ผู้ที่เข้ามารายงานนี้ตื่นตระหนกมาก และเกิดเรื่องใหญ่ขึ้นแล้วจริง ๆ
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าวว่า “องค์ชายจิ่วเยี่ย มีเรื่องด่วน ไม่จำเป็นต้องให้เจ้าปรนนิบัติข้าแล้ว วันหลังค่อยว่ากัน”
มู่เฉียนซีผลักร่างที่อันตรายนั้นของหวงจิ่วเยี่ยออกอย่างรวดเร็ว เปิดประตูและเดินออกไปทันที
จิ่วเยี่ยมองตามแผ่นหลังของนาง ดวงตาคู่นั้นยิ่งลึกล้ำมากขึ้น “ปรนนิบัติข้าอย่างนั้นเหรอ!”
นี่เป็นครั้งแรกที่มีคนกล้ากล่าววาจาเช่นนี้ต่อหน้าเขา และคนผู้นั้นก็ยังเป็นสตรีของเขาอีกด้วย
ดวงตาของเขาอันตรายมาก “ซี เจ้าหนีไม่พ้นหรอก! คราวหน้าข้าจะปรนนิบัติเจ้าอย่างโหดเหี้ยมเลยคอยดู”
มู่เฉียนซีรู้สึกเย็นวาบขึ้นที่หลัง เพียงแต่ตอนนี้ไม่สามารถสนใจอันใดได้มากนักแล้ว นางมองสาวใช้ที่อยู่ตรงหน้าและกล่าวถามว่า “เกิดเรื่องอันใดขึ้น?”
สาวใช้นางนั้นกล่าวว่า “ท่านมังกรวารี ท่านเฮยเย้ากระอักเลือดจนเป็นลมหมดสติไปแล้วเจ้าค่ะ หมอยาของจวนท่านเจ้าเมืองก็ตรวจไม่รู้ถึงสาเหตุ จึงทำได้เพียงแค่เชิญท่านมังกรวารีไปดูอาการให้หน่อยเจ้าค่ะ”
หมอยาทำไม่ได้ ก็ทำได้แค่เชิญนักปรุงยาแล้ว
และคาดว่าทั่วทั้งเกาะลอยฟ้ามีเพียงแค่มู่เฉียนซีเท่านั้นที่เป็นนักปรุงยา
หากเป็นมังกรดำน้อยในเมื่อก่อนก็จะไม่มีผู้ใดสนใจเขาเลยแม้แต่น้อย และจะไม่มีผู้ใดเป็นกังวลว่าเขาจะป่วยเป็นอะไร
ทว่า ในตอนนี้ท่านมังกรวารีนั้นดีกับเจ้ามังกรดำน้อยนั่นเป็นพิเศษ และแน่นอนว่าพวกเขาต้องปฎิบัติดูแลเขาเป็นอย่างดีและระมัดระวังเป็นอย่างยิ่ง!
มู่เฉียนซีได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจขึ้น “เกิดเรื่องกับมังกรดำน้อยผู้นั้นแล้วอย่างนั้นเหรอ ข้าจะไปเดี๋ยวนี้!”
หมอยาที่ยืนอยู่ที่หน้าประตูล้วนแต่ทอดถอนใจกันแล้ว “คาดว่าเด็กผู้นี้คงจะไร้ทางรักษาแล้ว”
“อันที่จริงตายไปก็ดีเหมือนกัน เป็นแค่เด็กคนหนึ่ง อีกอย่างยังเป็นคนของเผ่ามังกรดำอีกด้วย มีชีวิตอยู่ก็เป็นหนามยอกอกพวกเราให้เจ็บปวดเปล่า ๆ!”
“อย่างไรเสียอายุเขาก็ยังน้อยมาก อีกอย่างยังมีท่านมังกรวารีดูแลอีกด้วย บางทีเขาอาจจะแข็งแรงขึ้นมาก็ไม่แน่นะ!”
