บทที่ 230 กายทองเทพมารเก้ารอบ
เสิ่นเทียนลืมตาขึ้นมาท่ามกลางสายตาของทุกคน
เขาในตอนนี้รู้สึกว่าทุกส่วนในร่างกายเต็มไปด้วยพลังงาน
ต้นกำเนิดสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินห้าชนิดสัมพันธ์กันในกาย บำรุงกายและจิตของเขา
ระดับหลอมกาย หล่อหลอมกล้ามเนื้อ กระดูก เลือดลม จากนั้นรวมเป็นพลังแห่งเลือดลมพุ่งขึ้นฟ้า
ระดับเหนือสามัญ ปกติผู้ฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมารจะใช้พลังแห่งเลือดลมขัดเกลาอวัยวะภายใน ทำให้มันแข็งแกร่งเหมือนกับผิวกาย
และวิธีที่เสิ่นเทียนขัดเกลาอวัยวะภายในก็ต่างกับผู้บำเพ็ญศาสตร์หลอมกายเทพมารที่ยากจนพวกนั้นอย่างสิ้นเชิง
เขาใช้พลังของสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินปัญจธาตุหล่อเลี้ยงและขัดเกลาอวัยวะภายใน ทำให้แกร่งขึ้นในระดับสูงสุด ด้วยเหตุนี้เอง อวัยวะภายในของเสิ่นเทียนจึงแกร่งเหนือกว่าผู้ฝึกศาสตร์หลอมกายปกติไปไกลมาก
ส่วนระดับกายทองที่เหนือกว่าระดับเหนือสามัญ ก็ตรงกับระดับแก่นพลังทองในศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทอง
ระดับนี้เน้นการดึงพลังปัญจธาตุที่สอดคล้องกันออกมาจากอวัยวะภายในและรวมเป็นหนึ่ง
ดังนั้นพลังที่เกิดขึ้นจะเหนือกว่าพลังแห่งเลือดลมปกติ ผู้บำเพ็ญศาสตร์หลอมกายเทพมารเรียกว่า ‘พลังแห่งเทพมาร’ แข็งแกร่งอย่างถึงที่สุด
ประสิทธิภาพในการใช้พลังแห่งเทพมารขัดเกลากายเนื้อจะมีผลเหนือกว่าพลังแห่งเลือดลม รวมเป็นกายทองเทพมารได้
ระดับของกายทองเทพมารก็เหมือนกับแก่นพลังทอง แบ่งเป็นจากรอบที่หนึ่งถึงเก้ารอบสูงสุด
เล่าลือว่าแค่รวมกายทองเทพมารออกมา กายและจิตวิญญาณของผู้บำเพ็ญจะเทียบเคียงได้กับเทพมารมานะสร้างบางส่วน
แน่นอนว่านั่นคือเทพมารมานะสร้างที่อ่อนแอที่สุด
แต่ถึงจะเป็นเช่นนั้นก็ยังต้านการโจมตีด้วยอาวุธวิเศษของศาสตร์หลอมปราณแก่นพลังทองในระดับเดียวกันได้มากมาย กายเนื้อเหมือนกับอาวุธหลอมสร้าง
หากรวมกายทองเทพมารได้ถึงระดับกายทองเก้ารอบที่อยู่สูงสุด เช่นนั้นแม้แต่เทพมารสวรรค์ประทานพวกนั้น ระดับความแกร่งของกายเนื้อในระดับเดียวกันก็ยังยากจะเทียบเคียงได้
แน่นอนว่ากายทองสูงสุดเก้ารอบเป็นแค่ตำนาน
หากบอกว่าตัวอย่างการรวมแก่นพลังทองเก้ารอบยังมีให้เห็นบ่อยๆ ในตำราโบราณ เช่นนั้นคนที่รวมกายทองเก้ารอบได้ แม้แต่ตำราโบราณตลอดหมื่นปีมานี้ของห้าดินแดนยังแทบจะไม่มีให้เห็น
ต่อให้เป็นผู้ฝึกศาสตร์หลอมกายเทพมารหลายท่านที่แกร่งที่สุดตั้งแต่โบราณมา ก็แค่ถูกเรียกว่า ‘คล้ายกายทองเก้ารอบ’ เท่านั้น ยังไม่ได้พิสูจน์ยืนยันจริงๆ
แต่ต่อให้ถอยมาเป็นกายทองแปดรอบหรือกายทองเจ็ดรอบ ก็ยังมีกำลังรบบ้าอำนาจจะดูถูกกันไม่ได้ง่ายๆ
เล่าขานว่าเมื่อหลายพันปีก่อนมีผู้แข็งแกร่งหลอมกายระดับกายทองแปดรอบคนหนึ่งเดือดดาลอย่างยิ่ง สู้ตัดสินกับผู้แข็งแกร่งหลอมปราณแก่นพลังทองเก้ารอบคนหนึ่ง
ปรากฏว่าผู้แข็งแกร่งหลอมกายระดับกายทองแปดรอบนั้นอาศัยหมัดเหล็กสองข้างทำลายการจู่โจมได้ทั้งหมด
สุดท้ายทุบแก่นพลังทองของโอรสสวรรค์แก่นพลังทองเก้ารอบคนนั้นแตกในร้อยกระบวนท่า
นับจากนั้นมาก็ตั้งตนวางมาด ‘ข้าอยู่ย่อมไร้พ่าย’
…..
