บทที่ 443 : สัมผัสพระกรุณา
ทุกดวงตาบนใบหน้าด้านบนของสเตฟานีจับจ้องที่ไวลด์
เธอกล่าวอย่างอึ้ง ๆ “คุณเป็นใคร?”
ไวลด์ยิ้มอย่างดำมืด “คนผู้จะหั่นเธอเป็นตัวอย่างทดลองในไม่ช้า หรือก็คือ ว่าที่เจ้านายเธอไง”
เบลล่าดึงตัวเชอร์รี่หลบสเตฟานีเข้าหลืบ
สเตฟานีในตอนนี้เป็นแมงมุมผู้ก่อเกิดจากเลือดเนื้อ มีรูปร่างเหมือนแมงมุม แต่ภาพลักษณ์เหมือนมนุษย์
อำนาจทรงพลังในร่างของไวลด์ทำให้สเตฟานีหวาดกลัว ร่างที่เธอได้รับจากการกลืนกินพลังบางส่วนของซานดัลฟอนแข็งค้างเล็กน้อย
เธออ้าปากกว้าง กรามตกลง หลั่งสารสีขาวออกมาจากคอ และทันทีที่มันพุ่งออกจากปากเธอ มันก็กลายเป็นใยแมงมุม
ไวลด์แค่นเสียงอย่างเย็นชา แก๊สสีดำดั่งหมึกลอยเข้ามาในห้องอย่างช้า ๆ แผ่กลิ่นอายความตายอันน่าหวาดหวั่น
เส้นหนวดหนาลื่นหลายต่อหลายเส้นปรากฏขึ้นจากใต้ชุดกระโปรงยาวสีขาวในพริบตา ไวลด์ยังคงเยือกเย็น ปรากฏรอยยิ้มเยาะเย้ยขึ้นที่มุมปาก ร่างกายส่วนบนของเขายังคงความงดงามของเด็กสาว ในขณะที่ท่อนล่างเต็มไปด้วยเส้นหนวด
“เอ๊อะ!” เชอร์รี่ซึ่งหลบมุมอยู่แทบอ้วก สัตว์ประหลาดทั้งคู่ชัด ๆ
ไวลด์ทำตามความรับผิดชอบของเขา ปกป้องเชอร์รี่ตามคำสั่งเจ้าของร้านหลิน แต่ต่อหน้าเขา สเตฟานีนั้นอ่อนแอเกินไป
และไวลด์ก็เรียกใช้เขตแดนแห่ง ‘การทำลายล้าง’ ของเขาอยู่นานแล้ว
มีผู้มีพลังเหนือธรรมชาติเพียงหยิบมือเท่านั้นที่สามารถทำความเข้าใจกฏเกณฑ์มาเป็นของตนเองตลอดประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
ไวลด์คือหนึ่งในนั้น…
การฆ่าสเตฟานี่ช่างง่ายดายสำหรับเขา แต่ดูเหมือนเขาจะอยากเห็นว่าสเตฟานีสามารถสืบทอดพลังของซานดัลฟอนได้มากน้อยแค่ไหน ดังนั้นเขาจึงเอาแต่หยอกล้อไปมากับเธอ
ความห่างชั้นระหว่างทั้งสองเหมือนหน่วยรบพิเศษติดอาวุธหนักมาดวลกับเด็กน้อยถือมีด
สเตฟานีพ่นใยแมงมุมจากร่างของเธอใส่ไวลด์
ไวลด์ยกเส้นหนวดของเขา ใยแมงมุมถูกสลายกลายเป็นของเหลวก่อนทันสัมผัสถึงเขาอีก
สเตฟานีเดือดดาล แต่เธอก็ค่อย ๆ เข้าใจพลังของบุคคลตรงหน้า และพอจะรู้ว่าเขาเป็นใคร…
“คุณคือ… นักเวทมนตร์ดำ… ไวลด์เหรอ?” สเตฟานีกล่าวเสียงสั่น
“โอ้?” ไวลด์ประหลาดใจ “เอลฟ์ดำที่ใช้ชีวิตเหมือนหนอนอย่างพวกเธอก็รู้ชื่อฉันเหรอ?”