ทันใดนั้นเอง ร่างในชุดสีม่วงร่างหนึ่งก็เดินมา พวกเขากล่าวด้วยความเคารพว่า “คารวะท่านมังกรวารี”
มู่เฉียนซีเดินเข้ามาในห้องของเฮยเย้า และเห็นเขากำลังนอนหมดสติอยู่บนเตียง ริมฝีปากสีม่วง
นี่เขาโดนพิษเข้าแล้ว!
มู่เฉียนซีเอามือไปจับชีพจรของเขา จากนั้นก็ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดขึ้น สถานการณ์มันซับซ้อนมากกว่าที่นางได้จินตนาการเอาไว้มาก
เด็กน้อยผู้นี้ช่างมีชีวิตที่โชคร้ายจริง ๆ
ฟึ่บ ฟึ่บ ฟึ่บ! มู่เฉียนซีเอาเข็มยาออกมาหลายเข็มและปักไปบนร่างกายของเขา จากนั้นก็ป้อนยาลูกกลอนให้เขาหลายเม็ด
จากนั้นมู่เฉียนซีก็เขียนสูตรยาออกมาสองใบ และเดินออกไป!
หมอยาเหล่านั้นกล่าวถามว่า “ท่านมังกรวารี เป็นเช่นไรบ้างขอรับ?”
“รอดแล้ว แต่ว่า…”
มู่เฉียนซียังไม่ทันพูดจบ หมอยาเหล่านี้ต่างก็กล่าวขึ้นด้วยความตื่นเต้นว่า “สมกับที่เป็นท่านมังกรวารีจริง ๆ ช่างเก่งกาจยิ่งนัก!”
“ผู้เฒ่าอย่างพวกเราช่างอับอายขายหน้าเสียจริง!”
“ท่านนักปรุงยาก็เก่งกาจเช่นนี้แหละ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “หยุดประจบประแจงได้แล้ว มีเรื่องจะให้พวกเจ้าทำ!”
“ไปหาสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้มาให้ข้า ข้าจะหลอมยา!”
ผลลัพธ์เมื่อพวกเขาได้เห็นสมุนไพรวิญญาณในกระดาษแผ่นนี้ก็กล่าวขึ้นว่า “กระดูกบุปผา หญ้าเมฆามรกต สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้หาได้ง่ายมาก! พวกเราจะไปหามาให้ท่านมังกรวารีเดี๋ยวนี้ขอรับ”
มุมปากของมู่เฉียนซีกระตุกขึ้นเล็กน้อย หาได้ง่ายมาก นางล้วนแต่หาไม่ได้เลย สมุนไพรวิญญาณที่หายากในดินแดนสี่ทิศ พวกเขากลับบอกว่าหาได้ง่ายมาก
ในตอนนี้ นางยิ่งยินยอมในสิ่งที่จิ่วเยี่ยพูดแล้ว
“แต่ท่านมังกรวารีขอรับ นี่วิญญาณเทียนหลิง แล้วก็ทานตะวันดำ แล้ว เอ่อ นี่มันคือสิ่งใด?”
มู่เฉียนซีวาดภาพของสมุนไพรวิญญาณเหล่านี้ออกมา และกล่าวว่า “มันคือสิ่งนี้!”
“นะ นี่มันเป็นสมุนไพรวิญญาณเหรอ?”
“ริมทางมีเต็มไปหมดเลยนะ!”
“……”
พวกเขากล่าวอย่างไม่น่าเชื่อ
มู่เฉียนซีรู้สึกว่าตนเองนั้นประเมินพื้นดินของเผ่ามังกรต่ำเกินไปแล้ว พื้นดินแห่งนี้มีสมุนไพรวิญญาณมากกว่าที่นางได้จินตนาการเอาไว้เสียอีก
อย่างไรเสีย ไม่ว่าเผ่ามังกรเทพจะตกอับเช่นไร แต่นี่ก็เป็นถึงดินแดนที่สัตว์เทพโบราณดำรงชีวิตอยู่
มู่เฉียนซีกล่าว “รีบไปเถอะ!”
“ขอรับ!”
ถึงแม้ว่าพวกเขาจะไม่เคยรู้มาก่อนว่าสิ่งเหล่านี้จะเป็นสมุนไพรวิญญาณ แต่ในเมื่อท่านมังกรวารีบอกว่าใช่ มันก็ต้องใช่แน่ ๆ!
