บทที่ 401
บทที่ 401
จ้านอู่ตี้คือชายผู้กล้าหาญ เก่งกาจ และต่อให้จะเผชิญหน้ากับทัพศัตรูนับหมื่น เขาก็ไม่คิดถอยหนีแม้แต่น้อย ดังนั้นแล้วเพียงแค่คนคนเดียว มันก็มากพอแล้วที่จะทำให้กองทัพอินทรีสวรรค์ทั้งหมดตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย
หลีจูเป็นรองแม่ทัพ และเป็นผู้บัญชาการของทหารทั้ง 3 หมื่นนายในครั้งนี้ อย่างไรก็ตามเขานั้นไม่กล้าที่จะต่อกรกับจ้านอู่ตี้แบบซึ่ง ๆ หน้า แต่กลับเลือกที่จะซ่อนตัวอยู่ไกล ๆ เพราะกลัวว่าจ้านอู่ตี้จะพบเข้า …ตอนนี้ความหวังเดียวของเขาคือกำลังเสริมจากจีหยิง ไม่ก็ถังหยิน
สารจากเนตรเวหาและเครือข่ายใยพิภพนั้นรวดเร็วมาก การต่อสู้เพิ่งเริ่มขึ้น แต่ข้อความกลับไปถึงเมืองเจี้ยนแล้ว ในเวลานี้ถังหยินและผู้ใต้บังคับบัญชาของเขากำลังพักผ่อนอยู่ในโรงเตี๊ยม ขณะที่เขากำลังนอนหลับสนิท กลับมีเสียงเคาะประตูอย่างเร่งรีบ
“เกิดอะไรขึ้น ?” ถังหยินเปิดตาของเขา ลุกขึ้นจากเตียงและก่นด่าก่อนจะหยิบเสื้อคลุมตัวนอกขึ้นมาสวมอย่างลวก ๆ และพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่เป็นมิตรว่า “เข้ามา !!”
“นายท่านขอรับ !” เมื่อเข้ามา หลีเทียนและอัยเจียก็รีบพูดขึ้นอย่างรีบร้อนโดยไม่แม้แต่จะทักทาย “นายท่าน กองทัพอินทรีสวรรค์ของเราถูกซุ่มโจมตีจากกองทัพหนิงห่างออกไปทางใต้ราว 20 ลี้ !”
“อะไรนะ !?” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ถังหยินก็พลันตื่นเต็มตา เขาเร่งถามกลับในทันที “ 20 ลี้ ? ซุ่มโจมตี ? ไม่ใช่ว่าพวกศัตรูอยู่ที่ภูเขาสามเซียนเช่นนั้นหรือ ?!”
“ดูเหมือนว่าแม่ทัพจีหยิงจะคาดการณ์ผิดขอรับ ! นายท่าน !” หลีเทียนกล่าวอย่างกังวล
“ใช่ !” ถังหยินยืนขึ้นโบกมือและพูดว่า “เรียกรวมแม่ทัพคนอื่น ๆ ตั้งกองกำลังสนับสนุนให้เร็วที่สุด !”
“รับทราบขอรับ !” หลีเทียนและอัยเจียรีบเดินออกไป
ถังหยินเร่งแต่งตัว และเมื่อเขาออกจากห้องมาถึงลานของโรงเตี๊ยม อู่เหมย หยวนยู่ และคนอื่น ๆ ก็พากันออกมาจากห้องของพวกเขาและรวมตัวกันที่ลานนั้นแล้ว
“นายท่าน ได้ยินมาว่ากองทัพอินทรีสวรรค์ของเราที่ออกจากเมือง โดนซุ่มโจมตีจากศัตรู ?” หยวนยู่ถามขณะที่เขาเดินเข้าไปหาถังหยิน
ถังหยินหัวเราะอย่างขมขื่น “ดูเหมือนว่าการคาดการณ์ของจีหยิงจะผิดพลาด ข้าสงสัยเหลือเกินว่าถ้าเช่นนั้นแล้วพวกหนิงมันไปซ่อนอยู่ที่ใดกัน ?” ในขณะที่พูด สายตาของเขาก็ได้จ้องไปยังอู่เหมยที่เดินเข้ามา “จากตรงนี้ไปจะเป็นสงคราม พวกเจ้าทั้งสองควรจะอยู่ในเมือง !”
