เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗] – ตอนที่ 450 : ของขวัญจากพระเจ้า

บทที่ 450 : ของขวัญจากพระเจ้า

บทที่ 450 : ของขวัญจากพระเจ้า

ชั้นห้าของเมืองเขตล่างไม่มีแสงหลงเหลือโดยสมบูรณ์

หากชั้นหกที่เร้ดอยู่ยังมีแสงจากแร่ส่องสว่างสองชั่วโมง ชั้นห้านั้นไม่เหลือแสงสว่างใด ๆ แล้ว

หลินเจี๋ยเห็นชัดเจนว่าคนที่นี่ไม่มีดวงตา อย่าว่าแต่การมองเห็นในความมืดเลย พวกเขาแลบลิ้นยาวเหมือนกับงู สูดหายใจเร็ว ๆ เพื่อหยั่งอุณหภูมิและความชื้นในบริเวณรอบข้าง

หลินเจี๋ยมอบความสามารถในการมองเห็นในที่มืดซึ่งแข็งแกร่งกว่าเก่าให้เร้ดอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันก็เปลี่ยนความรู้ความเข้าใจบางอย่าง ทำให้เธอคิดว่าที่นี่กับชั้นหกไม่มีอะไรแตกต่างกัน

หลินเจี๋ยชี้ลงที่พื้น สื่อว่าให้ลงไปต่อ…

เร้ดมองไปรอบ ๆ และรู้สึกโล่งใจ ทุกคนพูดเสมอว่ายิ่งลงไปชั้นลึก ๆ ยิ่งน่ากลัว แต่ตอนนี้ดูเหมือนจะไม่มีอะไร

เร้ดหันไปพยักหน้าให้หลินเจี๋ยและลงไปยังชั้นถัดไปท่ามกลาง ‘สายตา’ ของมนุษย์กลายพันธุ์ที่ชั้นห้า

ในฐานะผู้นำทาง เร้ดเดินนำหน้าไปก่อน กระทั่งรู้สึกว่าเธออยากปกป้องหลินเจี๋ยด้วย หลินเจี๋ยพบว่ามันตลกดีและตามเธอไป

“เจ้าของร้านหลิน!”

เร้ดตะโกนชื่อของหลินเจี๋ยเสียงดังอย่างตกใจ ก่อนหน้านี้ ทั้งสองแลกเปลี่ยนชื่อกัน แต่ชื่อที่หลินเจี๋ยส่งออกไปกลับเป็นเจ้าของร้านหลิน

พื้นที่ใต้ดินที่เร้ดอาศัยไม่มีการค้าหรือร้านรวง ดังนั้นจึงไม่มีคำอย่างเจ้าของร้าน

เธอจึงคิดอย่างจริงจังว่าชื่อจริงของหลินเจี๋ยคือ เจ้าของร้านหลิน

หลินเจี๋ยเกือบผนึกพลังทั้งหมดของตัวเอง มองเมืองเขตล่างในฐานะ ‘หลินเจี๋ย’ มนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง…

เขาได้ยินความแปลกใจอย่างยิ่งจากน้ำเสียงของเร้ด ดังนั้นเขาจึงโรยตัวลงจากบันไดลิงเก้าสิบองศาแนวตั้งมามองเร้ดอย่างแปลกใจ

“เจ้าของร้านหลิน! ที่นี่ไม่มีใครเลย!” เร้ดกล่าวอย่างตื่นเต้น

บนถนนขรุขระและอุโมงค์ที่ยืดยาวไปทุกทิศทาง ไม่มีแม้แต่เสียงหายใจ

บางทีมลพิษในชั้นที่สี่อาจหนาแน่นพอ จึงไม่มีใครที่นี่เลย

เร้ดจะทำเงินที่นี่ได้มากแน่ ดังนั้นเธอจึงแบกพลั่วของเธออย่างตื่นเต้น

“รีบ ๆ ขุดแล้วนำแร่กลับไปชั้นบนเถอะ” จากนั้น เธอก็รีบร้อนเดินไปยังอุโมงค์ สำหรับเธอ หินแร่สีแดงประกายเหล่านี้คือที่มาของชีวิตเธอ

หลินเจี๋ยตามเธอไปติด ๆ

เร้ดร้องอย่างเป็นสุขขณะรีบขุดแร่ ในขณะที่หลินเจี๋ยนั่งกอดอกอยู่ข้าง ๆ

เธอเหนื่อยจากการขุด ในฐานะที่เป็นแค่เด็กหญิงคนหนึ่ง การขุดแร่ทั้งชิ้นออกมาได้ก็ไม่เลวแล้ว

