บทที่ 421 : “ฉัน”
บทที่ 421 : “ฉัน”
จี้จือซู่กำลังนั่งอ่านจดหมายตรงหน้าเธอในห้องทำงานที่คฤหาสน์หมายเลข 67 ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
พ่อของเธอ จี้ป๋อหนงนั่งจิบไวน์แดงจากแดนเหนือบ้านเกิดอยู่ตรงข้าม จากนั้นจึงหันมองจี้จือซู่
บุตรสาวตรงหน้าเขาไม่ใช่เด็กสาวผู้ทนแบกรับเลือดอสูรและความหวังทั้งหมดของเขาอีกต่อไป
จี้จือซู่ยิ้มบาง ๆ วางจดหมายในมือเธอลงเบา ๆ และกล่าวว่า “ร้านสาขาของเจ้าของร้านหลินเปิดแล้ว อยู่ในคฤหาสน์ตระกูลเฟร็ดที่เรามอบให้เขาไปก่อนหน้านี้ค่ะ”
“คุณมูเอนเป็นผู้จัดการสาขาค่ะ” จี้จือซู่กล่าวเสริมอย่างครุ่นคิด
จี้ป๋อหนงพยักหน้า “ดูเหมือนเจ้าของร้านหลินจะตัดสินใจเด็ดขาดในการเป็นปรปักษ์กับสำนักงานกลางแล้ว ของขวัญแด่เจ้าของร้านหลินที่เราเตรียมไว้จริง ๆ ก็ควรจะถูกเปิด”
ไวน์แดงหมุนวนอยู่ในถ้วย ข้นเข้มราววังวนโลหิต และใบหน้าอันบิดเบี้ยวของจี้ป๋อหนงก็สะท้อนอยู่ที่ลึกสุดของวังวน
เขามองลงมายังไวน์แดงและตระหนักรู้ในใจ…จุดประสงค์การเปิดร้านสาขาในเขตกลางนั้นชัดเจน จี้ป๋อหนงรู้ว่าหากเขาไม่ยังรีรอไม่ลงมือเสียที จะเท่ากับเขาทรยศต่อความเชื่อมั่นของเจ้าของร้านหลินโดยสมบูรณ์
“ทางเรายังคิดอยู่เลยว่าจะกำจัดการเพ่งเล่งของศาลสูงสุดอย่างไรดีเมื่อเป็นเรื่องของการปฏิรูปเหล่าผู้ดีในเขตกลาง แต่ดูเหมือนเจ้าของร้านหลินจะช่วยเราอีกแล้วนะคะ” จี้จือซู่ยิ้มพลางโยนจดหมายชี้แจงซึ่งแทนสถานการณ์ปัจจุบันของเหล่าผู้ดีลงไปในเตาผิง เปลวเพลิงที่กำลังลุกไหม้กลืนกินทุกสิ่งสิ้นราวกับเงื้อมมือของแม่มด
จี้จือซู่ใช้เจตจำนงของตัวเองฝังปรสิตใส่ผู้เข้าร่วมงานทุกคนในงานประมูลครั้งก่อนได้สำเร็จ ทว่าเธอกังวลเสมอว่าเรื่องนี้จะถูกศาลสูงสุดค้นพบเมื่อไร
หรือพูดให้ถูกก็คือ การค้นพบจะเกิดขึ้นในเร็ว ๆ นี้แน่นอน!
“ตระกูลซีค ตระกูลพาลัค ตระกูลโอเดอร์ลู ตระกูลลุดวิก ตระกูลฮาร์โน ตระกูลสจ๊วร์ต…” จี้ป๋อหนงร่ายยาวราวกับกำลังนับสิ่งของบางอย่าง
ตระกูลเหล่านี้ต่างเป็นคนสำคัญต่อทั้งเขตกลาง แต่เจ้าตระกูลที่ว่ามาเหล่านี้ถูกจี้จือซู่ควบคุมไว้หมดแล้ว
“ตระกูลพวกนี้ถูกลูกควบคุมไว้หมดแล้วค่ะ ขอเพียงออกคำสั่ง ปรสิตในวิญญาณของพวกเขาจะยึดการควบคุมร่างกายของพวกเขาทันที การประมูลจบลงไปอาทิตย์นึงแล้ว และแม่ปรสิตที่ถูกควบคุมก็ยืด ‘หนวด’ จิตออกไปได้ไกลพอแล้วล่ะค่ะ”
