บทที่ 309 ขโมยสมบัติ
สายฟ้าฟาดโหมกระหน่ำ
ฉู่ชวิ๋นยกมือกระชากสายฟ้าที่วนอยู่รอบตัวมาจับเล่นในมือ
พวกหลีหังยี่มองแล้วตากระตุก พวกเขากลัวสายฟ้าพวกนี้แทบตาย แต่ไอ้หนุ่มนี้กลับเห็นเป็นของเล่น เรื่องนี้ทำให้พวกเขาตื่นตระหนกอย่างมาก
“เกราะวิเศษ 2 ชุดนี้ช่วยให้พวกนายปลอดภัยไร้กังวลได้ แต่พวกนายต้องตอบแทน” ฉู่ชวิ๋นกล่าวเรียบ ๆ
“สหายอยากได้อะไรเป็นการตอบแทน” หลีหังยี่ถาม
“พวกสัตว์เลี้ยงตัวน้อยของฉันหายไป ถ้าพวกนายเห็นรบกวนจับมาให้ฉันด้วย”
สัตว์เลี้ยง?
หลีหังยี่ตะลึงนิดหน่อย
“สัตว์เลี้ยงของฉันเป็นพวกปลาที่ตัวเท่าฝ่ามือ ถ้าพวกนายเห็นแล้วช่วยจับกลับมาให้ฉันด้วย อย่าดูถูกสัตว์เลี้ยงของฉันนะ พวกมันฉลาดมาก หลังจากที่พวกนายเห็นแล้วต้องใช้พลังภายในพันธนาการเอาไว้ แล้วใส่ไว้ในกล่องหยก”
แม้หลีหังยี่จะอยากได้เกราะวิเศษ 2 ชุดนี้ แต่ก็ต้องถามให้ละเอียด
“สัตว์เลี้ยงของสหายพลังโจมตีเป็นยังไง”
“พลังโจมตีไม่มาก พวกนายจับได้ง่าย ๆ แต่วิชาการหนีของพวกมันใต้หล้านี้ไม่มีใครเทียบเทียม จำไว้นะ ต้องพันธนาการด้วยพลังภายในแล้วใส่ไว้ในกล่องหยก” ฉู่ชวิ๋นบอก
หลีหังยี่มีแผนแล้วในใจ “ได้ ตกลง” พูดจบก็จะไปเอาเกราะวิเศษ 2 ชุดนั้น
“ช้าก่อน” ฉู่ชวิ๋นห้ามเขาไว้ “หากมีคนถามพวกนายห้ามบอกที่มาของเกราะวิเศษ ในตอนที่พวกนายจะกลับไปจากที่นี่ต้องคืนเกราะมาด้วย ถึงตอนนั้นฉันจะรอพวกนายอยู่ที่นี่”
หลีหังยี่พยักหน้า
“จำคำสัญญาของพวกนายไว้ หากตอนนั้นเกิดพวกนายโลภก็อยู่ที่นี่ตลอดไปเถอะ”
พูดจบ สายฟ้ารอบตัวฉู่ชวิ๋นก็ระเบิดออก
พวกหลีหังยี่ผวา พริบตาเดียวฉู่ชวิ๋นก็หายตัวไปแล้ว
“หรือว่าเขาจะอาศัยอยู่ในเขตปักษานี้จริง ๆ” หนึ่งในนั้นพึมพำ
เกราะวิเศษ 2 ชุด หลีหังยี่ใส่เอง 1 ชุด ส่วนอีกชุดให้ผู้ช่วยของเขา
นอกจากนั้น เขาลองทดลองดูแล้ว ต่อให้โดนสายฟ้าฟาดใส่เขาก็ไม่บาดเจ็บอะไรเลยแม้แต่น้อย ของดีจริง ๆ
ส่วนทางฉู่ชวิ๋นก็ได้กลับไปรวมตัวกับพวกหยานหวูซวง
“พี่หลิว เกราะวิเศษอีก 2 ชุดล่ะ”
“ให้คนอื่นไปแล้ว” ฉู่ชวิ๋นบอก
ให้คนอื่น? หยานหวูซวงไม่เข้าใจว่าให้ของวิเศษคนอื่นไปทำไม
ฉู่ชวิ๋นก็ไม่อธิบาย และบอกให้คนอื่นค้นหากันต่อไป
พวกเขาอ้อมพวกจังเฟิงหลิงและพันเฉิงเฟิงไป จะได้ลดความน่าสงสัยลง
ที่นี่ฟ้าร้องฟ้าแลบสลับกันเปรี้ยงปร้าง ทัศนวิสัยที่มองเห็นมีแค่ 10 เมตรรอบ ๆ ตัวเท่านั้น
