ฟู่! เปลวเพลิงสีแดงได้เผามืออันสมบูรณ์แบบคู่นั้นของเขาเสียจนจะไหม้เกรียมแล้ว
ถึงต่อให้เฟิงอวิ๋นซิวจะมีความอดทนและปณิธานที่แน่วแน่เข้มแข็งไปมากกว่านี้ก็มิอาจที่จะทนรับได้
ปรากฏว่าคนชุดขาวเหล่านั้นที่อยู่ด้านข้างกลับกล่าวขึ้นว่า “นายน้อยเฟิง ยังว่าว่าเจ้าเป็นอัจฉริยะที่มีทั้งสองธาตุน้ำไฟ แต่เปลวเพลิงเพียงแค่นี้ก็ไม่สามารถที่จะเอาได้อยู่ ช่างทำให้ตระกูลเฟิงขายหน้าเสียจริง ทำให้พระนางผิดหวัง!”
ดวงตาสีเหลืองอำพันของเฟิงอวิ๋นซิวฉายแววอันเย็นยะเยือกออกมา เขาได้โคจรพลังวิญญาณและยื่นมือเข้าไปทางนั้นอีกครั้งหนึ่ง
เสียงร้องตะโกนอันเย็นชาเสียงหนึ่งได้ดังขึ้น “มังกรวารีพิฆาต!”
มังกรวารีสีน้ำเงินดั่งน้ำแข็งได้พัวพันกับเปลวเพลิงนั้นขึ้นมา
เปลวเพลิงนั้นก็ลุกพุ่งขึ้นไปด้วยกัน แต่ทว่ามันก็มิได้ถูกดับไป มู่เฉียนซีได้โคจรพลังวิญญาณที่มีทั้งหมดขึ้นมาและใช้มังกรวารีพิฆาตอีกครั้ง!
หลังจากการวัดกำลังจบลง ในที่สุดเปลวเพลิงนั้นก็ถูกดับลงเสียที
เป็นเพราะเปลวเพลิงนั้นถูกดับลงได้อย่างทันเวลา มือคู่นั้นของเฟิงอวิ๋นซิวจึงมิได้ถูกเผาเสียจนเป็นเถ้าถ่าน แต่ทว่ากระดูกของเขานั้นได้ถูกเผาไปเสียจนไหม้ดำ
สิ่งที่มู่เฉียนซีให้ความสนใจก็คือมือของเฟิงอวิ๋นซิว แต่สิ่งที่ผู้อื่นให้ความสนใจก็คือกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ปลอมนั้นที่เคยถูกเปลวเพลิงอำพรางเอาไว้ สายตาพวกเขาล้วนแต่เร่าร้อน
เฟิงอวิ๋นซิวอยู่ใกล้กับกระบี่เล่มนั้นมากที่สุด ดังนั้นเขาจึงลงมืออย่างไม่ลังเล
มู่เฉียนซีโกรธเกรี้ยวเข้าแล้ว ทันทีที่เงาร่างสีม่วงขยับตัว กระบี่อันเย็นยะเยือกเล่มหนึ่งก็ได้ขวางกั้นที่ด้านหน้าของเฟิงอวิ๋นซิวเอาไว้
นางกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “มือของเจ้าได้บาดเจ็บจนเป็นเช่นนี้แล้ว เจ้ายังอยากที่จะชิงกระบี่ไป?”
“เฉียนซี…” เฟิงอวิ๋นซิวมองเห็นมู่เฉียนซีที่ยืนอยู่เบื้องหน้า น้ำเสียงของเขาค่อนข้างแหบแห้ง
“ตราบใดที่ข้ายังมีลมหายใจอยู่ เช่นนั้นก็จะไม่ยอมแพ้แน่! ในตอนนั้นพวกเราได้สัญญากันเอาไว้แล้วว่าหากทันทีที่หากระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์พบ ต่างคนต่างเอาความสามารถของตนเองเข้าช่วงชิง ข้าไม่อยากที่จะสู้รบกับเจ้า แต่วันนี้คงไม่อาจที่จะหลีกได้พ้นแล้ว”
มู่เฉียนซียิ้มออกมา “ขอแค่เพียงมีลมหายใจอยู่เจ้าก็จะไม่ยอมแพ้เหรอ? ได้ เช่นนั้นข้าก็จะทำให้เจ้าสิ้นลมไปทันใดเสีย”
เฟิงอวิ๋นซิวเผยรอยยิ้มอันขมขื่น “เจ้าต้องการจะฆ่าข้า?”
