ผู้ที่กระโจนลงมานี้เป็นหญิงสาวที่มีกลิ่นอายชั่วร้าย คนผู้นี้ก็คือไป๋เหยียนเอ๋อร์
หรือจะบอกว่าเป็นหมิงจีก็ได้!
จื่อโยวกล่าว “หมิงจี นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะกล้าปรากฏกายต่อหน้าข้า”
หมิงจียกยิ้มขึ้น “จื่อโยว เหตุใดข้าถึงจะไม่กล้าปรากฏกายต่อหน้าเจ้าล่ะ! ต่อให้จิ่วเยี่ยอยู่ ข้าก็จะมา”
ภายในเสี้ยววินาทีนั้นเอง น้ำเสียงอันเย็นยะเยือกเข้ากระดูกเสียงหนึ่งก็ดังขึ้น
“เจ้าแน่ใจเหรอ!”
ลำแสงสีฟ้าอ่อนแสงหนึ่งสว่างวาบขึ้น และร่างในชุดคลุมยาวสีดำขลับร่างหนึ่งก็ปรากฏขึ้น
เขาเปรียบดั่งเทพมารในยามรัตติกาล ทันทีที่ปรากฏตัวขึ้นก็สามารถทำให้คนในใต้หล้าตกใจหวาดกลัวจนตัวสั่นได้
คนของตำหนักตงจี๋ รวมทั้งไป๋อู๋ห่ายก็รับรู้ได้ถึงกลิ่นอายอันน่าสะพรึงกลัวนั้น พวกเขาต่างร่นตัวถอยหลังไปหลายก้าวโดยไม่รู้ตัว
รูม่านตาของหมิงจีหดลงทันใด “หวงจิ่วเยี่ย เจ้าออกมาแล้วจริง ๆ ด้วย”
ดวงตาของนางจ้องเขม็งไปที่หน้ากากสีดำนั้น
นางรู้ดีว่าใบหน้าที่ซ่อนอยู่ภายใต้หน้ากากนั้นมันน่าทึ่งเพียงใด
หน้าตาของหวงจิ่วเยี่ยสามารถทำให้คนทั้งใต้หล้าหลงใหลได้ แต่น่าเสียดายที่เขาไม่ใช่คนที่คนทั้งใต้หล้าจะสามารถรักได้
รักไม่ได้ ทำได้แค่ทำลายเท่านั้น!
“ไม่ได้เจอกันนานแล้วนะ เรื่องในวันนี้ เอาเป็นว่าช่างมันเถอะ!”
ดวงตาของนางจับจ้องไปที่มู่เฉียนซี เรื่องในวันนี้ก็เพื่อที่จะทดสอบเท่านั้น
นึกไม่ถึงเลยว่าหวงจิ่วเยี่ยจะปกป้องสาวน้อยผู้นี้ได้อย่างใกล้ชิดถึงเพียงนี้!
“ไปกันเถอะ!” หมิงจีกล่าวกับไป๋อู๋ห่าย
ในขณะที่พวกเขากำลังจะหันหลังกลับ หวงจิ่วเยี่ยก็เอ่ยปากกล่าวขึ้นว่า “ข้าอนุญาตให้พวกเจ้าไปได้แล้วอย่างนั้นเหรอ?”
บรรยากาศรอบ ๆ ดูเหมือนว่าจะลดอุณหภูมิลง
พลังอันน่าเกรงขามได้จู่โจมมาอย่างท่วมท้น!
นางไม่อยากลงมือ แต่กลับจำใจต้องลงมือ
หากไม่ลงมือ คาดว่าคนเหล่านี้ก็คงจะไม่รอด
ถึงแม้ว่าพวกสวะไร้ประโยชน์เหล่านี้จะไม่ได้อยู่ในสายตาของนางเลย แต่นางยังจำเป็นต้องให้พวกเขาจัดการเรื่องต่าง ๆ ให้!
