บทที่ 484
บทที่ 484
เสี่ยวมินมองไปที่ถังหยินและกล่าวว่า “องค์หญิงและหลีตานจะแต่งงานกันในเดือนสาม ปีหน้า…”
หลังจากหยุดอยู่ครู่หนึ่ง จู่ ๆ เสี่ยวมินก็เปลี่ยนหัวข้อและถามอย่างสงสัย “ถังหยิน เจ้าจะได้เป็นราชาแห่งแคว้นเฟิงจริง ๆ หรือ”
หลังจากรู้วันแต่งงานของหยินโหรว ถังหยินก็พยักหน้ารับแทนการพูดตอบคำถามของเสี่ยวมิน ซึ่งหลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง เขาพลันเงยหน้าขึ้นมองไปที่เสี่ยวมิน ปากกล่าว “อะไรกัน? คิดว่าข้าจะเป็นไม่ได้อย่างนั้นเหรอ ”
เสี่ยวมินส่ายหัวและพูดแผ่วเบา” เปล่า ข้าแค่ไม่คิดว่าเจ้าจะมาได้ไกลขนาดนี้”
เมื่อพูด นางก็รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย
ถังหยินถอนหายใจแล้วหัวเราะอย่างขมขื่น “ถ้าไม่เป็นข้า ข้ากลัวว่าแคว้นเฟิงจะวุ่นวายยิ่งกว่านี้ เมื่อถึงเวลานั้นพวกเราจะตกที่นั่งลำบากและทางตอนเหนือของแคว้นจะตกอยู่ในความสับสนวุ่นวาย”
เสี่ยวมินมองไปที่ถังหยินด้วยความตกใจและถาม “เจ้าคิดอย่างนั้นจริง ๆ หรือ?”
ถังหยินถาม “แล้วยังมีอะไรอีก?”
ชายผู้ต่อสู้เพื่อบัลลังก์จะต้องการอะไรมากไปกว่าความมั่งคั่ง ความเจริญรุ่งเรือง และตำแหน่งที่สูงส่ง ความนัยของคำพูดดังกล่าวจากเสี่ยวมินเป็นเหมือนไม้ที่เข้ามาฟาดหัวเขาอย่างแรง
แต่ถังหยินไม่สนใจเรื่องนั้นเลย ดังนั้นเขาจึงส่ายหัว หรี่ตาลง และพูดเสริมอย่างใจเย็นว่า “ข้าไม่เคยคิดเรื่องนั้นมาก่อน”
เสี่ยวมินมองไปที่ถังหยิน และหลังจากนั้นไม่นานนางก็พยักหน้าเป็นการรับรู้ …ดูเหมือนวิถีชีวิตของถังหยินจะเปลี่ยนไป แต่โดยพื้นฐานแล้วมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น หญิงสาวถามว่า “ที่เรียกข้ามาที่นี่เพื่อรำลึกถึงวันเก่า ๆ เท่านั้นหรือ?”
“…ข้ามีเรื่องที่อยากให้เจ้าช่วย”
“อะไร?”
“ข้า… อยาก… พบ… องค์หญิง!” ถังหยินพูดเน้นทีละคำ
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ใบหน้าของทั้งเสี่ยวฉิงเฟิง และเสี่ยวมินก็เปลี่ยนไปในเวลาเดียวกัน เพราะมันคือการลักลอบพบกัน! หากเรื่องนี้ถูกเปิดเผย มันจะอันตรายยิ่ง! และแม้แต่เสี่ยวมินก็จะกลายเป็นต้องโทษไปด้วย!
“จะอยากเจอไปทำไมล่ะ…?” เสี่ยวมินถามด้วยความประหลาดใจ
ถังหยินหัวเราะและกล่าวว่า “ข้าอยากให้นางช่วยเกลี้ยกล่อมกับบุตรแห่งสวรรค์เรื่องมอบบัลลังก์ให้ข้า ข้ากลัวว่าแค่อาศัยท่านเสี่ยวเพียงคนเดียวคงจะไม่เพียงพอ หากองค์หญิงสามารถพูดแทนข้าได้ เรื่องทุกอย่างมันก็จะง่ายยิ่งขึ้น”
เสี่ยวฉิงเฟิงพยักหน้าซ้ำ ๆ ถูกต้อง ถ้าเจ้าหญิงเต็มใจที่จะพูด แม้ว่ามันจะเป็นเพียงประโยคเดียว แต่ก็นับว่าได้ผลมากกว่าการให้เขาพูด!