“เป็นเจ้าเองที่รนหาที่ตาย”
มู่เฉียนซีได้เก็บกระบี่เข้าฝักไปแล้วกล่าว “แต่มือของเจ้าบาดเจ็บไม่สามารถที่จะใช้กระบี่ได้ ข้าเองก็ไม่อาจที่จะรังแกเจ้าได้ มาใช้ทักษะวิญญาณตัดสินแพ้ชนะกันเถอะ!”
มู่เฉียนซีชิงลงมือก่อนเพื่อความได้เปรียบ พลังหัตถ์พลังหนึ่งได้พุ่งออกไป!
“ทักษะเทียนซวน!”
“วายุย้อนกลับพิฆาต!”
ปัง! การโจมตีของทั้งสองปะทะเข้าด้วยกัน ที่รอบด้านนั้นมีเสียงของลมที่หวีดหวิวฉีกขาดลอยออกไป
ปัก ปัก ปัก! ในตอนที่เฟิงอวิ๋นซิวต่อสู้กับมู่เฉียนซีอยู่นั้น เขาก็ยิ่งเข้าไปใกล้กระบี่เล่มนั้นเข้าไปมากทุกที
บุรุษชุดขาวเหล่านั้นกล่าวขึ้นด้วยความหงุดหงิด “บ้าจริง! เรื่องแค่นี้ก็ยังจัดการไม่ได้ ข้าจะไปจัดการเด็กสาวนั่นเอง”
พวกเขานั้นมีความเข้าใจในบันทึกที่เกี่ยวกับกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์ ถึงแม้ว่าพลังความสามารถจะแข็งแกร่งมากกว่าพวกมดปลวกเหล่านี้มากนัก แต่พวกเขาก็ไม่กล้าที่จะบุ่มบ่ามเข้าไปแตะต้องกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์
พวกเขาไม่สามารถไปแตะต้องได้ แล้วก็ไม่สามารถให้ผู้อื่นไปแตะต้องได้เช่นกัน ดังนั้นแล้วเฟิงอวิ๋นซิวจึงเป็นตัวเลือกที่ดีที่สุด
หากทันทีที่เกิดเรื่องขึ้นและเฟิงอวิ๋นซิวตายไปนั้น พวกเขาก็จะสามารถถอยร่นออกมาได้อย่างเต็มตัว
แต่ถ้าหากว่าประสบความสำเร็จ เมื่อถึงตอนนั้นพวกเขาเองก็จะมีส่วนได้ความดีความชอบไปด้วย
เมื่อเผชิญกับคนผู้ที่มุ่งร้ายขึ้นมานั้น แสงกระบี่อันเย็นยะเยือกก็ได้ฉายออกมา กู้ไป๋อีได้ออกโรงเสียแล้ว
แสงกระบี่ที่เหมือนดั่งสายฟ้าฟาดก็มิปานนี้ทำให้ไม่อาจที่จะหลบหลีกไปได้ ถึงแม้ว่าเขาจะใช้พลังทั้งหมดไปป้องกันแล้ว แต่ในตอนนี้ก็ยังได้รับบาดเจ็บอย่างหนัก
เขามองไปที่กู้ไป๋อีอย่างตกตะลึงแล้วกล่าวขึ้น “เจ้าเป็นใคร? ตำแหน่งที่ต่ำต้อยเช่นนี้ยังกลับมีผู้ที่สามารถทำร้ายข้าได้?”
กู้ไป๋อีทำเพียงแต่มองไปที่เขาด้วยความเย็นชาและออกกระบี่ไปอีกครั้ง ปราณกระบี่อันน่าหวั่นพรึงนั้นทำให้หัวใจของผู้คนรอบด้านล้วนแต่เย็นเฉียบขึ้นมาวาบหนึ่ง
คนผู้อื่นได้มองไปยังบุรุษชุดขาวผู้ที่เหมือนดั่งเทพเซียนก็มิปานผู้นี้แล้วกล่าวถามขึ้น “ท่านผู้นี้เป็นใครกัน? เหตุใดถึงได้ร้ายกาจถึงเพียงนี้”
“คาดว่าคงจะเป็นผู้แข็งแกร่งที่รักสันโดษเก็บตัวล้ำลึกผู้หนึ่งกระมัง!”