ตูม! พลังของทั้งสองได้ปะทะกันแล้ว
อ๊า! ถึงแม้ว่าหมิงจีจะลงมือ แต่ก็มีคนที่ได้รับบาดเจ็บอยู่ดี
จนกระทั่งร่างของบางคนได้กลายเป็นโครงกระดูกขาวไปครึ่งร่างแล้วภายในชั่วพริบตาเดียว
ถึงแม้ว่าจะไม่ตาย แต่เมื่อได้เห็นร่างกายของตนเองได้กลายเป็นเช่นนี้ พวกเขาก็ตกตะลึงพรึงเพริดจนเป็นลมหมดสติไป
ไป๋อู๋ห่ายกล่าวขึ้นด้วยความอกสั่นขวัญหายว่า “พะ พลังนี้ พลังนี้…”
“องค์ชายจิ่วเยี่ยแห่งคุกโลหิต!”
ไป๋อู๋ห่ายหวาดกลัวจนแข้งขาอ่อนแรงลง
สำหรับองค์ชายจิ่วเยี่ยผู้โหดเหี้ยมเลือดเย็นแห่งคุกโลหิตผู้นั้นแล้ว ถึงแม้ว่าเขาจะอยู่ในดินแดนสี่ทิศ พวกเขาก็เคยได้ยินคำร่ำลือมาแล้ว
นั่นคือบุรุษที่สามารถทำให้ผู้คนสะพรึงกลัวได้เพียงแค่แรกเห็น ในตอนนี้เขาได้ปรากฏกายอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
ความตายมาเยือนแล้ว!
เขาหลบอยู่ด้านหลังของหมิงจีอย่างระแวดระวัง หมิงจีกล่าวว่า “คนของข้าบาดเจ็บไปแล้วไม่น้อย หวงจิ่วเยี่ยเจ้าก็น่าจะพอใจได้แล้วนะ!”
มุมปากของหวงจิ่วเยี่ยยกยิ้มขึ้นเล็กน้อยอย่างเย็นชา “การที่เจ้าหายสาบสูญไปต่างหากล่ะ ข้าถึงจะพอใจ!”
ร่างในชุดดำเคลื่อนไหวตัดผ่านอากาศไปอย่างรวดเร็วจนผู้คนต่างก็มองไม่ชัด!
“หวงจิ่วเยี่ย ข้าจะลากเจ้าฝังไปพร้อมกับข้า ข้าก็อยากจะรู้นัก ว่าเจ้าจะสามารถยับยั้งคำสาปนั่นไปได้ถึงเมื่อไหร่”
เสียง ตูม! ดังสะเทือนฟ้าสะเทือนดินขึ้น ทั้งสองได้ต่อสู้กันแล้ว
บนพื้นดินไม่สามารถรับพลังการต่อสู้นี้ของพวกเขาได้ พวกเขาจึงขึ้นไปต่อสู้กันกลางอากาศ
ร่างในชุดขาวกับร่างชุดดำพัวพันกันไปมา พลังของทั้งสองได้ปะทะกันอย่างรุนแรงราวกับว่าจะทำลายท้องฟ้าให้พังทลายลงก็มิปาน
มู่เฉียนซีพุ่งตัวไปข้างกายจื่อโยวและกล่าวว่า “จิ่วเยี่ยผลีผลามมากเกินไปแล้ว!”
จื่อโยวกล่าวอย่างจนปัญญาว่า “ก็นั่นน่ะสิ แต่ก็ขวางเขาไม่ได้หรอก! ผู้ใดที่กล้าข่มขู่คนงาม เยี่ยไม่มีทางปล่อยไปแน่”
ท้องนภาแห่งดินแดนสี่ทิศในตอนนี้ได้ปกคลุมไปด้วยเมฆครึ้ม และเต็มไปด้วยสายฟ้า
มู่เฉียนซีผงะไปครู่หนึ่ง “สายฟ้าลงทัณฑ์! นี่มันเกิดอะไรขึ้น ?”