เมื่อกลับบ้านไปกอดครอบครัว ขอแค่อ้าปากพูดคุยกันก็เพียงพอให้ปรสิตแพร่กระจายได้ราวโรคระบาด
จี้จือซู่กล่าวพลางเริ่มจัดเรียงข้อมูลในมือเธอ
“แต่เดิมพ่ออยากบ่มมันไว้ต่อสักพัก แต่ในเมื่อเจ้าของร้านหลินมาแล้ว เราก็ไม่จำเป็นต้องรออีก”
จี้ป๋อหนงมองไวน์แดงที่หมุนวนในถ้วยพลางกล่าว “เรายังต้องการเวลาอีกสักหน่อยในการหาโอกาสลงมือ ทางเชื่อมสู่เขตล่างถูกทำลายไปเมื่อไม่กี่วันก่อน นี่เป็นข้ออ้างที่ดี ในเมื่อไม่มีเหมืองที่เขตล่าง เราก็ทำธุรกิจไม่ได้ ไม่มีเงินจ่ายลูกจ้าง ดังนั้นจึงต้องหยุดการผลิต…”
จี้จือซู่ยกมุมปากพลางพยักหน้า “ลูกจัดการเรื่องนั้นไปแล้วค่ะ”
จี้ป๋อหนงมองลูกสาวของเขาอย่างประหลาดใจระคนตื่นเต้น
“ลูกส่งใบคำร้องขอยุติการทำงานของบริษัทโรลล์ และได้รับการอนุมัติจากฝ่ายปกครองเป็นที่เรียบร้อย พวกไร้สมองพวกนั้นไม่มีทางรู้เลยว่าสำหรับครอบครัวยากจน ตำแหน่งงานของบริษัทโรลล์สำคัญแค่ไหน ตอนนี้พวกเขาจะหาขนมปังสักชิ้นยังไม่มีเงินจ่ายเลย” จี้จือซู่กล่าว
จี้ป๋อหนงอดหัวเราะไม่ได้ “พวกเขาคงถามแหละว่าในเมื่อซื้อขนมปังไม่ได้ แล้วทำไมถึงไม่กินสเต็ก”
คู่พ่อลูกยิ้มให้กัน…
“ลูกแอบใช้ปรสิตควบคุมกรรมกรหลายคนและแฉเรื่องนี้ในหมู่คนทำงานทุกวันเลย พวกเขาเริ่มวางแผนต่อต้านสำนักงานกลางมาได้สองสามวันแล้วค่ะ และพวกผู้ดีที่ถูกควบคุม…”
จี้จือซู่กล่าวพลางเดินไปยังหน้าต่างที่สูงจากพื้นจรดเพดาน มองออกไปที่น้ำพุในสวนหลังบ้านและท้องฟ้าสีครามสวยท่ามกลางอากาศสดชื่นในเขตกลาง
เธอถอนหายใจโล่งอกออกมายาวเหยียด กล่าวต่อยิ้ม ๆ “ผู้ดีทั้งหมดในเขตกลาง…คือฉัน!”
ภาพมากมายแล่นสู่ใจของเธอราวกับฉากต่าง ๆ ในภาพยนตร์ ทั้งหมดนี้คือหุ่นเชิดที่เธอฝังปรสิตใส่ แทบทุกคนเหล่านี้กลายมาเป็นส่วนหนึ่งของเธอ ทุกความคิดและการกระทำต่างถูกเธอควบคุมทั้งหมด
เมื่อเธอยิ้ม ทั้งชาวบ้านและผู้ดีนับพันในเขตกลางต่างยิ้มแบบเดียวกัน
เด็ก ๆ ที่เดินถือมาร์ชเมลโลอยู่บนถนน สตรีสูงศักดิ์ที่นั่งชื่นชมทัศนีย์ภาพสวยสดงดงามอยู่บนเรือล่องทะเลสาบ ผู้คุมงานซึ่งกำลังออกคำสั่งคนงานอยู่ในโรงงานต่าง ๆ และกระทั่งแมวดำที่ขุนนางชั้นสูงเลี้ยงไว้ซึ่งกำลังเดินเลี้ยวเข้าไปในซอกถนน… ทั้งหมดต่างมองไปยังจุด ๆ เดียวกัน นั่นคือท้องฟ้าสีครามและป่าใจกลางเขตกลางซึ่งเป็นปอดให้คนทั้งเมือง
เขา เธอ มัน…
ทั้งหมดนี้คือจี้จือซู่
ทั้งกลุ่มคือหนึ่งเดียว และตอนนี้ ทั้งเขตกลางคือ ‘ฉัน’
—
“คุณยิ้มอะไรน่ะบริออน?”
