เผชิญหน้ากับยอดฝีมือมากมายถึงเพียงนั้น พลังของเฟิงอวิ๋นซิวกลับไม่พอ
ดังนั้นเขาจึงใช้วิชาลับเพิ่มพลังของตนเองให้สูงขึ้นถึงระดับสูงสุด จากนั้นก็พุ่งตรงไปที่กระบี่เล่มนั้นอย่างไม่นึกถึงชีวิต
แต่ในขณะที่เขากำลังจะเข้าใกล้กระบี่เล่มนั้น ร่างหลายสิบร่างก็เข้ามาโจมตีเขาให้ต้องถอยออกมา
“นายน้อยอวิ๋นซิว กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เล่มนี้มันต้องเป็นของข้าแต่เพียงผู้เดียว!”
ผู้ที่ลงมือกับเฟิงอวิ๋นซิวนั้นก็คือผู้อาวุโสสูงสุดของตำหนักเป่ยหาน!
ปัง! เสียงดังสนั่นขึ้น เฟิงอวิ๋นซินถูกโจมตีจนร่างกระเด็นลอยออกไป
กู้ไป๋อีก็เห็นกระบวนท่านั้นของผู้อาวุโสสูงสุดแล้ว แววตาของเขาพลันเย็นยะเยือกขึ้น ตาเฒ่านี่ นึกไม่ถึงเลยว่าจะย้อนกลับมาอีก
คนผู้นั้นที่ซีเอ๋อร์ต้องการจะปกป้อง ใช่เขาหรือไม่ที่พากลับมา
พรวด! ถูกผู้อาวุโสสูงสุดโจมตีอย่างหนักหน่วงเช่นนี้ เฟิงอวิ๋นซินกระอักเลือดคำโตออกมา ก่อนที่จะพุ่งเข้าไปอีกครั้ง
ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิต เขาก็ต้องเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาให้จงได้
เขาพุ่งตัวออกไปอีกครั้ง จากนั้นก็มีคนกลุ่มหนึ่งพุ่งไปโจมตีเขา
ผั๊วะ ปัง ปัง! ค้อนสีทองอร่ามพุ่งออกไปกวาดล้างคนรอบข้าง ทำให้พวกเขาทุกคนกระเด็นลอยออกไป
มู่เฉียนซีเห็นเช่นนี้ก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ในที่สุดซิงเฉินก็มาถึงสักที
น้ำเสียงอันมีเสน่ห์ยั่วยวนใจเสียงหนึ่งดังขึ้น “กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เนี่ยนะช่างเป็นของดีจริง ๆ เลย เพียงแต่ว่าของดีเช่นนี้ ข้าจะเอา นายน้อยอวิ๋นซิว เจ้าว่าเจ้าจะทำให้ตัวเองสลบไปเอง หรือว่าจะให้ข้าทำให้เจ้าสลบไปดีล่ะ”
“จื่อโยว เจ้าพูดจาไร้สาระให้มันน้อย ๆ หน่อยเถอะ” ซิงเฉินทำสีหน้าเหยเกใส่จื่อโยว เพราะเขานึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าหมอนี่จะทำให้นายหญิงหายตัวไปได้
ที่พวกเขามาช้าก็เพราะว่ากำลังตามหาตัวนางอยู่ ยังหานางไม่เจอ ทางด้านนี้ก็เกิดการต่อสู้อย่างดุเดือดขึ้นแล้ว
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าว “ข้าก็จะต้องเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาให้ได้เหมือนกัน!”
