด่านที่หนึ่ง ยินดีด้วย!”
ในวันแรกเป็นการประลองด่านแรก และต้องพักผ่อนเป็นเวลาหนึ่งวัน
ถึงอย่างไรทุกคนก็ได้สูญเสียพลังจิตไปมาก ไม่สามารถประลองต่อได้ในวันนี้
มู่เฉียนซีกำลังจะกลับแล้ว และอาถิงก็ได้อันตรธานหายไปจากข้างกายของเฟิงอวิ๋นซิวภายในชั่วพริบตา
เฟิงอวิ๋นซิวไม่รู้เลยว่าเขาหายตัวไปตั้งแต่เมื่อใดแล้ว
เมื่อกลับมาถึงหอหมอปีศาจ มู่เฉียนซีมองอาถิงอย่างพิจารณาและกล่าวว่า “นี่เจ้าคงไม่ได้เผยพิรุธใดออกไปใช่หรือไม่!”
อาถิงกล่าว “เผยพิรุธ จะเป็นไปได้ยังไง ใครจะกล้าสงสัยคนอย่างข้ากันเล่า หากวันนี้ไม่มีข้าอยู่ด้วย เจ้าก็คงจะถูกตาเฒ่านั่นเตะออกไปจากการประลองแล้วล่ะ”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “อืม! ครั้งนี้ต้องขอบคุณอาถิงมากที่ช่วยข้า”
“หากไม่ได้อันดับหนึ่งก็จะถูกคัดออก ข้าในฐานะที่เป็นพันธสัญญากับเจ้าก็คงจะอับอายขายขี้หน้าแย่ วันพรุ่ง หากเจ้าคว้าอันดับหนึ่งมาไม่ได้ ข้าไม่มีทางอภัยให้เจ้าเป็นอันขาด”
มู่เฉียนซีกล่าว “เจ้าวางใจได้!”
การประลองด่านแรกได้ผ่านไป พลังจิตของหลายคนสูญไปมาก ทว่า พลังจิตของมู่เฉียนซีกลับยังเหลือเฟือ
นิรันดร์ยังไม่พอใจกับผลลัพธ์ของนางที่ออกมา นางจะต้องก้าวหน้ากว่านี้ถึงจะได้
จวินโม่ซีกล่าว “การประลองในด่านต่อไปของวันพรุ่ง เจ้าอย่าได้เหนื่อยจนเกินไปล่ะ ถึงแม้ว่าพลังจิตของเจ้าจะวิปริตมาก แต่ก็อย่าได้ใช้จนบ้าพลังเกินไปเช่นนี้”
ในตอนนี้ชีชิงก็กระโดดออกมาแล้ว “ที่นายท่านกำลังทำเขาเรียกว่าการพัฒนาหรือความก้าวหน้า ใครจะเหมือนเจ้ากันล่ะ! ภารกิจที่ฝ่าบาทมอบให้นายท่านนั้นมันยากกว่าภารกิจที่ข้ามอบให้เจ้าซะอีก หากไม่พยายามอย่างสุดกำลังแล้วจะทำได้เช่นไรกันเล่า”
ชีชิงในตอนนี้เป็นปกติขึ้นมาไม่น้อยเลย มู่เฉียนซีคิดในใจ
ไม่นานนัก นางก็รู้สึกว่านางกล่าววาจาเช่นนี้เร็วเกินไปแล้ว
“มีเพียงแค่ความสามารถในการปรุงยาของนายท่านเท่านั้นที่จะทำให้ฝ่าบาทพึงพอใจ เมื่อถึงตอนนั้นฝ่าบาทก็จะอุทิศกายถวายชีวิต จากนั้นทั้งสองก็จะได้…นี่ ข้าจะบอกให้เจ้ารู้ไว้นะ ฝีมือของฝ่าบาทนั้นเก่งกาจจนไม่อาจบรรยายได้เลยล่ะ ไม่เหมือนคนอย่างเจ้าหรอก…”
“หุบปาก!”
“หุบปาก!”
“หุบปาก!”
เสียงสามเสียงดังขึ้นพร้อมกัน
เสียงนี้เป็นเสียงของมู่เฉียนซี จวินโม่ซี และอีกเสียงหนึ่งก็เป็นเสียงฝ่าบาทของชีชิง
ชีชิงกล่าวด้วยความกล้ำกลืนว่า “ฝ่าบาท ชีชิงพูดอันใดผิดไปอย่างนั้นเหรอ?”
“เจ้าพูดผิด! ความแข็งแกร่งของยอดดวงใจข้าที่ทำให้ข้าพอใจไม่ใช่เทียบเท่ากับข้า แต่ข้าคาดหวังให้นางเหนือกว่าข้า เมื่อถึงตอนนั้นหากนางคิดจะทำมิดีมิร้ายข้า ก็จะได้ลงมือกับข้าได้ จากนั้น…”
“พูดไปข้าก็รู้สึกเคอะเขิน”
สีหน้าของมู่เฉียนซีดำคล้ำด้วยความโกรธ น้ำเสียงเช่นนี้เรียกว่าเคอะเขินเหรอ ยังมีหน้ามาคาดหวังมากเช่นนั้นอีก
จวินโม่ซีตกตะลึงขึ้น เขากล่าว “นี่ นี่ท่านหม้อเทพนิรันดร์เหรอ?”
