ตอนที่ 132 – ระบายโทสะให้นักเรียน
ในห้อง 301 อาคารหมายเลข 3 ที่พักลั่วอิ้น ชายสี่คนนั่งอยู่ที่โต๊ะไพ่ ยังมีผู้หญิงหนึ่งคนอุ้มเด็กหนึ่งขวบกว่ายืนอยู่ข้างหน้าต่าง
นี่เป็นแหล่งซ่องสุมพนันที่หลบซ่อนมาได้หลายปีแล้วแห่งหนึ่ง สองสามีภรรยาหนึ่งคู่ควบคุมที่นี่ ไม่แค่เข้าร่วมการพนันแต่ยังเก็บค่าต๋ง
ตอนเล่นไพ่ ผู้ชายเล่นไพ่ที่โต๊ะ ผู้หญิงยืนอยู่ที่หน้าต่างสังเกตการณ์
ในห้องเสียงเอะอะหนวกหู เสียงตีไพ่นกกระจอกกระแทกหูไม่หยุดไม่หย่อน
แต่ทว่าในขณะนี้เอง ผู้หญิงจู่ ๆ แตกตื่นขึ้นมา “เลิกตี ๆ ฉันเห็นรถตำรวจสองคันขับเข้าลานแล้ว รีบหนี!”
คำพูดเพิ่งเปล่งออกมา แสงไฟในห้องดับลงไปหมดอย่างเหนือความคาดหมาย
มีคนสับคัทเอาท์ข้างนอก!
ผู้ชายสี่คนที่ข้างโต๊ะไพ่ลุกขึ้นในความมืดทันที ชิ่งกั๋วจงบ่นว่าซวยในปากแล้วเปิดประตูวิ่งไปที่ทางเดิน
ทางเดินก็มืด
ในสี่คนมีคนกล่าวว่า “หลังลงบันไดก็แยกกันหนีนะ ชุมชนนี่มีสี่ประตู พวกเขาอยากจับคนทั้งหมดมันเป็นไปไม่ได้หรอก ใครถูกจับก็ซวยไป”
คำพูดเพิ่งเปล่งออกมา ทันใดนั้นเขาสัมผัสได้ว่าในทางเดินอันมืดมิดมีเสียงลมจู่โจมเข้ามา
พริบตานั้นเขาเพียงรู้สึกว่าหน้าท้องตนเองถูกคนชกเข้าอย่างหนักหน่วง คนทั้งคนขดตัวงอเป็นกุ้งอยู่บนบันได
เพียงแต่คนที่ชกเขาไม่ได้รั้งรอเลย ทว่าใช้ประโยชน์จากความมืดตรงไปที่พวกพ้องนักพนันสามคนที่อยู่ข้างหลังเขาต่อไป!
ในเวลาสั้น ๆ สิบกว่าวินาที เงาร่างสีดำนั้นทุบตีทั้งสี่คนล้มลงไปหมดประดุจเมฆเคลื่อนคล้อยสายน้ำไหลริน
พวกนักพนันมอบร่างคนไม่ชัด พวกเขาเพียงรู้สึกว่าอีกฝ่ายเหมือนจะคำนวณทุกอย่างเอาไว้แต่แรก รวมทั้งปฏิกิริยาตอบสนองของพวกเขา
ดังนั้นเริ่มตั้งแต่วินาทีแรกของการทุบตี ทุกวินาทีถัดจากนั้นล้วนแสดงไปตามสคริปต์ของอีกฝ่าย
พวกเขาแม้แต่จะนับเป็นนักแสดงสมทบยังไม่ได้ อย่างมากที่สุดก็เป็นอุปกรณ์ประกอบฉากสี่ชิ้น
”แม่มึงเถอะ แหวะ!” นักพนันคนหนึ่งถูกทุบจนอ้วกน้ำย่อยในกระเพาะออกมาหมดเลย “ใครวะ! ใคร!?”