สรุปก็คือ ‘ระดับแก่นพลังทอง’ ของศาสตร์หลอมปราณมีคำกล่าวว่า ‘แก่นพลังทองดวงหนึ่งเข้าไปในท้อง ชะตาข้า ข้าลิขิตเองมิใช่สวรรค์’ นี่เป็นขั้นตอนที่สำคัญที่สุดที่จะเปลี่ยนจากคนธรรมดาไปสู่ผู้บำเพ็ญเซียน
และ ‘ระดับกายทอง’ ของศาสตร์หลอมกายก็เช่นกัน เมื่อถึงกายทองช่วงปลาย จะถูกเรียกว่าฝึกควบนอกใน
จากตรงนี้อวัยวะภายในจะไม่อ่อนแออีก กายเนื้อไร้สิ่งสกปรกใดๆ อีก กำลังรบและพลังชีวิตแกร่งเสียจนคนต้องเดือดดาล
นี่…ก็คือเส้นทางต้องผ่านจากคนธรรมดาไปสู่เทพมารเผ่ามนุษย์!
เสิ่นเทียนสัมผัสการเปลี่ยนแปลงในกายพร้อมกับยื่นมือขวาออกมาช้าๆ
ตรงปลายนิ้วชี้เขามีแสงสว่างสีขาว เขียว ดำ แดงและเหลืองห้าสีวนเวียนซ้ำไปมาไม่หยุด
ไม่นาน แสงสว่างห้าสีก็รวมเป็นสีทอง แผ่กลิ่นอายที่กว้างใหญ่และลึกล้ำออกไป
แม้จะมีพลังงานเพียงเสี้ยวเดียว แต่กลับทำให้ทุกคนรอบข้างถึงกับหายใจไม่สะดวก
พลังแห่งเทพมาร!
นี่คือพลังแห่งเทพมารที่แท้จริง!
อีกทั้ง ระดับพลังแห่งเทพมารของเสิ่นเทียนยังสูงมาก
มันหลอมรวมพลังแห่งสิ่งมหัศจรรย์ฟ้าดินห้าชนิด ระดับจึงสูงสุด
บางทีอาจเรียกได้ว่า ‘พลังแห่งเทพมารกำเนิดฟ้า’!
ไม่ผิด ทุกสรรพสิ่งใช้คำว่ากำเนิดฟ้าได้หมด…
‘สหายเสิ่นแข็งแกร่งขึ้นอีกแล้ว กายเนื้อเช่นนี้แข็งแกร่งมาก’
ข่งเมิ่งดวงตาลุกวาว อาภรณ์ห้าสีส่องแสงประกาย ส่องสะท้อนกับดวงตะวันโลหิตบนสนามรบส่องประกายระยิบระยับ
การเดินทางมาสนามรบครั้งนี้คุ้มค่ามากสำหรับนาง ได้พัดแสงเทพห้าสีกลับมายังเป็นผลพลอยได้ ที่สำคัญกว่านั้นคือนางเจอเป้าหมายที่ตนจะก้าวต่อไป ทำให้ตัวเองที่ไร้พ่ายไม่ลังเลอีก นับจากนี้ นางจะมองเสิ่นเทียนเป็นเป้าหมายให้ตนพยายามมุ่งไป
หากไม่ใช่เพราะต้องกลับเผ่าเทพนกยูงเพื่อทำพิธีศพให้กระดูกบรรพบุรุษ และยังต้องประกาศกับบุพการีผู้อาวุโสเรื่องเป็นพันธมิตรกับมนุษย์ละก็ นางก็อยากจะตามเสิ่นเทียนไปด้วย
ถึงอย่างไรนางก็รู้สึกว่าฝึกฝนกับเสิ่นเทียนสนุกกว่าลำบากฝึกฝนคนเดียว
ไม่ใช่แค่ได้โชคลิขิตมาง่ายๆ แต่ยังมีเสิ่นเทียนสร้างแรงกดดันให้ตนอีก ที่สำคัญกว่านั้นคือมีเสิ่นเทียนอยู่ข้างกาย
เป็นอาหารตา!
…….