หลังจากที่มู่เฉียนซีได้ออกคำสั่งให้ไปหาสมุนไพรวิญญาณมา เฮยเย้าก็ได้ฟื้นขึ้นมาแล้ว
เขาเห็นมู่เฉียนซีเดินเข้ามาก็ตกใจสะดุ้งขึ้นเล็กน้อย
“ท่านมังกรวารี ท่านมาได้อย่างไร?”
มู่เฉียนซีกล่าว “มังกรน้อยตัวหนึ่งป่วยใกล้จะตายอยู่แล้ว ในฐานะที่เป็นนักปรุงยา ข้าจะไม่มาได้อย่างไรกันล่ะ”
เฮยเย้าได้ยินเช่นนี้ก็ตกใจจนลุกพรวดนั่งขึ้น “ท่านมังกรวารีช่วยชีวิตข้าเอาไว้”
“ก็ใช่นะสิ! ข้าช่วยเจ้า ดังนั้นเจ้าต้องตอบแทนข้าด้วยการนอนพักผ่อนดี ๆ อย่าให้อาการป่วยกำเริบหนัก”
“ขอรับ!” เฮยเย้าเอนกายนอนไปอย่างเชื่อฟัง
มู่เฉียนซีมองเด็กน้อยตรงหน้าและกล่าวอย่างเชื่องช้าว่า “เฮยเย้า เจ้าร่างกายไม่สมบูรณ์มาตั้งแต่กำเนิด เห็น ๆ กันอยู่ว่าเจ้าเป็นมังกรของเผ่ามังกร แต่กลับรวมพลังไม่ได้เลยแม้แต่น้อย ข้าพูดถูกหรือไม่?”
แสงสลัวแสงหนึ่งวาบผ่านดวงตาของเขา
“เจ้าถูกคนอื่นรังแกมาโดยตลอด ต้องการจะแข็งแกร่งขึ้นก็สามารถที่จะเข้าใจได้ แต่เจ้าจะทำอย่างมั่วซั่วไม่ได้! เจ้าฝึกบำเพ็ญตามใจตัวเองจนทำให้พลังวิญญาณไหลเวียนอยู่ในร่างกายของเจ้าอย่างมั่วซั่ว หากข้ามาไม่ทันเจ้าต้องได้ไปเกิดใหม่แน่”
เมื่อได้ยินเช่นนี้แล้วเขาก็ยิ่งก้มหน้าต่ำลงเรื่อย ๆ และกล่าวเสียงต่ำว่า “ข้าอยากฝึกบำเพ็ญ ข้าต้องการแข็งแกร่ง!”
“พลังวิญญาณไหลเวียนอย่างมั่วซั่วอยู่ในร่างของเจ้า ทำให้ร่างกายของเจ้าพัง เส้นปราณพลังไม่ใช่สิ่งสำคัญที่สุด แต่ที่สำคัญที่สุดก็คือตอนนี้มีพิษชนิดหนึ่งอยู่ในร่างของเจ้าเพราะเกิดจากการกระทำที่ไม่ระวังของเจ้าเอง มันได้ทะลวงผนึกจนเกือบจะเอาชีวิตของเจ้าไปแล้ว”
พิษนี้ก็มีอยู่ในร่างกายของเขามาตั้งแต่กำเนิด โดยมันถ่ายทอดมาจากมารดาของเขา
หากไม่ถูกผนึกเอาไว้คาดว่าจะต้องตายไปตั้งแต่ได้กำเนิดออกมาแล้ว การที่เฮยเย้ามีชีวิตรอดมาจนถึงตอนนี้ได้มันนับว่าเป็นความโชคดีมากของเขาแล้ว
เฮยเย้ามองไปที่มู่เฉียนซีและกล่าวว่า “ท่านมังกรวารี แล้วข้า ข้าจะมีชีวิตรอดอยู่อีกนานแค่ไหนกันขอรั!”