“ไม่ !” อู่เหมยและอู่อิงเอ่ยคัดค้านในเวลาเดียวกัน ก่อนเป็นอู่เหมยที่พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “คราวนี้ ต่อให้ต้องบุกน้ำลุยไฟยังไง ข้าก็ต้องบั่นคอไอ้โจรชั่วนั่นกลับมาให้ได้ …ไม่ว่าใครก็ห้ามข้าไม่ได้ !!!”
“ข้าเห็นด้วย !” อู่อิงพยักหน้าสนับสนุน
เมื่อเห็นเช่นนั้น ถังหยินก็ได้แต่หัวเราะอย่างขมขื่นและล้มเลิกความพยายามห้ามปรามทั้งสอง ด้วยชายหนุ่มไม่มีเวลาให้เสียที่นี่แล้ว เขาเร่งกระโดดขึ้นไปบนหลังม้าและหันไปพูดกับคนที่เหลือ “ไปกันเถอะ !”
เมื่อชายหนุ่มออกคำสั่ง ทหารหมื่นคนที่อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของเขาก็รีบตั้งขบวนรบ ก่อนที่จะพากันออกเดินทาง… มุ่งตรงไปทางใต้ในพลัน !!!
ทหารม้าของพวกเขาไม่ใช่ทหารม้าธรรมดา ด้วยม้าที่พวกเขาขี่นั้นเป็นม้าของแคว้นโมทั้งหมด และพวกมันก็รวดเร็วยิ่งนัก จนทำให้เวลาวิ่งเกิดลมพายุพัดผ่านคละคลุ้งไปทั่ว
ทั้ง ๆ ที่จีหยิงและคนที่เหลืออยู่ใกล้กับสนามรบมากกว่าเมืองเจี้ยน แต่ถังหยินกลับมาถึงที่นี่ก่อน
เมื่อถังหยินมาถึงสนามรบ ทั้งสองฝ่ายก็เริ่มการต่อสู้กันไปแล้ว
ตอนนี้ไม่ได้มีเพียงจ้านอู่ตี้ที่นำทหารเข้าต่อสู้ แม้แต่ซ่งเทียนที่บาดเจ็บก็ปีนขึ้นไปบนม้าศึกของเขาและพุ่งตรงเข้าไปในสนามรบเพื่อสังหารเย่วหยาง ผิดกับจ้านอู่ฉางที่ยืนนิ่งอยู่บริเวณขอบสนามรบ โดยมีองครักษ์ส่วนตัวอีกสามคนคอยคุ้มกันเขาเอาไว้
จากระยะไกลถังหยินไม่เห็นใครเลย แต่เขากลับเห็นจ้านอู่ตี้ปรากฏตัวขึ้นไม่ไกล อีกฝ่ายถือดาบแสงสีม่วงเหมือนพยัคฆ์ดุร้ายเข้าฟาดฟันศัตรูตายเรียงรายราวกับใบไม้ร่วง !!
ภาพตรงหน้าทำให้ความโกรธของถังหยินพลุ่งพล่าน ชายหนุ่มไม่คิดรั้งรออีกต่อไป เร่งควบขี่ม้าพุ่งทะยานเข้าหาจ้านอู่ตี้ในพลัน
จังหวะที่เตรียมเข้าประจัญบาน เขาได้ปลดปล่อยเกราะปราณออกมา และในเวลาเดียวกันก็ได้ดึงดาบสองเล่มออกมาเพื่อควบรวมมันให้กลายเป็นเคียวเล่มยาว ก่อนที่ในพริบตานั้นถังหยินจะปรากฏกายขึ้นในสนามรบ !!!
ทหารกองทัพอินทรีสวรรค์ตกใจกับเสียงตะโกนของเขา สัญชาตญาณพวกเขาทั้งหมดสั่งให้ถอยกลับ ทว่าถังหยินไม่หยุดแม้ชั่วอึดใจ ชายหนุ่มเร่งม้าพุ่งเข้าสู่สนามรบตรงเข้าหาจ้านอู่ตี้โดยไม่สนสิ่งใด
จ้านอู่ตี้โดนโจมตีจากมุมบอดอย่างสมบูรณ์ แต่เขารู้สึกถึงสายลมชั่วร้ายรอบตัว ดังนั้นจึงสามารถย่อตัวหลบได้ทัน ทำให้คมเคียวกวาดเหนือศีรษะพลาดเป้าไปอย่างน่าเสียดาย
เร็วมาก ! นี่เป็นปฏิกิริยาแรกของจ้านอู่ตี้ เขาทั้งตกใจและหวาดกลัว จนต้องร้องถามออกไปว่า “นั่นใคร !!” เมื่อพูดเช่นนั้นจบ เขาก็หันไปสบตากับคู่ปรับเก่า
ถังหยินไม่ตอบกลับ เขาดึงข้อมือกลับมาอยู่ในท่าเตรียมพร้อมอีกครั้งนึง
“ถังหยิน !?”