สามตระกูลยาโบราณเป็นตระกูลที่รับใช้หม้อเทพนิรันดร์มาชั่วอายุคน ปฏิบัติต่อหม้อเทพนิรันดร์เป็นดั่งเทพศักดิ์สิทธิ์อย่างไม่อาจล่วงเกินได้
ทว่า วาจาที่กล่าวมาเมื่อครู่นั้นไม่เหมือนวาจาที่เทพสิ่งศักดิ์สิทธิ์ควรกล่าวเลย เหมือนเทพลามกเสียมากกว่า!
มู่เฉียนซีรู้ว่าทัศนคติที่จวินโม่ซีมีต่อนิรันดร์นั้นกำลังจะพังทลาย หากจวินโม่ซีรู้ว่าสาเหตุที่ตระกูลของเขาได้ของล้ำค่าจากนิรันดร์น้อยกว่าตระกูลอื่น เพราะตระกูลเขามีบุรุษรูปงามเป็นจำนวนมากแล้วละก็ คาดว่าเขาคงจะหมดศรัทธาในนิรันดร์ไปแน่
มู่เฉียนซีพยักหน้าพลางกล่าว “อืม! เขาคือหม้อเทพนิรันดร์ ฝ่าบาทของชีชิง”
จวินโม่ซีไม่อยากเชื่อ มู่เฉียนซีกล่าว “ใจเย็นก่อน อันที่จริงแล้วมหาวัตถุเทพศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์อื่นก็ไม่ปกติเหมือนกันนะ”
นอกจากสุ่ยจิงอิ๋งแล้วก็ยังมีมังกรวารีที่ยังไม่ตื่น!
นิรันดร์ยิ้มพลางกล่าว “ยอดดวงใจของข้าพูดถูก ข้าจะปกติได้อย่างไรกันเล่า ขนาดความยาวของข้ามันก็ไม่ได้ปกติอยู่แล้ว…”
“หุบปาก!” มู่เฉียนซีกับอาถิงตะโกนเป็นเสียงเดียวกัน
จวินโม่ซีกล่าว “ท่านหม้อเทพนิรันดร์ที่ข้าคิดเอาไว้ไม่ใช่เช่นนี้ ข้าขอสงบจิตสงบใจสักหน่อย มิน่าล่ะว่าเหตุใดถึงได้สร้างเจ้าชีชิงออกมาเป็นเช่นนี้ได้”
หลังจากเหตุการณ์เล็ก ๆ น้อย ๆ นี้ผ่านไป มู่เฉียนซีก็ไปหลอมยาต่อ
นิรันดร์ไม่ยอมให้เกิดข้อบกพร่อง ดังนั้น ทุกครั้งที่มู่เฉียนซีหลอมยาลูกกลอนออกมาสำเร็จ เขาก็มักจะพูดว่า “ยังดีไม่พอ!”
“ยังดีไม่พออีกเหรอ!”
“ยอดดวงใจของข้า เจ้าต้องออกแรงอีกหน่อยนะ!”
“อืม อืม! เช่นนั้นก็…”
หลังจากนั้น น้ำเสียงและจังหวะการพูดก็ไม่เหมือนเดิมแล้ว
มู่เฉียนซีรู้สึกราวกับว่ามีอีกาหลายตัวบินอยู่รอบศีรษะก็มิปาน หากไม่ใช่เพราะนางมีสมาธิดี เตาหลอมยาก็คงจะระเบิดไปแล้วล่ะ
“ขอร้องล่ะ ช่วยกลับมาเป็นปกติสักหน่อยเถอะนะ!”
นิรันดร์กล่าวด้วยน้ำเสียงแหบแห้งว่า “ยอดดวงใจ นี่ข้าเป็นปกติที่สุดแล้วนะ!”
หลังจากการทรมานนี้เสร็จสิ้น ในที่สุดนิรันดร์ก็พึงพอใจแล้ว
ในท้ายที่สุด เขาก็กล่าวด้วยน้ำเสียงที่มีเสน่ห์และดีอกดีใจว่า “ยอดดวงใจของข้ายอดเยี่ยมที่สุด!”
หากเจ้าหมอนี่มีร่างกายจริง ๆ แล้วละก็ มู่เฉียนซีคงจะเตะเขาออกไปไกลถึงพันลี้เป็นแน่แท้
อาถิงก็คิดเช่นนี้เหมือนกัน!
ถึงแม้ว่าพลังจิตของนางจะแข็งแกร่งกว่าคนทั่วไป แต่นางผู้ที่หลอมยาลูกกลอนมาเป็นเวลานานเช่นนี้ก็รู้สึกเหนื่อยล้ามากได้เช่นกัน ดังนั้นเมื่อได้เอนหลังลงบนเตียงก็ผล็อยหลับไปทันที
หลังจากที่นางผล็อยหลับไป แสงสีขาวแสงหนึ่งก็สว่างวาบขึ้นตรงหน้ามู่เฉียนซี ปลายนิ้วอันเย็นยะเยือกนั้นตกลงบนคิ้วของนาง
“ได้เห็นยอดดวงใจของข้ามีความพยายามอย่างหนักเช่นนี้ ข้าก็รู้สึกปวดใจอยู่ไม่น้อย ข้าจะช่วยเพิ่มพลังวิญญาณกับพลังจิตให้เจ้าสักหน่อยก็แล้วกันนะ!”
