บทที่ 473
หลังออกมาจากจวนตระกูลอู่ ถังหยินก็ตัดสินใจกลับมาที่จวนของเขาเอง โดยในระหว่างที่เดินอยู่ ชิวเจิ้น จางจี้ และคนอื่น ๆ ก็เอาแต่ยิ้มให้กับเขา “ยินดีด้วยนายท่านที่ได้หมั้นกับท่านอู่เหมย”
ถังหยินกะพริบตา “พวกเจ้าไม่คิดว่าตาแก่เจ้าเล่ห์นั่นจะวางแผนเอาไว้เบื้องหลังแล้วหรือไง ?”
ชิวเจิ้นยักไหล่ “หรือท่านจะบอกว่าท่านไม่ได้ชอบอู่เหมยกันล่ะ ?”
“แน่นอนว่าชอบ”
“ในเมื่อท่านได้แต่งงานกับคนตระกูลอู่ แบบนี้ก็ยิ่งเป็นประโยชน์กับท่านไง ไม่ดีหรือ ? ถ้านายท่านอยากได้บัลลังก์ ยังไงก็ต้องมีคนสนับสนุนอยู่ดี”
ถังหยินพยักหน้าให้แต่ก็ยังไม่พอใจอยู่ดี
เขาเดินเท้าคุยกับพวกแม่ทัพและกุนซือที่ปรึกษาของตัวเองไปตลอดทาง ก่อนเป็นชิวเจิ้นที่ถามออกมา “ปัญหาของพวกเราในตอนนี้คือฟานหมิน ถึงนางจะไม่อยู่ในเมืองตอนนี้ แต่วันใดวันหนึ่งนางจะต้องรู้เรื่องนี้แน่ ท่านต้องหาทางรับมือให้ได้นะ”
พูดถึงเรื่องนี้ถังหยินก็ปวดหัวขึ้นมาทันที แม้ว่าอู่เหมยและฟานหมินจะรู้จักกันมานาน แต่ด้วยนิสัยแล้วไม่น่าจะมีใครเข้ากันได้แน่ ยิ่งไปกว่านั้นเพราะถังหยินไม่ใช่คนยุคนี้ด้วย ดังนั้นเขาจึงไม่มีความคิดที่จะมีเมียหลายคน !!
ถังหยินถอนหายใจแล้วเก็บเรื่องนี้ลงไปก่อน ด้วยเขายังมีเรื่องอื่นให้ห่วงมากกว่านี้
จากนั้นจึงเป็นซงหยวนที่ถามขึ้น “ถ้างั้นแล้วท่านจะเรียกใครว่าภรรยาหลวงกัน ?”
ทุกสายตาจับจ้องมาที่ถังหยินทันที เพราะถึงนี่จะเป็นเรื่องส่วนตัว แต่มันก็เกี่ยวกับบัลลังก์ที่เขาจะได้เหมือนกัน
ถังหยินลังเลใจก่อนจะส่ายหัว “ข้ายังไม่ได้คิดเลย มันเร็วเกินไปที่จะพูดถึงมัน”
ซงหยวนเป็นคนฉลาด เขารู้ดีว่าอีกฝ่ายไม่อยากจะพูด ดังนั้นเขาจึงไม่ซักไซ้ต่อให้มากความ “ก็จริงของท่าน”
ถังหยินได้โอกาสเปลี่ยนหัวข้อทันที “บอกมาซิว่าข้ายังไกลจากบัลลังก์มากแค่ไหน ?”
หลังได้ยินคำนี้ ทุกคนก็พลันดีใจกันมาก ด้วยนี่เป็นครั้งแรกที่ถังหยินพูดถึงเรื่องตำแหน่งอ๋อง !!
ซงหยวนมองไปรอบแล้วบอก “นายท่านห่างอีกแค่ก้าวเดียวเท่านั้น”
“คือ ?”
