ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界] – ตอนที่ 433

บทที่ 433

บทที่ 433

ซ่งเทียน จ้านอู่ฉาง จ้านอู่ตี้ และเสี่ยวชางกำลังยืนอยู่บนยอดหอคอยประตูเมือง ทำให้เห็นจ้านหูที่กำลังอาละวาดอยู่นอกเมืองได้อย่างชัดเจน ทว่าพวกเขาก็ไม่ได้พูดอะไรสักคำ

ในสายตาของพวกเขา คนเดียวที่พวกเขาสามารถต่อสู้กับจ้านหูได้ก็คือจ้านอู่ตี้ ทว่าแม้จะรับมือได้ แต่ก็ยากชนะ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าอาจมีหยวนยู่ตามมาสมทบอีก…

เมื่อเห็นไม่มีใครตอบกลับ จ้านหูก็พลันเอ่ยข่มว่า “กองทัพกบฏอย่างพวกเจ้ามีความกล้าที่จะทรยศต่อท่านอ๋องไม่ใช่หรือ แล้วเหตุใดพวกเจ้าจึงไม่กล้าออกจากเมืองเพื่อต่อสู้กับข้ากัน ?!”

“ฮ่า ฮ่า” หลังจากสิ้นคำการเยาะเย้ยและถากถางของจ้านหู แม่ทัพและทหารของกองทัพเฟิงก็พากันหัวเราะ ทำให้สีหน้าของซ่งเทียนและคนอื่น ๆ ที่อยู่บนกำแพงเมืองดูบิดเบี้ยวยิ่งขึ้น

จากนั้นจึงเป็นฮ่าวจ้าวที่เดินไปยังด้านข้างของเสี่ยวชางแล้วเอ่ยคำ “ปล่อยให้พวกข้าออกไปรบเถอะขอรับ !”

“นี่มัน ?” เสี่ยวชางหันหน้าไปมองฮ่าวจ้าวและขมวดคิ้ว แม้ว่าเขาจะไม่เคยเห็นความสามารถของจ้านหู แต่เมื่อเห็นท่าทีของจ้านอู่ตี้ที่ไม่กล้าลงไป เขาก็พลันเกิดไม่แน่ใจขึ้นมา …หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาก็จึงส่ายหัวและพูดว่า “ศึกแรกเกี่ยวข้องกับขวัญกำลังใจของกองทัพ ดังนั้นเราจะประมาทไม่ได้ !”

ฮ่าวจ้าวที่ได้ยินดังนั้นจึงกล่าวอย่างเคร่งขรึม “นายท่าน ถ้าไม่มีใครกล้าออกไปต่อสู้ ข้าเกรงว่ามันจะส่งผลกระทบต่อขวัญกำลังใจของเรา มากกว่าเป็นผลดีนะขอรับ !”

“แต่ว่า… ?!”

โดยไม่รอให้เสี่ยวชางปฏิเสธ จ้านอู่ตี้กลับขัดจังหวะขึ้นเสียก่อน “ท่านเสี่ยว ข้าคิดว่าเราไม่ควรมองข้ามคำพูดของฮ่าวจ้าว มันคงเป็นการดีกว่าถ้าเราปล่อยให้เขาออกไปต่อสู้กับศัตรู”

เสี่ยวชางไม่ใช่แม่ทัพของชาวหนิง ดังนั้นไม่ว่าเขาจะอยู่หรือตายก็ไม่ได้มีผลกระทบอะไร ทำให้จ้านอู่ตี้กล้าพูดออกไปเช่นนั้น

…ในขณะที่เสี่ยงชางกำลังเอ่ยคำแย้ง ก็เป็นซ่งเทียนที่ถอนหายใจและพูดว่า “ให้เขานำทัพออกไปสู้ !”

ถึงจะไม่จำต้องฟังจ้านอู่ตี้ ทว่าเขาไม่กล้าขัดคำพูดของซ่งเทียน ดังนั้นเมื่อเห็นว่าซ่งเทียนเห็นด้วย เสี่ยวชางก็ได้แต่แอบถอนหายใจและหันมองไปที่ใบหน้าซึ่งเต็มไปด้วยความหวังของฮ่าวจ้าวและพยักหน้าอย่างช่วยไม่ได้ พลางพูดว่า “เอาล่ะ ! เจ้าจงนำกำลังทหาร 5 พันนายออกไปสู้ซะ !”