“มารดาแห่งแมงมุมเคยบอกว่าคุณเป็นศิษย์ราชันย์ยักษ์” สเตฟานีก้าวถอยหลังสองสามก้าวอย่างหวาดกลัว
คุณสมบัติของสเตฟานีไม่ได้ด้อย เธอมีฐานะเป็นศิษย์สายตรงของซานดัลฟอนซึ่งมีชีวิตอยู่นับแต่ยุคแรก แข็งแกร่งทัดเทียมกับราชันย์ยักษ์ออกัสทัส
เมื่อได้ยินชื่ออาจารย์ของตน ความเป็นปรปักษ์ของไวลด์ก็หดหายไปเล็กน้อยอย่างช่วยไม่ได้
ถ้าไม่ใช่เพราะอาจารย์ เราคงตายไปแล้ว…ไวลด์ย้อนระลึกถึงชายชราระดับเหนือนภาผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งพิทักษ์อาณาจักรยักษ์อันรกร้าง ณ ชายแดนอันติดกับแดนนิมิตขึ้นมาเล็กน้อย
ไวลด์กำหมัดเบา ๆ ตอนนี้เขาไม่ใช่เด็กที่ขนาดหยิบขวดยายังหยิบผิดอีกต่อไปแล้ว กระทั่งบรรลุกฎเกณฑ์แห่งระดับเหนือนภาแล้วด้วย
เขาสามารถกลับไปหาอาจารย์ของตนได้อย่างภาคภูมิ…
ไวลด์ยิ้ม ทว่ามือของเขายกขึ้น “เห็นแก่อาจารย์ของฉัน จะปฏิบัติกับเธอเป็นพิเศษแล้วกัน”
สเตฟานีกรีดร้อง เพลิงสีดำด้านปะทุขึ้นบนพื้น สสารแห่งการทำลายล้างกลืนกินสเตฟานีในชั่วพริบตา
ร่างมโหฬารของเธอร่วงสู่พื้นจากการดิ้นรน เผยให้เห็นช่วงท้องป่อง ๆ อันบอบบางเหมือนกระดาษ และเธอเห็นได้ชัดเจนว่าท้องตั้งครรภ์ของเธออัดแน่นไปด้วยแมงมุมตัวเล็ก ๆ มากมาย
ท้ายที่สุดไวลด์ก็ไม่ยอมฆ่าเธอ และอาจเป็นเพราะต้องการทำเรื่องเล็ก ๆ น้อย ๆ เพื่อแสดงความเคารพต่ออาจารย์ เธอจึงได้รับการไว้ชีวิต
เชอร์รี่ซึ่งซ่อนอยู่ด้านหลังชิ้นผ้าพองแก้มเหมือนปลาปักเป้า กระซิบว่า “ไวลด์นี่แข็งแกร่งจริง ๆ”
“สงครามในซอย 67 ไม่ว่าจะอยู่ไกลแค่ไหน คุณก็ทราบได้ค่ะว่าเป็นศึกที่จะถูกจารึกในประวัติศาสตร์นอร์ซินแน่นอน” เบลล่าอธิบายตรงหน้าเชอร์รี่
“ฉันหมายความว่า เจ้าของร้านหลินให้พลังที่แข็งแกร่งมากกับเขาต่างหาก” เชอร์รี่กล่าวอย่างขุ่นเคือง
