เผชิญหน้ากับการบีบคั้นของหญิงสาวผู้นี้ หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีก็รู้สึกผิดเช่นกัน
“หากเป็นความผิดพลาดของพวกข้า ข้าไม่มีทางโยนความรับผิดชอบเป็นอันขาด”
หลังจากที่หัวหน้าเผ่ามังกรอัคคีและพวกได้จากไป มู่เฉียนซีก็อุ้มแมวน้อยขนปุยสีขาวราวหิมะตัวหนึ่งออกมา และกล่าวว่า “อู๋ตี้ คืนนี้เจ้าไปเฝ้าเฮยเย้าให้ดี หากเขามีอาการไม่สบายเจ้ารีบมาตามข้าทันที”
อู๋ตี้ส่ายหางขนปุยนั้นไปมาพลางกล่าว “นายท่าน ที่นี่ร้อนมาก! ให้เจ้าหมูขี้เกียจนั่นไปได้หรือไม่ เจ้าหมูขี้เกียจนั่นมีพลังธาตุอัคคี มันคงจะรับมือกับความร้อนนี้สบาย!”
“เจ้านี่นะ! เห็นข้าพักผ่อนสบาย ๆ หน่อยไม่ได้เลยหรือไง!”
“ชิ! หากเจ้ายังขี้เกียจอยู่ต่อไป แล้วคิดจะเลื่อนขั้นพลังก่อนข้าแล้วละก็ เจ้าฝันไปเถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าว “ก็ได้ เสี่ยวหง ไปเถอะ!”
ครั้นแล้วนางจึงโยนเสี่ยวหงออกมาจากมิติ
เสี่ยวหงจ้องเขม็งไปที่อู๋ตี้ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันไปยิ้มอย่างประจบประแจงมู่เฉียนซีพลางกล่าวว่า “นายท่าน ให้พวกเราทั้งสองไปด้วยกันเถอะนะ! นายท่านวางใจได้ พวกเราจะเฝ้าเจ้าเด็กนั่นเป็นอย่างดี ไม่ให้เขาไม่สบายกลางดึกแน่นอน นายท่านกับท่านจิ่วเยี่ยทำธุระส่วนตัวเถอะนะขอรับ!”
ดึกดื่นเที่ยงคืนยังทำธุระส่วนตัวอันใดได้อีก มู่เฉียนซีอยากจะจับเจ้าหมูนี่มาเตะออกไปเป็นลูกบอลจริง ๆ
“เสี่ยวหง เจ้ารีบไสหัวไปให้พ้นหน้าข้าเดี๋ยวนี้!”
ภายใต้แววตาที่เต็มไปด้วยจิตสังหารของมู่เฉียนซีนั้น เสี่ยวหงทำได้เพียงแค่รีบออกไปอย่างรวดเร็วที่สุด
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าไม่วางใจเจ้านั่นเลยจริง ๆ ไม่แน่บางทีเฝ้าได้ไม่ทันไรก็หลับไปแล้วกระมัง อู๋ตี้ เจ้าก็ตามไปด้วยเถอะ! เฮยเย้าได้รับบาดเจ็บไม่น้อยเลย”
สามารถทำให้นายท่านไว้วางใจได้เช่นนี้ อู๋ตี้ก็รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก บรรยากาศอันร้อนระอุในบริเวณรอบ ๆ ก็ไม่ได้ทุกข์ทรมานมากเช่นนั้นแล้ว
มันกล่าวว่า “นายท่านวางใจได้ ข้าจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด และจะไม่ให้เจ้าหมูขี้เกียจนั่นเผลอหลับไปแน่นอน”
สายลมอันร้อนระอุพัดกระโชกมา ที่แห่งนี้เป็นอาณาเขตของเผ่ามังกรอัคคี มีลมร้อนเป็นพิเศษ ในสายลมนี้สามารถทำให้พลังวิญญาณของพวกมันฝึกฝนได้เร็วขึ้น
แต่สายลมที่ร้อนระอุนี้กลับทำให้มู่เฉียนซีรับไม่ไหว จิ่วเยี่ยโอบกอดมู่เฉียนซีและกล่าวถามว่า “ซี ร้อนเหรอ?”