เสิ่นเทียนไม่สนใจสายตาของทุกคน
เพราะตอนนี้เขามีเรื่องที่สำคัญกว่า ต้องศึกษาและทดสอบ
ก่อนเขาจะควักกระจกออกมาจากอกเสื้อ ส่องดูตรงหน้าผากอย่างละเอียด
ใช่ ตอนนี้เสิ่นเทียนกำลังสังเกตวงรัศมีเหนือศีรษะตน
ก่อนจะเข้าสนามรบบรรพกาล วงรัศมีเหนือศีรษะเสิ่นเทียนเป็นสีเขียวบริสุทธิ์อมแดง
หลังจากช่วยฉินเกาหาว่านโลหิตมังกร ช่วยข่งเมิ่งได้พัดแสงเทพห้าสีกับต้นกำเนิดแสงเทพห้าสี ช่วยจ้าวเฮ่ากับข่งเมิ่งหาหอคอยเทพสงคราม ช่วยจินอวี่หาศพบรรพบุรุษเผ่าเผิงปีกทองพบ…
ดวงชะตาของฉินเกา ข่งเมิ่ง จ้าวเฮ่าและจินอวี่ก็เพิ่มขึ้นไม่น้อย
กระทั่งคนที่เกาะโชคลิขิตอย่างเสิ่นเอ้า ซ่งฟู้กุ้ย หลิวไท่อี่และกุ้ยกงกงยังมีดวงชะตาเพิ่มขึ้นเช่นกัน
และดวงชะตาของเสิ่นเทียนเพิ่มขึ้นอย่างมาก จนถึงระดับวงรัศมีสีแดงเป็นส่วนใหญ่และสีเขียวเป็นส่วนน้อยแล้ว ดูสวยมาก
แต่ตอนนี้ คัมภีร์คบเพลิงของเสิ่นเทียนก็เกิดการพัฒนาขึ้นอีกครั้ง
เขาเห็นในกระจกว่าแสงสีแดงตรงวงรัศมีเหนือศีรษะตนกำลังลดลงช้าๆ
จากวงรัศมีสีแดงมากกว่าเขียวเป็นสีแดงกับเขียวคนละครึ่ง ทำเสิ่นเทียนปวดใจจนหายใจไม่ออก
เฮ้อ คัมภีร์คบเพลิงนี่แข็งแกร่งก็แข็งแกร่งจริงๆ หลอกพ่อก็หลอกพ่อจริงๆ หากเติมบัตรทองง่ายๆ ก็คงไม่มีอะไร แต่ทุกครั้งที่ยกระดับพลังครั้งใหญ่จะเผาดวงชะตาเขาไปไม่น้อย คิดว่าดวงชะตาพวกนี้มันหากันง่ายๆ รึ
‘จากค่ากำหนดเมื่อก่อนที่ดวงชะตาลดจะดวงซวย ตอนนี้จะอยู่สนามรบไม่ได้แล้ว’
เสิ่นเทียนระแวงขึ้นมาทันที นี่ไม่ใช่ว่าเขาตื่นตูมไปเอง แต่วิเคราะห์จากข้อมูลหลายอย่าง
คิดดูสิ!
ตอนที่ฉินเกาดวงชะตาลด เหยียบสมุนไพรวิญญาณยังโดนจับมัดเฆี่ยนตี
ตอนที่ฟางฉางดวงชะตาลด ก็ทะลวงแก่นพลังทองเก้ารอบล้มเหลว แก่นพลังทองแตกร้าวทั้งก้อน
ตอนที่เฉินจงเทียนดวงชะตาลด ก็ขี่รถม้าสงครามสุดหรูพุ่งชนยอดค่ายกลพิทักษ์เทพสวรรค์
ตอนที่จินอวี่ดวงชะตาลด เดินบนสนามรบบรรพกาลอยู่ดีๆ ก็โดนมารโลหิตระดับดวงจิตดรุณตบกลิ้งและยัดเข้าไปในท้อง
…….
เหตุการณ์หลายๆ อย่างนี้ไม่มีทางเป็นเรื่องบังเอิญได้!
เมื่อนึกถึงตรงนี้ เสิ่นเทียนก็มองวงรัศมีเหนือศีรษะทุกคนด้วยสีหน้าอาลัยอาวรณ์
ถ้าตามหลักเพื่อความปลอดภัยแล้ว ตอนนี้ดวงชะตาลดลง ตนไม่ควรจะเสี่ยงอันตรายในสนามรบบรรพกาลอีก แต่โชคลิขิตเหนือศีรษะเจ้าพวกนี้ ถึงจะไม่ยิ่งใหญ่ แต่มดปลวกตัวเล็กก็ยังเป็นเนื้อ!
ผลประโยชน์เป็นเรื่องรอง ที่สำคัญกว่านั้นคือเพิ่มดวงชะตา!
มีหนึ่งบอกหนึ่ง เสิ่นเทียนทำใจทิ้งไม่ลงจริงๆ
สถานการณ์ไม่เหมาะที่จะถอย เช่นนั้นก็พยายามทำให้ดีที่สุดแล้วกัน…
พูดตามตรง เสิ่นเทียนสับสนมาก~
………………………