“……”
ดวงตาของไป๋อู๋ห่ายพลันหม่นหมองลง “กู้ไป๋อี!”
ไป๋อู๋ห่ายได้ยินมาว่ากู้ไป๋อีเองก็มีความสนใจในกระบี่ศักดิ์สิทธิ์นิรันดร์เช่นกัน จึงได้มายังแดนตะวันออกแต่กลับยังมิได้เจอตัวมาโดยตลอด จึงได้คิดไปว่าแท้จริงแล้วเขามิได้มาที่แดนตะวันออกจริง ๆ
แต่นึกไม่ถึงเลยว่าในช่วงเวลาสำคัญเช่นนี้จะออกมาก่อความวุ่นวาย!
ร่างของไป๋อู๋ห่ายเคลื่อนไหวพุ่งเข้าไปพลัน มุมปากของเขาก็ยกขึ้นเป็นรอยยิ้มแล้วกล่าว “กู้ไป๋อี พวกเราเองก็ไม่ได้ประมือกันมานานแล้ว วันนี้ก็พอดีจะได้ลองเสียหน่อยว่าพลังความสามารถของเจ้าเพิ่มขึ้นหรือไม่”
กู้ไป๋อีกล่าวอย่างเย็นชา “ไป๋อู๋ห่าย เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นคู่ต่อสู้ของข้ารึ?”
มันเป็นการดูถูกโดยสมบูรณ์ ไป๋อู๋ห่ายเองก็โกรธกริ้วขึ้นมาเสียแล้ว “ยังไม่ทันที่จะได้สู้กันสักตั้ง เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเจ้าเล่า?”
ตูม! ยอดฝีมือขั้นสูงสุดทั้งสองได้เปิดศึกกันขึ้นมาแล้ว
คนชุดขาวเหล่านั้นคิดที่จะไปช่วยเฟิงอวิ๋นซิว แต่มู่เฉียนซีเองก็ไม่ใช่แม่ทัพผู้เดียวดาย ซิงเฉินและจื่อโจวจะไม่ยอมให้พวกเขาทำร้ายมู่เฉียนซีได้อย่างแน่นอน
อีกอย่างในตอนนี้มู่เฉียนซีกำลังประมือกับเฟิงอวิ๋นซิว ไม่ง่ายเลยกว่าที่เฟิงอวิ๋นซิวจะฆ่าฝ่าออกมาจากวงล้อมโจมตี แต่ก็ได้มาถูกเปลวเพลิงเผาเสีย พลังความสามารถของเขานั้นไม่อาจคงสภาพให้อยู่ในระดับเต็มขั้นได้เลย
เขาที่เป็นมหาจักรพรรดิแห่งภูตขั้นที่เจ็ดเมื่อเผชิญกับมู่เฉียนซีที่สามารถต่อสู้ข้ามระดับขั้นได้นั้น ทั้งสองจึงสู้กันอย่างสูสี
มู่เฉียนซีกล่าว “เฟิงอวิ๋นซิว ในตอนนี้เจ้ายังสามารถเลือกที่จะยอมแพ้ได้!”
เฟิงอวิ๋นซิวกล่าวตอบ “เฉียนซี นอกเสียจากข้าตายไปแล้วถึงจะยอมแพ้!”
“เช่นนั้นก็อย่าโทษข้าว่าเอาจำนวนมากเข้ารังแกเลย”
“เสี่ยวหง อู๋ตี้ ลุย! ซัดให้ตาย ซัดตายแล้วข้ารับผิดชอบเอง”
การยืนกรานอย่างไม่คิดชีวิตนี้ของเฟิงอวิ๋นซิวได้ทำให้มู่เฉียนซีโกรธเกรี้ยวเสียแล้ว
เสี่ยวหงและอู๋ตี้กล่าวด้วยความตื่นเต้น “นายท่าน ข้ารับคำสั่ง พวกเราจะซัดไอ้หมอนี่ที่ไม่รู้จักดีร้ายให้ตาย!”
