บทที่ 176 เจ้าพุทธะอิจฉาแล้ว
ต้องบอกว่าเจ้าพุทธะเสียงอัสนีออกโรงได้ค่อนข้างยิ่งใหญ่เลยจริงๆ
แสงพุทธส่องไปทั่วหล้า กงล้อทองคำบุญกุศลเสริมบารมีข้างหลัง สะท้อนออกมาเป็นร่างมายาของแดนพุทธ
เสียงพุทธะดังจากความว่างเปล่า ปรากฏการณ์ต้นโพธิ์ยักษ์บดบังฟ้าบังดวงตะวันส่องแสงไปทั่วทุกสารทิศ
บนต้นโพธิ์มีมังกรเทพสีทองแปดตัวนอนขดอยู่ ทุกตัวมีความยาวมากกว่าร้อยจั้ง ดูทรงอำนาจเป็นพิเศษ
เล่าลือว่าเจ้าพุทธะรุ่นนี้ของแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีฝึกฝนจนบรรลุเป็นกายแท้จริงพระพุทธองค์ เป็นพระพุทธองค์ที่มีชีวิตอยู่ และยังเป็นผู้แข็งแกร่งที่สุดของดินแดนบูรพา
เจ้าพุทธะเสียงอัสนีชำนาญคัมภีร์กุศลมหาปราชย์มากที่สุด ชำนาญปรัชญาในหลักการพุทธศาสนาทุกแขนง
เขาจะเดินทางไปแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ บ่อยครั้ง ไปสนทนาธรรมถกมรรคากับเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์อื่นๆ ก็แทบจะไม่เคยแพ้เลย
ในยี่สิบแดนศักดิ์สิทธิ์แห่งดินแดนบูรพา เจ้าพุทธะเสียงอัสนีเป็นหนึ่งในสองผู้อริยะที่มีสติปัญญาเลิศล้ำ
ใช่ ถูกแล้ว ผู้อริยะที่มีสติปัญญาเลิศล้ำอีกท่านก็คือเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์
และเพราะเหตุนี้เอง เจ้าพุทธะเสียงอัสนีจึงให้ความสำคัญกับบุตรพุทธะในรุ่นต่อไปมาก เจ้าพุทธะชื่นชมจางอวิ๋นถิงแห่งแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์มาก คิดว่าสติปัญญาของเขามีลักษณะเหมือนกับบิดาของเขา
เจ้าพุทธะเสียงอัสนีหวังมาตลอดว่าศิษย์ของตนตอนถกมรรคาจะอยู่เหนือกว่าผู้สืบทอดเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์แทนตน น่าเสียดายก็แต่บุตรพุทธะขู่ตัวที่อยู่รุ่นเดียวกับจางอวิ๋นถิงเป็นคนซื่อบื้อ เป็นนักบวชหยาบคาย ไม่มีสติปัญญาแม้แต่น้อย
จะหวังให้บุตรพุทธะขู่ตัวใช้หลักการพุทธศาสนากดอยู่เหนือมรรคของจางอวิ๋นถิงผู้สืบทอดเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์นี่ไม่มีหวังเลย
ต่อมาเจ้าพุทธะเสียงอัสนีก็ปล่อยวาง ในเมื่อก้าวข้ามไม่ได้ก็ต้องเรียนรู้จากอีกฝ่ายเยอะๆ!