เสี่ยวมินถาม “เท่านั้นเองเหรอ?” ถ้าถังหยินตอบว่าใช่ นางจะปฏิเสธอย่างแน่นอน
แต่ถังหยินกลับเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วกล่าวด้วยรอยยิ้มที่ขมขื่น “สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ ข้าต้องการพบกับองค์หญิง”
ในฐานะหัวหน้าองครักษ์ของหยินโหรว เสี่ยวมินอยู่ร่วมกับนางตลอดทั้งปี ดังนั้น จึงคุ้นเคยกับอีกฝ่ายเป็นอย่างดี เห็นได้ชัดว่าแม้เจ้าหญิงจะไม่ได้พูดมันออกมา แต่นางก็ไม่ได้มีความสุขกับงานแต่งของตนเอง และตั้งแต่ยังเด็ก เสี่ยวมินก็ไม่เคยเห็นหยินโหรวทำตัวสนิทสนมกับผู้ชายคนไหนเป็นพิเศษ ยกเว้นถังหยิน!
หลังออกจากแคว้นเฟิง และกลับไปที่เมืองหลวงเป็นเวลานาน หยินโหรวก็ยังคงถามนางบ่อย ๆ เกี่ยวกับสถานการณ์ที่เกี่ยวข้องกับแคว้นเฟิง
ตัวหยินโหรวเอง นางอาจไม่ได้ตระหนักถึงความต้องการลึก ๆ ภายในใจตน แต่ในฐานะคนที่อยู่ใกล้ ด้วยประสาทสัมผัสอันเฉียบแหลมของเสี่ยวมิน ทำให้นางตัดสินใจได้ ว่าถ้าถังหยินไปพบองค์หญิงเพียงเพื่อวางแผนครองบัลลังก์ เสี่ยวมินจะไม่เห็นด้วยอย่างแน่นอน ด้วยในความคิดของนาง สิ่งนี้รังแต่จะทำให้องค์หญิงเจ็บปวดเสียเปล่า ๆ ทว่าคำตอบของถังหยินครานี้นั้นเป็นที่พอใจสำหรับนางไม่น้อย!
นอกจากนี้หากถังหยินสามารถกลายเป็นราชาแคว้นเฟิงได้จริง ๆ บางทีเขาอาจขัดขวางการแต่งงานระหว่างองค์หญิงและหลีตานได้ แน่นอนว่านี่เป็นเพียงจินตนาการของเสี่ยวมินเท่านั้น
“ได้เลย! ข้าจะช่วยเจ้าเรื่องนี้ พรุ่งนี้ข้าจะหาทางพาเจ้าเข้าวังเอง” เสี่ยวมินหายใจเข้าลึก ๆ และพูดอย่างจริงจัง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ กรามของผู้เป็นลุงก็แทบจะร่วงลงมาที่อก การที่หลานสาวไม่เห็นแก่ตัวเช่นนี้ ซ้ำยังกล้าที่จะเสี่ยงตายเพื่อพาถังหยินเข้าวัง ทำให้เขาสงสัยว่าได้ยินนางพูดผิดไปหรือไม่ อย่างไรก็ตาม เมื่อถังหยินจับมือด้วยความขอบคุณ ในที่สุดก็ยืนยันได้ว่าตนเองไม่ได้ฟังผิดไป เสี่ยวมินกำลังจะพาถังหยินเข้าวังจริง ๆ!
ไม่ว่าอย่างไร เสี่ยวมินก็เป็นหลานสาวของเขา นับว่ามีความเสี่ยงสูงเกินไปที่จะพาคนนอกเข้าไปในวัง ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็เตือนด้วยเสียงต่ำ “เสี่ยวมิน…มันอันตรายเกินไปหรือเปล่า?”
หลานสาวโบกมือและพูดว่า
“ท่านลุง ไม่มีใครจับได้หรอก นอกจากนี้ข้าจะอยู่ที่นั่นด้วย ดังนั้นย่อมไม่มีปัญหาใด ๆ”
“โอ้!”