“ขอบคุณสำหรับความกรุณาขอรับ !” เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฮ่าวจ้าวก็พลันยืดอกขึ้น จากนั้นจึงออกเดินจากไปด้วยความพอใจ

เสี่ยวชางที่เห็นเช่นนั้นจึงยกมือหยุดเขาอีกครั้งด้วยเป็นห่วงและกล่าวเตือนออกไป “การต่อสู้กับพวกเทียนหยวนไม่ง่ายอย่างแน่นอน ดังนั้นจงระวังตัวให้มาก ถ้าสู้ไม่ไหวให้ล่าถอยกลับมาทันทีเข้าใจไหม ?”

ฮ่าวจ้าวรู้สึกสะเทือนใจทันทีที่ได้ยินคำเตือน เขากัดริมฝีปาก ก้มศีรษะลงและกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวลขอรับ ข้าจะนำหัวของแม่ทัพศัตรูกลับมาให้จงได้ !”

อันที่จริงด้วยความแข็งแกร่งของเสี่ยวชาง เขาจึงไม่สามารถไปถึงตำแหน่งผู้ว่ามณฑลได้ ดังนั้นนี่จึงเป็นการอาศัยความสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดของเขากับซ่งเทียน ส่วนเหตุผลที่ฮ่าวจ้าวเต็มใจที่จะสนับสนุนเขา ส่วนใหญ่มันก็เป็นเพราะบุคลิกที่สงบและใจกว้างของตัวเสี่ยวชางเอง

ฮ่าวจ้าวอาสาตัวเองและกำลังจะนำทหารเปิง 5 พันคนออกจากเมือง ทว่าเสี่ยวชางยังคงกังวล เขาจึงหันศีรษะไปพูดว่า “เจี๋ยนฟาน !”

“ขอรับนายท่าน !” เมื่อเสียงดังขึ้น ชายหนุ่มที่สวมชุดเกราะสีทองก็พลันเดินออกมาจากกองทหารแล้วโค้งคำนับ

ก่อนเป็นเสี่ยวชางที่สั่งการว่า “เจี๋ยนฟาน เจ้าจงไปช่วยฮ่าวจ้าวเสีย ถ้าเขามีท่าทีจะเพลี่ยงพล้ำให้พาเขากลับมาทันที”

ชายหนุ่มชุดเกราะทองที่ได้ยินดังนั้นจึงตอบกลับไปอย่างไร้ความรู้สึกว่า “รับทราบขอรับ !” เมื่อพูดจบเขาก็หันกลับไปและเดินไปตามกำแพงเมือง

ฝ่ายฮ่าวจ้าว เมื่อเขาได้รับอนุญาตก็ไม่รอช้า รีบออกจากเมืองไปพร้อมกับทหารที่ติดตามไปไม่ห่าง และเมื่อมาถึงหน้าเมืองจางหยู เขาก็พลันกระตุ้นม้าเข้าไปเผชิญหน้ากับจ้านหูแล้วก้มศีรษะลงมองไปที่อีกฝ่ายสองสามครั้ง ก่อนมุมปากของเขาจะโค้งงอขึ้น “ต่อหน้าข้าคนนี้ เจ้ามันก็ไม่ต่างไปจากคนที่ตายไปแล้ว ข้าฮ่าวจ้าว มาเพื่อเด็ดหัวเศษเดนอย่างเจ้า !!” ว่าแล้วเขาก็จึงชี้ดาบปราณไปที่หน้าของจ้านหูด้วยท่าทีข่มขู่

จ้านหูตะลึงอยู่ครู่หนึ่งจากนั้นก็หัวเราะออกมา พร้อมกับเงยหน้าขึ้นและพูดว่า “ไอ้พวกที่ไม่รู้ที่ต่ำสูง ! ถ้าอยากตายมากนักละก็ข้าจะสงเคราะห์ให้ !” ในขณะที่พูด จ้านหูก็ได้ก้าวไปข้างหน้าสองก้าวจากนั้นจึงกระโดดขึ้นไปในอากาศ ก่อนจะเล็งและทุบค้อนในมือลงไปด้วยกำลังทั้งหมด

ตอนนี้ค้อนของเขายังไม่ได้รับการเสริมพลังปราณแม้แต่น้อย แต่เสียงของลมที่พัดแรงก็พอจะทำให้จิตใจของผู้ได้ยินหวาดผวาด้วยความกลัว !

