ตอนที่ 364 ยอมรับจากปาก เด็กน้อย ให้พี่ชายหยิกแก้มได้หรือเปล่า
มีกระแสแล้วไม่เกาะคือคนโง่
บรรดานักข่าวกับปาปารัซซี่ก็ได้ผลงาน อาศัยเกาะกระแสเวลานี้เพื่อให้ได้โบนัส
มีนักข่าวหลายคนยังได้ไปหาเฉินหลีโดยเฉพาะ
เนื่องจากเธอยืนยันว่าผู้ช่วยคนนั้นไม่ใช่อิ๋งจื่อจินแน่นอน
อย่าว่าแต่เฉินหลีเลย ชาวเน็ตที่เคยดูรายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลย! ก็ไม่เชื่อว่าอิ๋งจื่อจินจะหนีไปเป็นผู้ช่วยให้อวิ๋นเหอเย่ว์
ตอนนี้เป็นเวลาเจ็ดโมงเช้า คนที่เข้าเน็ตมีไม่มาก มีคนดูไลฟ์สดอยู่ไม่เท่าไร
แต่ก็ไม่เป็นไร ไว้อีกเดี๋ยวนักข่าวกับปาปารัซซี่เหล่านี้ก็จะตัดต่อทำเป็นคลิปโพสต์ลงในเน็ตอีกครั้ง
นักข่าวคนนี้ก็แค่ลองถามดู เตรียมใจนานแล้วว่าคำตอบจะเป็นการปฏิเสธ
อีกฝ่ายเป็นถึงเด็กเรียนเทพ จะสนใจวงการบันเทิงเหรอ
แม้แต่อวิ๋นเหอเย่ว์เป็นใครคงไม่รู้ด้วยซ้ำ
อิ๋งจื่อจินถอยหลังเล็กน้อยหนึ่งก้าว ดึงผ้าพันคอไปด้านหลัง สองมือล้วงกระเป๋าอีกครั้ง
ใบหน้าของเธอทั้งหมดปรากฏต่อหน้ากล้อง
บรรดานักข่าวกับปาปารัซซี่ที่มารออยู่ที่นี่ล้วนคลุกคลีอยู่ในวงการบันเทิงนานแล้ว คนสวยแบบไหนก็เจอมาหมด
แต่พวกเขาไม่เคยเห็นอิ๋งจื่อจินในระยะใกล้แบบนี้
แตกต่างจากใบหน้าที่เหมาะเล่นจอเงินของเซี่ยมั่นอวี่ นี่คือใบหน้าที่ถ่ายมุมไหนก็รอดอย่างแท้จริง
กล้องซูมเข้าไปยิ่งสวยจนตะลึงวิญญาณหลุดออกจากร่าง ชวนให้ยากที่จะต้านทาน
“อืม ฉันเองค่ะ” อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น ตามองกล้อง น้ำเสียงใจเย็น “บ้านยากจน ต้องทำงานพิเศษ ไม่ได้เหรอคะ”
คำตอบนี้ทำให้บรรดานักข่าวกับปาปารัซซี่ที่เตรียมตัวมาดีแล้วถึงกับงง
“ช่วยหลบด้วยค่ะ” อิ๋งจื่อจินตอบเสร็จกลับไม่อยากอยู่ต่อ “ขอบคุณค่ะ”
พวกนักข่าวกับปาปารัซซี่เปิดทางให้อย่างงงๆ ลืมคำพูดไปเสียสนิท
ผ่านไปสักพักพวกเขาถึงได้สติกลับมา แบกกล้องเดินออกไป
จั่วหลีอยู่ไกล ไม่ได้ยิน
เขาเห็นอิ๋งจื่อจินพูดอะไรไม่รู้ นักข่าวกับปาปารัซซี่พวกนั้นก็ทำท่าเหมือนโดนฟ้าผ่า
จั่วหลีถามด้วยความสงสัย “พวกเขาเป็นอะไร”
“คนซื่อบื้อ” อิ๋งจื่อจินหาว “ไม่ต้องสนใจค่ะ”
จั่วหลี “…”
เขารู้สึกว่าเธอมองเขาเป็นคนซื่อบื้อ
จั่วหลีก็ขี้เกียจจะสนใจว่านักข่าวกับปาปารัซซี่พวกนั้นคิดจะทำอะไรกันแน่ เขาถามด้วยความเป็นห่วง “เมื่อวานไม่เปียกใช่ไหม ฝนตกหนักมากจริงๆ กระจกบ้านอาจารย์แตกไปหนึ่งบาน”