ปัง ปัง ปัง! เดิมทีเฟิงอวิ๋นซิวที่ประมืออยู่กับมู่เฉียนซีก็ยากลำบากอยู่แล้ว ยิ่งมีอู๋ตี้กับเสี่ยวหงเพิ่มเข้ามาอีกเขายิ่งอับจนหนทาง!
ปัง!
สำนวนว่าตีคนไม่ตีหน้า แต่ทว่าอู๋ตี้และเสี่ยวหงนั้นค่อนข้างที่จะชั่วร้ายอยู่บ้าง พวกมันจึงได้เน้นการโจมตีไปที่ใบหน้าของเฟิงอวิ๋นซิว
บุรุษรูปงามอันดับหนึ่งแห่งแดนตะวันออกกำลังจะกลายเป็นหัวหมูไปแล้ว
แม้ว่าจะถูกโจมตีจนเป็นเช่นนี้ สายตาของเฟิงอวิ๋นซิวก็ยังคงจับจ้องไปยังกระบี่เล่มนั้นอย่างแน่วแน่
ปัก ปัก ปัก! คนของทางมู่เฉียนซีได้หยุดรั้งผู้แข็งแกร่งอันลึกลับเหล่านั้นเอาไว้ แล้ว ก็ได้ทำให้คนผู้อื่นสามารถพอที่จะหายใจได้บ้างและค่อยสู้ใหม่ ค่อยแย่งชิงกระบี่นั้นอีกครั้ง!
การต่อสู้อันโกลาหลนั้นวนเวียนไม่หยุดหย่อน!
พลังวิญญาณธาตุน้ำได้ถูกโคจรขึ้นมาอย่างบ้าคลั่ง มู่เฉียนซีกล่าวขึ้นด้วยเสียงเย็นชา “ทักษะโยวหลัว!”
กระบวนท่าทำลายล้างกระบวนนี้ได้ปิดล้อมทั้งรอบด้านเอาไว้ เขาไม่อาจที่จะหลบหลีกไปได้เลย
หากว่ามันตกลงมาบนร่างของเขา คาดว่าทั้งร่างและกระดูกของเขาคงจะแหลกสลายแล้วตายไป ในตอนนี้เฟิงอวิ๋นซิวมองมู่เฉียนซีอย่างตกตะลึง บางทีการตายด้วยน้ำมือของมู่เฉียนซีก็คงไม่เลว
บึ้ม! เสียงกึกก้องกัมปนาทเสียงหนึ่งดังขึ้น ทักษะโยวหลัวได้ระเบิดลงตรงข้างกายของเฟิงอวิ๋นซิว มันได้ทำให้แผ่นศิลาบนพื้นป่นเป็นผง
ในตอนที่ฝุ่นผงจากแผ่นศิลากำลังลอยปลิวอยู่นั้น ผมสีดำของเฟิงอวิ๋นซิวก็ได้ลอยสะบัดขึ้นมา เขาตะลึงงันเล็กน้อย มู่เฉียนซีมิได้ลงมือพิฆาตฆ่าเขา
ด้วยความสามารถของนางนั้นเป็นไปไม่ได้เลยที่จะเกิดความผิดพลาดเช่นนี้
ทันทีที่เงาร่างสีม่วงพุ่งผ่าน มู่เฉียนซีก็ได้เอาเข็มยาเข็มหนึ่งกรีดผิวหนังตรงคอของเฟิงอวิ๋นซิวเปิดออก
“เจ้าหลับไปเสียหน่อยคงจะดีกว่า หากจะยังเจ็บปวดเช่นนี้ต่อไปเกรงว่ามือของเจ้าคงจะใช้การไม่ได้อีกแล้ว ถ้าหากว่ามือของอัจฉริยะอันดับหนึ่งแห่งแดนตะวันออกพิการไป เช่นนั้นก็น่าเสียดายเสียแล้ว”
ยาของมู่เฉียนซีนั้นถึงแม้ว่าเฟิงอวิ๋นซิวอยากที่จะต่อต้าน แต่ก็ยังคงไม่สามารถที่จะควบคุมตัวของตนเองเอาไว้ได้เช่นเดิม
ทั้งถูกโจมตี ถูกรุม ถูกลอบทำร้าย แต่ไหนแต่ไรมาเฟิงอวิ๋นซิวไม่เคยโกรธแค้นนาง สิ่งที่นางทำไปล้วนแต่ทำเพื่อเขา แต่ว่าเขานั้น…