ฮ่าวจ้าวสามารถมองเห็นทุกอย่างได้อย่างชัดเจน เขาไม่กล้าที่จะประมาทและใช้อาวุธปัดป้องอย่างกระวนกระวายใจ

แต่ถึงอย่างนั้นเมื่อค้อนของจ้านหูทุบลงบนใบดาบ คนต้านรับก็พลันรู้สึกว่าแขนทั้งสองข้างปวดร้าว ราวกับว่าแขนของเขากำลังฉีกออกจากกัน เช่นเดียวกับร่างของฮ่าวจ้าวและม้าที่ไถลถอยไปห้าถึงหกก้าว ก่อนที่จะหยุดลงตัวสั่นระริกตั้งแต่หัวจรดเท้าจากแรงกระแทก

แข็งแกร่งมาก ! หลังจากที่ฮ่าวจ้าวรับการโจมตีเข้าไป เขาก็ไม่กล้าที่จะประมาทอีก เร่งเรียกเกราะปราณออกมา จากนั้นจึงกระชับดาบปราณในมือแน่นก่อนควบม้าโรมรันเข้าโจมตีอีกครั้ง

จ้านหูไม่เคยคิดที่จะประมาท เขาทำแบบเดียวกันกับคู่ต่อสู้ในทันที จากนั้นจึงเหวี่ยงค้อนโจมตีกลับไป

ในพริบตาจ้านหูและฮ่าวจ้าวได้ต่อสู้กันมาแล้วกว่าสามสิบกระบวนท่า แต่ก็ยังไม่มีทีท่าว่าฝ่ายไหนจะเพลี่ยงพล้ำเลย

จ้านอู่ฉางและจ้านอู่ตี้ที่เฝ้ามองจากด้านบนของเมืองได้แต่อ้าปากค้าง …แคว้นเฟิงเต็มไปด้วยยอดฝีมืออย่างแท้จริง !!! ไม่คิดเลยว่าจะมีแม่ทัพที่ทรงพลังเช่นนี้ในพื้นที่ภูเขาเล็ก ๆ ที่โดดเดี่ยว !!!

ในตอนเริ่มต้น เมื่อเห็นแม่ทัพแคว้นเปิงรีบออกจากเมืองจางหยูเพื่อต่อสู้กับจ้านหู เขาก็นึกขำในใจ คิดว่าอีกฝ่ายจะต้องตายด้วยค้อนของจ้านหูก่อนที่จะได้ทันขยับซะอีก แต่ใครจะคิดว่าแม้จะผ่านไปกว่าสามสิบกระบวน จ้านหูก็ยังโจมตีไม่โดนเลยแม้แต่ครั้งเดียว ภาพตรงหน้าทำเอาถังหยินแอบตกใจและหันไปถามหลีเทียนว่า “คนคนนั้นมันเป็นใครกัน ?”

เนื่องจากระยะทางไกลเกินไป หลีเทียนจึงไม่ได้ยินชื่อของอีกฝ่ายอย่างชัดเจน เขาเลยทำการส่งสายจากเนตรเวหาไปยังแนวหน้าเพื่อขอรายละเอียดเพิ่มเติม ก่อนที่ไม่นานนักสายลับจะกลับมาและกระซิบคำสองสามคำเข้าหูของหลีเทียน คนหลังพยักหน้าและพูดกับถังหยิน “ชายคนนั้นคือฮ่าวจ้าว เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของเสี่ยวชาน”

“โอ้ ! เขาคนนั้นนี่เอง !” ถังหยินเคยได้ยินชื่อของเขามาก่อนจากปากของเสี่ยวซิน ทว่าเขาไม่ได้ใส่ใจมากนักในเวลานั้น ด้วยรู้สึกว่าแม่ทัพในมณฑลเกาฉวนไม่ได้มีอำนาจขนาดนั้น แต่ถ้าฮ่าวจ้าวสู้กับจ้านหูได้นานขนาดนี้ เขาย่อมต้องเป็นแม่ทัพชั้นแนวหน้าอย่างแน่นอน !!

“ท่านรู้จักหรือขอรับ ?” หลีเทียนถามด้วยความสงสัย

“ใช่ ๆ!” ถังหยินพยักหน้า “เสี่ยวซินเคยพูดไว้ก่อนหน้านี้ ทั้งยังบอกด้วยว่าเขาคนนี้แข็งแกร่งมาก”

“หึ ?!”

เมื่อได้ฟังดังนั้น หยวนยู่ก็พลันส่งเสียงหัวเราะเยาะออกมาจากอีกด้านหนึ่งของถังหยินและกล่าวอย่างหยิ่งผยอง “หึ ! ถ้าข้าอยู่ตรงนั้นแทนล่ะก็ ไอ้กระจอกนั่นตายไปตั้งแต่กระบวนท่าที่สามแล้วด้วยซ้ำ !”

…ความสามารถของอีกฝ่ายไม่ได้ด้อยไปกว่าของจ้านหูเลย ถ้าเขาสามารถฆ่าฮ่าวจ้าวได้ในสามกระบวนท่า แสดงว่าจ้านหูก็ด้วยอย่างนั้นสินะ ? บางทีคงมีเพียงหยวนยู่เท่านั้นที่กล้าพูดคำหยิ่งยโสเช่นนี้ได้ !!!