ฝนเมื่อวานมาได้แปลกประหลาดมาก ตรงกันข้ามกับพยากรณ์อากาศอย่างสิ้นเชิง หลายคนที่อยู่ข้างนอกไม่ได้พกร่ม เปียกฝนเป็นไก่ตกหม้อน้ำซุปกันหมด
อิ๋งจื่อจินส่ายหน้า “เปล่าค่ะ”
“งั้นก็ดีๆ” จั่วหลีพูด “เดี๋ยวนี้พยากรณ์อากาศไม่แม่นเลยจริงๆ”
…
เวลาสิบโมงเช้า ประเด็นใหม่ก็ปรากฏบนชาร์ตคำค้นยอดนิยม
#เทพอิ๋งเป็นผู้ช่วยของอวิ๋นเหอเย่ว์#
คลิปก็ตัดต่อมาจากไลฟ์สดเมื่อเช้า โพสต์โดยเจ้าของแอ๊กเคานท์เวยปั๋วสายบันเทิงที่มีแฟนคลับยี่สิบล้านคน
แฟนคลับของเยี่ยซีได้ข่าวก็แห่กันมา
[เนี่ยน่ะเหรออิ๋งจื่อจินอะไรนั่น หน้าตาก็งั้นๆ แต่งตัวไม่เห็นจะดีไปกว่าซีซีของพวกเรา]
[น้องเขาไม่ได้อยู่ในวงการบันเทิง อีกอย่าง ขอเตือนด้วยความหวังดี ผ้าพันคอที่อยู่บนคอนั่นเป็นรุ่นลิมิเต็ดอีดิชั่นปีนี้ของแบรนด์เอส ราคาสามหมื่นดอลลาร์นะจ๊ะ(ยิ้ม)]
แบรนด์เอสเป็นแบรนด์เสื้อผ้าระดับหรู ซึ่งก็อยู่ในเครือของวีนัสกรุ๊ปเช่นกัน
[หึๆ ของปลอมล่ะไม่ว่า อิ๋งจื่อจินเป็นนักเรียนของชิงจื้ออันนี้ไม่เถียง ได้ทุนการศึกษาอีกต่างหาก แต่ฐานะไม่ใช่แค่แย่แบบธรรมดา ยังจะใช้ผ้าพันคอผืนละสามหมื่นได้เลยเหรอ ล้อเล่นอะไรน่ะ]
แฟนคลับของเยี่ยซีไม่ปล่อยโอกาสที่จะได้แซะให้หลุดลอยไปจนกระทั่งเด็กสาวที่อยู่ในคลิปดึงผ้าพันคอออก
[…]
[ฉินหลิงอวี๋เป็นนางมารบนโลกมนุษย์ อิ๋งจื่อจินก็เป็นเทพสินะ สวยระดับนี้ สุด]
[ใช่ๆๆ เลยมีแค่ประธานฟู่ของฉันที่คู่ควร เปิดแผงขายคู่จิ้นยาวิเศษจ้า]
[ตัวประหลาดอะไรปะปนเข้ามาน่ะ]
ภายในคลิปเป็นเสียงโทนเย็นชาของอิ๋งจื่อจิน พูดชัดเจน
“ทำไม ไม่ได้เหรอคะ”
“ทำงานพิเศษ”
ข้อความเลื่อนหายเกลี้ยงในชั่วพริบตา
ไม่มีอะไรสร้างแรงสะเทือนได้เท่าคำตอบของอิ๋งจื่อจินที่ยอมรับโดยตรง
แฟนคลับของเยี่ยซีไม่มีแม้แต่ความกล้าที่จะอยู่ต่อไป เผ่นแนบกันหมดแล้ว
[ขอโทษนะ เทพอิ๋งไม่จำเป็นต้องอิจฉาหน้าตาของเยี่ยซี เยี่ยซีอยู่คนละระดับกับเธอ ทำงานพิเศษยังถูกโจมตีได้ สวยแล้วคนอิจฉาเยอะจริงๆ]
[เยี่ยซีน่าขยะแขยงจริงๆ เธอโตอายุยี่สิบสี่แล้ว จำเป็นต้องใส่ร้ายเด็กนักเรียนด้วยเหรอ หรือว่าไปสร้างเวรสร้างกรรมอะไรไว้ กรรมเลยตามสนอง]
แต่แฟนคลับของรายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลยไม่ได้สนใจเรื่องนี้
[อิ๋งเยาเยา ไม่ต้องทำงานแล้ว เดี๋ยวเจ้เลี้ยงเอง!]