“ท่านต้องได้ฎีกาจากองค์จักรพรรดิเสียก่อน ตราบเท่าที่มีสิ่งนั้นท่านก็จะเป็นอ๋องได้ทันที”
ถังหยินกลอกตา นี่มันไม่ยุติธรรมเลย ถ้าหากมีสิ่งนี้จากองค์จักรพรรดิก็จะไม่มีใครกล้าขัดขืนเขาได้ แต่ประเด็นหลักในตอนนี้ก็คือจะทำยังไงเพื่อให้ได้ฎีกาอันนี้มา ?
“ข้าได้ยินมาว่าตอนที่องค์หญิงหยินโรวมาที่นี่ ท่านได้เป็นคนคุ้มกันนางสินะ ?” ซงหยวนถามขึ้น “ถ้าเป็นแบบนี้ท่านจะต้องใช้ความสัมพันธ์ในจุดนี้เพื่อเข้าถึงตัวจักรพรรดิ”
ถังหยินไม่รู้ว่าอีกฝ่ายไปเอาเรื่องนี้มาจากไหน แต่มันก็น่าคิดในจุดนี้มากเหลือเกิน ด้วยความสัมพันธ์ของเขากับหยินโรวนั้นถือว่าอยู่ในระดับดีเกินคาด แถมหยินโรวเองก็ยังให้ความรู้สึกเหมือนกับคริสตัลกลับชาติมาเกิดอีกด้วย
“พูดต่อไปสิ”
“จักรพรรดิและองค์หญิงเองก็สนิทชิดเชื้อกันมากกว่าที่คิด บางทีคำพูดไม่กี่คำของนางอาจทำให้มีฎีกามาหาท่านเลยก็ได้”
ถังหยินนึกขำในใจ และไม่ได้คาดหวังให้มันเป็นแบบนั้นมากนัก เพราะตอนนั้นเขาเป็นแค่แม่ทัพตัวเล็ก ๆ เท่านั้น แถมเวลาก็ผ่านมาหลายปีแล้วด้วย นางไม่น่าจะจำได้หรอก
เมื่อเห็นถังหยินกำลังครุ่นคิด ซงหยวนก็พลันพูดออกไป “ข้าว่านายท่านต้องออกเดินทางไปชางจิงแล้วล่ะ !”
ถังหยินดวงตาเต็มไปด้วยประกายลุกวาว แต่ก่อนจะได้พูดอะไรชิวเจิ้นก็พลันกล่าวแทรกขึ้นมา “เท่าที่ข้าทราบมา ชางจิงนั้นอยู่ไกลแสนไกลยิ่ง ถ้าหากท่านต้องการเดินทางไปที่นั่น คงต้องใช้เวลากว่าเดือนเลยนะ ยิ่งไปกว่านั้นที่นี่ยังไม่มีอ๋อง ถ้าหากท่านไม่อยู่ที่นี่ พวกเขาจะต้องฉวยโอกาสนี้แน่ ๆ”
จางจี้เองก็เห็นด้วยกับคำพูดนี้ เขาพยักหน้าให้ “ถ้านายท่านกับองค์หญิงสนิทกันจริง ก็แค่ส่งจดหมายไปที่ชางจิงก็พอแล้วไม่ต้องเดินทางไปเองหรอก”
ซงหยวนมองทั้งสองคนแล้วส่ายหัว “ตอนนี้พวกเรามีกำลังทหารมากที่สุดแล้ว ถ้าใครอยากเป็นอ๋อง ก็ต้องผ่านพวกเราไปให้ได้ก่อน ส่วนเรื่องจดหมาย พวกเจ้าคิดว่ามันจะไปถึงมือองค์หญิงได้จริง ๆ หรือ ?? และถ้านายท่านเดินทางไปด้วยตัวเอง เขาจะชนะใจหยินโรวได้ด้วย แถมจะยังได้หน้าที่ยอมลำบากเดินทางไปอีก มีแต่ได้กับได้”
ถังหยินพยักหน้าให้แล้วคิดว่าการเดินทางไปพบหยินโรวถือว่าเป็นเรื่องที่ดีกว่า เพราะยังไงเสียสงครามก็ยังไม่จบ และถ้าสามารถยืมมือจักรพรรดิได้ก็ย่อมเป็นเรื่องที่ดียิ่ง
แน่นอนว่าถังหยินเองก็อยากจะเดินทางไปยังชางจิงเพื่อเอาฎีกาจักรพรรดิโดยตรง แต่ใจจริงลึก ๆ แล้วเขาอยากเจอหยินโรวมากกว่า
ชิวเจิ้นกับจางจี้เริ่มตระหนกเมื่อเห็นว่าถังหยินกำลังคล้อยตาม “นายท่าน การไปชางจิง ท่านต้องเดินทางผ่านแคว้นโม แคว้นอัน ถ้าเกิดมีอันตรายระหว่างทางเล่า ?”