เพราะถึงอย่างไร ภารกิจรายเดือนของเธอก็คือต้องส่งแร่มีค่าห้าชิ้น

เธอไม่รู้ว่าตัวเองขุดแร่นานแค่ไหน แต่เธอก็เอนตัวพิงพลั่ว มองหลินเจี๋ยผู้นั่งข้าง ๆ เธอด้วยสีหน้าผ่อนคลาย และอดถามไม่ได้ว่า “โลกข้างบนเป็นอย่างไรเหรอ?”

หลืนเจี๋ยนั่งยกมือเท้าคางอยู่ข้าง ๆ เธอ และตอบว่า “คุณหาทางไปดูมันเองในสักวันเลยเถอะ”

“ขึ้นไป จะเป็นไปได้อย่างไร?” เร้ดนั่งลงบนก้อนแร่ กอดเข่าพองแก้ม กล่าวอย่างเคือง ๆ “ฉันขึ้นไปไม่ได้ชั่วชีวิตอยู่แล้ว”

เธอโอดครวญ และในขณะที่กำลังร้องไห้ จอบขุดแร่ในมือของเธอก็ถูกยกขึ้น หลินเจี๋ยฟังเสียงร้องไห้ของเธออย่างเงียบ ๆ และยืนประสานมือมองร่างน้อย ๆ ของเธอขุดแร่อยู่ข้าง ๆ

เสียงกังวานใสพิสูจน์ว่ามีก้อนแร่ก้อนหนึ่งร่วงลง และในที่สุดน้ำตาของเธอก็หยุดลง…

แต่เสียงนี้กังวานใสเกินไป ปกติแล้ว…เมื่อขุดแร่ได้ มันจะต้องถูกนำไปขัดเจียระไนอย่างระมัดระวังเพื่อเผยรูปร่างที่แท้จริงของมัน

แต่หินแร่นี้ดูเหมือนจะผ่านการขัดเจียระไนมาแล้ว

หลินเจี๋ยขมวดคิ้ว จู่ ๆ เขาและเร้ดก็ได้ยินเสียงแหบ ๆ ดังมาประหนึ่งวิญญาณร้าย

“อย่าเอาแร่ฉันไป…”

เร้ดกำแร่ไว้แน่นด้วยสีหน้าหวาดกลัว พื้นที่รอบข้างมืดสนิท แม้ว่าเร้ดจะมีความสามารถมองเห็นในที่มืดอย่างทรงพลัง แต่เธอก็เห็นได้เพียงภาพสีเทาไร้สีสัน

เพราะที่นี่ไม่มีแสงเลย

ครืน!!!

อยู่ดี ๆ ชั้นหินใต้เท้าของพวกเขาก็ขยับ

ใบหน้าบิดเบี้ยวเผยออกจากด้านล่าง หากกล่าวให้เหมาะสมคือนั่นไม่ใช่หน้าของคน ๆ เดียว แต่เป็นใบหน้านับไม่ถ้วนที่เชื่อมติดกันดั่งแฝดสยาม

เร้ดล้มก้นจ้ำเบ้า เธอเพิ่งตระหนักว่าชั้นสี่ไม่ใช่ว่าไรผู้คน แต่มีผู้คนอยู่ทุกที่ต่างหาก

แค่ว่าพวกเขาทั้งหมดดูเหมือนจะถูกตำรวมกันแล้วนำไปแช่เย็น

พวกเขา หรืออาจจะเป็นเขา…กลายเป็นสิ่งมีชีวิตเดียวกันไปแล้ว

มีเสียงร้องอย่างตกใจกลัวในลำคอของเร้ด ขนาดจะร้องเธอยังทำไม่ได้

หลินเจี๋ยขมวดคิ้ว นี่คือความหมกมุ่นในการขุดแร่โดยแท้ พวกเขาถูกมลพิษร้ายแรงจนร่างหลอมรวมกัน และในขณะเดียวกันก็กินแร่เพื่อใช้ชีวิตทุกวัน ไม่ใช่มนุษย์แล้วจริง ๆ

พวกเขาในตอนนี้เป็นเหมือนชั้นเบาะรองพื้นของชั้นสี่ทั้งชั้น ทุกใบหน้าบนพื้นเริ่มขยับเหมือนตื่นนอน และภาพก็แปรเปลี่ยน เป็นอันตรายต่อจิตใจผู้มองอยู่ชั่วขณะหนึ่ง