“บางทีอาจเป็นเพราะเจ้าของร้านหลินมอบพลังที่เหมาะสมที่สุดให้แต่ละคนนะคะ นายหญิงไม่เหมาะกับการต่อสู้ เจ้าของร้านหลินกังวลว่านายหญิงจะเป็นอันตรายหรือเปล่า เลยส่งเขามาก็ได้ค่ะ” เบลล่าถอนหายใจพลางปลอบโยนเชอร์รี่
หลังได้ยินเช่นนี้ เชอร์รี่ก็รู้สึกสบายใจขึ้นมาก
เมื่อเรื่องในดินแดนแห่งความมืดคลี่คลาย เราก็จะได้เจอเจ้าของร้านหลินอีกในเร็ววัน ไวลด์นี่พึ่งพาได้จริง ๆ… เชอร์รี่ถอนหายใจโล่งอก ปัดฝุ่นบนร่างของเธอ และออกมาจากที่ซ่อนพลางกล่าวยิ้ม ๆ
“ขอบคุณค่ะคุณไวลด์ เป็นเกียรติที่ได้ทำงานร่วมกันค่ะ” เชอร์รี่กลับสู่ท่าทีไม่รู้ไม่ชี้ตามปกติของเธอ
ไวลด์พยักหน้ารับอย่างอารมณ์ดีเล็กน้อยเมื่อคิดถึงอาจารย์ของเขา ทั้งสองเป็นแขกของร้านหนังสือเหมือนกัน และแบ่งปันผลประโยชน์ต่อกัน ทั้งสองจึงเข้ากันได้ดี
ในขณะที่เชอร์รี่กำลังจะพูดบางอย่างตามมารยาท สีหน้าของไวลด์ก็แปรเปลี่ยนกะทันหัน
“ทำไม…” เชอร์รี่ขมวดคิ้ว และในตอนที่เธอกำลังจะถาม เส้นหนวดของไวลด์เส้นหนึ่งก็รัดรอบเอวของเธอไว้แน่น และโยนไปเบื้องหลังไวลด์
ก่อนที่เชอร์รี่จะทันตั้งตัว ร่างของเธอก็เกือบกระแทกกับผนังเต็ม ๆ และไถลหัวโหม่งพื้น ทำให้เธอกรีดร้องอย่างเจ็บปวด
เธอลุกขึ้นมาตะโกน “ไวลด์ คุณ!…เบลล่า!!!”
ก่อนที่เชอร์รี่จะทันพูดจบ เธอก็เห็นคนหลายสิบคนในชุดคลุมสีดำปรากฏขึ้นเบื้องหลังตน พวกเขาเกือบพังประตูเข้ามาฟันดาบอาบอีเธอร์อย่างรุนแรงใส่จุดที่เชอร์รี่เคยยืนอยู่ได้แล้ว
ถ้าไวลด์ไม่เหวี่ยงเธอออกไป ร่างน้อย ๆ ของเธอคงถูกผ่าเป็นสองซีก
เบลล่าไม่ได้โชคดีเท่าเธอ เธอถูกคนชุดดำเหล่านี้ผ่าร่างจากเบื้องหลัง ดวงตาของเธอเต็มไปด้วยความอาลัย ดูเหมือนชีวิตของเธอจะจบลงก่อนจะทันได้ตั้งตัว
และการกระทำสุดท้ายของเธอดูเหมือนจะเป็นการพยายามยกมือขวางเชอร์รี่ไว้ข้างกาย
ตุ้บ!
เบลล่าร่วงลงกับพื้นอย่างแรง
“เบลล่า!!!”
