สีหน้าของผู้อาวุโสจ้าวหม่นคล้ำ และตกตะลึง! เขาจะไม่ตกตะลึงได้หรือ?
เขาตกตะลึงเสียจนแทบจะกระอักเลือดออกมาอยู่แล้ว
เดิมทีฝ่ายของพวกเขาเป็นฝ่ายที่ได้กำชัยชนะไว้ในมือแล้วแท้
แต่อย่างไรเสียก็คาดไม่ถึง สาวน้อยผู้นี้มิเพียงแต่มีพรสวรรค์ในการปรุงยาที่วิปริตเท่านั้น พรสวรรค์ในการหลอมอาวุธเองก็มิได้อ่อนด้อยเลย จึงได้ฟาดฟันให้แผนการของพวกเขาพังทลายลงอย่างนี้
มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “ผู้อาวุโสจ้าว ในรอบนี้พวกข้าชนะแล้ว!”
“การแข่งขันทั้งห้าครั้ง พวกเราชนะไปทั้งหมดสามครั้ง ตอนนี้พวกเจ้าก็ควรทำตามสัญญาณของพวกเจ้าได้แล้วกระมัง!”
สีหน้าของผู้อาวุโสจ้าวมืดครึ้มไปพลัน เขากล่าว “พวกเราถอย!”
ในตอนที่เขากำลังจะหันหลังจากไปนี่เอง มู่เฉียนซีได้กล่าวขึ้น “ช้าก่อน!”
นางได้นำเอาหนังสือสัญญาเล่มนั้นออกมาแล้วกล่าว “ผู้อาวุโสจ้าว ท่านอายุมากแล้วมีความจำที่ไม่ดีจริงๆด้วย! ดูเหมือนว่าจะลืมไปอีกข้อหนึ่ง!”
ดวงตาของผู้อาวุโสจ้าวเบิกกว้าง การชดใช้!
“พวกเจ้าตำหนักเซียวอวิ๋นต้องการการชดใช้อันใด!”
ในตอนนี้ตำหนักเซียวอวิ๋นของพวกอยู่รอดปลอดภัยก็นับว่าเป็นพันหมื่นความโชคดีท่ามกลางความโชคร้ายแล้ว เจ้าตำหนักเซียวเองก็มิใช่ว่ามีจิตใจละโมบ
เจ้าตำหนักเซียวมิได้มีจิตใจละโมบโลภมาก แต่นั่นก็มิได้หมายความว่ามู่เฉียนซีจะปล่อยพวกเขาไปอย่างง่ายดายเช่นนั้น
มู่เฉียนซียิ้มแล้วกล่าว “ผู้อาวุโสจ้าว คนเหล่านี้ของพวกท่านได้เข้าโจมตีตำหนักเซียวอวิ๋น ทำลายสถานที่ของตำหนักเซียวอวิ๋นไปไม่น้อยยังมิว่า แต่ที่ทำให้พวกเขาหวาดกลัวนั้นก็ทำให้เกิดความเสียหายทางด้านจิตวิญญาณไปไม่น้อย”
“การชดใช้นี้หากพวกเจ้าให้มาน้อยแล้ว หอหมอปีศาจของข้าจะไม่ยอมรับ!”
ผู้อาวุโสจ้าวกล่าว “ข้าจะไปปรึกษากับพวกเขาเสียหน่อย!”
หลังจากที่ได้ปรึกษากันแล้วก็ได้นำหยกวิญญาณและของล้ำค่าออกมาอยู่เป็นจำนวนมาก
เมื่อมู่เฉียนซีมองดูแล้วก็กล่าว “หยกวิญญาณจำนวนสิบล้าน จะดีร้ายอย่างไรพวกเจ้าก็ล้วนแต่เป็นสำนักนิกายระดับสองขึ้นไปแต่กลับตระหนี่ถี่เหนียวเช่นนี้”
“สมุนไพรวิญญาณเหล่านี้พวกเจ้าก็ยังจะเอาออกมาได้! ที่หอหมอปีศาจของเราซุ่ม ๆ หยิบออกมาก็มีเป็นกองใหญ่!”