ด้วยเหตุนี้เจ้าพุทธะเสียงอัสนีจึงส่งบุตรพุทธะขู่ตัวมาผูกมิตรกับจางอวิ๋นถิงที่แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ปรากฏว่าบุตรพุทธะขู่ตัวกลับไม่สนิทสนมกับจางอวิ๋นถิง แต่ไปมั่วสุมกับฟางฉางแทน
อีกทั้งเจ้าบื้อสองคนนี้ยิ่งเที่ยวเล่นยิ่งโง่ ยิ่งเที่ยวเล่นยิ่งหลงระเริง วันๆ ก่อเรื่องไม่เคยหยุด
วางคัมภีร์กุศลมหาปราชญ์ไว้ให้เสแสร้งและยังล้างสมองคนได้อีกไม่ฝึกฝน กลับออกไปปราบมารทุกวัน
ต้องรู้ไว้ว่า การปราบมารก็ต้องมีสติปัญญาเช่นกัน พระพุทธมีเมตตาควรจะให้โอกาสวางดาบลง แต่เจ้าไปปราบมารทุกวัน สร้างความอาฆาตแค้นให้แดนศักดิ์สิทธิ์มากขนาดนั้น เกิดปีศาจมาแก้แค้นจะทำอย่างไร
ปีศาจพวกนี้มารับการโปรดสัตว์ที่แดนศักดิ์สิทธิ์ ทำให้แดนศักดิ์สิทธิ์แข็งแกร่งขึ้นมันไม่ดีหรือ
เจ้าพุทธะเสียงอัสนีอยากจะบอกหลักการพวกนี้กับบุตรพุทธะขู่ตัวมาตั้งนานแล้ว น่าเสียดายที่เขาบอกไม่ได้ เพราะตามประเพณีของพุทธศาสนาแล้ว ยอดฝีมือของพุทธศาสนาต้องเข้าใจหลักการนอกเหนือพุทธคัมภีร์พวกนี้อยู่แล้ว
แต่นี่คือกฎลับ จะบอกตรงๆ ไม่ได้ ได้แต่บอกเป็นนัยให้พวกลูกศิษย์ตระหนักรู้กันเอง
แต่บุตรพุทธะขู่ตัวโง่เขลา ไม่เข้าใจความลึกลับในนั้นมาตลอด ทำเจ้าพุทธะเสียงอัสนีกระทืบเท้าด้วยความโมโห
ถ้าไม่ใช่เพราะบุตรพุทธะขู่ตัวมีฐานะพิเศษที่ไม่มีใครมาแทนที่ได้สำหรับเจ้าพุทธะเสียงอัสนี เขาคงเปลี่ยนลูกศิษย์บ่มเพาะไปนานแล้ว ขี้เกียจจะสนใจเจ้าไร้สมองนี่
……
เจ้าพุทธะเสียงอัสนีปรากฏเป็นร่างจำแลง มนต์โปรดสรรพสิ่งดังขึ้นบนยอดเขาบัวขาว แฝงไว้ด้วยสติปัญญาเลิศล้ำ
สายฟ้าประกายเซียนของเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์พลุ่งพล่าน มีเสียงแห่งมรรคดังขึ้นกลางฟ้าดินเบาๆ ตีเสียงสวดมนต์แตกกระจาย
เขามองเจ้าพุทธะเสียงอัสนีพลางพูดด้วยน้ำเสียงเรียบนิ่ง “สหายเทียนซิ่ว ไม่ได้เจอกันหลายวัน วิชาพุทธะของเจ้าลึกซึ้งขึ้นทุกคืนวันแล้ว”
เจ้าพุทธะเสียงอัสนีคีบดอกไม้ด้วยรอยยิ้ม “ใช่ที่ใดกัน กายเหมือนต้นโพธิ์ ใจดั่งแท่นกระจกใส หมั่นปัดถูบ่อยๆ เลยไม่มีฝุ่น อาตมามีปัญญาโง่เขลา ยังไม่ตระหนักความหมายสูงสุดของคัมภีร์กุศลมหาปราชญ์ มิกล้าเกียจคร้านแม้แต่ครู่เดียวเลย”
เมื่อได้ฟังคำตอบของเจ้าพุทธะเสียงอัสนี ผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวขาวกับผู้สูงศักดิ์สวรรค์บัวมรกตต่างมีสีหน้าจริงจังขึ้นมา ทุกคนต่างรู้ว่าแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนีมีคัมภีร์กุศลมหาปราชญ์เป็นมรดกวิชาสูงสุด