“ข้าร้อนนิดหน่อย!” มู่เฉียนซีตอบ
“คืนนี้ข้าให้เจ้านอนกอด เจ้าก็ไม่ร้อนแล้ว”
ไม่ร้อน! เจ้าหมอนี่ช่างกล่าววาจาซี้ซั้วได้เป็นจริงเป็นจังเก่งเกินไปแล้ว
หากได้นอนจริง ๆ นั่นก็ไม่ใช่คนเดียวแล้วล่ะที่จะร้อน คงจะร้อนทั้งสองคน!
“ช่างเถอะ ข้านอนเตียงน้ำแข็งดีกว่า ข้าเป็นถึงผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุวารี ข้าจะกลัวลมบ้านี่ของเผ่ามังกรอัคคีได้ยังไงกันล่ะ”
“เตียงน้ำแข็งจำเป็นต้องใช้พลังวิญญาณควบคุม นอนกับข้าเถอะ ดังนั้น…”
ดังนั้นองค์ชายจิ่วเยี่ยก็ไม่สนใจว่ามู่เฉียนซีจะตอบตกลงหรือไม่ เขาใช้อำนาจบาตรใหญ่ทำให้มู่เฉียนซีนอนกับเขาจนได้
“เจ้าหมูขี้เกียจ นอนหลับไม่ได้นะ!” เมื่อมองดูเสี่ยวหงที่มีท่าทางง่วงงุนเช่นนี้ อู๋ตี้ก็ใช้กรงเล็บข่วนไปคราหนึ่งอย่างไม่เกรงใจ
“เจ้าหมูขี้เกียจ หากเจ้ายังจะนอนอีก วันพรุ่งข้าจะให้นายท่านจัดการเจ้า”
“……”
เสี่ยวหงรู้สึกรำคาญเสียงของอู๋ตี้เช่นกัน มันกล่าวว่า “เจ้าเด็กนี่ก็ยังอยู่ดีไม่เห็นจะเป็นอะไรเลยนี่ คงจะไม่…”
ชู่ว!
อู๋ตี้รู้สึกได้ถึงบางอย่างและรีบเอามือปิดปากเจ้าเสี่ยวหงเอาไว้!
“มีคนมา!”
ดึกดื่นเที่ยงคืนเช่นนี้แล้ว นอกจากพวกมันแล้ว ยังมีผู้ใดมาที่นี่อีก ผิดปกติแล้ว!
ถึงแม้ว่าเวลาปกติแล้วเสี่ยวหงจะดูไม่ค่อยได้เรื่อง แต่ในยามเวลาที่สำคัญเช่นนี้มันก็ไม่ละทิ้งหน้าที่
มันกล่าวว่า “เราไปดูกันเถอะ!”
พวกมันเห็นเงาร่างสองร่างบุกเข้าไปในห้องของเฮยเย้า
พวกเขามองเฮยเย้าอย่างพิจารณา และกล่าวว่า “มังกรทองน้อยนี่โชคดียิ่งนัก บาดเจ็บสาหัสปางตายถึงเพียงนั้นแล้วยังรอดมาได้อีก”
“รอดมาได้ยังไม่พอ นึกไม่ถึงว่าจะถูกรักษาจนอาการดีขึ้นเช่นนี้อีก ฝีมือการรักษาของมนุษย์ผู้นั้นไม่ธรรมดาเลย รอให้จับเขาได้ก่อน แล้วค่อยจับเจ้ามนุษย์นักปรุงยานั่นเอาไว้ในกำมือให้ได้”
ผู้ที่เข้าใจในการปรุงยามีประโยชน์ต่อแดนมังกรไม่น้อย
แววตาของอู๋ตี้กับเสี่ยวหงได้ฉายแววเจตนาฆ่าออกมาแล้ว เจ้าสองคนนี้กล้ามาแตะต้องคนที่นายท่านปกป้องยังไม่พอ นึกไม่ถึงเลยว่ายังจะคิดลงมือกับนายท่านอีก
เสี่ยวหงพุ่งออกไปอย่างไม่รีรอ และเปลวไฟอันแดงฉานก็พุ่งออกไปเช่นกัน
“พวกเจ้ารนหาที่ตาย!”
