เมื่อเซียวโม่ได้ยินแล้วสีหน้าก็มืดครึ้มไป “นี่เป็นข่าวที่ผู้ใดส่งออกมากันแน่”
ไม่ว่าข่าวนี้จะเป็นเรื่องจริงหรือไม่ ทันทีที่มันถูกกระจายออกไปนั้นมันจะเป็นหายนะสำหรับตำหนักเซียวอวิ๋นของพวกเขาอย่างแน่นอน
นึกถึงเมื่อครั้งก่อนหน้าที่หม้อที่ถูกสร้างเลียนแบบหม้อเทพนิรันดร์ปรากฏขึ้นมานั้น ก็ได้ดึงดูดให้กองกำลังใหญ่ต่าง ๆ เข้ามาแย่งชิง สถานการณ์ของตำหนักเซียวอวิ๋นของพวกเขาในตอนนี้ช่างอันตรายยิ่งนัก
เซียวโม่กล่าว “เฉียนซี พวกเรารีบกลับไปเร็ว! เร็วเข้า!”
“อื้ม!”
พวกเขารีบไปยังตำหนักเซียวอวิ๋น ในตอนที่เข้าไปใกล้แล้วนั้นเซียวโม่ก็พบว่าตำหนักเซียวอวิ๋นของพวกเขาได้เปิดค่ายกลป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดขึ้นมาแล้ว
ตำหนักเซียวอวิ๋นของพวกเขาเป็นกลุ่มกองกำลังที่หลอมผลิตอาวุธ มาตอนนี้ได้กลายเป็นกำแพงเหล็กที่ยากจะตีให้แตกได้
ถึงต่อให้เป็นยอดฝีมือระดับสูงสุดเต็มขั้นผู้หนึ่ง คาดว่าก็คงจะไม่สามารถตีมันแตกได้อย่างง่ายดายเช่นนั้น
มู่เฉียนซีกล่าวถาม “เซียวโม่ ตอนนี้พวกเรายังสามารถเข้าไปได้หรือไม่?”
เซียวโม่กล่าว “แน่นอนว่าได้!พวกเราไปกันเถอะ!”
เซียวโม่พาพวกเขาไปที่ประตูหลัง แต่ทว่าเพิ่งเข้าไปได้ไม่เท่าไหร่ก็ถูกโจมตีเข้าเสียแล้ว
มู่อีและซวนอีได้เข้าไปป้องกันอย่างรีบร้อน จนเมื่อผู้โจมตีมองเห็นเซียวโม่ได้อย่างชัดเจนก็ตะลึงค้าง
“นายน้อย!”
“นายน้อย ท่านไม่เป็นอะไร ช่างดียิ่งนัก!”
“รีบไปแจ้งท่านเจ้าตำหนัก!”
เซียวโม่กลับมาอย่างปลอดภัยพวกเขาก็ดีใจเป็นอย่างมาก แต่เมื่อมองไปยังพวกมู่เฉียนซีแล้วพวกเขาก็ยังคงลังเลอยู่บ้าง
เซียวโม่กล่าว “พวกเขาเป็นผู้มีพระคุณในการช่วยชีวิตข้า สามารถเชื่อถือได้อย่างแน่นอน พาพวกเราไปเจอท่านพ่อเถอะ!”
ในที่สุดพวกเขาก็ได้เข้าไปในตำหนักเซียวอวิ๋นอย่างราบรื่น แต่เมื่อเซียวโม่กล่าวว่าอยากพบผู้เป็นบิดาแล้ว ผู้อาวุโสแต่ละคนของตำหนักเซียวอวิ๋นก็ดูมีท่าทีลังเลตะกุกตะกัก
สีหน้าของเซียวโม่ซีดเผือดลงพลัน เขาถามขึ้น “ท่านพ่อข้าเป็นอะไรไป?”
“นายน้อยอย่าเพิ่งร้อนรนไป ท่านเจ้าตำหนักแค่เพียงได้รับบาดเจ็บเพียงเล็กน้อย ไม่มีเรื่องใหญ่อันใด!”
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “เจ้าตำหนักเซียวได้รับบาดเจ็บ? สามารถพาข้าไปดูได้หรือไม่?”
