อวี้ปิงชิงอธิบายต่อด้วยความใจเย็นว่า “มันไม่ใช่อย่างนั้น นี่ก็เป็นเพียงแค่การทดสอบพิเศษก็เท่านั้นเอง หากมีคนเอาไขกระดูกน้ำแข็งหมื่นปีมาได้ การทดสอบในด่านต่อไปก็ไม่จำเป็นต้องทดสอบแล้ว ถือว่าผ่านด่านทดสอบทั้งหมด”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “ที่แท้ก็เป็นเช่นนี้นี่เอง! แต่ข้าเองก็อยากจะรู้ว่าการทดสอบในด่านต่อไปเป็นอย่างไรมากด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้คนอื่นมองว่าข้าเล่นเส้น ข้าว่าข้าทดสอบตามด่านทดสอบจะดีกว่า ไม่อยากใช้ทางลัด”
อวี้ปิงชิงผงะไปครู่หนึ่ง เจ้าผู้นี้นึกไม่ถึงเลยว่าจะไม่ยอม!
ดวงตาคู่นั้นของนายน้อยเจ็ดลุกโชนขึ้นด้วยความโกรธแล้ว เจ้าหนุ่มผู้นี้ช่างไม่รู้อะไรเสียแล้ว! อวี้ปิงชิงยังไม่ยอมตัดใจ กล่าวต่อว่า “ไขกระดูกน้ำแข็งหมื่นปีนี้ใช้ได้เฉพาะผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุน้ำแข็งเท่านั้น สามารถเพิ่มความแข็งแกร่งของพลังธาตุน้ำแข็งได้ คุณชายไม่ใช่ผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุน้ำแข็ง เอาไปก็ใช้ไม่ได้ ไม่รู้ว่าคุณชายจะยอมแลกเปลี่ยนกับข้าได้หรือไม่ จะแลกด้วยสิ่งใดข้าก็ให้ได้ทั้งนั้น”
เพื่อจะเอาไขกระดูกน้ำแข็งหมื่นปีมาให้ได้ อวี้ปิงชิงยอมขูดเลือดขูดเนื้อตัวเองแล้ว วางสถานะของตัวเองลงก็แล้วแถมยังยอมเสียของล้ำค่าอีกด้วย ก็ใครใช้ให้นางมาเจอกับเจ้าคนตระหนี่ถี่เหนียวเช่นนี้กันล่ะ
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “ของล้ำค่าต่าง ๆ ข้าเองก็ไม่ได้ขาดแคลน! แต่ต่อให้ขาดแคลน ก็เกรงว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์จะไม่มีให้”
นายน้อยเจ็ดกับพวกได้ยินคำพูดนี้ของมู่เฉียนซีแล้วก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้น เจ้าหนุ่มนี่ปากดีเสียจริง!
เจ้าหนุ่มนี่เป็นใคร แล้วน้องชิงเอ๋อร์เป็นใคร?
ด้วยสถานะของชิงเอ๋อร์ที่เป็นถึงธิดาศักดิ์สิทธิ์แห่งตำหนักเป่ยหาน ของล้ำค่าใดในโลกใบนี้ ตราบใดที่นางต้องการก็จะมีคนหามาให้นาง
มู่เฉียนซีกล่าว “อีกอย่างเจ้าก็บอกอยู่ว่าของสิ่งนี้สามารถเพิ่มพลังความแข็งแกร่งให้กับผู้บำเพ็ญภูตธาตุน้ำแข็งได้ พอดีสาวใช้ของข้าก็เป็นผู้บำเพ็ญภูตพลังธาตุน้ำแข็งอยู่พอดี ข้าจะเอาไปให้นางใช้”
ของล้ำค่าถึงเพียงนี้ นึกไม่ถึงเลยว่าจะเอาให้สาวใช้ใช้!