“เช่นนั้นข้าก็จำเป็นต้องหยาบคายแล้วล่ะ!” ซิงเฉินโจมตีเฟิงอวิ๋นซิวด้วยความโกรธเกรี้ยว ถึงแม้ว่าเฟิงอวิ๋นซิวจะใช้ทักษะลับเพิ่มพลังวิญญาณแล้ว แต่ก็ยังคงสู้ซิงเฉินไม่ได้อยู่ดี
อีกทางด้านหนึ่งยังคงต่อสู้เข่นฆ่ากันอย่างดุเดือด ส่วนเฟิงอวิ๋นซิวก็ยิ่งอยู่ห่างจากกระบี่เล่มนั้นไกลขึ้นเรื่อย ๆ แล้ว
และแน่นอนว่ายอดฝีมือของตำหนักตงจี๋เข้ามาสนับสนุนเฟิงอวิ๋นซิว ทำให้ตำหนักตงจี๋ที่มีโอกาสได้เปรียบในก่อนหน้านี้ไม่ได้เปรียบอีกต่อไป
ผู้อาวุโสสูงสุดกล่าวด้วยความโกรธเกรี้ยวว่า “หลิง ฉวยโอกาสนี้เข้าไปแย่งกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาเร็วเข้า!”
หากเข้าไปใกล้กระบี่เล่มนั้น ก็ไม่สามารถควบคุมจิตสังหารได้ หลิงไม่ได้อยากเข้าไปแย่งชิงเลย
แต่เขากลับไม่รู้ว่าเขานั้นมีเจตนาที่จะต่อต้านผู้อาวุโสสูงสุด
หลิงพุ่งตัวไปทางกระบี่เล่มนั้น มู่เฉียนซีกำหมัดแน่นขึ้นทันที อารอง…
กระบี่เล่มนั้นเป็นของปลอม หากสัมผัสมันจริง ๆ ก็ยังไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น มู่เฉียนซีอยากจะพรวดออกไปขวางเขา…
และในตอนนี้เอง ร่างในชุดดำหลายร่างได้พุ่งตัวออกไปขวางหน้าหลิงเอาไว้ได้
พลังของพวกเขานั้นไม่ได้แข็งแกร่งอะไรมากนัก แต่หุ่นเชิดที่พวกเขาเรียกออกมานั้นกลับไม่ได้อ่อนแอเลย
อีกอย่างพวกเขาก็ไม่ได้โจมตีคนอื่น และไม่ได้แย่งชิงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ด้วย พวกเขาแค่ไล่โจมตีหลิง
คนอื่นเห็นเช่นนี้ก็รู้สึกประหลาดใจมาก “องครักษ์หลิง ศัตรูมาหาถึงที่เลยเหรอ?”
ไป๋อู๋ห่ายหัวเราะชอบใจขึ้น “ฮ่า ๆ ๆ! นึกไม่ถึงเลยว่าหอหมอปีศาจก็มาด้วย พวกเราฉวยโอกาสที่หอหมอปีศาจเล่นงานตำหนักเป่ยหานไปแย่งชิงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาให้ได้”
มู่อีและพวกลงมือแล้ว มู่เฉียนซีจึงโล่งอกไปเปราะหนึ่ง
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้มีผู้ใดสงสัย พวกเขาจึงได้ลงมือโจมตีคนของตำหนักเป่ยหานด้วย สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดของตำหนักเป่ยหานพลันเหยเกขึ้นทันใด
“ดูเหมือนว่าตำหนักเป่ยหานของพวกข้าไม่ได้ไปล่วงเกินอันใดหอหมอปีศาจเลย อีกอย่างก่อนหน้านี้ไม่นาน พวกข้ายังดูแลสาวน้อยมู่เฉียนซีผู้นั้นเป็นอย่างดี”
มู่อีกล่าว “ตอนนี้ท่านผู้นำตระกูลของพวกข้าหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ในเมื่อเจ้าเอ่ยมาเช่นนี้ การหายตัวไปของท่านผู้นำตระกูลต้องเกี่ยวข้องกับพวกเจ้าตำหนักเป่ยหานแน่นอน!”