เพียงแต่ร่างร่างนั้นไม่ได้รั้งรอ อีกฝ่ายฉวยโอกาสเดินออกไปก่อนที่ตำรวจจะหาหมายเลขอาคารเจอ
อย่างรวดเร็ว ชิ่งเฉินยืนอยู่ในเกาะกลางถนนของชุมชน มองดูสี่คนนั้นถูกตำรวจพยุงขึ้นรถตำรวจเงียบ ๆ
เขาสัญญากับคุณผู้หญิงที่รับสายแจ้งเหตุว่านักพนันพวกนี้จะหนีไม่รอดสักคน
งั้นพวกเขาก็หนีไม่รอดแน่นอน
ชิ่งเฉินเป็นคนรักษาสัญญา ก็เหมือนกับคืนนั้นที่เขาเหล่าจวิน เขาสัญญากับหูเสี่ยวหนิวว่าจะฆ่าหัวหน้าคนร้าย หัวหน้าคนร้ายก็ต้องตายแน่ ๆ
นับถอยหลัง 00:00:00
ทะลุมิติ
……
หลังความมืดของโลกสลายไป ชิ่งเฉินยังคงนั่งอยู่ข้างกองไฟ ข้างกายมีเพียงหลี่ซูถง
ครูคนนี้มองไปทางชิ่งเฉิน “กลับมาแล้วเหรอ แบมือให้ฉันดูหน่อยซิ”
ชิ่งเฉินได้ยินแล้วก็แบมือ
หลี่ซูถงพยักหน้า “บนมือมีแต่แผล ดูท่ากลับโลกภายนอกแล้วก็ไม่ได้ฝึกน้อยลง ผลเป็นยังไงบ้าง”
”สามารถปีนขึ้นหน้าผาตั้งฉากยี่สิบกว่าเมตรได้ตามลำพังแล้วครับ” ชิ่งเฉินตอบตามจริง “แต่สำเร็จแค่สามครั้ง”
หลี่ซูถงทอดถอนใจ นักเรียนคนนี้ของตัวเองทำให้คนวางใจได้จริง ๆ
ไม่ต้องให้ครูกำกับ ไม่ต้องให้ครูดุด่า เด็กหนุ่มก็จะใช้วินัยในตัวเองที่กล้าแข็งที่สุดควบคุมตัวเอง
เทียบกับความซุกซนและขี้เกียจของเขากับศิษย์พี่เฉินเจียจางตอนวัยรุ่น ชีวิตของนักเรียนคนนี้สร้างแรงบันดาลใจเกินไปแล้ว
ตอนนั้นถ้าหากตนเองกับศิษย์พี่ก็พยายามขนาดนี้ ครูก็จะไม่โมโหตลอดสินะ
มีแค่คนที่ประสบกับการฝึกฝนชนิดนั้นอย่างแท้จริงจึงจะสามารถเข้าใจได้ถึงความรู้สึกที่นิ้วมือพวกนั้นรับน้ำหนักทั้งหมดในตอนที่บนมือของคุณเต็มไปด้วยรอยแผลแต่ยังต้องปีนผา
ความเจ็บไปถึงขั้วหัวใจสามารถทำให้คุณรักษาสติอันแจ่มใสตลอดเวลา ถึงขนาดที่เสียใจภายหลังที่เดินไปบนเส้นทางอันเต็มไปด้วยขวากหนามสายนี้
หลี่ซูถงมองไปทางชิ่งเฉิน “รู้สึกว่าเธอไม่มีความสุขมาก ๆ เลยนะ? ทำไมไม่มีความสุขล่ะ เป็นวัยรุ่นอย่าห่อเหี่ยวอึมครึมอยู่ตลอดสิ ต้องรู้สึกดีใจกับผลการฝึกฝนของตัวเองนะ!”
ชิ่งเฉินกล่าวเสียงต่ำว่า “ครูครับ ผมตัดขาดความสัมพันธ์กับพ่อแม่แล้ว ขาดชนิดที่สะอาดหมดจดมากเลยน่ะครับ”
หลี่ซูถงอึ้งไป “ก่อนหน้านี้ฉันเห็นเธอมุมานะขนาดนั้น อดกลั้นความเจ้าอารมณ์ทั้งหมดของตัวเอง ยังนึกว่าเธอไม่มีพ่อแม่ซะอีก”
ชิ่งเฉิน “……”
”ล้อเล่นน่า” หลี่ซูถงถามเสียงอ่อนโยนว่า “รู้สึกยังไง”
”ตอนแรกรู้สึกเคว้งคว้างกับเศร้าอยู่บ้าง” ชิ่งเฉินคิดแล้วตอบ “ตอนหลังผมแจ้งจับพ่อผม อารมณ์กลายเป็นปลอดโปร่ง ตอนนี้กลับมาที่โลกภายใน จู่ ๆ กลับรู้สึกเบลอ ๆ อยู่บ้าง รู้สึกว่าไม่เป็นความจริงมาก ๆ อยู่ตลอดเลยครับ”