ฟิ้ว
หยานหวูซวงกระโจนออกไป พันธนาการปลาปักษาตัวหนึ่งแล้วกลับมา ก่อนจะใส่ไว้ในกล่องหยก
ปกติแล้วจอมยุทธ์จะพกกล่องหยกไว้กับตัวตลอด นี่เป็นความรู้พื้นฐาน
ตอนนี้พวกเขาน่าจะเข้าใกล้จุดศูนย์กลางของที่นี่แล้ว เริ่มมีปลาปักษาปรากฏเยอะขึ้นเรื่อย ๆ
จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิระดับ 6 ทั้ง 4 คนของตระกูลหยานก็เริ่มลงมือ เพียงครู่เดียวก็ได้ปลาปักษามา 10 กว่าตัว
พรึ่บ
ปลาไหลไฟฟ้าตัวหนึ่งโจมตีหยานหวูซวง แต่โดนเขาหั่นขาดในกระบี่เดียว
ช่วงที่ผ่านมานี้พวกเขาเจอปลาไหลไฟฟ้ามาไม่น้อย แต่เมื่อเจอเข้ากับ
หยานหวูซวงและฉู่ชวิ๋นพวกมันก็ยากที่จะรอดชีวิตไปได้
“ดูสิ นั่นอะไร” จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิตระกูลหยานคนหนึ่งตะโกนขึ้นอย่างตกใจ
ที่จริงคนอื่น ๆ เห็นกันหมดแล้ว
ตรงที่ไม่ไกลจากพวกเขามีแสงสีทองแวววับอยู่ ราวกับกำแพงสีทอง
พวกฉู่ชวิ๋นเข้าใจทันทีว่าที่นี่แหละจุดศูนย์กลาง
กำแพงสีทองนี้เป็นม่านพลังสายฟ้า ทำให้พื้นที่จุดศูนย์กลางกลายเป็นมิติอีกแห่งหนึ่ง
ฉู่ชวิ๋นส่งจิตวิญญาณเข้าไปก็พบว่าภายในฝาสีทองแห่งนี้ไม่มีสายฟ้า เป็นมิติที่แยกออกไปอย่างแท้จริง
เขาเดินเข้าไปและลองเอามือแนบดู ผลปรากฏว่าทะลุผ่านไปเลย เขาก้าวขาออกไปและก็ทะลุผ่านแสงไปทั้งอย่างนั้นโดยไม่มีอันตรายเลยสักนิด
พวกหยานหวูซวงพอเห็นฉู่ชวิ๋นหายไปหลังม่านแสงก็รีบตามเข้าไป จอมยุทธ์ตระกูลหยานคนหนึ่งก้าวขาออกไปข้างหนึ่งหวังจะผ่านม่านแสงเข้าไป แต่จบที่เสียงดังตู้ม! แสงสีทองเป็นระลอกคลื่นและตัวเขากระเด็นออกไป
คนอื่นที่กำลังจะก้าวขารีบชักกลับมา
นี่มันเรื่องอะไรกัน พวกเขาเห็นฉู่ชวิ๋นเข้าไปกับตา ไม่เป็นอันตรายเลยสักนิด
หยานหวูซวงแนบมือขึ้นไป ปรากฏว่าม่านสีทองเกิดเป็นคลื่นระเบิดออกสะเทือนจนเขาถอยไปหลายก้าว เลือดลมพลุ่งพล่าน
ขณะนั้นฉู่ชวิ๋นโผล่หัวมาจากม่านสีทองอีกฝั่งหนึ่งด้วยใบหน้าปลื้มปิติ “เอ๋ออะไรกันอยู่ รีบเข้ามาสิ มีของดีนะ”
หยานหวูซวงหัวเราะเฝื่อน ๆ และเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ให้ฟัง
ฉู่ชวิ๋นรู้สึกแปลกเหมือนกัน เขากระโดดออกจากม่านแสงแล้ววิ่งเข้าไปใหม่ ม่านแสงสีทองไม่มีปฏิกิริยาใด ๆ
“หรือว่าสันดานพวกนายแย่เกินไป” ฉู่ชวิ๋นพึมพำ
พวกหยานหวูซวงมองบน พูดถึงเรื่องสันดานทุกคนในที่นี้ดีกว่านายเยอะ