“พาเจ้า…” พวกเขามองไปยังมู่เฉียนซีอย่างงุนงงสงสัย
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้าคือมู่เฉียนซีแห่งหอหมอปีศาจ”
“มู่เฉียนซีแห่งหอหมอปีศาจ อัจฉริยะนักปรุงยาอันดับหนึ่งแห่งแดนตะวันออกผู้นั้น!”
“ลูกศิษย์ของหมอปีศาจผู้เป็นนักปรุงยาอันดับหนึ่งของแดนตะวันออก!”
“……”
พวกเขามองไปทางมู่เฉียนซีอย่างตกตะลึงจากนั้นก็รีบกล่าวขึ้น “ปรมาจารย์นักปรุงยามู่ ขอเชิญด้านใน!”
ไม่ว่ามู่เฉียนซีนั้นจะอายุน้อยเพียงใด ทว่าความสำเร็จที่นางสกัดยาเม็ดขั้นสวรรค์ออกมาได้ ก็มีพลังความสามารถมากเพียงพอที่จะทำให้ผู้คนพากันเรียกขานเป็นปรมาจารย์นักปรุงยามู่
เจ้าตำหนักเซียวมิเพียงแต่ได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก อีกทั้งยังต้องพิษเข้าเสียด้วย
เหตุที่ผู้อาวุโสแต่ละคนได้กล่าวออกไปเช่นนั้นก็เพื่อที่จะปลอบประโลมเซียวโม่ที่เพิ่งจะกลับมายังบ้านของตนก็เท่านั้น
ผู้อาวุโสสูงสุดแห่งตำหนักเซียวอวิ๋นกล่าวถามขึ้นอย่างประหม่า “ปรมาจารย์นักปรุงยามู่ ไม่ทราบว่ายังมีหนทางหรือไม่? ถ้าหากว่ายากที่จะช่วยเหลือ ไม่ทราบว่าเจ้าจะสามารถเชิญให้หมอปีศาจออกโรงได้หรือไม่ พวกเราตำหนักเซียวอวิ๋นจะตอบแทนให้อย่างเหลือคณานับอย่างแน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าว “ไม่ต้องกังวลใจ ข้าสามารถรักษาให้หายได้”
ก่อนอื่นต้องล้างพิษก่อน!
แม้ว่าพิษนี้จะร้ายกาจแต่มันก็ถอนได้ไม่ยากเย็น
มู่เฉียนซีได้สกัดยาถอนพิษชนิดเหลวออกมา เข็มยานั้นได้ถูกฉีดเข้าไปที่ในเส้นโลหิต
มู่เฉียนซีถามขึ้น “ห้องปรุงยาอยู่ที่ใด?”
แม้ว่าตำหนักเซียวอวิ๋นจะเป็นสำนักหลอมอาวุธ แต่ทว่าห้องปรุงยานั้นก็ยังมีเตรียมเอาไว้พร้อมสรรพ
ใช้เวลาเพียงครึ่งชั่วยามมู่เฉียนซีก็สามารถสกัดยาเม็ดที่รักษาอาการบาดเจ็บออกมาได้
หลังจากที่ได้กินยาเม็ดเข้าไปเจ้าตำหนักเซียวก็ได้ตื่นขึ้นมา “พรวด!” เสียงกระอักโลหิตคำหนึ่งดังขึ้น
“ท่านพ่อ!”
“ท่านเจ้าตำหนัก!”
มู่เฉียนซีกล่าว “กระอักโลหิตสีดำออกมานั่นก็แสดงว่าท่านเจ้าตำหนักหายแล้ว พวกท่านไม่ต้องกังวลใจ!”
เจ้าตำหนักเซียวมองไปยังผู้ที่พูดกล่าวอยู่นั้นอย่างตะลึงงันเล็กน้อย “ที่แท้ก็เป็นเจ้าสาวน้อยผู้นี้นี่เอง”
“ท่านพ่อ!” เซียวโม่เดินเข้าไป
“ท่านพ่อ เฉียนซีมิเพียงแต่ช่วยชีวิตท่านเอาไว้ ชีวิตของข้าเองนางก็ช่วยเอาไว้ด้วยเช่นกัน”
เจ้าตำหนักเซียวผายมือแล้วกล่าว “ข้าไม่เป็นไรแล้ว พวกเจ้าวางใจเถิด! ไปเพิ่มความแข็งแรงของการป้องกันตำหนักเซียวอวิ๋นเถอะ”
“ขอรับ!”