เมื่อเห็นว่าเสี่ยวมินเต็มไปด้วยความมั่นใจ เสี่ยวฉิงเฟิงก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ในท้ายที่สุด สายตาของเขาก็มองกลับไปที่ปึกสีเงินในมือและทองเบื้องหน้า
“แต่ว่าในเมื่อเรื่องมาถึงเช่นนี้แล้ว… ท่านก็ต้องช่วยข้าด้วยเหมือนกัน…” เสี่ยวมินกล่าวด้วยรอยยิ้ม
เขาไม่รู้ว่าวันนี้หลานสาวกินยาชนิดใดผิด จู่ ๆ นางก็กลายเป็นคนที่ ‘สมเหตุสมผล’ ขึ้นมา
เสี่ยวฉิงเฟิงกล่าวอย่างจริงจัง “แน่นอน”
ด้วยเหตุนี้เขาจึงยิ้มให้ถังหยิน กระแอมในลำคอ ยืดหลังตรง และพูดว่า “ไม่ต้องห่วงหรอกขอรับ ข้าจะพยายามอย่างเต็มที่”
“ข้าขอบคุณอย่างมาก” ถังหยินยื่นมือของเขาไปทางเสี่ยวฉิงเฟิง
ในงานเลี้ยงนี้คนที่มีความสุขที่สุดคือเสี่ยวฉิงเฟิง ตราบใดที่ตนเองกล่าวกับบุตรแห่งสวรรค์ ย่อมแน่นอนว่าจะได้รับเงินจำนวนสองแสนและทองคำหนึ่งพัน โดยไม่ต้องใช้ความพยายามใด ๆ เลย
คิดแล้ว เขาจะเจอของดีแบบนี้ที่ไหนในโลกได้อีก? ชายชราพลันขยิบตาให้กับถังหยิน
ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเขามีความสุขเกินไปหรือเปล่า เลยดื่มมากเกินไป แต่หลังจากกินอาหารไปเพียงครึ่งมื้อ เสี่ยวฉิงเฟิงดูเหมือนจะเมามายอย่างหนัก เขาล้มนอนลงบนโต๊ะ ก่อนที่ถังหยินจะให้คนรับใช้ของเสี่ยวฉิงเฟิงพาเจ้าตัวกลับบ้านไป
หลังจากที่เสี่ยวฉิงเฟิงจากไป เจียงหลูก็หัวเราะอย่างแห้ง ๆ “ข้าไม่เคยคิดเลยว่าความทนทานต่อแอลกอฮอล์ของท่านเสี่ยวจะต่ำขนาดนี้?”
เสี่ยวมินเยาะเย้ยและพูดว่า “ลุงไม่ได้เมา”
“อ้อ?” เจียงหลูมองไปที่นางทันที
เสี่ยวมินหัวเราะ “เขากลัวน่ะ!” ก่อนจะกล่าวต่อว่า “เขากลัวว่าพรุ่งนี้เรื่องที่ข้าพาถังหยินเข้าวังจะถูกเปิดเผย และอาจมีผลเกี่ยวข้องถึงเขา ดังนั้น จึงแกล้งทำเป็นเมาและกลับบ้านก่อน เป็นแค่การพยายามหลีกเลี่ยงความสงสัยน่ะ”
เสี่ยวมินจะไม่เข้าใจนิสัยของลุงของตัวเองได้อย่างไร?
“นั่นไง!” เจียงหลูอดไม่ได้ที่จะหัวเราะอย่างขมขื่นขณะที่ส่ายหัวไปมา เขาไม่ได้คาดหวังว่าเสี่ยวฉิงเฟิงจะฉลาดแกมโกงถึงขนาดที่จะคิดวางแผนต่อต้านหลานสาวของตนเอง! แต่การที่สามารถเป็นขุนนางผู้ขึ้นตรงต่อราชสำนักของจักรวรรดิได้ นั่นหมายความว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดา!
ถังหยินไม่แปลกใจเลย และเขาก็รู้สึกว่ามันจะดีกว่าถ้าเสี่ยวฉิงเฟิงจากไป เพราะตนจะได้สะดวกคุยกับเสี่ยวมิน ว่าแล้วชายหนุ่มพลันหยิบจอกใบใหม่ขึ้นมาแล้วกลืนน้ำเมาทั้งหมดลงไป “เสี่ยวมิน ข้า….”
เสี่ยวมินกลอกตาและพึมพำ “ตอนนี้ท่านลุงคงจะไม่รู้หรอก เพราะฉะนั้นพูดมาเถอะอย่าได้อ้ำอึงไป บอกมาว่าเจ้าต้องการอะไรกันแน่? ”
ถังหยินหรี่ตาของเขา และถามอย่างไม่แน่ใจ “เจ้าหญิงยังจำข้าได้หรือไม่?”