“แล้วก็แร่นี่…”
เมื่อได้ยินคำพูดของมู่เฉียนซี พวกเขาก็แทบที่จะกระอักเลือดออกมา
นี่พวกเรากำลังชดใช้ให้ตำหนักเซียวอวิ๋น มิได้ชดใช้ให้พวกเจ้าหอหมอปีศาจ
คิดจริง ๆ หรือว่าพวกเรากลุ่มกำลังขั้นสำนักนิกายระดับสองเหล่านี้จะร่ำรวยเหมือนดั่งพวกเจ้าที่ขายยาเม็ดในเมืองอยู่ทุกวัน
เมื่อถูกมู่เฉียนซีว่ากล่าวไปเป็นชุด พวกเขาก็รู้สึกราวกับว่าเลือดภายในอกของพวกเขาได้กระอักออกมาแล้ว
จื่อโยวเดินเข้ามาด้านหน้าแล้วกล่าว “สาวน้อยคนงามพูดไม่ผิด สิ่งของเหล่านี้เป็นสิ่งที่เอาออกมาแสดงความน่าละอาย! พวกเจ้าทำให้สาวน้อยคนงามไม่สบอารมณ์ก็จงไปที่โลกหน้ากันทั้งหมดเสียเถอะ”
ดวงตาอันทรงเสน่ห์ทั้งสองลูกของจื่อโยวนั้นฉายแววแห่งความเย็นยะเยือกออกมา!
ผู้แข็งแกร่งเหล่านั้นของหอปี้ลั่วกำลังรอสัญญาณให้ลงมือจากจื่อโยวอยู่ทุกเมื่อ
เมื่อนึกถึงพลังความสามารถนั้นของจื่อโยวที่ได้ต่อสู้ครั้งใหญ่กับท่านหมิงจี ถึงแม้ว่าจะเป็นยอดฝีมือขั้นสูงสุดก็ยังไม่กล้าเข้าไปหาเรื่องให้เขาโมโห
สิ่งที่ยิ่งทำให้ผู้อาวุโสจ้าวหมดอาลัยก็เพราะว่าเกิดเรื่องขึ้นกับธิดาศักดิ์สิทธิ์ ยอดฝีมือเหล่านั้นของตำหนักตงจี๋ที่ส่งมาก็ได้ถอยกลับไปจนหมดสิ้น
หน้าผากของผู้อาวุโสจ้าวเหงื่อตกออกมา เขากล่าว “ข้าจะไปปรึกษากับพวกเขาอีกรอบเสียหน่อย”
ในอีกครั้งนี้สิ่งที่พวกเขาได้นำออกมาก็แทบจะเป็นสมบัติเก่าเก็บของพวกเขา
มู่เฉียนซีมองดูอยู่ครู่หนึ่งจึงได้ฝืนพยักหน้าไป พวกเขาจึงได้โล่งอกไปเปราะหนึ่ง
“ไม่เป็นไร พวกเจ้ารีบถอยกลับไปเถอะ! อย่าได้อยู่ที่นี่ขวางหูตาต่อไปเลย!”
พวกเขาอยากที่จะถอยกลับไป และในตอนนี้เองเฟิงอวิ๋นซิวก็ได้เอ่ยปากขึ้น
“ในตอนนี้แผนที่ของตำหนักเซียวอวิ๋นได้อยู่ในมือของข้าแล้ว ถ้าหากพวกเจ้าต้องการละก็ สามารถไปหาข้าที่ตำหนักตงจี๋ได้ตามสบาย”
เดิมทีมีผู้ที่ต้องการหวนกลับมาใหม่อีกคำรบ แต่เมื่อได้ยินคำพูดของเฟิงอวิ๋นซิวก็ตะลึงค้าง
ตำหนักเซียวอวิ๋นเป็นกองกำลังขั้นสำนักนิกายระดับสอง พวกเขานั้นจึงกล้าที่จะมายั่วยุทำให้โมโห แต่กับจ้าวแห่งแดนตะวันออกเช่นตำหนักตงจี๋นั้นไม่ใช่อะไรที่พวกเขาคิดอยากจะทำให้โกรธกริ้วก็สามารถจะทำได้
มู่เฉียนซีตะลึงค้างไปพลัน “อวิ๋นซิว!”
แผนที่ยังอยู่ที่ตัวนางอยู่เลย! เขากล่าวเท็จตาใสเช่นนี้จะดีหรือ?