“สัตว์ศักดิ์สิทธิ์!”
“นึกไม่ถึงเลยว่าจะเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์! หมู!”
พวกเขาเหล่านี้เป็นมังกรอย่างแน่นอน แต่ที่นี่เป็นวังของเผ่ามังกรอัคคี และพวกเขาก็ไม่กล้าที่จะกลายร่างเป็นกายแท้
สองต่อหนึ่งเช่นนี้พวกเขาทำได้เพียงแค่ใช้ร่างมนุษย์นี้ต่อสู้กับเสี่ยวหง ด้วยร่างมนุษย์นี้ความแข็งแกร่งของพวกเขาจึงลดลงมามาก ทำให้คนเหล่านี้ไม่สามารถต้านทานได้!
เจ้าหมูขี้เกียจจะลงมือแล้ว อู๋ตี้ก็ไม่อาจอยู่โดยที่ไม่ทำอะไรเลยได้
แต่จู่ ๆ มันก็รู้สึกถึงกลิ่นอายหนึ่งที่ลอยเข้ามา ผู้ที่มานี้ไร้ตัวตน มีเพียงแค่วิญญาณเท่านั้น
เขามองไปที่เฮยเย้าซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงและกล่าวว่า “เจ้าสองคนนั่นไร้ความสามารถที่จะทำเรื่องนี้ให้สำเร็จได้ โชคดีที่ข้ามาด้วยตัวเอง หากล้มเหลวแล้วละก็ ถ้าทำให้พวกมันระแวดระวังเข้ามันจะเสียเรื่องหมด”
“พรสวรรค์อันสูงส่งเช่นนี้ รากกระดูกที่ดีเช่นนี้ อีกทั้งยังเป็นสายเลือดของเผ่ามังกรทองอีกด้วย ร่างกายที่สมบูรณ์แบบเช่นนี้ช่างเหมาะกับข้ายิ่งนัก…”
วิญญาณนี้ต้องการเข้าไปครอบครองร่างของเฮยเย้า แต่สุดท้ายก็ถูกกรงเล็บของแมวตัวหนึ่งข่วนจนกระเด็นออกไปเสียก่อน
“อู๋ตี้ผู้ไร้เทียมทาน หนึ่งเดียวในใต้หล้า เจ้าวิญญาณมืด คิดจะครอบครองร่างของเฮยเย้าอย่างนั้นเหรอ ฝันไปเถอะ!”
วิญญาณสีดำนั้นตกตะลึงพรึงเพริดขึ้น “สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ ก็แค่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ตัวหนึ่งก็เท่านั้น เจ้าคิดว่าข้าจะกลัวเจ้าอย่างนั้นเหรอ?”
ความแข็งแกร่งเดิมของวิญญาณดำนี้คาดว่าจะแข็งแกร่งมาก ดังนั้นการปรากฏตัวของอู๋ตี้นั้นไม่ได้ทำให้เขาหวาดกลัวเลย
วิญญาณสีดำโจมตีอู๋ตี้อีกครั้ง และการโจมตีทางพลังจิตอันแข็งแกร่งนั้นก็เพียงพอที่จะทำให้สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับต่ำกว่าระดับเจ็ดตัวสั่นได้
แต่อู๋ตี้กลับไม่ได้รู้สึกเช่นนั้นเลย มันสะบัดหูและกล่าวว่า “อาศัยเจ้าเพียงแค่นี้ก็คิดจะโจมตีข้าด้วยพลังจิตอย่างนั้นเหรอ ข้าอยากจะหัวเราะเจ้าให้ฟันหลุดจริง ๆ!”