เขาก็มีความคิดอยากตายอยู่หลายครั้ง แต่ด้วยความเย่อหยิ่งในส่วนลึกของกระดูกนั้นกลับทำให้เขาฆ่าตัวตายไม่ได้
และตอนนี้เขาไม่อยากตายเลยแม้แต่น้อย เพราะไม่ง่ายเลยกว่าเขาจะได้เจอกับคนที่อ่อนโยนและดีกับเขาเช่นนี้
มู่เฉียนซีกล่าว “ปัญหานี้ของเจ้ามันทำให้ข้าโกรธมาก! ในเมื่อได้เจอกับข้าแล้ว ตราบใดที่เจ้าไม่ถูกคนอื่นฆ่าตาย แน่นอนว่าชีวิตของเจ้ายังอยู่ได้อีกนานตราบเท่าที่เจ้าต้องการ!”
เฮยเย้าได้ยินเช่นนี้ก็ตกตะลึงขึ้น เขากล่าว “ท่านมังกรวารีช่วยชีวิตข้าเอาไว้ตั้งหลายครั้งหลายครา ขะ ข้า ข้าไม่รู้ว่าจะต้องตอบแทนท่านอย่างไรดีแล้ว”
มู่เฉียนซีกล่าว “ขอเพียงแค่เจ้ายืนหยัดที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไป นั่นก็นับว่าเป็นการตอบแทนที่ดีมากแล้ว เด็กน้อย อย่าได้คิดมากเช่นนั้น! ในเมื่อข้าได้เจอเจ้าแล้ว ข้าไม่มีทางไม่ลงมือช่วยเจ้าแน่นอน”
ปัญหานี้ของเฮยเย้า คาดว่าในแดนมังกรจะไม่มีผู้ใดมีวิธีช่วยได้
ทว่า ได้เจอกับหมอปีศาจอย่างนางแล้ว อีกทั้งยังเป็นหมอปีศาจที่ได้รับมหาวัตถุศักดิ์สิทธิ์เทพนิรันดร์มาครอบครอง และยังมีสมุนไพรวิญญาณที่อุดมสมบูรณ์มากมายในแดนมังกรเช่นนี้อีก ต้องการจะรักษานั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก
ต้องการหาสมุนไพรวิญญาณในเผ่ามังกรนั้นช่างหาได้ง่ายเสียจริง ไม่นานนักหมอยาเหล่านั้นก็เก็บสมุนไพรมาได้ครบครันแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “พาข้าไปที่ห้องปรุงยา ข้าจะปรุงยา!”
“ขอรับ!”
ทันทีที่มู่เฉียนซีย่างเท้าเข้าไปในห้องปรุงยาก็ได้เริ่มปรุงยาและหลอมยาทันที นางได้เอาหม้อเทพปาฮวางชิงมู่ออกมา
ยาลูกกลอนนี้เป็นยาลูกกลอนขั้นปฐพี ไม่ได้หลอมยาก จากนั้นก็ใช้สมุนไพรวิญญาณเสริมก็สมบูรณ์แบบแล้ว
มู่เฉียนซีออกมาเร็วมาก หมอยาเหล่านั้นกล่าวว่า “ท่านมังกรวารีหลอมยาได้รวดเร็วปานนี้ ช่างยอดเยี่ยมเกินไปแล้ว”
“ท่านมังกรวารี…”
มู่เฉียนซีจนปัญญาแล้วจริง ๆ พวกหมอยาเหล่านี้ไปเรียนรู้การประจบประแจงมาจากที่ใดกัน
หลอมยาออกมาสำเร็จแล้ว จากนั้นก็ให้คนคอยดูแลเฮยเย้าเป็นอย่างดี พร้อมกับกำชับให้เขากินยาตามเวลา และนางก็ออกจากเรือนของเฮยเย้าไป
เพิ่งจะย่างเท้าออกมา มู่เฉียนซีก็ถูกคนผู้หนึ่งปล้นตัวไปแล้ว “ซีรักษามาเหนื่อยมากแล้ว ข้าจะช่วยอาบน้ำและนวดให้ซีได้ผ่อนคลายขึ้น เป็นเช่นไร?”