“พลังของพวกเขาทั้งสองได้เกินขีดจำกัดในดินแดนแห่งนี้แล้ว ดินแดนสี่ทิศเริ่มปกป้องตัวเอง และใช้สายฟ้าลงทัณฑ์สิ่งแปลกประหลาดเหล่านี้”
หมิงจีกล่าว “หวงจิ่วเยี่ย วันนี้พอเพียงเท่านี้เถอะ พลังของข้ายังไม่ฟื้นฟูกลับมา เจ้าก็ยังต้องแบ่งพลังไปยับยั้งคำสาป ในดินแดนสี่ทิศเราสองคนก็ทำอะไรกันไม่ได้หรอก”
หากฆ่าคนใดคนหนึ่งไป คาดว่าคนที่เหลือก็คงจะโดนสายฟ้าลงทัณฑ์จนบาดเจ็บสาหัสเป็นแน่
ถึงแม้ว่าจะไม่ตาย แต่มันก็ยากมากกว่าที่นางจะหาร่างเช่นนี้ได้
สำหรับหวงจิ่วเยี่ย การที่ถูกสายฟ้าลงทัณฑ์เช่นนี้แล้ว คำสาปในร่างของเขาก็คงจะอยู่ไม่เป็นสุขแน่!
หวงจิ่วเยี่ยหยุดลงมือแล้ว หมิงจีคิดว่าเขาจะคล้อยตามคำพูดของนาง นางจึงเตรียมตัวจะล่าถอย
จู่ ๆ ลำแสงสีดำขลับแสงหนึ่งก็พุ่งเข้าหาหมิงจี
หมิงจีที่ถูกพลังนี้ปกคลุม ใบหน้าครึ่งหนึ่งก็กลับกลายเป็นกระดูกขาวทันใด
จากนั้นแขนข้างหนึ่งก็กลายเป็นกระดูกขาวตามไป และต่อมาก็ขา…
ตุบ!
จากนั้นร่างของหมิงจีก็ตกร่วงลงมา
เมื่อเห็นสภาพหมิงจีกลายเป็นเช่นนี้ ไป๋อู๋ห่ายก็ตกตะลึงเป็นอย่างยิ่ง!
“ท่านหมิงจี!”
หวงจิ่วเยี่ยต้องการจะลงมือต่อ แต่กลับถูกตาข่ายขนาดใหญ่ของสายฟ้าลงทัณฑ์ยับยั้งไว้
เขาออกคำสั่ง “ฆ่าคนเหล่านี้ให้หมด!”
จื่อโยวตกใจผงะไป “พวกมันเป็นคนของกองกำลังระดับสามแห่งดินแดนสี่ทิศ หากฆ่าตาย เกรงว่าจะเกิดความตื่นตระหนก เมื่อถึงตอนนั้น…”
“ก็ฆ่าต่อไป!” จิ่วเยี่ยกล่าวอย่างเย็นชา
หมิงจีกล่าวด้วยความกลัดกลุ้มใจ “หวงจิ่วเยี่ย เจ้าทำร้ายกันเกินไปแล้ว!”
พลังแห่งนรกสีดำได้ห่อหุ้มพวกเขาเอาไว้ หมิงจีที่ได้รับบาดเจ็บอยู่แล้วจำต้องใช้พลังของนางเอาตัวไป๋อู๋ห่ายและพวกกลับไป
ตาข่ายสายฟ้านั้นหวงจิ่วเยี่ยเพิ่งจะสลัดจนหลุดพ้น จู่ ๆ ก็มีมังกรเงินที่อันตรายตัวหนึ่งพุ่งลงมาจากกลางนภา ต้องการจะลงโทษหวงจิ่วเยี่ยผู้ที่ไม่รักษากฎเกณฑ์ผู้นี้
จิ่วเยี่ยต้องการต่อต้านสายฟ้าลงทัณฑ์นี้ แต่เกรงว่าคำสาปนั้น…
ร่างในชุดม่วงร่างหนึ่งเคลื่อนไหวไปที่หวงจิ่วเยี่ยอย่างรวดเร็วราวกับสายฟ้าฟาด
จิ่วเยี่ยรับมู่เฉียนซีกลางอากาศและกอดนางไว้
“ซี!”
