บทที่ 433 : หลับตานะครับ
บทที่ 433 : หลับตานะครับ
เนื้อหาของจดหมายฉบับนั้นจบลงกะทันหัน รอยลากอักษรสุดท้ายลากลงไปเบื้องล่าง เห็นได้ชัดว่าผู้เขียนทั้งตึงเครียดและหวาดกลัว
แต่สำหรับหลินเจี๋ย เขาไม่จำเป็นต้องมานั่งจ้องจดหมายเพื่อวิเคราะห์มันแล้ว ขอเพียงตัวเองต้องการ ชายหนุ่มก็สามารถเคลื่อนย้ายผ่านมิติและกาลเวลา ส่องสายตาไปยังต้วนเสวหมิ่นได้โดยตรง…
ผู้หญิงคนนั้นสมแล้วที่เป็นบุคคลซึ่งรอดจากการทำให้แปดเปื้อนของเทพปีศาจได้ ในขณะที่เธอกำลังนั่งเขียนจดหมายอยู่ที่โต๊ะ เธอมองขึ้นไปบนอากาศอย่างไม่ตั้งใจ ราวกับจู่ ๆ ก็รู้สึกคุ้นเคยเหมือนบางสิ่งที่เธอกลัวกำลังจ้องมองมา
บางที สายตานี้อาจจะทำให้เธอคิดก็ได้ว่าผู้รับจดหมายของเธออาจจะเป็นเทพเจ้า
หลินเจี๋ยละสายตา เก็บจดหมายกลับลงซองโดยไม่แม้แต่จะเงยหน้าขึ้น วางมันลงบนโต๊ะ และมอง ‘1,000 เมนูอาหารพื้นบ้านคลาสสิก’ เล่มหนาเตอะ
หลินเจี๋ยมองโจเซฟและฟรังก้า ขยับนิ้วไล้ไปบนตำราอาหารในมือด้วยสีหน้าซับซ้อน นิ่งงันอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจึงหัวเราะออกมาเบา ๆ
“ที่แท้…เฮะ…ที่แท้ก็เป็นแบบนี้”
ฟรังก้าและโจเซฟมองหลินเจี๋ยอย่างอึ้ง ๆ
นี่คือครั้งแรกที่โจเซฟได้เห็นเจ้าของร้านหลินแสดงท่าทางและบรรยากาศแบบนี้ออกมา เขาเป็นเจ้าของร้านหลินผู้มีอุปนิสัยผ่อนคลายใจดีอยู่เสมอ แต่จู่ ๆ จะกลายเป็นแบบนี้ไปได้อย่างไร?
โจเซฟอดหันไปมองฟรังก้าไม่ได้
ฟรังก้าถามอย่างประหม่า “เกิดอะไรขึ้นเหรอคะ? เจ้าของร้านหลิน”
หลินเจี๋ยยกมือขึ้นลูบหัวฟรังก้าพลางกล่าวเบา ๆ “ไม่มีอะไรหรอกครับ เด็กดี ผมต้องให้รางวัลคุณหน่อยแล้ว เดินทางจากเขตกลางมา เหนื่อยไหมครับ?”
ฟรังก้าแย้มยิ้มน่ารัก เผยฟันซี่ขาวเรียงสวยอันเป็นกิริยาไม่เหมาะควรสำหรับพวกผู้ดีโดยพลัน
“ขอบคุณค่ะ แต่ไม่เป็นไรหรอก นี่คือสิ่งที่ดิฉันทำเพื่อคุณแม่ค่ะ!”