เร้ดตกใจกลัว และตอนนี้เองที่กรีดร้องออกมาได้…

เจ้าสัตว์ประหลาดยื่นมือออกมา พยายามลากเร้ดเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของพวกมันอีกคน

หลินเจี๋ยปลดปล่อยพลังของเขาออกมาทันที นับแต่ที่เขาเข้ามาในเมืองเขตล่าง เขาก็ไม่ยอมใช้พลังของตนเพื่อรักษาความเชื่อในฐานะมนุษย์ภายใต้อำนาจปนเปื้อนนี้

ทว่าขณะนี้ หลังจากปลดปล่อยพลัง เขาก็ได้ยินเสียงกรีดร้องนับไม่ถ้วนมาจากหมอกสีเทา…

ในขณะที่พวกเขาห่อหุ้มตัวหลินเจี๋ยเหมือนม่านหมอก พวกเขาก็เอาแต่สวดภาวนาให้หลินเจี๋ยกลับมา ในฐานะบุตรแห่งพระเจ้า

เขาเป็นทั้งพระเจ้า พระบุตร และพระจิต

เขามองไปทางบ่อน้ำอันทอดยาวไร้สิ้นสุดราวจะทะลุไปยังขุมนรก ซึ่งเป็นทางตรงกันข้ามกับเร้ด บ้านเกิดของเร้ดอยู่ด้านบน ในขณะที่บ้านเกิดของหลินเจี๋ยอยู่ข้างล่าง

เร้ดหวีดร้องจนเสียงแหบ และหลินเจี๋ยก็ฟื้นสติได้จากเสียงของเธอ คว้าตัวเร้ดซึ่งเริ่มหลอมไปเป็นส่วนหนึ่งของกองเลือดเนื้อ อุ้มเธอขึ้นแล้วกระโดดลงไปในบ่อน้ำ

ความรู้สึกร่างร่วงหล่นไม่ได้ดำเนินอยู่นานนัก และเมื่อหมอกสีเทาเห็นเขากระโดดสู่ก้นบ่อ พวกเขาทั้งหมดก็โห่ร้อง ทว่าท่ามกลางเสียงเชียร์อย่างยินดีนี้ หลินเจี๋ยกลับได้ยินเสียงหนึ่งร้องขอความช่วยเหลือ

เสียงขอความช่วยเหลือนี้ช่างคุ้นหู หลินเจี๋ยยกมือขึ้นคว้าบันได กำคอเสื้อด้านหลังของเร้ด และแขวนตัวไว้บนบันได

เขาถอนหายใจโล่งอก ทว่าวินาทีต่อมา…

“พวกคุณ…”

หลินเจี๋ยและเร้ดพลันได้ยินเสียงคนพูดจากด้านหลัง

พวกเขาหันไปมองทันที เกรงว่าจะเจอสัตว์ประหลาด ทว่าที่แท้กลับเป็นคนจากเมืองเขตล่างซึ่งดูคล้าย ๆ เร้ด

“พวกคุณหล่นลงมาจากข้างบนเหรอ?” คนที่ยืนถือพลั่วอยู่หน้าสุดโพล่งถาม

สีหน้าของเร้ดยังคงแข็งค้าง เห็นได้ชัดว่าสัตว์ประหลาดที่ชั้นบนทำให้เธอกลัว หลินเจี๋ยลูบหัวเธอ และวินาทีต่อมา สีหน้าของเธอก็ดูเหมือนกลับมามีชีวิตชีวา…

เธอเริ่มหอบหายใจ แสดงสีหน้าหวาดกลัว

“อ้อ!! อย่างนี้นี่เอง เห็นสัตว์ประหลาดที่ชั้นสี่มาสิท่า?” ชายชุดดำบนชั้นสามถามอย่างครุ่นคิด

หลินเจี๋ยยกมือขึ้นโยนเร้ดออกไป จากนั้นก็โรยตัวลงที่ชั้นสาม มองไปยังก้นบ่อน้ำอีกครั้ง และด้วยหนึ่งการสะบัดเท้า เขาก็เหยียบลงพื้นอย่างรวดเร็ว