ใต้มหาพฤกษากลับหัว บาลซึ่งเกือบได้เป็นประธานศาลสูงสุดหันมองบริออนผู้เพิ่งกลับจากร้านหนังสือและถามขึ้นกะทันหัน
บริออนยังยิ้มไม่หุบ กล่าวว่า “ไม่มีอะไรหรอก ผมแค่จำได้ว่าภรรยาผมกำลังจะคลอดลูกน่ะ”
ทันทีที่สิ้นเสียงของบริออน สมาชิกทั้งศาลสูงสุดต่างเงียบเสียงพลางหันมองบริออนราวกับดูตัวประหลาด
อาร์มินยิ้มเยาะ “สมองคุณมีปัญหาหรือเปล่า? ฉันจำได้ว่าภรรยาคนที่สามของคุณอายุห้าสิบหกปีเข้าไปแล้วนะปีนี้ แถมยังเป็นแค่คนธรรมดาอีก”
บริออนหันไปขมวดคิ้วให้อามอนซึ่งจิกกัดเขาอยู่ทุกวัน ถ้าเป็นอดีตเขาคงโมโหอาละวาดตรง ๆ แต่ตอนนี้เขาได้รับการชำระบาปโดยเจ้าของร้านหลินแล้ว
ดังนั้นเขาจึงแบมือออกโดยไม่ยิ้ม “แค่ล้อเล่นเอง พวกคุณเป็นจริงเป็นจังอะไรกัน?”
บาลโบกมือกล่าว “ลืมไปเถอะ ถึงอย่างไร บริออนก็ยังเด็กอยู่ดี”
บริออนอายุน้อยที่สุดในหมู่พวกเขาจริง ๆ เขาอายุเพียงหกสิบเศษ เทียบกับ ‘มนุษย์’ อายุหลักร้อยตรงหน้าเหล่านี้ เขาก็เด็กจริง ๆ
“เอาล่ะ คุณไปทดสอบร้านสาขานั่นมา ผลเป็นอย่างไรบ้าง?”
บริออนกล่าวอย่างเข้มงวด “สาขานั่นไม่ได้ทำอะไรเลย ดูเหมือนจะเป็นแค่เพราะศาสนาแห่งตะวันอยากมาหาสาวกในหมู่ขุนนางผู้ดี ไม่เกี่ยวอะไรกับร้านหนังสือเลยครับ ผมคิดว่าเราไม่ต้องกังวลอะไรไปหรอก เราควรเพ่งความสนใจไปที่การเปลี่ยนแปลงของหอการค้าแอชมากกว่า”
เมื่อคนอื่น ๆ ได้ยินสิ่งที่เขาพูด ทุกคนต่างมองหน้ากันและออกความเห็นของตน
ในขณะที่พวกเขากำลังหารือ บริออนก็เดินไปยังผลไม้ยักษ์ มองแม่มดแห่งพฤกษาที่หลับไหลอยู่ข้างใน หลังตาลง และส่งผ่านทุกสิ่งที่เห็นในพฤกษากลับหัวไปยังนายหญิงของเขาผ่านอำนาจแห่งรัตติกาล
—
คฤหาสน์ตระกูลเฟร็ด ร้านหนังสือสาขาแรกของหลินเจี๋ย
มูเอนผู้กำลังชงชานมหยุดมือกะทันหัน แววตาของเธอฉายความแปลกใจ
ปรากฏว่าที่นั่นมีแม่มดแห่งพฤกษาฟราซินัสอยู่…
มูเอนผู้สืบทอดพลังและความทรงจำของเทพธิดาแห่งรัตติกาลวัลเพอร์กิสย่อมรู้ถึงฐานะของแม่มดแห่งพฤกษา เธอคือมหาพฤกษาซึ่งเติบโตบนกำแพงแห่งแดนนิมิต เป็นบุคคลสำคัญผู้ค้ำจุนเมืองทั้งเมืองและพันธสัญญาทั้งมวลเอาไว้
นี่หรือคือสิ่งที่ทำให้ศาลสูงสุดแห่งสำนักงานกลางภาคภูมินัก?
ทว่ามูเอนก็แค่ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็เขย่าแก้วชาต่อ
เรื่องเล็กน้อยแบบนี้ไม่เห็นจำเป็นต้องรบกวนเจ้าของร้านหลินเลยสักนิด แม้แต่เธอก็แก้มันได้ง่าย ๆ
มูเอนปล่อยมือ ส่งแก้วชานมให้แขกผู้ไม่สามารถหยุดพลิกหน้ากระดาษได้ตรงหน้าเธอ จากนั้นก็มองผู้ดีซึ่งมีสีหน้าทั้งหมกมุ่นและเจ็บปวดยกแก้วขึ้นจิบ
ต่อมา ดวงตาของเขาทอประกาย ลุกขึ้นมาเต้นรำพลางหัวเราะฮ่า ๆ เสียงดัง และกล่าวว่า ‘เข้าใจแล้ว ฉันเข้าใจแล้ว’
และล้มลงไปกองกับพื้นกะทันหัน มีเส้นหนวดเล็กจิ๋วแลบออกมาจากจมูกและปากเล็กน้อย ก่อนจะหดกลับเข้าไป
มูเอนถอนหายใจ และกล่าวอย่างไร้อารมณ์ “ต้องทำความสะอาดอีกแล้วสิ”