เชอร์รี่ตาถลน เธอตะโกนเสียงแหบเรียกสาวใช้ผู้เป็นทั้งแม่และเพื่อน
เธอเสียสติ พยายามจะพุ่งเข้าหาเบลล่า แต่ก็ถูกเส้นหนวดของไวลด์โยนไปข้างหลังอีกครั้ง
“แกเป็นใคร?” ไวลด์ขมวดคิ้วถามด้วยร่างของชาร์ล็อตต์
คนชุดดำหลายสิบคนมีออร่าที่ไวลด์คุ้นเคย พวกเขาแต่ละคนถือหนังสือเล่มหนึ่งในมือ มีอักษรสลักบนปกสีดำ
‘นิมิตโกลาหล’
ไวลด์ไม่อาจคุ้นเคยกับออร่าบนหนังสือเหล่านั้นไปมากกว่านี้
นี่คือ…หนังสือของเจ้าของร้านหลิน
ชายชุดดำซึ่งนำอยู่หน้าสุดถอดฮู้ดของเขาออกช้า ๆ เผยใบหน้าอันอัปลักษณ์สุดขีด
ใบหน้าของเขาปกคลุมด้วยเกล็ดเหมือนงู กรามล่างเต็มไปด้วยหนวดอันเต็มไปด้วยปุ่มดูดเหมือนปลาหมึกยักษ์ หัวล้านเลี่ยน กระทั่งดวงตายังเหมือนตาสัตว์
รูปลักษณ์น่าสยดสยองนี้ไม่ใช่สิ่งที่มนุษย์ควรมีแม้แต่น้อย
เก่าแก่และน่ากลัว อัปลักษณ์น่ารังเกียจ
“โบสถ์แห่งโรคระบาด” ไวลด์เลิกคิ้ว กล่าวชื่อองค์กรของพวกเขาอย่างแน่ใจ
“พวกคุณนี่เอง ช้ามากนะ!!” สเตฟานีถูกสสลารแห่งการทำลายล้างกลืนกิน แต่ไวลด์ยังให้เธอหายใจต่อเพราะเห็นแก่อาจารย์
“สโตน!” สเตฟานีร้องเรียกชายชุดดำซึ่งดูจะมีชื่อแตกต่างกับคนในนอร์ซินโดยสิ้นเชิง
“ถ้าคุณยังอยากร่วมมือกับเผ่าเอลฟ์ดำของเราเพื่อขายแร่จากเมืองเขตล่างล่ะก็ รีบฆ่าสองคนนี้เร็วเข้า!”
ชายชุดดำมองสเตฟานีอย่างรังเกียจ กล่าวราวกับท่องพระคัมภีร์ “ช่างน่าเกลียดจริง ๆ ไม่ว่าจะเป็นเอลฟ์ดำหรือมนุษย์ ต่างคนต่างเข้าข้างตนเอง เย่อหยิ่งจองหอง และถูกพระเจ้าหมางเมินในที่สุด”
ทันใดนั้น ชายชุดดำก็ดีดนิ้ว และสเตฟานีซึ่งเหลือแต่หัวก็ระเบิดออก ส่งสมองขาวดุจน้ำนมกระจายไปทั่วทุกทิศ
“คนพวกนี้…มาจากโบสถ์แห่งโรคระบาดที่เมืองเขตล่าง เป็นกลุ่มคนที่สเตฟานีอยากร่วมมือด้วย” เชอร์รี่ดึงสติกลับมา วิเคราะห์เสียงต่ำด้วยสองตาแดงก่ำ
ไวลด์ไม่ขยับ เขากำลังมองไปที่หนังสือในมือพวกเขา
“ขอต้อนรับพระเจ้าของเรา!” ชายชุดดำซึ่งนำหน้าทุกคนเมินไวลด์ เขาบรรจงเปิดหนังสือ ‘นิมิตโกลาหล’ ในมือและอ่านออกเสียงราวไก่ขัน
“ให้ทุกสิ่งโอบกอดอนธการมืดดำ เหมือนเช่นความฝันอันยิ่งใหญ่ของพวกเจ้า…อย่าได้ตื่นขึ้น พระเจ้าหนึ่งเดียวถูกโอบล้อมโดยหมอกสีเทา”
ชายชุดดำหันมามองไวลด์ ยิ้มบิดเบี้ยวอย่างชั่วร้าย และกล่าวเสียงเบา
“สัมผัสพระกรุณาแห่งพระผู้เป็นเจ้าซะ”
ทันทีที่ไวลด์ได้ยินคำร่ายจากปากของชายชุดดำ เขาก็เกิดอาการตื่นกลัว พลังในกายถูกดึงออกมาเกินขีดจำกัด และอีกครึ่งร่างที่เป็นของชาร์ล็อตต์ก็พลันคำรามอย่างบ้าคลั่ง