ตอนเด็ก ๆ พอถึงฤดูหนาว ทุกวันพ่อกลับบ้านแล้วจะซื้อมันหวานเผาให้เขากินทุกวัน นั่นเป็นของกินเล่นที่พวกเขาสองคนชอบที่สุด
แม่จะเตือนให้เขาใส่ลองจอน แล้วยังเอานมไปวางบนฮีตเตอร์ พอร้อนแล้วก็ให้เขาเอาไปโรงเรียน
ทั้งครอบครัวจะไปหนีร้อนในภูเขาด้วยกัน พ่อใช้ฝ่ามืออันใหญ่โตรองน้ำใส จากนั้นอวดลูกอ๊อดที่ตนเองจับได้ให้ลูกชายดู
เพราะความจำดีเกินไป ดังนั้นชิ่งเฉินรู้สึกว่าทุกสิ่งนั้นล้วนกระจ่างชัดในความทรงจำ
ก็ไม่รู้ว่าอย่างไร ชีวิตจู่ ๆ กลายเป็นอย่างนี้
ใครก็กลับคืนไปไม่ได้
ไม่จำเป็นต้องรอใครอีกแล้ว
หลี่ซูถงเงียบงันไปชั่วครู่ จากนั้นยิ้มแล้วตบไหล่เขา “เด็กโง่ เธอยังมีครูนะ”
”อืม” ชิ่งเฉินตอบรับเสียงค่อย
หลี่ซูถงมองท้องฟ้าประดับดาวกล่าวว่า “บางเวลาฉันจะรู้สึกว่าเธอก็เหมือนเป็นลูกชายของฉัน ตอนที่เห็นเธอฝึกฝนหนัก ฉันก็ต้องแข็งใจไม่ไปมอง ไม่งั้นจะปวดใจนิดหน่อย คืนวันนั้นตอนที่เธอกลับมาแล้วมีแผลไปทั้งตัว บนเท้าก็เลือดทั้งนั้น ฉันก็คิดอยู่ว่าสรุปแล้วเธอประสบกับอะไร เธอดูสิ จริง ๆ ครูก็ไม่ได้มีจิตใจโหดเหี้ยมขนาดนั้น ครูแค่รู้ว่าทางสายนี้เธอจะต้องเดินออกไปด้วยตัวเอง อย่างนั้นถึงจะเป็นชีวิตของเธอ”
ชิ่งเฉินจู่ ๆ ถามว่า “ครูครับ คุณพาผมออกมาครั้งนี้ มีสาเหตุส่วนหนึ่งคือพุ่งเป้าไปที่ชิ่งไฮวของบ้านสี่ตระกูลชิ่งรึเปล่าครับ”
”อืม” หลี่ซูถงยิ้มแย้มกล่าว “ใช่ ก็คือพุ่งเป้าไปที่เขานั่นแหละ ฉันรู้ว่าภารกิจของเขาคือเข้าไปในสถานที่ต้องห้ามหมายเลข 002 หยิบวัตถุต้องห้ามหนึ่งชิ้น ก็เหมือนกับที่ภารกิจของเธอคือมาเรือนจำหมายเลข 18 หยิบ ACE-005 ไง”
”ท่านหาเขาเพื่ออะไรครับ” ชิ่งเฉินถาม
”ย่อมเพื่อช่วยเธอสร้างโอกาสฆ่าเขาน่ะสิ” สีหน้าหลี่ซูถงค่อย ๆ เย็นชาขึ้นมา “บ้านสี่ฝ่าฝืนกฎของสังเวียนแห่งเงา ผู้อาวุโสแอบลงมือส่งนักฆ่าพลีชีพมาลอบฆ่าเธอ ฉันในฐานะครูจะไม่ช่วยเธอระบายโทสะได้ยังไงล่ะ อาศัยอะไรผู้สมัครเงาของพวกเขาล้วนมีคนช่วย นักเรียนของฉันได้แต่พานักเลงบ้านพักคนชรามาหนึ่งคน ชิ่งไฮวไม่ตาย ฉันที่เป็นครูคนนี้ก็ไร้คุณสมบัติแล้วล่ะ”
หลี่ซูถงตบไหล่ของชิ่งเฉินเบา ๆ “วางใจ ของที่คนอื่นมี นักเรียนฉันจำเป็นต้องมีทั้งหมด”
”ขอบคุณครับครู” ชิ่งเฉินมองท้องฟ้าราตรีแล้วกล่าว
หลายวันก่อน ตอนที่หลี่ซูถงบอกว่าอยากให้บทเรียนที่สี่กับเขา สอนเขาว่าจะออกล่าอย่างไร ชิ่งเฉินตระหนักอยู่ในใจบ้างแล้ว
สิ่งที่หลี่ซูถงพาเขาออกล่าไม่ใช่สัตว์ป่า ทว่าเป็นชิ่งไฮว
บ้านสี่ตระกูลชิ่งอยากจะฆ่าลูกศิษย์ของเขา งั้นก็จะเอาผู้สมัครเงาของบ้านสี่ตระกูลชิ่งมาฆ่าซะ ระบายโทสะให้ลูกศิษย์
………………………………………
ตอนที่ 133 – นักท่องเวลาในทีมล่าฤดูใบไม้ร่วง