ต่อให้อวี้ปิงชิงจะสงบจิตสงบใจมากเพียงใด สีหน้าของนางในตอนนี้ก็ดำคล้ำขึ้นแล้ว
นี่ตกลงว่านางผู้เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้สง่างามแห่งตำหนักเป่ยหานเทียบกับสาวใช้ผู้นั้นไม่ได้อย่างนั้นเหรอ
นายน้อยเจ็ดกล่าวขึ้นอย่างเย็นชาว่า “ไขกระดูกน้ำแข็งหมื่นปีนี้ หากผู้ที่ไม่มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งเอาไปใช้มันก็เป็นการสิ้นเปลืองเสียเปล่า ๆ หรือว่าสาวใช้ผู้นั้นของเจ้าฝึกบำเพ็ญถึงขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งแล้วอย่างนั้นเหรอ”
หากมีพลังขั้นนี้จริง ๆ ก็ไม่ควรจะเอาไปให้สาวใช้ใช้เช่นนี้!
มู่เฉียนซีกล่าว “สาวใช้ของข้า ไม่ใช่มหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งหรอก”
นายน้อยหกกล่าว “หากเป็นขั้นจักรพรรดิแห่งภูต นั่นก็เป็นการเสียของไปโดยเปล่าประโยชน์”
“พลังของนางก็ไม่ใช่ขั้นจักรพรรดิแห่งภูตเช่นกัน!”
สีหน้าของพวกเขายิ่งแย่ลงเรื่อย ๆ แล้ว “ขั้นราชาแห่งภูต เจ้ายอมให้สาวใช้ของเจ้าใช้ของล้ำค่าเช่นนี้เลยเหรอ เจ้าช่างใจกว้างจริง ๆ!”
“และนางก็ไม่ใช่ขั้นราชาแห่งภูต!”
สีหน้าของพวกเขายิ่งแย่ลงกว่าเดิมมาก แม้แต่อวี้ปิงชิงในตอนนี้ก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นแล้ว
“พอได้แล้ว!”
“ข้ากับคุณชายไม่ได้มีความโกรธแค้นอันใดกันมาก่อน นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะเอาสาวใช้ของเจ้ามาดูถูกข้าผู้เป็นธิดาศักดิ์สิทธิ์เช่นนี้ หรือว่าเจ้าคิดว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์อย่างข้าจะรังแกกันได้ง่าย ๆ เหรอ?” ดวงตาอันเย็นยะเยือกคู่นั้นลุกโชนไปด้วยเปลวไฟแห่งความโกรธ
มู่เฉียนซีกล่าวอย่างคนที่ไร้ความผิด “ธิดาศักดิ์สิทธิ์เข้าใจผิดแล้ว ข้าไม่ได้มีเจตนาจะดูถูกธิดาศักดิ์สิทธิ์เลยแม้แต่น้อย”
เดิมทีแล้วเสี่ยวเหลิ่งเอ๋อร์ไม่ได้มีพลังขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับหนึ่งหรือขั้นราชาแต่อย่างใด แต่นางเป็นถึงยอดฝีมือขั้นมหาจักรพรรดิแห่งภูตระดับเก้าต่างหาก
“ไขกระดูกน้ำแข็งหมื่นปีนั้นก็เป็นเป้าหมายของพวกเรา หากไม่ใช่เพราะพวกเราโจมตีลิงหิมะให้บาดเจ็บ ผลประโยชน์ก็คงจะไม่ตกไปอยู่ในมือของเจ้า ไขกระดูกน้ำแข็งนี้เราควรแบ่งกันคนละครึ่ง แต่ข้าธิดาศักดิ์สิทธิ์เป็นคนที่ไม่ชอบเอาเปรียบใคร ดังนั้นจึงเสนอแลกเปลี่ยนกับเจ้า แต่เจ้ากลับเอาแต่ดื้อดึงไม่มีเหตุผล” อวี้ปิงชิงกล่าวอย่างยกตนข่มท่าน
นายน้อยเจ็ดกล่าว “ใช่! พวกเราก็ควรแบ่งกัน ในเมื่อพวกข้าไว้หน้าเจ้าแต่เจ้ากลับไร้ยางอาย เช่นนั้นไขกระดูกน้ำแข็งนี้ก็ควรแบ่งเป็นห้าส่วนเท่า ๆ กัน!”
นายน้อยหกกล่าว “ใช่! เอาตามนี้”
นายน้อยห้ากล่าวด้วยน้ำเสียงราบเรียบว่า “ควรเป็นเช่นนั้น!”