หากฝึกฝนมรดกวิชานี้สำเร็จ หนึ่งวันจะตระหนักได้สามพันคัมภีร์ บรรลุอรหันต์ได้ในทันที
คำว่า ‘บรรลุอรหันต์ได้ทันที’ ที่ว่านี้ไม่ใช่คำไร้สาระอย่าง ‘วางดาบลงก็จะบรรลุอรหันต์ทันที’ แต่จะอยู่ในตำแหน่งของพระพุทธองค์แท้จริง ยังไม่เคยมีใครตระหนักถึงขอบเขตนี้ได้มาก่อน จะเห็นได้ถึงความยากของระดับนี้
ทว่าฟังจากท่วงทำนองแห่งพุทธะของเจ้าพุทธะเสียงอัสนีตอนนี้แล้ว คงจะห่างจากระดับพลังสูงสุดนั้นอีกแค่ก้าวเดียว หากเดินก้าวนี้ไปได้ เกรงว่าทั้งดินแดนบูรพาคงจะเกิดเหตุการณ์ครั้งใหญ่อย่างเจ้าพุทธะเทียนซิ่วกดอยู่เหนือกว่าลัทธิเต๋า
และสถานการณ์เช่นนี้ แดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ที่เป็นฝ่ายเต๋าคงไม่อยากเห็นอย่างแน่นอน ถึงอย่างไรก็มาจากฝ่ายต่างกัน
สำนักพุทธแดนทะเลทรายประจิมแยกออกมาเป็นแดนศักดิ์สิทธิ์เสียงอัสนี จะกดขี่อยู่เหนือทุกแดนศักดิ์สิทธิ์ในดินแดนบูรพาหรือ
แบบนั้น แดนศักดิ์สิทธิ์ฝ่ายเต๋าจะเอาหน้าไปไว้ที่ใด ไม่เอาหนังหน้าแล้วรึ
บรรยากาศบนยอดเขาบัวขาวเย็นลง แดนศักดิ์สิทธิ์ใหญ่สองแห่งซัดสาดใส่กันลับๆ
เจ้าพุทธะเสียงอัสนีเองก็ไม่แปลกใจ เขาคีบดอกไม้ด้วยรอยยิ้ม “ไม่ทราบว่าศิษย์หลานฟางฉางเป็นอย่างไรบ้าง”
เจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ยังไม่ทันตอบ ฟางฉางข้างๆ ก็เดินเคียงบ่าเคียงไหลกับบุตรพุทธะขู่ตัวก้าวเท้ายาวเข้ามา
เขาแสยะปากและแสดงความเคารพเจ้าพุทธะเสียงอัสนีโดยไม่ถือเป็นคนนอกแม้แต่น้อย “ขอบคุณที่ท่านเจ้าพุทธะเป็นห่วง ฟางฉางหายดีแล้ว”
เจ้าพุทธะเสียงอัสนีมองบุตรพุทธะขู่ตัวที่เคียงบ่าเคียงไหล่มากับฟางฉาง ดวงตาเป็นประกายแสงพุทธวูบไหว “หายดีแล้วรึ”
ไม่น่าใช่นะ!
ก่อนหน้านี้บุตรพุทธะขู่ตัวมาขอของเหลวกายทองคำจากเจ้าพุทธะเสียงอัสนี ร้องไห้ไปร้องทุกข์ไป กระทั่งตอบตกลงเจ้าพุทธะเสียงอัสนีว่าจากนี้จะตั้งใจอ่านคัมภีร์
แม้เจ้าพุทธะเสียงอัสนีจะไม่เชื่อบุตรพุทธะขู่ตัว แต่ก็ยังให้ของเหลวกายทองคำไป ก็เพราะเขารู้ว่าของเหลวกายทองคำช่วยรักษาอาการบาดเจ็บแห่งมหามรรคแก่นพลังทองแตกไม่ได้แน่
ในเมื่อเจ้าฟางฉางกระโดดโลดเต้นอยู่ได้ไม่กี่วัน เจ้าพุทธะเสียงอัสนีก็ไม่ถือสาเป็นตาแก่ใจดีผลักเรือไปตามน้ำ
แต่ตอนนี้เกิดอะไรขึ้น เหตุใดเจ้าขู่ตัวถึงเดินเคียงบ่าเคียงไหล่กับฟางฉางอีก เหตุใดเจ้านี่ถึงหายดีแล้ว
บุตรพุทธะขู่ตัวเหมือนอยากจะโอ้อวดกับอาจารย์ตน จึงหยิบของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานออกมาจากอกเสื้อ