เสี่ยวมินยักไหล่ พูดอย่างคลุมเครือ “ถ้าได้เจอเดี๋ยวก็รู้เองแหละ”
นี่ก็เทียบเท่ากับการไม่ตอบอะไรเลย! แต่ไม่ว่าความสัมพันธ์ระหว่างเสี่ยวมินกับถังหยินจะใกล้ชิดแค่ไหน นางก็ไม่กล้าที่จะพาคนแปลกหน้าเข้าวังหรอก!
ดังนั้นมันจึงเห็นได้ว่าเจ้าหญิงยังคงจำได้! หลังจากที่ตระหนักถึงเรื่องนี้ อารมณ์ของถังหยินก็สดใสขึ้นอย่างอธิบายไม่ถูก เขาหัวเราะโดยหันศีรษะขึ้นและกล่าวว่า “เมื่อเราเข้าวังในวันพรุ่งนี้ ข้าจะเชิญองค์หญิงเป็นการส่วนตัว”
หลังจากหยุดไปชั่วขณะ เขาก็อดไม่ได้ที่จะถามว่า “เจ้าหญิงกับรัชทายาทมีความสัมพันธ์กันอย่างไร”
“หลีตาน?”
เสี่ยวมินส่ายศีรษะและกล่าวว่า “ข้ากับองค์หญิงได้พบอีกฝ่ายเพียงสามครั้ง ครั้งแรกคือตอนท่านพระชนมายุได้ห้าพรรษา ครั้งที่สองคือเมื่อพระชนมายุได้สิบเอ็ดปี ส่วนครั้งสุดท้ายก็… เมื่อวาน แต่ละครั้งเราไม่ได้คุยกันเกินสิบประโยคด้วยซ้ำ!”
ร่างกายของถังหยินสั่นสะท้านขณะที่เขาถาม “หลีตานอยู่ในเมืองหลวงด้วยหรือ”
“ใช่ เพิ่งมาเมื่อไม่กี่วันก่อน” เสี่ยวมินถือโอกาสหัวเราะอย่างเมามาย และเอนตัวไปหาถังหยิน ตบไหล่เขาแล้วถามว่า “อะไร คิดจะสู้กับหลีตานหรือ? ”
ถังหยินตกใจในตอนแรก แต่แล้วก็หัวเราะเบา ๆ และพูดว่า “ไม่แน่นอน..”
‘…ถ้ามีโอกาสก็อีกเรื่องนึง’ เขากล่าวเสริมในใจ
เสี่ยวมินมองเขาอย่างลึกซึ้ง และพูดคล้ายต้องการบอกความนัยบางอย่าง “ถ้าไม่… คนที่จะเสียเปรียบจะเป็นเจ้าอย่างแน่นอน ผู้คุมกันข้างกายหลีตานล้วนเป็นคนที่ไม่ธรรมดา ได้ยินมาว่าเป็นเหล่ายอดฝีมือย ถ้าเจ้าไปหาเรื่อง เจ้าจะไม่มีทางกลับมาได้อีกแน่”
ถังหยินรินเหล้าให้ตัวเองอีกถ้วย และกระดกมันในอึกเดียว ในตอนแรกเขาก็ตกใจ แต่หลังจากนั้นก็หัวเราะอย่างตรงไปตรงมา…
นี่คือถังหยินเชียวนะ ไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยว่าในใจเขากำลังคิดอะไร แต่มันจะต้องเป็นความคิดที่ไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน!
หลังจากที่เสี่ยวฉิงเฟิงเมาหลับไปแล้ว ถังหยินและเสี่ยวมินก็คุยกันเป็นเวลานานกว่าจะแยกกัน
ถังหยินสั่งให้เจี๋ยงฟานส่งอีกฝ่ายกลับที่พัก ในขณะที่เขาพาอีกสองคนที่เหลือกลับไปยังโรงเตี๊ยม
หลังจากพันแผลบนฝ่ามือและนอนบนเตียง ถังหยินใช้เวลานานกว่าจะหลับ สมองครุ่นคิดถึงวิธีที่เขาจะสามารถเข้าไปในวัง และพบกับหยินโหรวในวันพรุ่งนี้ ซึ่งมันทำให้เขาไม่สามารถระงับความตื่นเต้นในใจได้เลย!