มู่เฉียนซียิ้มพลางกล่าว “เหอะ ๆ! แบ่งเท่า ๆ กัน! ของล้ำค่า ใครเอาไปได้ก่อนก็ต้องเป็นของคนนั้นสิ! ข้าไม่ได้สนิทสนมกับพวกเจ้า เหตุใดข้าต้องแบ่งด้วย”
“แต่พวกข้าเป็นคนโจมตีจนลิงหิมะนั่นบาดเจ็บ!”
“พวกเจ้าคิดว่าบาดแผลภายนอกเล็ก ๆ น้อย ๆ เพียงแค่นั้นจะสามารถทำร้ายสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ระดับหกตัวนึงได้มากแค่ไหนกันเชียว”
มู่เฉียนซีมองอวี้ปิงชิงอย่างพิจารณาก่อนจะกล่าวอย่างหยอกล้อว่า “แต่หากธิดาศักดิ์สิทธิ์ยอมมอบหัวใจให้กับข้า บางทีข้าอาจจะพิจารณามอบไขกระดูกน้ำแข็งหมื่นปีให้เจ้าก็ได้!”
และครั้งนี้อวี้ปิงชิงโกรธมู่เฉียนซีจริง ๆ แล้ว
“เจ้าคิดเพ้อฝันเกินไปแล้ว”
“นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้ายังหวังอยากจะเป็นนายน้อยของตำหนักเป่ยหานอีกด้วย เจ้าฝันไปเถอะ!”
มู่เฉียนซีกล่าวหยอกล้อไปเพียงแค่สองประโยค พวกเขาก็โกรธเป็นฟืนเป็นไฟขึ้นอีกแล้ว
ในตอนนี้เอง จู่ ๆ มู่เฉียนซีก็ตะโกนขึ้นว่า “ธิดาศักดิ์สิทธิ์กับนายน้อยทั้งสามของตำหนักเป่ยหานจะทำร้ายผู้เข้าทดสอบ ท่านผู้อาวุโสทั้งหลายรีบมาตัดสินด้วยขอรับ!”
“ในฐานะที่เป็นผู้ตรวจสอบการทดสอบในครั้งนี้ นึกไม่ถึงเลยจริง ๆ ว่าจะมาทำร้ายผู้เข้าร่วมการทดสอบ นี่เป็นกฎของตำหนักเป่ยหานหรอกเหรอ?”
มู่เฉียนซีตะโกนเสียงดังมาก ผู้เข้าร่วมการทดสอบที่อยู่บริเวณรอบต่างก็ได้ยินกันแล้ว
มู่เฉียนซีกล่าว “พวกเจ้าอยากแย่งก็แย่งสิ! แต่หากถึงเวลานั้น ข้าก็จะให้ท่านผู้อาวุโสทั้งหลายตัดสินความเป็นธรรมให้กับข้า”
ได้ยินคำพูดนี้ของมู่เฉียนซี สีหน้าของพวกเขาก็เขียวคล้ำขึ้นด้วยความโกรธ
สถานะของพวกเขาในตอนนี้ก็คือไม่สามารถลงมือกับผู้เข้าร่วมการทดสอบได้
ใบหน้าของอวี้ปิงชิงแข็งทื่อราวกับถูกแช่แข็งก็มิปาน นายน้อยเจ็ดกล่าว “น้องชิงเอ๋อร์ จะทำเช่นไรดี?”