จู่ ๆ แสงสีเขียวอ่อนก็ได้ปรากฏกายขึ้นข้างกายมู่เฉียนซี “นิรันดร์ เอากรงเล็บของเจ้าออกไปห่าง ๆ ร่างของหญิงอัปลักษณ์เดี๋ยวนี้นะ ในฐานะที่ข้าผู้เป็นพันธะสัญญาชีวิตกับนาง ข้าจะช่วยนางฟื้นฟูพลังวิญญาณเอง”
นิรันดร์กล่าว “ข้าทำเองก็เพียงพอแล้ว นี่ ศาลาน้อย เจ้ากลับเข้าไปนอนเถอะนะ! เป็นเด็กก็ควรจะนอนพักผ่อนให้ร่างกายได้เติบโตไม่ใช่เหรอ?”
นึกไม่ถึงว่าเจ้าหมอนี่จะกล้าว่าเขาเป็นเด็ก อาถิงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้น “นิรันดร์ นี่เจ้ารนหาที่ตายเหรอ!”
เผชิญหน้ากับความโกรธเกรี้ยวเช่นนี้ นิรันดร์กลับนิ่งมาก
“ศาลาน้อย ข้าว่าตอนนี้ไม่ใช่เวลาที่เราควรทะเลาะกันนะ เราควรมาตกลงกันดีกว่า เจ้าว่าเป็นเช่นไร?”
“เจ้าเฟิงอวิ๋นซิว นายน้อยแห่งตำหนักตงจี๋ผู้นั้นไม่มีอันใดที่ต้องกลัว กู้ไป๋อีผู้ที่ว่าน่าเกรงขามผู้นั้นก็ดูจะธรรมดา ส่วนเจ้าท่อนไม้ก็เป็นแค่ท่อนไม้ก็เท่านั้น แต่คนที่น่าปวดหัวที่สุดก็คงจะเป็นเจ้าหวงจิ่วเยี่ยนั่น เจ้าว่าหรือไม่?”
อาถิงกล่าว “เจ้าหมายความเช่นไร?”
“ศาลาน้อย ความคิดของเจ้า เจ้าคิดว่าจะปิดบังข้าได้อย่างนั้นเหรอ ข้าเป็นถึงผู้มีประสบการณ์มากรักเชียวนะ”
“นี่เจ้า…” ดวงตาสีเขียวอ่อนคู่นั้นลุกเป็นไฟขึ้น เขาอยากจะฆ่าปิดปากเจ้าหมอนี่นัก
“สุ่ยจิงอิ๋งไม่มีทางช่วยเป็นอันขาด นางต้องเคารพในการตัดสินใจของยอดดวงใจข้า ความคิดของมังกรวารีกับสุ่ยจิงอิ๋งก็น่าจะเหมือนกัน ฉะนั้นมีทางเดียวก็คือเราทั้งสองต้องมาร่วมมือกัน! ดูจากสถานการณ์ในตอนนี้แล้ว พลังของพวกเราฟื้นฟูกลับมาช้าและโอกาสที่จะชนะก็มีไม่มาก ต่อให้รวมเจ้าพิฆาตวิญญาณนั่นด้วยก็เถอะ”
อาถิงกล่าวเย้ยหยันว่า “ข้าว่าเจ้าจ่อมจมอยู่แต่กับสตรีจนสมองมีปัญหาไปแล้วกระมัง อย่าว่าแต่ตอนนี้ที่ยังหาเจ้าพิฆาตวิญญาณนั่นไม่เจอเลย ต่อให้หาเจอเขาก็ไม่มีทางยอมรับนางเป็นนายแน่นอน ส่วนเรื่องจะร่วมมือกันนั้นก็เป็นไปไม่ได้ เจ้าเลิกคิดไปได้เลย”
นิรันดร์ยิ้มพลางกล่าว “เหตุใดถึงเป็นไปไม่ได้! ยอดดวงใจข้าเป็นผู้ที่สร้างปาฏิหาริย์มาเสมอ เจ้าก็รู้ดีว่าพวกเรามีความหมายต่อยอดดวงใจเช่นไร ต่อให้เป็นเจ้าพิฆาตวิญญาณกระดูกเหล็กนั่น ก็ไม่ใช่ว่านางจะกลืนกินมาไม่ได้”
“และยิ่งไปกว่านั้น อย่าลืมสิว่ายังมีพวกเราอยู่! สี่ต่อหนึ่ง ต่อให้ในวันนี้ความสามารถของเจ้าพิฆาตวิญญาณจะฟื้นฟูกลับมาอย่างไร้เทียมทาน แต่ก็ทำอันใดพวกเราไม่ได้อยู่ดี”