เฟิงอวิ๋นซิวยิ้มแล้วกล่าวกับมู่เฉียนซี “ชื่อของตำหนักตงจี๋นั้นหากมิใช้ก็เปล่าประโยชน์ เฉียนซีเจ้าไม่ต้องกังวลใจ”
จื่อโยวยิ้มอย่างมีเสน่ห์แล้วกล่าว “สาวน้อยคนงามบ้านข้าจะไปเป็นห่วงเจ้าได้อย่างไร! ทางที่ดีที่สุดคือเจ้าได้ถูกคนลอบสังหารแล้วลงนรกไปจะยิ่งดี”
จื่อโยวมองขึ้นลงพิจารณาคนที่อยู่ตรงหน้าผู้นี้ รูปลักษณ์ไม่เลว บุคลิกไม่เลว อีกทั้งยังเป็นนายน้อยแห่งตำหนักตงจี๋ เป็นภัยคุกคามอย่างหนึ่ง
ตอนนี้สาวน้อยคนงามยังคงโกรธเคืองเยี่ยอยู่ เขาจะปล่อยให้ผู้อื่นฉวยโอกาสนี้รุกเข้ามาไม่ได้
คนอื่น ๆ นั้นได้ถอยกลับไปแล้ว จื่อโยวกลับกล่าวแดกดันบีบบังคับออกมา “นายน้อยอวิ๋นซิว ข้ารอเจ้ามานานแล้ว การต่อสู้เมื่อครู่นี้ดูเหมือนว่าเจ้าจะยังมิได้ต่อสู้จนพอใจกระมัง! เจ้าจะมาสู้กับข้าสักรอบหรือไม่!”
เมื่อถึงตอนนั้นผลาดท่าเข้าก็จัดการเชือดเจ้าหมอนี่เสีย กำจัดภัยคุกคามให้แก่เยี่ยไปหนึ่งสิ่ง รับรองได้ว่าเยี่ยจะต้องประทานสาวงามหลายนางให้เป็นรางวัลอย่างแน่แท้
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “นั่นไม่จำเป็นแล้ว! อวิ๋นซิวยังมีเรื่องสำคัญที่ต้องทำอยู่”
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างไม่สบอารมณ์ “จื่อโยว เจ้าไม่มีเรื่องก็อย่าหาเรื่อง! หากเบื่อหน่ายก็ยังมิสู้ว่าเจ้าไปฟังข่าวเรื่องอื่น”
ภัยอันตรายของตำหนักเซียวอวิ๋นได้ถูกขจัดไปแล้ว เจ้าตำหนักเซียวเองก็โล่งอกไปหนึ่งเปราะ
“ในครั้งนี้ขอบคุณแม่นางมู่เป็นอย่างมาก เรื่องที่ข้าพูดไปนั้นจะต้องทำได้อย่างแน่นอน”
มู่เฉียนซีกล่าวตอบ “ข้าได้สิ่งที่ข้าต้องการมาแล้ว ก็แค่ถือโอกาสช่วยเหลือก็เท่านั้นเอง แต่สำหรับสถานที่อยู่ของกระบี่มังกรเพลิงนั้น คงต้องขอให้เจ้าตำหนักเซียวชี้แนะเสียหน่อยแล้ว”
“ในตอนนี้พวกเราไม่อาจรู้ได้ว่าแผนที่นั้นเป็นอย่างไร?”
มู่เฉียนซีกล่าว “ข้ารู้!”
มู่เฉียนซีมิเพียงแต่นำแผ่นเหล็กของตำหนักเซียวอวิ๋นนั้นวาดออกมา ส่วนอื่นอีกสามแผ่นนั้นก็ได้วาดออกมาเช่นกัน
เจ้าตำหนักเซียวมีสีหน้าที่ตกตะลึงไปในทันที “นี่มัน…”
“ไม่ทราบว่าท่านเจ้าตำหนักมองดูสิ่งนี้แล้วเห็นอะไรบ้างหรือไม่?”
เจ้าตำหนักเซียวจดแผนที่นี้เอาไว้จากนั้นก็ใช้พลังวิญญาณธาตุไฟเผาแผนที่นั้นเสีย
เจ้าตำหนักเซียวมองดูแผนที่นี้แล้วก็มืดมนเช่นกัน
ในสมองของเขาได้กลั่นกรองสถานที่ต่าง ๆ ของบรรพบุรุษแห่งตระกูลเซียวของพวกเขาออกมาแต่ก็ไม่มีสถานที่ใดจะเข้ากันกับแผนที่นี้เลย
“แผนที่นี้ข้าต้องการเวลาคิดดูให้ดี หากทันทีที่มีข่าวข้าจะส่งข่าวให้เจ้าอย่างแน่นอน!”