สัมผัสจากมือหลินเจี๋ยทำให้ฟรังก้ารู้สึกเหมือนมีพลังที่อบอุ่นบางอย่างไหลเข้าสู่ร่าง ทำให้เธอหรี่ตาลงประหนึ่งลูกแมวที่ได้อาบแสงศักดิ์สิทธิ์
หลินเจี๋ยมองรอยยิ้มยินดีของเธอ หลุบตาลงมองโต๊ะเหมือนกำลังหาบางอย่างอยู่ จากนั้นจึงหยิบตาชั่งบนเคาน์เตอร์ส่งให้กับฟรังก้า “ผมจะให้เครื่องมือนี้กับคุณแล้วกัน”
โจเซฟกล่าวในใจว่า เครื่องมือที่คุณว่าคือตาชั่งผู้บรรลุกฎเกณฑ์แห่งความเท่าเทียมบนโลกนี้…การเรียกมันว่าเครื่องมือคือการลดขั้นมัน แต่เขาเข้าใจในความแข็งแกร่งของเจ้าของร้านหลินมานานแล้ว สำหรับลูกพี่ผู้นี้ ตาชั่งก็เป็นแค่เครื่องมือจริง ๆ
“เจ้าของร้านหลินครับ” โจเซฟกระซิบ กระทั่งแอบกลืนน้ำลายอย่างกระวนกระวาย
หลินเจี๋ยเงยหน้าขึ้นมามองโจเซฟด้วยรอยยิ้มเช่นเคย
“คุณดูกังวลใจนะ มีอะไรให้ผมช่วยหรือเปล่าครับ?”
หลินเจี๋ยส่ายหน้า “ผมไม่ได้กังวลเลยครับ แค่เห็นทุกอย่างชัดเจนขึ้นกว่าแต่ก่อนเท่านั้นเอง…ผมว่า ผมพอจะรู้แล้วล่ะว่าต้องไปไหน แต่ก่อนไป ผมต้องจัดการกับบางอย่างก่อน”
“อะไรเหรอครับ?” โจเซฟหลุดปากถาม
ตู้ม!
ทันทีที่โจเซฟพูดจบ ฟรังก้ายังไม่ทันได้เบิกตาตะลึงงันของเธอออกกว้าง ร้านหนังสือทั้งร้านพลันบู้บี้ดั่งกระป๋องน้ำอัดลมที่เธอเหยียบโดยบังเอิญ บางสิ่งดำมืดซึ่งอยู่เบื้องหลังหลินเจี๋ยขยายออกดุจปากของสัตว์ร้าย ชั้นหนังสือหน้าตาเหมือน ๆ กันในร้านก็แตกสลายดั่งกระจกในทันที
หนังสือทั้งหลายถูกเงาเบื้องหลังหลินเจี๋ยดูดเข้าไปเหมือนน้ำวน ทันทีที่ร้านหนังสือถูกทำลาย ชั้นฟิลม์บาง ๆ สีเข้มที่ปกคลุมร้านหนังสืออยู่ก็ถูกดูดเข้ามาหาหลินเจี๋ยเหมือนเช่นหนังสือบนชั้นอย่างบ้าคลั่ง
ร้านหนังสือนี้ไม่ได้ถูกทำลาย แต่เป็นเพราะหลินเจี๋ยฟื้นพลังที่แต่เดิมเขามีอยู่แล้ว
โจเซฟไม่กลัวชิ้นเหล็กหรือเศษปูนที่ร่วงหล่นมา แต่จ้องมองไปทางเจ้าของร้านหลินที่ถือจดหมายอยู่อย่างแผ่วเบา และเงาบิดเบี้ยวที่ดูดทุกสิ่งเข้าไปเบื้องหลังเขา
—
“จบแล้วหรือ?”