ขณะนั้นผู้หญิงผมม่วงเดินทะลุม่านแสงสีทองเข้าไปได้อย่างง่ายดาย และหายไปที่อีกฟาก
“หรือว่าม่านแสงนี่ไม่มีผลกับผู้ฝึกตนเป็นเซียน” ฉู่ชวิ๋นส่งกระแสจิตถามผู้หญิงผมม่วง
“ไม่ใช่” ผู้หญิงผมม่วงพูดเสร็จก็เดินออกจากม่านแสงสีทองและบอกกับพวกหยานหวูซวง “ตอนที่พวกนายเดินผ่านม่านแสงลองไม่ต้องใช้ลมปราณดู”
พวกหยานหวูซวงได้ยินดังนั้นก็กลั้นลมปราณเอาไว้ พวกเขามีเกราะวิเศษคุ้มกายอยู่ สายฟ้าทำอะไรพวกเขาไม่ได้ สุดท้ายทุกคนก็ทะลุผ่านไปได้
ที่แท้ม่านแสงสีทองไม่ถูกกับพลังลมปราณ ตอนนี้ทุกคนเข้าใจแล้ว
หลังจากที่หยานหวูซวงเข้ามาก็ตาค้างไปเหมือนกับคนอื่น ๆ
หินผารูปพัดมหึมานั่นยังอยู่ แต่ข้างบนมียาวิเศษสมุนไพรเต็มไปหมด แล้วยังมีดอกไม้ผลไม้แปลก ๆ งอกเงย สิ่งที่ทำให้พวกเขาอยากได้จริง ๆ ก็คือต้นสาลี่สีทองอร่ามที่อยู่บนหินผา บนต้นมีผลสาลี่ใสสกาว มันคือต้นวิเศษ บนนั้นก็คือผลไม้วิเศษ
หินผารูปพัดสีเทาหม่นหมองนั่นกลายเป็นภูเขาสมบัติ
“ยืนเอ๋ออะไรกันอยู่ ลุยสิ” ฉู่ชวิ๋นตะโกนและพุ่งเข้าไปหาต้นพิเศษต้นนั้นเป็นคนแรก
พวกหยานหวูซวงก็พากันลงมือ ทั้งหมดพุ่งไปที่ภูเขาสมบัติ แม้แต่ผู้หญิงผมม่วงก็ไม่ยกเว้น
ตู้ม!
ทันใดนั้น ในตอนที่พวกเขากำลังเข้าใกล้ภูเขาสมบัติ คลื่นสีทองกระจายออกเป็นวงกว้าง
ฉู่ชวิ๋นเห็นท่ารีบถอยออก
หยานหวูซวงและผู้หญิงผมม่วงก็เช่นกัน ถอยกลับมาได้อย่างปลอดภัย
แต่จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิทั้ง 4 ของตระกูลหยานแย่เอาการ พวกเขาโดนคลื่นแสงสีทองเข้าอย่างจัง เสือผ้าขาดรุ่ยและกระเด็นกลับมา หากไม่ได้เกราะวิเศษคอยคุ้มกันอยู่คงได้บาดเจ็บหนักแน่ ๆ
ฉู่ชวิ๋นเลิกคิ้วขึ้น เพราะเขาลองใช้จิตวิญญาณสืบเสาะดูก็พอว่าคลื่นสีทองนี่มาจากไหนแต่กลับไม่พบที่มาของมัน
ไม่ใช่ค่ายกล ไม่ใช่วิชาเต๋า แล้วมันเป็นอะไรกันแน่
“เธอดูออกไหม?” ฉู่ชวิ๋นส่งกระแสจิตหาผู้หญิงผมม่วง
“ไม่” ผู้หญิงผมม่วงเองก็ขมวดคิ้ว
“พวกนายถอยไป ฉันขอลองอีกรอบ” ฉู่ชวิ๋นกระโจนออกไป
ตู้ม!
แสงสีทองอันเจิดจ้าระเบิดออกเป็นคลื่น
ตู้ม!
คลื่นสีทองกระแทกโดนฉู่ชวิ๋นจนเกิดเป็นเสียงดัง ตู้ม! แต่ฉู่ชวิ๋นก็แบกรับเอาไว้ทั้งอย่างนั้น
ตู้ม!
คลื่นสีทองขยายออกอีกครั้งและระเบิดใส่ฉู่ชวิ๋นอย่างต่อเนื่อง
ฉู่ชวิ๋นชกปั้นสวนกลับไปอย่างหนักหน่วง
ตู้ม!