มู่เฉียนซีกล่าว “เช่นนั้นก็รบกวนท่านเจ้าตำหนักเซียวแล้ว”
ในตอนนี้ตำหนักเซียวอวิ๋นไร้ซึ่งภัยอันตราย มู่เฉียนซีกับเฟิงอวิ๋นซิวเองก็ได้กลับไปยังเมืองตงจี๋ มีจื่อโยวและหอปี้ลั่วอยู่ด้วย ตลอดทางนั้นจึงไม่มีใครกล้าเข้ามาขวาง
เฟิงอวิ๋นซิวได้ไปส่งมู่เฉียนซีที่หอหมอปีศาจจากนั้นก็เตรียมที่จะกลับไปยังตำหนักตงจี๋
มู่เฉียนซีกล่าวขึ้น “อวิ๋นซิว ช้าก่อน…”
มู่เฉียนซีได้นำแผ่นเหล็กนั้นมอบให้แก่เฟิงอวิ๋นซิว “เจ้ากลับไปก็ต้องมีสิ่งของมอบให้แก่ไป๋อู๋ห่ายถึงจะถูก อย่างไรเสียเขาก็มองอะไรไม่ออก”
เฟิงอวิ๋นซิวมิได้ปฏิเสธแล้วรับมันมา
“ข้ากลับไปก็จะคิดหาวิธีถอดความลับของแผนที่นั้น หากมีข่าวจะแจ้งเจ้า”
มู่เฉียนซีพยักหน้ารับ “อื้ม!”
มู่เฉียนซีกลับไปยังหอหมอปีศาจ มู่สือได้เข้ามารายงาน
“ผู้นำตระกูล พวกเราได้ส่งคนเข้าไปในโรงเตี๊ยมแห่งนั้นที่เมืองเฮยตู ที่นั่นบอกว่าท่านตงหวงกำลังเก็บตัวอยู่ไม่สามารถติดต่อได้”
มู่เฉียนซีตะลึงค้าง “ท่านปู่ตงหวงกำลังเก็บตัว เช่นนั้นก็ไม่มีทางมอบสิ่งของให้แก่เขาได้ ดูท่าแล้วเขาคงจะร้อนใจเป็นอย่างมาก!”
“เจ้าของโรงเตี๊ยมได้บอกเอาไว้ ทันทีที่ท่านตงหวงออกจากการเก็บตัวก็จะมาหาท่านผู้นำตระกูล ขอให้ท่านผู้นำตระกูลอย่าได้กังวลใจ” มู่สือกล่าวตอบ
มู่เฉียนซีพยักหน้ารับแล้วกล่าว “เช่นนั้นก็รอท่านปู่ตงหวงออกจากการเก็บตัวก่อนเถิด! หากเขารู้ว่าข้าได้คัมภีร์หมื่นสาปของเผ่ามังกรมาแล้วจะต้องดีใจเป็นอย่างมากแน่! คัมภีร์หมื่นสาปนี้ไม่มีประโยชน์กับจิ่วเยี่ย หวังว่ามันพอที่จะมีประโยชน์กับเขาได้ก็คงดี”
มู่เฉียนซีคิดทุกหนทางที่จะถอดความลับของแผนที่ แต่มันก็ยังไม่ได้ผลอะไรเลยแม้แต่น้อยดังเช่นเดิม
ผ่านไปไม่กี่วัน มู่เฉียนซีรู้สึกว่าอากาศนั้นเปลี่ยนแปลงเป็นร้อนจนผิดปกติขึ้นมา เห็น ๆ อยู่ว่ามันเข้าฤดูใบไม้ร่วงแล้ว ความร้อนนี้ไม่ปกติ!
หวึง! ด้วยอากาศที่ร้อนจนผิดปกติ กระบี่มังกรเพลิงที่ถูกมู่เฉียนซีนำไปไว้ในมิติในตอนนี้ก็กลายเป็นกระสับกระส่ายขึ้นมา ราวกับว่ามีบางอย่างกำลังเรียกหามันก็มิปาน