ปัง ปัง ปัง! คนของหอหมอปีศาจได้ต่อสู้กับคนของตำหนักเป่ยหานแล้ว
ผู้อาวุโสสูงสุดกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างมาก ทำได้เพียงแค่ต้านทานไว้ มู่อีนำหุ่นเชิดรับมือกับหลิง ยิ่งต่อสู้มากเท่าไหร่ การต่อสู้ก็ตีรอบวงกว้างมากขึ้นเท่านั้น
เพราะเป็นลูกน้องของมู่เฉียนซี มู่อีก็ไม่ได้มีเจตนาฆ่าแต่อย่างใด มู่อีพุ่งไปที่หลิง และในขณะที่ทั้งสองเข้าใกล้ชิดกัน มู่อีจึงกล่าวเสียงเบาว่า “นายท่านรอง ขออภัยด้วย ข้าน้อยต้องล่วงเกินแล้ว”
ปัง! ในตอนนี้หลิงไม่ได้ตอบโต้ จึงถูกมู่อีโจมตีจนบาดเจ็บและสลบไป
หลิงได้รับบาดเจ็บสาหัสจนสลบไป ต่อให้เป็นคำสั่งของผู้อาวุโสสูงสุด เขาก็ไม่สามารถฟื้นขึ้นมาทำอะไรได้
ในตอนนี้ผู้อาวุโสสูงสุดก็ไม่ได้สนใจความเป็นความตายของเขาแล้ว เขาได้รับผลกระทบจากกระบี่เล่มนั้นเข้าแล้ว ในตอนนี้เขาต้องการเพียงแค่ฆ่าเท่านั้น ฆ่าทุกคนที่แย่งชิงกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์กับเขาให้ตายให้หมด และเขาก็จะได้ครอบครองกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์
มู่อีกล่าว “พวกเราจะพานายท่านรองไปก่อน ส่วนนายน้อยอวิ๋นซิวก็มอบให้เป็นหน้าที่ของพวกท่านสองคนแล้ว พวกเราต้องไปตามหาท่านผู้นำตระกูลให้พบ!”
“ตกลง!”
ในการต่อสู้ครั้งนี้ เดิมทีพวกเขาก็เป็นเงา เมื่อได้โอกาสก็ออกไปอย่างไร้ซุ่มไร้เสียงทันที
มู่เฉียนซีกล่าว “หมื่นกระบี่ ส่งพวกเขาออกไป เร็วเข้า!”
พิฆาตวิญญาณอยู่ที่นี่ ถึงแม้ว่าจะอยู่ห่างจากสนามรบนี้ แต่ก็ยังไม่ปลอดภัยอยู่ดี
กลไกวิญญาณกล่าว “ขอรับ!”
“บอกพวกเขาด้วยว่าข้าปลอดภัยดี!”
“ขอรับ!”
เมื่อส่งอารองออกไปแล้ว มู่เฉียนซีก็โล่งอกไปเปราะหนึ่ง
ส่วนเฟิงอวิ๋นซิวมีจื่อโยวกับซิงเฉินอยู่ น่าจะไม่มีปัญหากระมัง!