คลื่นสีทองระเบิดออกเพราะการโจมตีของฉู่ชวิ๋น
พวกหยานหวูซวงตื่นเต้นจนกำหมัดแน่น
คลื่นสีทองขยาย กระพริบและกระจายไม่หยุดหย่อน
ฉู่ชวิ๋นชกหมัดออกไปไม่หยุด บางครั้งก็เอาร่างกายฝืนรับไว้
เรียกได้ว่าเขานั้นขยับตัวเข้าไปอย่างยากลำบาก เข้าใกล้ภูเขาสมบัติทีละก้าวอย่างทุลักทุเล ก่อนจะยื่นมือเด็ดหญ้าวิเศษลงมาต้นหนึ่ง
ตู้ม!
คลื่นสีทองดุดันยิ่งขึ้นไปอีก คลื่นขยายตัวออกไวมาก ฉู่ชวิ๋นโดนกระแทกจนถอยหลังไป 1 ก้าว
ฉู่ชวิ๋นกัดฟันและชกหมัดออกไป ทำลายคลื่นพลังสีทองไม่หยุด เขากัดฟันก้าวไปข้างหน้าอีก 2 ก้าวและเด็ดดอกไม้วิเศษ 1 ดอกลงมาอย่างรวดเร็ว
แต่เป้าหมายของเขาคือผลไม้วิเศษด้านบนสุดนั่น หากได้มาทั้งต้นไม้วิเศษจะยอดเยี่ยมมาก
ฉู่ชวิ๋นกัดฟันต่อสู้กับคลื่นพลังสีทอง คลื่นพลังสีทองพวกนี้ดุดันและบ้าคลั่งขึ้นเรื่อย ๆ ราวกับไม่มีที่สิ้นสุด
แรงหมัดของฉู่ชวิ๋นประหนึ่งพายุคลั่ง ปกคลุมไปทั้งผืนฟ้าด้วยพลังอันแกร่งกล้า แต่พลังคลื่นสีทองเองก็น่าหวาดกลัวมาก
ทุกก้าวที่ฉู่ชวิ๋นก้าวออกไปล้วนได้ผลดี ตอนนี้เขาเด็ดหญ้าวิเศษ สมุนไพรวิเศษลงมาได้ 10 กว่าต้นแล้ว
พรึ่บ
มีเงาคนปรากฏ คนกลุ่มหนึ่งทะลุม่านแสงสีทองเข้ามา
พวกจังเฟิงหลิงนั่นเอง พวกเขาเองก็ค้นพบความลับของม่านสีทองนี้แล้ว
“พี่หยานมาไวดีนะ” จังเฟิงหลิงมองหยานหวูซวงในปาดเดียว เขากล่าวพร้อมหัวเราะเย็น ๆ จากนั้นสีหน้าเขาก็เปลี่ยนไปเป็นแปลกประหลาด
“พี่หยาน….พี่หยาน ทรงผมเก๋ดีนี่”
“นายเองก็ไม่ช้าเลยนะ” หยานหวูซวงตอบเรียบ ๆ ตอนนี้กะจิตกะใจเขาอยู่กับฉู่ชวิ๋นจนไม่สนใจจังเฟิงหลิงเลยแม้แต่น้อย
พันเฉิงเฟิงและจังเฟิงหลิงมองตามสายตาหยานหวูซวงไปก็ดวงตาก็เป็นประกายทันที ไม่ใช่เพราะฉู่ชวิ๋น แต่เพราะสมบัติมากมายที่กองเป็นภูเขาเลากา
ฟิ้ว
จังเฟิงหลิงพุ่งนำออกไปก่อน เขาไม่อยากให้ฉู่ชวิ๋นได้ทั้งหมดนี่เข้ากระเป๋า
พันเฉิงเฟิงไม่ยอมล้าหลัง พุ่งตามไปที่ภูเขาสมบัติ
จอมยุทธ์ตระกูลจังและคนของหอคอยอาภรณ์ม่วงไม่มีใครยอมอยู่เฉย ภูเขาสมบัติอยู่แค่ตรงหน้านี่ ไม่แย่งตอนนี้แล้วจะรอเมื่อไหร่
ตู้ม!