จวินโม่ซีกับเฟิงอวิ๋นซิวล้วนแต่ร้อนใจขึ้นแล้ว “เฉียนซี!”
นั่นมันสายฟ้าที่ปกป้องดินแดนเชียวนะ! สายฟ้าที่แข็งแกร่งที่สุดแห่งดินแดนสี่ทิศ
มู่เฉียนซีกล่าว “หวงจิ่วเยี่ย เจ้าฟังข้านะ ครั้งนี้เจ้ามาอย่างผลีผลามเกินไปแล้ว และครั้งนี้ให้ข้าปกป้องเจ้านะ!”
“สุ่ยจิงอิ๋ง ลำบากเจ้าแล้ว!”
ในร่างของมู่เฉียนซีมีกลีบดอกของสุ่ยจิงอิ๋งสองกลีบ อีกทั้งยังอยู่ในร่างของจิ่วเยี่ยอีกหนึ่งกลีบ มันจึงกลายเป็นเกราะป้องกันที่ไม่สามารถทำลายได้!
เสียง ตูม! ดังสนั่นหวั่นไหวขึ้น มังกรเงินนั้นได้กระทบกับเกราะป้องกันนี้ นึกไม่ถึงว่าจะไม่สามารถทำลายได้!
จื่อโยวยิ้มพลางกล่าว “นึกไม่ถึงเลย นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าจะมีวันที่เยี่ยเป็นฝ่ายถูกปกป้องด้วย”
จิ่วเยี่ย ที่เดิมทีไม่จำเป็นต้องให้ผู้ใดมาปกป้อง ดวงตาสีน้ำเงินคู่นั้นมองหญิงสาวตรงหน้าอย่างลึกซึ้ง ความรู้สึกนี้ เขาไม่รังเกียจเลยแม้แต่น้อย
เขาก้มลงจูบริมฝีปากมู่เฉียนซี จากนั้นก็ค่อย ๆ ล่วงล้ำ…
จวินโม่ซีถลึงตากว้างพลางกล่าว “เจ้าหมอนี่ช่วยเกรงใจทุกคนที่อยู่ตรงนี้สักหน่อยได้หรือไม่!”
ดวงตาของเฟิงอวิ๋นซิวเคร่งขรึมลง เฉียนซีกับองค์ชายจิ่วเยี่ยมีความสัมพันธ์ฉันท์คนรักกันจริง ๆ ด้วย! มิเช่นนั้นก็คงจะไม่ทำเรื่องที่แนบชิดสนิทสนมเช่นนี้เด็ดขาด
สายฟ้าลงทัณฑ์ไม่สบายใจที่ปล่อยให้จิ่วเยี่ยหลุดพ้นอันตรายนี้ไปได้ มังกรเงินจึงโจมตีลงมาอีกครั้ง
ทว่า จิ่วเยี่ยไม่อยากจะสนใจสายฟ้าลงทัณฑ์นั่น เขาที่เป็นคนเย็นชามาโดยตลอดในตอนนี้ได้จูบมู่เฉียนซีอย่างเร่าร้อน
ดวงตาของจื่อโยวเปล่งประกายขึ้น “จูบท่ามกลางสายฟ้าลงทัณฑ์เช่นนี้ ผู้ที่สามารถทำเรื่องเช่นนี้ได้คาดว่าจะมีเพียงแค่เยี่ยคนเดียวเท่านั้นแล้ว แต่ก็ลึกซึ้งดี น่าเสียดายที่กระบวนท่านี้ข้าใช้ไม่ได้!”