มู่เฉียนซีและเฟิงอวิ๋นซิวยังหยุดอยู่ที่เดิม คนผู้อื่นนั้นไม่สามารถที่จะจดจำเฟิงอวิ๋นซิวได้ในทันใด แต่เจ้าตำหนักเซียวกลับสามารถจดจำได้
“นายน้อยอวิ๋นซิว เจ้ามาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร?”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ข้ามีเรื่องบางเรื่อง อยากที่จะสอบถามท่านเจ้าตำหนัก”
เจ้าตำหนักเซียวมองเขาอย่างระวังป้องกันแล้วกล่าวตอบ “ข้าไม่มีอะไรที่จะตอบ”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ในเมื่อเป็นเช่นนี้ เช่นนั้นข้าก็ไม่รบกวนเจ้าตำหนักเซียวแล้ว”
เฟิงอวิ๋นซิวเดินจากไปแล้วจริง ๆ เจ้าตำหนักเซียวเองก็อดที่จะตะลึงงันอยู่บ้างมิได้ นึกไม่ถึงเลยว่าเฟิงอวิ๋นซิวจะว่ากล่าวกันได้ง่ายดายเช่นนี้
สามารถที่จะเป็นนายน้อยแห่งตำหนักตงจี๋ที่เป็นกลุ่มกำลังสำนักนิกายระดับที่สามได้ เฟิงอวิ๋นซิวจะต้องไม่ใช่ตัวละครที่ง่ายดายธรรมดาอย่างแน่นอน
เจ้าตำหนักเซียวมองไปทางมู่เฉียนซีแล้วกล่าว “ชีวิตของพวกเราสองพ่อลูกนั้นล้วนแต่เป็นเจ้าที่ช่วยไว้ ติดค้างเจ้าค่อนข้างมาก เจ้าอยากที่จะรู้อะไร?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข่าวลือที่ออกไปด้านนอกนั้นท่านเจ้าตำหนักคงได้ยินแล้วกระมัง! ข้าอยากจะรู้ว่าข่าวลือนั้นเป็นความจริงหรือเท็จ”
เซียวโม่เองก็อยากรู้ไม่แพ้กัน
เจ้าตำหนักเซียวกล่าว “แน่นอนว่าข่าวลือนั้นเป็นเรื่องจริง! มันออกไปจากคนใกล้ชิดสนิทที่สุดของข้าจะยังเป็นเรื่องเท็จได้หรือ?”
เซียวโม่ตะลึงค้าง “ผู้ใกล้ชิดสนิทที่สุด!”
“เป็นท่านอารองหรือ?”
“อารองจะไปทำเรื่องเช่นนั้นได้อย่างไร”
เจ้าตำหนักเซียวกล่าว “อย่าได้กล่าวถึงเจ้าคนเดรัจฉานเลวทรามนั่น”
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้น ท่านเจ้าตำหนักสามารถบอกเล่าเรื่องราวทั้งหมดแก่ข้าได้หรือไม่? ในตอนนั้นท่านบอกว่าพลังความสามารถของข้าไม่เพียงพอ มาตอนนี้พลังความสามารถของข้าเองก็ไม่ได้แข็งแกร่งขึ้นเท่าใดนัก แต่ทว่า…”
เงาร่างสีดำหลายเงาร่างได้บุกเข้ามา เป็นพวกมู่อี พลังความสามารถของพวกเขาไม่เพียงแต่ไปถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่หก แต่หุ่นเชิดที่ควบคุมอยู่นั้นก็มีพลังความสามารถที่มิได้อ่อนแอไปกว่าเจ้าตำหนักเซียวอวิ๋น
“ไม่ทราบว่าพลังความสามารถของสมุนของข้าจะเข้าตาท่านเจ้าตำหนักบ้างหรือไม่?”