“ไป!” อวี้ปิงชิงกล่าวจบก็อัตรธานหายไปทันที
ขืนนางอยู่ต่อ นางจะต้องลงมือฆ่าเจ้าคนผู้นี้โดยไม่คำนึงถึงสิ่งใดเป็นแน่
ดังนั้น ปล่อยเขาไปก่อน ตราบใดที่เขายังอยู่ในตำหนักเป่ยหาน ไขกระดูกน้ำแข็งหมื่นปีนั่นก็ต้องเป็นของนางอยู่วันยังค่ำ
เมื่อพวกเขาจากไปแล้ว มู่เฉียนซีก็ทำการทดสอบต่อไป
เสี่ยวหงกล่าวว่า “นายท่าน เหตุใดไม่ต่อยกับคนพวกนั้นสักตั้งล่ะ”
“ตอนนี้เราเพิ่งจะเข้ามาในตำหนักเป่ยหาน การไม่เปิดเผยพลังความแข็งแกร่งของตนเองนั้นดีที่สุดแล้ว ต่อไปหากพวกนั้นอยากจะเล่นกับข้า นายท่านของเจ้าอย่างข้าก็ไม่กลัวพวกนั้นหรอก” มุมปากของมู่เฉียนซียกยิ้มขึ้นเล็กน้อย
ไม่นานนัก อาณาจักรน้ำแข็งก็เปิดออก การทดสอบก็เป็นอันเสร็จสิ้น
มู่เฉียนซีก็เดินออกไป ทันทีที่ย่างเท้าก้าวเดินออกจากอาณาจักรน้ำแข็ง มู่เฉียนซีก็รู้สึกได้ว่ามีสายตาที่ราวกับจ้องจะกินนางจับจ้องมองมาอยู่หลายคู่
มู่เฉียนซีส่งมอบไข่มุกวิญญาณน้ำแข็ง ถึงแม้ว่าจำนวนที่นางเก็บรวบรวมมาได้จะไม่ทำให้นางได้อันดับหนึ่ง แต่ก็ทำให้เข้ารอบสิบอันดับแรก นางได้อันดับที่เจ็ด
นายน้อยเจ็ดกลัดกลุ้มใจเป็นอย่างมาก เจ้าหนุ่มนั่นต่อสู้กับลิงหิมะจนได้ไขสันหลังน้ำแข็งหมื่นปีไปแล้ว นึกไม่ถึงเลยว่ายังจะหาไข่มุกวิญญาณน้ำแข็งเจอมากมายถึงเพียงนี้อีก!
หลังจากประกาศรายชื่อผู้ที่ผ่านเข้ารอบ คนที่ถูกคัดออกต่างก็หันหลังจากไปด้วยความเศร้า
อวี้ปิงชิงสวมผ้าคลุมใบหน้าอีกครั้ง เพียงแต่พวกเขากลับรู้สึกว่าธิดาศักดิ์สิทธิ์ผู้นี้ดูเย็นชาขึ้นมากกว่าเดิมหลายเท่า
อวี้ปิงชิงกล่าว “เริ่มการทดสอบด่านที่สองได้!”
ลำแสงสีขาวลำแสงหนึ่งส่งพวกเขาไปยังลานประลองยุทธ์ทีละคน
มีลานประลองยุทธ์ทั้งหมดสามสิบลานประลอง แต่ละลานประลองแบ่งจำนวนคนเป็นลานละหนึ่งร้อยคนเท่า ๆ กัน
ในตอนนี้เอง นายน้อยเจ็ดได้กล่าวขึ้นว่า “นี่เป็นการประลองคัดกรอง คนสุดท้ายที่เหลืออยู่ของแต่ละลานประลอง จะได้เข้าร่วมการทดสอบในด่านสุดท้าย”
นายน้อยห้ากล่าว “เริ่มการประลองได้”
ทันทีที่การประลองได้เริ่มขึ้น ทุกคนก็ลงมือทันที
สำหรับลานประลองอื่น ๆ พวกเขาไม่ได้สนใจเลยแม้แต่น้อย พวกเขาเพ่งเล็งความสนใจไปที่ชายหนุ่มชุดขาวเพียงคนเดียว
ดูพลังของเจ้าคนผู้นี้สิว่าจะมีความสามารถมากมายเพียงใด นึกไม่ถึงจริง ๆ ว่าจะกล้ากำเริบเสิบสาน แม้แต่กับน้องชิงเอ๋อร์ก็ยังไม่เห็นอยู่ในสายตา
มู่เฉียนซีดูอายุยังน้อย ร่างกายก็ดูเล็ก คนเหล่านั้นคิดว่านางเป็นไอ้หน้าอ่อนจึงเริ่มลงมือโจมตีมู่เฉียนซีก่อน
มู่เฉียนซีกระพริบตัวหลบหลีกการโจมตีของคนเหล่านั้นไปได้
นี่เป็นเรื่องที่ปกติมาก แต่นายน้อยเจ็ดและพวกกลับทำราวกับเห็นผีก็มิปาน “นี่มันเป็นไปได้ยังไง?”