แซดคิเอลซึ่งลอยอยู่กลางอากาศส่งเสียงเบา ๆ ท่ามกลางความว่างเปล่า
ในฐานะนักเวทมนตร์ดำผู้แข็งแกร่งที่สุดในโลก นักคิดแห่งความว่างเปล่าแซดคิเอลผู้เคยรวมความว่างเปล่าเข้ากับดินแดนของเขาลากร้านหนังสือทั้งร้านสู่โลกแห่งความว่างเปล่าที่เขาสร้างในพริบตา และขณะเดียวกัน ความว่างเปล่านั้นก็ทรุดสลายตัวลงทันที
…แปรเปลี่ยนเป็นซากปรักหักพัง
นี่คือการโจมตีขั้นแรกของวิถีแห่งดาบอัคคีต่อหลินเจี๋ย
“อย่าประมาทเขาเชียว” มิคาเอลกระซิบ เหล่าทูตสวรรค์จากวิถีแห่งดาบอัคคียืนอยู่ข้างกายเขา
“ข้าจะไปดู” อันเดธไร้หัวในชุดเกราะอัศวิน ‘อันเดธสหัสวิญญาณ’ คามาเอลเปลี่ยนเป็นเงาดำเล็ดลอดเข้าไปในซากร้านหนังสือ
มิคาเอลขมวดคิ้วเมื่อเห็นเขาแทรกตัวเข้าไป คามาเอลควบคุมวิญญาณบนโลก เป็นอัศวินจากนรกที่แท้จริงซึ่งใช้ร่างของตนควบคุมปรโลกและวิญญาณคนตายนับหมื่นแสน
ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคามาเอลคือหนึ่งในบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในวิถีแห่งดาบอัคคี ขอแค่ยังมีวิญญาณคนตายในโลก คามาเอลก็นับว่าเป็นอมตะ
อันเดธสหัสวิญญาณ…คามาเอลมีวิญญาณนับหมื่น ๆ ที่กระจายอยู่ทุกซอกทุกมุมในนอร์ซิน
คามาเอลและแคสสิเอลคือไพ่ตายของวิถีแห่งดาบอัคคี
แคสสิเอลและมิคาเอลเป็นเพื่อนกันมานาน คามาเอลทึ่มทื่อไร้อารมณ์ แทบจะเชื่อฟังพวกเขาทั้งสองทุกอย่าง และทั้งสามก็นับเป็นสมาชิกดั้งเดิมของวิถีแห่งดาบอัคคี
นอกจากทั้งสามจะแบ่งปันความฝันเดียวกัน สำหรับคามาเอลและแคสสิเอล มิคาเอลยังเป็นเพื่อนของพวกเขาด้วย
“อย่าผ่อนคลายการเฝ้าระวังเชียวนะ เมตาตรอน” มิคาเอลยกมือขึ้น หัวใจบิดมวนขณะเอ่ยเตือน ‘ผู้เฝ้ามองความคิด’ เมตาตรอนซึ่งซ่อนอยู่นอกเขตมนตร์ความว่างเปล่าไม่ให้ลดความระแวดระวังลง
“อื๋อ…” เสียงงุนงงของเมตาตรอนดังมาจากรอบ ๆ ซึ่งฟังดูสั่นน้อย ๆ “เจตจำนงเจ้าของร้านหนังสือหายไปจากร้านแล้ว”
“เขาตายแล้วหรือ?” แคสสิเอลเอียงคอ ร่างของเขาดูคล้ายคลึงกับมิคาเอล แต่ใบหน้าของเขาเหมือนกับเป็นผิวน้ำลอยได้ ซึ่งต่างกับมิคาเอลเพราะเขาไม่ชอบมนุษย์สักนิด
“แน่นอนว่าเป็นไปไม่ได้” ‘อานาเอล’ ผู้ยืนอยู่ด้านหลังตอบ “เจ้าของร้านหลินเป็นอมตะชัด ๆ…พระเจ้าจะตายได้อย่างไร?”