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ทั้งคู่ได้ต่อสู้กัน และแม้ว่าการโจมตีจะถูกเกราะปราณป้องกันเอาไว้ได้ แต่จ้านอู่ตี้ก็อดคร่ำครวญในใจไม่ได้ ด้วยหากเขาอยู่ในสภาพที่พร้อมเต็มที่ เขาคงไม่จำเป็นต้องกลัวถังหยิน แต่เขาใช้พลังปราณไปเกือบหมดแล้ว แล้วแบบนี้เขาจะสู้กับอีกฝ่ายได้อย่างไร ?
คมเคียวของถังหยินเร็วเกินไป ไม่มีเวลาพอที่จะคิดไปมากกว่านี้แล้ว จ้านอู่ตี้จำต้องแทงสวนกับการโจมตีของถังหยินไปในทันที
แคร้ง !
คมเคียวได้ปะทะกับดาบแสงสีม่วงทำให้เกิดประกายไฟกับเสียงของอาวุธเหล็กที่ปะทะกันเสียดหู และหลังจากที่จ้านอู่ตี้ปัดป้องการโจมตีได้ เขาก็พลันเปลี่ยนกระบวนท่าเป็นการแทงไปยังหน้าอกของถังหยินอย่างรุนแรง !
….เทคนิคของเขาอาจใช้ได้ผลกับผู้ที่ด้อยฝีมือกว่า แต่สำหรับถังหยินที่รู้การโจมตีแบบนั้นเป็นอย่างดี มันก็ไม่ได้เป็นอะไรที่มากไปกว่าการเล่นของเด็ก ๆ!!
ชายหนุ่มใช้ประโยชน์จากช่วงเวลาที่อีกฝ่ายกำลังจะถอนตัว ทำการดึงมือกลับมา
จ้านอู่ตี้ไม่ได้คาดหวังว่าอีกฝ่ายจะมีทักษะเช่นนี้ เขาไม่ได้เตรียมตัวมาเพียงพอและได้แต่หลบออกด้านข้าง ทว่าน่าเสียดายที่ถึงแม้จะขยับหลบ หากแต่หมัดของถังหยินก็ยังคงโดนหัวของเขา ทำให้เกราะปราณบริเวณศีรษะแตกเป็นเสี่ยง ๆ
ในความเป็นจริง หมัดของถังหยินไม่สามารถทำลายเกราะปราณของจ้านอู่ตี้ได้ แต่พลังปราณของจ้านอู่ตี้นั้นลดลงไปมากเลยทำให้เกราะปราณแตกออก ทว่าก็ต้องขอบคุณปฏิกิริยาที่รวดเร็วของเขา ไม่อย่างนั้นหัวของจ้านอู่ตี้ก็คงถูกถังหยินทุบจนแหลกละเอียดไปแล้ว
ทรงพลังอะไรอย่างนี้ ! จ้านอู่ตี้รู้สึกหวาดกลัวกับหมัดของถังหยินจนเหงื่อไหลออกมา เขาเริ่มไม่กล้าที่จะสู้ต่อไปแล้ว
การโจมตีของถังหยินประสบความสำเร็จ แล้วแบบนี้เขาจะเต็มใจปล่อยให้อีกฝ่ายหนีไปได้อย่างไร ?
…ความเร็วของม้าศึกของจ้านอู่ตี้นั้นด้อยกว่าที่ถังหยินขี่อยู่มาก ดังนั้นเพียงไม่นานถังหยินก็คว้าจับจ้านอู่ตี้ได้ทัน ก่อนที่ชายหนุ่มจะยกเคียวในมือขึ้นสูง เล็งไปที่หลังของจ้านอู่ตี้ …และฟาดสุดแรง !!