เร้ดกลืนน้ำลายเอื๊อกสองสามครั้ง และพยักหน้าอย่างแข็งขัน

“ขอโทษ ๆ ฉันแค่อยากจะลงมาเสี่ยงหาแร่เอง” เร้ดพูดปนสะอื้น

“แร่?” ชายในชุดคลุมสีดำลูบหนวดยาว ๆ ที่คางพลางกล่าว “แน่นอน ที่นี่เรามีแร่เยอะแยะ เอาไปเท่าที่ต้องการได้เลย”

ดวงตาของเร้ดทอประกายราวสิ้นทุกข์ เธอนั่งเผละกับพื้นเหมือนของเหลว พูดอย่างแสนปรีดา “เจ้าของร้านหลิน ได้ยินเหมือนกันใช่มั้ย? ในที่สุดเราก็สำเร็จแล้ว เราจะมีแร่ในไม่ช้า”

หลินเจี๋ยได้สนใจเร้ด เขาใช้สองมือกอดอก ปรับเปลี่ยนจิตใจให้ทุกคนรอบ ๆ คิดว่าเขาเป็นพวกเดียวกัน จากมุมมองของคนอื่น ๆ จะเห็นว่าเขาเป็นคนที่มีผิวเหมือนจระเข้และเส้นหนวดที่คางเหมือนกัน

“แปลกจัง” หลินเจี๋ยพูดพลางลูบคางอย่างงุนงง “เห็นได้ชัดนะว่าที่นี่ใกล้พื้นมากกว่า ชั้นสี่แปดเปื้อนขนาดนี้ แต่พวกคุณยังดูคล้ายคนในชั้นหกชั้นเจ็ดอยู่เลย”

“พวกคุณต้านทานการแปดเปื้อนเหรอครับ?” หลินเจี๋ยถาม… และชั้นสามนี่มันฐานของโบสถ์แห่งโรคระบาดไม่ใช่เหรอ?

“ฮึ” ชายในชุดคลุมสีดำก้มหน้าลง ขอบฮู้ดปิดใบหน้าไปครึ่งหนึ่ง กล่าวเย้ยหยัน “ไอ้พวกคนชั้นบนไม่รู้เรื่อง แกเรียกหมอกสีเทาว่าการแปดเปื้อนเรอะ?”

เสียงของเขาฟังดูมีเหตุผลเต็มเปี่ยม เขามองไอหมอกที่หลุดมาจากชั้นสี่อย่างจริงจังมากขึ้น และกล่าวว่า

“นั่นน่ะของขวัญจากพระเจ้าที่มอบแก่เราต่างหาก!”

เขาพูดพลางหยิบหนังสือเล่มหนึ่งออกมาจากกระเป๋า ข้อความบนหน้าปกเขียนไว้ว่า ‘นิมิตโกลาหล’ และปกหนังสือเล่มนี้เหมือนกับหนังสือที่เห็นในดินแดนแห่งความมืดทุกประการ

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]

IRNDGL, I’m Really Not the Evil God's Lackey, 我真不是邪神走狗
Score 9
Status: Ongoing Type: Author: , Released: 2020 Native Language: Chinese
อ่านนิยายเรื่อง เจ้าของร้านพิศวง [我真不是邪神走狗]Lin Jie เป็นเจ้าของร้านหนังสือในอีกโลกหนึ่ง เขาเป็นคนใจดีและอบอุ่น มักจะแนะนำหนังสือการรักษาให้กับลูกค้าที่กำลังผ่านช่วงเวลาที่ยากลำบาก ในบางครั้งเขาแอบโปรโมตงานของเขาเองด้วย เมื่อเวลาผ่านไป ลูกค้าเหล่านี้เริ่มให้ความเคารพเขาอย่างมาก บางคนถึงกับนำอาหารพิเศษประจำท้องถิ่นมาตอบแทนบุญคุณของเขาบ่อยๆ พวกเขามักจะขอความเห็นจากมืออาชีพเมื่อต้องเลือกหนังสือ และแบ่งปันประสบการณ์กับเจ้าของร้านหนังสือธรรมดาๆ คนนี้ให้คนรอบข้างฟัง พวกเขาเรียกเขาด้วยความเคารพและสนิทสนมโดยใช้ชื่อต่างๆ เช่น “ลูกสมุนของเทพปีศาจ”, “ผู้เผยแผ่ข่าวประเสริฐแห่งเนื้อและเลือด”, “'ผู้แต่งพิธีกรรมและศุลกากรแห่งนิกายกินศพ” และ “ผู้เลี้ยงแกะแห่งดวงดาว”

Comment

Options

not work with dark mode
Reset