เจ้าตำหนักเซียวกล่าว “ในตอนนี้ตำหนักเซียวอวิ๋นของข้าตกอยู่ในอันตราย เจ้าเป็นผู้มีพระคุณในการช่วยชีวิตของพวกเราสองพ่อลูก บอกแก่เจ้าไปก็ไม่เป็นไร”
“พวกเราตระกูลเซียวเป็นคนรุ่นหลังของนักหลอมอาวุธผู้นั้น แต่ทว่าสืบทอดกันมาแต่ละยุคสมัย มาตอนนี้พวกเราก็ยังไม่สามารถที่จะเป็นใหญ่โตอะไรได้ พวกเราได้รับแผนที่ที่ซ่อนกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เอาไว้ แต่มันก็เป็นแค่เพียงส่วนเล็ก ๆ ส่วนหนึ่งเท่านั้น ส่วนอื่น ๆ นั้นข้าไม่รู้ที่มาที่ไปของมันตั้งแต่แรกอยู่แล้ว”
“ยิ่งไปกว่านั้นบรรพบุรุษแต่ละรุ่นของพวกเราได้ศึกษาแผนที่นั้นมาอย่างยาวนาน แต่ก็ไม่สามารถจะมองอะไรออกได้เลย”
มู่เฉียนซีถามขึ้น “แผนที่ที่ท่านเจ้าตำหนักเซียวกล่าวถึงนั้นเป็นแผ่นเหล็กแผ่นหนึ่งใช่หรือไม่?”
เจ้าตำหนักเซียวกล่าวตอบ “ใช่ เป็นแผ่นเหล็ก”
ดวงตาของมู่เฉียนซีส่องประกายเจิดจ้าออกมา “ข้าต้องการของสิ่งนั้นเป็นอย่างมาก บางทีอาจจะต้องใช้วิธีการที่เป็นการล่วงเกินท่านเจ้าตำหนักเพื่อแย่งชิงมา ดังนั้นแล้วจึงขอให้ท่านเจ้าตำหนักบอกข้าว่าจะต้องทำเช่นไรท่านจึงจะเต็มใจมอบมันมา”
เจ้าตำหนักเซียวยิ้มเจื่อน “สถานการณ์ในตอนนี้ พวกเราตำหนักเซียวอวิ๋นก็ไม่สามารถที่จะรักษาแผ่นเหล็กนี้เอาไว้ได้แล้ว ในเมื่อเจ้าต้องการข้าสามารถมอบให้เจ้าได้ อย่างไรเสียหลายปีมานี้มันอยู่กับตระกูลเซียวของข้าก็ไม่เกิดประโยชน์อันใด”
“เจ้าตามข้ามาเถอะ!”
เจ้าตำหนักเซียวได้นำกล่องใบหนึ่งออกมาจากวิหารมืด เมื่อเปิดกล่องออกมา ในนั้นก็มีแผ่นเหล็กอยู่หนึ่งแผ่น
เจ้าตำหนักเซียวกล่าว “แม่นางมู่ ข้ายังมีคำขอร้องที่ไม่สมควรอีกอย่างหนึ่ง ขอให้เจ้าพาตัวเซียวโม่ไปด้วย”
ในตอนนี้กองกำลังใหญ่ต่าง ๆ ได้เล็งเห็นตำหนักเซียวอวิ๋นของพวกเขาแล้ว คำว่ากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์นี้เพียงพอที่จะทำให้พวกคนเหล่านั้นบ้าคลั่ง
แม้ว่าตำหนักเซียวอวิ๋นจะได้เปิดค่ายกลการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดขึ้นมา แต่ก็เกรงว่าคงจะไม่สามารถต้านทานกลุ่มคนที่บ้าคลั่งและละโมบโลภมากเหล่านี้ได้
เซียวโม่กล่าว “ท่านพ่อ ข้าไม่ไป ข้าจะอยู่จะตายไปกับท่านและตำหนักเซียวอวิ๋น”
“ในตอนนี้เจ้ายังไม่ยอมฟังคำพูดของข้าอีกรึ?” เจ้าตำหนักเซียวกล่าวด้วยความโกรธกริ้ว
.
.