ทว่า สถานการณ์กลับผันเปลี่ยน ลไม่ได้ราบรื่นเหมือนที่มู่เฉียนซีได้จินตนาการเอาไว้ ในขณะที่ซิงเฉินกำลังจะตีเฟิงอวิ๋นซิวให้สลบ จู่ ๆ ร่างหลายร่างก็พรวดเข้ามา
พลังพลังหนึ่งโจมตีค้อนสีทองของซิงเฉินออกไป
น้ำเสียงอันเย้ยหยันเสียงหนึ่งดังขึ้น “นายน้อยเฟิง ดูท่าเจ้าจะยิ่งอ่อนด้อยลงเรื่อย ๆ แล้ว แม้แต่พวกมดปลวกเหล่านี้ก็รับมือไม่ได้”
คนผู้นี้เป็นชายหนุ่มสวมชุดสีขาว ดู ๆ แล้วอายุน่าจะประมาณสามสิบปี แต่พลังความแข็งแกร่งกลับยากที่จะหยั่งรู้ได้
เฟิงอวิ๋นซิวรู้สึกว่าพวกเขาเป็นคนแปลกหน้า แต่เมื่อพวกเขาเรียกเขาว่า ‘นายน้อยเฟิง’ เช่นนี้ เขาก็รู้ทันทีว่าพวกเขาไม่ใช่คนในดินแดนสี่ทิศ
ดินแดนสี่ทิศมีการยับยั้งพลังของพวกเขาเอาไว้ที่ขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้า แต่เท่านั้นก็เพียงพอที่จะทำให้พวกเขารับมือกับคนอื่นได้
สีหน้าของจื่อโยวและซิงเฉินพลันเปลี่ยนไป หนึ่งในกลุ่มคนพวกนี้มองไปที่พวกเขาสองคนและกล่าวว่า “แต่จะโทษนายน้อยเฟิงก็ไม่ได้ อยู่ในที่ระดับต่ำนี้มานาน ไม่คิดจะพัฒนาตนให้ก้าวหน้ามันก็เป็นเรื่องที่แน่นอนอยู่แล้ว เฮ้อ แถมยังมาเจอกับคนที่ไม่ใช่คนของดินแดนสี่ทิศเช่นนี้อีก”
“นายน้อยเฟิงไปเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มาให้ได้เถอะ มดปลวกเหล่านี้ พวกเราจะจัดการเอง เจ้าต้องรีบลงมือให้เร็วหน่อย พวกเรายังต้องรอกลับไปรายงานพระนางด้วย!”
เมื่อเห็นสีหน้าดูถูกเหยียดหยามนั้นแล้ว สีหน้าเฟิงอวิ๋นซิวก็เคร่งขรึมลง
นึกไม่ถึงเลยว่านางจะไม่เชื่อใจเขา แถมยังส่งคนอื่นมาอีก ในใจเขารู้สึกสับสนมาก แต่สุดท้ายเขาก็ไม่ได้เปล่งเสียงกล่าวอะไร
ตูม! พวกเขาขวางซิงเฉินกับจื่อโยวเอาไว้ ทำให้ทั้งสองไม่มีโอกาสที่จะโจมตีเฟิงอวิ๋นซิวให้สลบ
พลังความแข็งแกร่งถูกยับยั้งเหมือนกัน ความแข็งแกร่งของพวกเขาไม่ได้ห่างชั้นกันมากนัก คิดจะเอาชนะอีกฝ่ายภายในเวลาอันสั้นนั้นไม่มีทางเป็นไปได้!
คนอื่น ๆ ก็เริ่มกวาดล้างกองกำลังที่เหลืออยู่เช่นกัน และตำหนักตงจี๋ก็แข็งแกร่งเพียงพอ กองกำลังอื่นต่อให้ทุ่มอย่างสุดชีวิตก็ไม่สามารถต้านทานได้นาน
สีหน้าของผู้อาวุโสสูงสุดพลันเปลี่ยนไป “ตำหนักตงจี๋ส่งคนมามากมายถึงเพียงนี้ แต่หัวหน้าตำหนักของข้ากลับไม่ทำอะไรเลย บัดซบจริง ๆ!”
“ท่านผู้อาวุโสสูงสุด แล้วเราจะทำยังไงต่อไปดีขอรับ?”
“พวกเราไม่ใช่คู่ต่อสู้ของคนเหล่านั้น ทำได้เพียงแค่วางมือ มองดูเฟิงอวิ๋นซิวเอากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ไป”
เมื่อเห็นเฟิงอวิ๋นซิวเข้าไปใกล้กระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์มากขึ้นเรื่อย ๆ คนที่บังอาจกล้าเข้าไปขวางก็ยิ่งลดน้อยลงเรื่อย ๆ แล้ว เฟิงอวิ๋นซิวจะสัมผัสกับกระบี่เล่มนั้นก็เพียงแค่รอเวลาแล้ว สีหน้าของมู่เฉียนซีเย็นชาลงเรื่อย ๆ “บัดซบ! คนเหล่านี้โผล่มาขวางทางได้ยังไง ข้าว่า…”