แต่ทว่าจ้านอู่ตี้กลับรู้ทัน เขาใช้ดาบปราณในมือสวนกลับไป ส่งคลื่นพลังปราณออกมามันยืดยาวพุ่งเข้าหาคอของถังหยินอย่างแม่นยำ
คิดจะเล่นทีเผลออย่างนั้นเหรอ !
ถังหยินเย้ยหยันในใจ ร่างกายของเขาเอนหลังราบลงไปบนหลังม้า
ฟ้าว !
คลื่นพลังปราณพุ่งผ่านร่างของถังหยิน และเมื่อมันผ่านไปถังหยินก็พลันลุกขึ้นยืนทันที ในขณะเดียวกันเขาก็ตะโกน “ดูซิ ว่าแกจะหนีไปไหนได้อีก ! จ้านอู่ตี้ !?”
ก่อนที่เขาจะพูดจบ ทันใดนั้นก็ได้ยินเสียงใครบางคนตะโกนอยู่ข้างหลัง “ระวัง !”
หัวใจของถังหยินเต้นผิดจังหวะ ก่อนที่เขาจะคิดได้ว่าเกิดอะไรขึ้นจู่ ๆ ชายหนุ่มก็สัมผัสได้ถึงลมรุนแรงที่ด้านหลังศีรษะ
ถ้าเป็นคนอื่นพวกเขาคงจะไม่สามารถหลบได้ในเวลานี้ อย่างไรก็ตามถังหยินไม่ใช่คนธรรมทั่วไป ด้วยเขามีพลังที่เก็บไว้ในยามฉุกเฉินแบบนี้เสมอ สลับเงา !!
ถังหยินซึ่งเดิมนั่งอยู่บนหลังม้าเปลี่ยนเป็นหมอกดำและหายตัวไป ช่วงเวลาที่เขาหายตัวไปนั้น คลื่นพลังปราณที่จ้านอู่ตี้ปล่อยก็ได้แต่ฟาดฟันเข้ากับหมอกดำออกเป็นสองส่วน
การเฉือนของจ้านอู่ตี้ในตอนนี้ไม่เพียงแต่เกี่ยวกับพลังปราณเท่านั้น แต่ยังมีทักษะเคล็ดวิชา ‘ปราณฟาดฟัน’ ที่ซ่อนอยู่ภายใน เพราะฉะนั้นคลื่นพลังปราณที่ถูกยิงออกไปจึงยากที่จะป้องกันได้
ถังหยินใช้วิชาสลับเงาเพื่อหลบปราณฟาดฟันของจ้านอู่ตี้ ปล่อยให้ม้าศึกพุ่งไปข้างหน้า ก่อนจะเป็นแม่ทัพหุ้มเกราะสีขาวที่พุ่งโรมรันเข้าใส่จ้านอู่ตี้พร้อมดาบสองเล่มในมือและตะโกนว่า “จ้านอู่ตี้ !!”
เมื่อสิ้นคำพูดของเขา ใบมีดปราณก็พลันพุ่งทะยานออกไป ทำให้เกิดรอยแตกเป็นแนวยาวบนพื้นตรงไปยังจ้านอู่ตี้
เมื่อได้ยินเสียงหยวนยู่ จ้านอู่ตี้ก็ส่งเสียงพึมพำ ด้วยอาจกล่าวได้ว่าในแคว้นเฟิง เขาไม่กลัวสิ่งใด มีก็แต่เพียงหยวนยู่เท่านั้นนี่แหละ !!
…ไม่ต้องพูดถึงว่าตอนนี้เขาใช้พลังปราณมากเกินไปแล้ว แม้ว่าเขาจะอยู่ในสภาพที่ดีที่สุด เขาก็ไม่สามารถเทียบได้กับหยวนยู่ !!
เมื่อเห็นคลื่นพลังปราณของหยวนยู่ยิงออกมา เสียง ‘โครม’ ที่คมชัด และแรงปะทุอันรุนแรงก็ทำให้จ้านอู่ตี้ไม่กล้าแม้แต่จะเผชิญหน้ากับการโจมตีนี้
ฉัวะ !
คลื่นปราณไม่ได้ปะทะกับจ้านอู่ตี้ แต่มันพุ่งไปที่ก้นของม้าเขา ทำให้ม้าศึกขนาดใหญ่ถูกหั่นออกเป็นสองส่วนในพลัน