ทุกสายตาหันไปมองอานาเอล น้ำเสียงของเขาฟังไม่เหมือนสมาชิกวิถีแห่งดาบอัคคีเลย
ตอนนี้ มิคาเอลก็ค้นพบเช่นกันว่าสิ่งใดกันแน่ที่ผิดแปลกไปกับ ‘อานาเอล’ ผู้ทำตัวน่าสงสัยมาโดยตลอด
“เจ้า! ที่แท้…”
“หือ?” เมตาตรอนส่งเสียงออกมาอย่างประหลาดใจอีกครั้ง หยุดการตั้งคำถามของมิคาเอลไป “มันโผล่มาอีกแล้ว เจตจำนงของเจ้าของร้านหลิน”
หลังได้ยินเช่นนั้น หัวใจของทูตสวรรค์ทุกตนก็เหมือนระเบิดตู้ม
“เขาหายไปเพียงไม่กี่วินาที” เสียงตื่นกลัวของเมตาตรอนดังขึ้นในหูทุกคน “ร่างแยกของคามาเอลเพิ่งหายไป… คามาเอลตาย… ในพริบตา”
มิคาเอลถึงกับนิ่งงัน ในใจของเขามีแต่คำถามเต็มไปหมด
เฟจซึ่งปลอมตัวเป็นอานาเอลฉีกยิ้มแค่นเสียงขำอย่างกระหยิ่มยิ้มย่อง ดูเหมือนเขาจะทิ้งการปลอมตัวไปอย่างสมบูรณ์แล้ว แต่ทูตสวรรค์รอบ ๆ ไม่มีเวลามาใส่ใจเขา
ใบหน้าที่เหมือนผิวลำธารของแคสสิเอลกระเพื่อมคลื่นออกมานับไม่ถ้วน บ่งบอกถึงหัวใจที่สั่นไหว
“คามาเอล…” แคสสิเอลกระซิบนามนั้นออกมา
ชิ้นปูนจากร้านหนังสือที่ถูกเปลี่ยนเป็นซากถูกเตะออกกะทันหัน โจเซฟผู้มีสีหน้าติดจะเหม่อลอยเล็กน้อยหันกลับมามองพร้อมหรี่ตาลง จากนั้นก็ก้าวหลบไปข้าง ๆ อย่างนอบน้อม เผยให้เห็นร่างของบุคคลซึ่งยังเหมือนเดิมทุกประการเบื้องหลังเขา
เขามีผมและตาสีดำ ผิวขาวซีดเล็กน้อย เสื้อและกางเกงดำสนิท รอยยิ้มอ่อนโยนแต่งแต้มใบหน้าหนอนหนังสือของเขา ม่านตาดำมืดลึกล้ำดุจบ่อน้ำอันมองไม่เห็นก้นบึ้ง
เขาคือหลินเจี๋ย…หรือไม่ใช่หลินเจี๋ย?!
เงามืดใต้เท้าของเขายืดตัวกลับมาปกคลุมทั่วซากร้านหนังสือ สร้างเป็นพื้นที่ซึ่งทั้งมืดดำและลึกล้ำ หมู่ดาวและจักรวาลหมุนวนทอประกายหลังม่านพลัง
มีหนังสือเล่มใหม่อยู่ในมือของหลินเจี๋ย หน้าปกไม่มีชื่อเรื่อง และหน้ากระดาษอันว่างเปล่ากำลังพลิกเปิดไปเรื่อย ๆ เผยให้เห็นวิญญาณที่กำลังกรีดร้องในแต่ละหน้า…วิญญาณของคามาเอล!
ม่านตาของมิคาเอลหดตัว คามาเอล…กลายเป็นหนังสือ!
ปับ!
หลินเจี๋ยปิดหนังสือเล่มหนาอย่างไร้เมตตา ฟรังก้าผู้มีใบหน้าตื่นกลัวยื่นหน้าออกมาจากข้างหลังหลินเจี๋ย ถือตาชั่งดุลนิรันดร์ในมือราวเป็นของเล่น
ดวงตาสีดำของหลินเจี๋ยกวาดมองสมาชิกทุกคนในวิถีแห่งดาบอัคคี ก่อนจะมาหยุดที่มิคาเอล
“ลูกค้ากลุ่มนี้นี่เคาะประตูแรงไปหน่อยนะครับ” หลินเจี๋ยกล่าวเสียงต่ำ
ในวินาทีแรกที่เขามองหลินเจี๋ย มิคาเอลก็รู้สึกตื่นกลัวเล็กน้อย ดูเหมือนมิคาเอลจะกลัวหลินเจี๋ยนับแต่การต่อสู้ครั้งแรกเป็นที่เรียบร้อย
“อภัยไม่ได้…อภัยไม่ได้!” ใบหน้าของแคสสิเอลเป็นดั่งน้ำเดือดพล่าน เขาคำราม เพลิงแห่งการล้างแค้นให้คามาเอลเกาะกุมเขาแน่นหนา เขาอ้าแขนออก และทั้งเขตแดนความว่างเปล่าก็ถูกดูดเข้าสู่เกลียวคลื่นใหญ่ยักษ์ถาโถม
หลินเจี๋ยยิ้มน้อย ๆ เก็บหนังสือในมือไป และกล่าวกับฟรังก้าข้างหลังเขาอย่างอ่อนโยน
“หลับตานะครับ…”