เขาพูดด้วยรอยยิ้มว่า “ใช่ ดีที่ศิษย์พี่บุตรศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์เสิ่นเทียนมีของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหลายพันชั่งเลย เขาแค่เอาออกมาสองร้อยชั่งก็ช่วยฟางฉางได้แล้ว ทั้งยังช่วยเขาทะลวงแก่นพลังทองรอบเก้าอีก”
ของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานหลายพันชั่งหรือ ตอนนี้เจ้าพุทธะเสียงอัสนีอึ้งไปแล้ว
จะว่าไปของเหลวศักดิ์สิทธิ์นิพพานนั่นไม่ใช่สมบัติล้ำค่าเยียวยาระดับสูงสุดที่แค่ครึ่งชั่งก็ยังหายากหรือ เหตุใดบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ที่ยังไม่มีชื่อเสียงเลื่องลือถึงเอาออกมาได้ทีเดียวหลายพันชั่งล่ะ
เจ้าพุทธะเสียงอัสนีมองเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ ในมือยังคงคีบดอกไม้อรหันต์ทองคำ แต่ยิ้มไม่ออกแล้ว
“สหายหลงหยวน ฝ่ายเจ้ามีบุตรศักดิ์สิทธิ์คนใหม่ตั้งแต่เมื่อไร เหตุใดอาตมาไม่เห็นได้ยินเลย”
สายฟ้าประกายเซียนบนผิวกายเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์กระเพื่อม “เทียนเอ๋อร์เป็นศิษย์ที่ข้ารับมาใหม่ พิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ของเขาจะจัดในอีกหนึ่งปีให้หลัง ตอนนี้กำลังเร่งทำบัตรเชิญอยู่”
ในโลกบำเพ็ญเซียน พวกยอดฝีมือปิดด่านบำเพ็ญครั้งหนึ่งบางทีก็ครึ่งปี กระทั่งหลายสิบปีถึงร้อยปีแล้ว
ด้วยเหตุนี้แม้จะเป็นพิธีฉลองสำคัญ อย่างน้อยก็ต้องเตรียมล่วงหน้าหนึ่งปี ส่วนพิธีแต่งตั้งเจ้าแดนศักดิ์สิทธิ์ก็อาจจะต้องเตรียมล่วงหน้าร้อยปี!
ถึงอย่างไรแดนศักดิ์สิทธิ์เทพสวรรค์ก็เป็นหนึ่งในยี่สิบแดนศักดิ์สิทธิ์ พิธีแต่งตั้งบุตรศักดิ์สิทธิ์ย่อมต้องจัดให้อย่างสมเกียรติ
เจ้าพุทธะเสียงอัสนีครุ่นคิด เขามองเสิ่นเทียนที่อยากจะเก็บตัวเงียบๆ ใจจะขาดข้างๆ ก่อนดวงตาจะเปล่งประกายขึ้นมาทันที
เป็นบุรุษรูปงามสะเทือนโลก เหมาะกับการเผยแพร่หลักการพุทธถกมรรคาจริงๆ
ถ้าเด็กคนนี้เข้าฝ่ายพุทธ จะไร้พ่ายเรื่องการหลอกสาวก!
ไม่ต้องฝึกคัมภีร์กุศลมหาปราชญ์ ขอแค่หล่อก็พอแล้ว
เจอกับสีกาพวกนั้น แค่คีบดอกไม้ด้วยรอยยิ้ม ‘อมิตาพุทธ สีกามีวาสนากับพุทธศาสนา’
ถึงตอนนั้นทั้งดินแดนบูรพาก็ไม่รู้ว่าจะมีสาวกพุทธศาสนาผู้ซื่อตรงเพิ่มขึ้นมาอีกเท่าไร ฝ่ายพุทธจะยิ่งใหญ่ขึ้น!
เมื่อคิดได้ดังนั้น เจ้าพุทธะเสียงอัสนีก็มองเจ้าศิษย์โง่ที่เคียงบ่าเคียงไหล่กับฟางฉางและรู้จักแต่ยิ้มโง่ๆ นั่นอีกครั้ง
ไม่กลัวสินค้าจะไม่เป็นที่รู้จัก แต่กลัวมีสินค้ามาเปรียบเทียบกัน
เจ้าพุทธะเสียงอัสนีอิจฉาแล้ว
…………………………………