หลังได้ยินคำพูดนั้น ถังหยินไม่เพียงไม่รังเกียจ เขาออกจะมีความสุขซะด้วยซ้ำ ชายหนุ่มโบกมือและกล่าวว่า “ไม่ต้องกังวล ถึงอีกฝ่ายจะเก่งขนาดไหน… มันก็อีกไม่นานนักหรอก !!!”

เมื่อได้ยินคำพูดของเขา หยวนยู่ก็ไม่ได้พูดอะไรเพิ่มเติม เขาเพียงแค่ยักไหล่และถอยกลับไป

ในสนามรบ จ้านหูและฮ่าวจ้าวยังคงต่อสู้กันอยู่ และแม้ว่าฝ่ายหลังจะอยู่บนหลังม้า แต่เขาก็ถือว่าอ่อนแอกว่ามาก แม้กำลังกายของทั้งสองจะใกล้กัน หากทว่าความแข็งแกร่งของจ้านหูราวกับวัวบ้าคลั่งที่พลังกายไม่มีวันหมด เขาเหวี่ยงค้อนในมือไปมา ทำให้ฮ่าวจ้าวจำต้องออกแรงทั้งหมดยกดาบขึ้นต้าน ทว่าหลังจากนั้นไม่นานแรงของเขาก็เริ่มที่จะหมด ด้วยร่างกายของฮ่าวจ้าวเริ่มที่จะทนไม่ไหวแล้ว !!

เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายกำลังดิ้นรนอย่างหนัก จ้านหูก็รู้ทันทีว่าโอกาสมาถึงแล้ว !! และเมื่อดาบของฮ่าวจ้าวพุ่งเข้าหาใบหน้าตน จ้านหูพลันแสร้งทำเป็นหลบอย่างยากลำบาก ก่อนจะถอยหลังไปสองก้าวและลื่นล้มลงกับพื้น

เมื่อเห็นเช่นนั้น ฮ่าวจ้าวก็ได้ใจทันที ‘แกตาย !!’ โดยไม่ต้องคิดเลยเขาพลันควบม้าไปทางจ้านหูที่อยู่บนพื้น จากนั้นจึงใช้ดาบในมือฟันไปที่ศีรษะของจ้านหูอย่างแรง !!

ฟุ่บ !

ในตอนที่ฮ่าวจ้าวคิดว่าจ้านหูตายแน่ ทันใดนั้นร่างของอีกฝ่ายพลันขยับหลบกลิ้งไปใต้ท้องม้า และก่อนที่ฮ่าวจ้าวจะตอบสนองสิ่งใด เขาก็พลันได้ยินเสียงคำรามของจ้านหูที่กำลังงัดม้าจากข้างใต้ให้พลิกคว่ำ !!!

‘บัดซบ ! นี่มันบ้าอะไรกัน !?’ ม้าที่ฮ่าวจ้าวขี่รวมกับน้ำหนักของตน มันไม่มีทางที่จะต่ำกว่าร้อยจินอย่างแน่นอน แต่จ้านหูกลับงัดทั้งม้าและคนขี่ลอยไปในอากาศ แสดงให้เห็นว่าพลังของจ้านหูมหาศาลกว่าที่เขาคาดเอาไว้ไปไกลลิบ !!!

หลังจากเสียงที่ดังกึกก้อง ฮ่าวจ้าวและม้าของเขาก็ได้กระแทกพื้นอย่างแรง ทว่ายังไม่ทันที่จะได้มีโอกาสลุกขึ้น จ้านหูก็ได้มาอยู่ตรงหน้าเขาแล้วพร้อมค้อนที่กำลังฟาดลงมาอย่างโหดเหี้ยม !!!

ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界]

ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界]

ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界]
Score 7.8
Status: Ongoing
อ่านนิยาย ราชันเทพสงคราม[唐寅在异界]สุดยอดนักฆ่าผู้แสนเย็นชานามว่า ถังหยิน เขาได้ตื่นขึ้นมาพร้อมกับร่างที่เปลืองเปล่า ณ ต่างโลก ก่อนจะจับพลัดจับผลูเข้าร่วมกับสงครามแบบงง ๆ และนี่ก็คือก้าวแรกของราชันเทพสงครามผู้ที่กำลังขึ้นผงาดและเปลี่ยนโลกใบใหม่นี้ไปจากเดิมอย่างสิ้นเชิง !

Comment

Options

not work with dark mode
Reset