ระหว่างที่พูดเขาก็มองซงหยวนแล้วพูดต่อ “ซงหยวน เจ้าต้องการให้นายท่านไปแบบนี้ มีอะไรแอบซ่อนอยู่หรือไม่ ?”
เมื่อพูดถึงเรื่องความภักดี ซงหยวนก็หน้าซีดทันที ด้วยต่อให้พวกเขาจะเป็นที่เชื่อใจมากแค่ไหน แต่ถ้าโดนกล่าวหาก็ถึงตายได้ “ท่านชิว ข้าไม่ได้คิดอะไรเช่นนั้นหรอก ทั้งหมดนี้ข้าล้วนทำเพื่อนายท่านทั้งสิ้น”
ชิวเจิ้นเชิดหน้าแล้วพูด “ถ้าเจ้าคิดเพื่อนายท่านจริง ๆ ล่ะก็ อย่าพยายามให้นายท่านเดินทางไปที่ชางจิง มันอันตรายมากแถมยังไม่แน่ใจเลยว่าองค์จักรพรรดิจะยอมวางโองการมอบฎีกาให้กับนายท่านหรือไม่ ดีไม่ดีทุกคนจะมองพวกเราต่ำต้อยลงไปอีก”
ชิวเจิ้นอธิบายอย่างชัดเจนเกี่ยวกับฎีกาจักรพรรดิ และเรื่องนี้เขาเองก็คิดว่ามันไม่คุ้มเสี่ยงที่ถังหยินจะเดินทางไปชางจิงด้วยตัวเอง “ต่อให้นายท่านจะเก่งกาจมากฝีมือ แต่การไปเช่นนั้นมันก็อันตรายเกินไป”
“ถ้าไม่เสี่ยงแล้วจะได้ชัยชนะยังไงกัน ?” ซงหยวนไม่ยอมแพ้
“มันขึ้นอยู่กับรางวัลว่ามันคุ้มที่จะเสี่ยงหรือเปล่าด้วย” ชิวเจิ้นสวนกลับทันที
พวกเขาไม่มีใครยอมใคร และถังหยินก็ชักจะเริ่มปวดหัวขึ้นมาจนต้องตะโกนห้าม “หยุดทะเลาะกันได้แล้ว ข้าตัดสินใจเอง !”
เสียงของเขาดึงความสนใจของพวกกุนซือได้ดีมาก
ชิวเจิ้นกับซงหยวนต่างตกใจจนต้องหยุดพูดกันทันที
ถังหยินเลียริมฝีปากแล้วมองทุกคน “ข้าจะทำตามคำแนะนำของซงหยวน”
จากนั้นถังหยินก็กระโดดขึ้นม้าไปพร้อมตะโกน “กลับไปที่จวนกัน !”
หยวนยู่และทุกคนต่างก็ตะลึง ก่อนที่พวกเขาจะรีบวิ่งตามถังหยินไป ซึ่งในระหว่างนั้น สีหน้าของชิวเจิ้นและจางจี้ก็ดูบิดเบี้ยวยิ่ง ด้วยพวกเขาเดาได้เลยว่าถ้าหากชายหนุ่มไปจริง งั้นแล้วมันจะต้องเกิดปัญหาใหญ่ขึ้นแน่ ๆ!