ปัง ปัง ปัง!
ฉึก!
ครั้นแล้วอู๋ตี้จึงเริ่มฉีกวิญญาณของเขา ทำให้วิญญาณของเขาเริ่มอ่อนแอลงเรื่อย ๆ
เขาตะโกนขึ้นว่า “นายท่าน ช่วยด้วย! ได้โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย ได้โปรด! หากท่านยังฉีกวิญญาณข้าต่อไปเช่นนี้มีหวังดวงจิตข้าคงดับสลายเป็นแน่”
นี่มันเป็นแมวประหลาดใดกันแน่ เห็น ๆ กันอยู่ว่าเป็นเพียงแค่สัตว์ศักดิ์สิทธิ์ที่อ่อนแอตัวหนึ่งเท่านั้น แต่เหตุใดพลังจิตถึงได้ช่างน่ากลัวถึงเพียงนี้
ปัง ปัง! เสี่ยวหงก็จัดการกับสองคนนั้นแล้ว และมันก็เหลือบมองไปที่วิญญาณสีดำก่อนจะกล่าวว่า “ที่แท้เจ้าแมวโง่อย่างเจ้าก็จับหนูได้แล้วนี่เอง!”
“ช่างเป็นหนูน้อยที่อ่อนแอยิ่งนัก!”
วิญญาณสีดำจ้องมองไปที่หมูน้อยตัวนั้น เขาถูกแมวประหลาดที่ทรงพลังและลึกลับตัวนี้จับได้แล้วยังไม่พอ เจ้าหมูน้อยตัวนี้ยังกล้าที่จะดูถูกมันอีก
ดวงตาของเสี่ยวหงดูอันตรายขึ้นและมันก็กล่าวว่า “เป็นอะไรไปล่ะ ข้าบอกว่าเจ้าเป็นหนูน้อย เจ้าไม่พอใจอย่างนั้นเหรอ!”
พลังจิตของเสี่ยวหงพัดกระโชกออกมา ทำให้วิญญาณสีดำนี้ตกใจจนดวงจิตแทบจะดับสลาย
พระเจ้า! หมูแดงน้อยตัวนี้ก็เป็นสัตว์ประหลาดไม่ต่างกันเลย!
อู๋ตี้กล่าวว่า “อย่าเอาแต่พูดไร้สาระอยู่เลย เกิดเรื่องขึ้นแล้วยังไม่รีบแจ้งนายท่านอีก”
ใบหน้าของเสี่ยวหงแข็งทื่อ “เจ้า นี่เจ้าจะให้ข้าไปแจ้งนายท่านอย่างนั้นเหรอ แล้วหากว่าท่านจิ่วเยี่ยกับนายท่านกำลังทำเรื่องส่วนตัวกันอยู่ล่ะ หากข้าไป… หากข้าไปข้าจะไม่ถูกท่านจิ่วเยี่ยจับหมูอย่างข้าไปต้มน้ำร้อนเอาหรอกเหรอ”
“ไม่ว่ายังไงเจ้าก็ต้องไปอยู่ดี!” อู๋ตี้เองก็ไม่อยากรนหาที่ตายเหมือนกัน ภารกิจที่จัดการได้ยากนี้ก็มอบให้เป็นหน้าที่ของเจ้าหมูขี้เกียจก็แล้วกัน!
เสี่ยวหงกล่าวว่า “เจ้ามันโหดเหี้ยม! ข้าไปก็ไปวะ!”
โชคดีที่คืนนี้มู่เฉียนซีกับจิ่วเยี่ยเพียงแค่นอนด้วยกันเท่านั้น เงียบสงบมาก เสี่ยวหงเห็นเช่นนี้ก็หายใจออกมาด้วยความโล่งอกไปเปราะหนึ่ง มันรีบรายงานเรื่องนี้อย่างรีบร้อน จากนั้นมู่เฉียนซีกับจิ่วเยี่ยก็รีบไปที่เรือนพักของเฮยเย้า
.