คลื่นระลอกใหญ่ระเบิดและถาโถมกระจายออกมา
เสียงร้องทุ้ม ๆ ดังขึ้นหลายเสียง รวมทั้งจังเฟิงหลิงและพันเฉิงเฟิงด้วยที่ถูกกระแทกกลับมา จอมยุทธ์ขั้นจักรพรรดิบางคนที่วรยุทธต่ำต้อยโดนแรงกระแทกจนเลือดลมพลุ่งพล่าน กระอักเลือดออกมา
หยานหวูซวงหัวเราะอย่่างเย็นชา ไอ้พวกโง่ ถ้ามันหยิบได้ง่ายขนาดนั้นเขาจะมามัวยืนร้อนใจอยู่ตรงนี้ทำไม
จังเฟิงหลิงและพันเฉิงเฟิงสบตากันด้วยนัยน์ตาเป็นประกายบางอย่าง
“พี่หยาน ภูเขาสมบัติลูกใหญ่ขนาดนี้ตระกูลหยานคงเอาคนเดียวไม่ไหวหรอกมั้ง” จังเฟิงหลิงเอ่ยด้วยน้ำเสียงอึมครึม
หยานหวูซวงหลุบสายตากลับมาด้วยสายตาไม่สนใจ “ภูเขาสมบัติอยู่แค่ตรงหน้า หากน้องจังสามารถก็ทะลุม่านแสงสีทองเข้าไปหยิบมาก็จบแล้ว”
พันเฉิงเฟิงหัวเราะด้วยเสียงพิลึกพิลั่น “พวกเราไม่มีดวงเหมือนพี่หยาน ที่จะหาคนที่ร่างกายไร้เทียมทานแบบนี้มาคอยรับใช้หรอกนะ”
หยานหวูซวงพูดออกมาอย่างโกรธแค้น “หอคอยอาภรณ์ม่วง พูดอะไรเกรงใจกันหน่อย ฉันและพี่หลิวเป็นเพื่อนกัน”
“ฮ่า ๆ … เพื่อนเหรอ สหายผู้นั้นเข้าไปชิงสมบัติตัวอาบเลือด พี่หยานกลับนั่งรอส่วนแบ่งเฉย ๆ อยู่ตรงนี้ ช่างเป็นเพื่อนที่ดีซะจริง ๆ” จังเฟิงหลิงเอ่ยปากด้วยน้ำเสียงจิกกัด
หยานหวูซวงโมโหสุดขีด “จังเฟิงหลิง แกอย่ามายุแยงตะแคงรั่ว ความสัมพันธ์ของฉันและพี่หลิวไม่ใช่อะไรที่แกจะมาทำให้แตกหักได้ในคำ 2 คำหรอกนะ”
“งั้นเหรอ ๆ” จังเฟิงหลิงหัวเราะเบา ๆ สายตาหันไปที่ผู้หญิงผมม่วงอย่างเร่าร้อนพลางพูดขึ้นมา “แม่นาง คน ๆ นี้เป็นพวกคิดคด ชอบโกหกพกลมเธออยู่กับเขาต้องโดนหลอกใช้แน่ ๆ มาอยู่กับฉันดีกว่า หากเจอโอกาสวาสนะ ฉันรับรองว่ามีส่วนแบ่งให้กับแม่นางแน่นอน”
“หุบปาก” ผู้หญิงผมม่วงกล่าวอย่างเย็นชา
จังเฟิงหลิงชะงักไป เขากำลังจะเอ่ยต่อแต่หยานหวูซวงแทรกขึ้นมาซะก่อน
“จังเฟิงหลิง สงสัยกระบี่ของฉันจะทำให้สมองของแกเสียไปด้วยสินะ ถึงได้คิดพูดคำพูดโง่ ๆ แบบนี้ออกมาได้ แม่นางคนนี้เป็นศิษย์น้องของพี่หลิว แกอย่าฝันซะให้ยากเลย”
“ศิษย์น้อง?” จังเฟิงหลิงไม่อยากจะเชื่อ
พันเฉิงเฟิงได้ยินแบบนี้นัยน์ตาก็เป็นประกายบางอย่าง เขาเดินเข้าไปใกล้ๆจังเฟิงหลิงและกระซิบ “คุณชายจัง ฉันมีแผนแล้ว”
“แผนอะไร พี่พัน” จังเฟิงหลิงถาม
“นายกับฉันไม่อาจเข้าใกล้ภูเขาสมบัตินี้ได้ มีแค่ไอหนุ่มไร้นามนั่นที่ทำได้ ในเมื่อผู้หญิงคนนี้เป็นศิษย์น้องของเขา หากโดนพวกเราจับตัวเธอเอาไว้ได้ ฉันไม่เชื่อหรอกว่าเขาจะไม่ทำงานให้เรา” พันเฉิงเฟิงหัวเราะอย่างเจ้าเล่ห์