[เทพอิ๋งของฉันไม่มีแม้แต่ข้าวจะกินเลยต้องไปทำงานพิเศษเหรอ ค่ายติวช่วยให้ข้าวครบสามมื้อได้ไหม พวกคุณรังแกเด็กเหรอ]
อ่านถึงตรงนี้ในที่สุดจั่วหลีก็เข้าใจแล้วว่าทำไมเมื่อเช้าพวกนักข่าวกับปาปารัซซี่กลุ่มนั้นถึงได้มีท่าทางเหมือนถูกฟ้าผ่า
เขาค่อยๆ เงยหน้าขึ้น มองอิ๋งจื่อจิน “ทำงานพิเศษงั้นเหรอ พวกเราไม่ให้ข้าวกินงั้นเหรอ”
เขาจำได้แม่นว่าโจทย์กลศาสตร์ควอนตัมข้อนั้นของศูนย์ฟิสิกส์สากลมีเงินรางวัลให้ถึงหนึ่งล้านดอลลาร์
โจทย์ข้อนี้อิ๋งจื่อจินใช้เวลาหนึ่งชั่วโมงก็แก้เสร็จ
ไปเป็นผู้ช่วยจะได้สักกี่ตังค์
เศรษฐินีรุ่นเล็ก ยังจะกล้าบอกว่าบ้านยากจน
เขาเชื่อก็บ้าแล้ว
อิ๋งจื่อจินคิดแล้วแก้คำพูดอย่างจริงจัง “หนูก็แค่เกาะกระแส”
จั่วหลี “…”
…
ภายในโรงแรม
ฟู่อวิ๋นเซินก็ได้ดูคลิปนี้แล้ว
เดิมทีเขาเอาแต่มองหน้าอิ๋งจื่อจิน จนกระทั่งสังเกตเห็นข้อความเลื่อนข้อความหนึ่ง
[คอมเมนต์ก่อนหน้าหลีกทางให้หมด! บนโลกนี้ถ้าจะมีใครที่เลี้ยงดูเทพอิ๋งได้ ก็ต้องเป็นประธานฟู่ของฉันคนเดียวเท่านั้น พวกเธอรวยกว่าประธานฟู่หรือไง เทพอิ๋งของฉันสูงส่งขนาดนี้ต้องเลี้ยงดูให้ดี!]
ข้อความเลื่อนแบบนี้ถูกกลบอย่างรวดเร็ว
ฟู่อวิ๋นเซินขมวดคิ้ว นั่งพิงเก้าอี้
ผ่านไปสักพักเขาก็หัวเราะเบาๆ
ก็ยังมีคนดวงตาเฉียบคม เพียงแต่คนแบบนี้น้อยเหลือเกิน
เขาเข้าไปอยู่ในกลุ่มแฟนคลับคู่จิ้นยาวิเศษได้สองเดือนกว่าแล้ว จำนวนสมาชิกเพิ่งจะทะลุสามร้อย
เขาอ่านโพสต์ใหม่ทุกวัน แต่น่าเสียดายที่น้อยจนน่าสงสาร
ใช้คำพูดของแฟนคลับคนอื่นก็คือ ไม่มีข้าวให้กิน เป็นช่วงหิวโหย
อย่างไรเสียไม่ว่าจะเขาหรืออิ๋งจื่อจินต่างก็ไม่ชอบเปิดเผยตัวตน เว้นเสียแต่จำเป็น
ฟู่อวิ๋นเซินสีหน้าเรื่อยเปื่อย แคปหน้าจอข้อความนี้ไว้แล้วส่งให้คนเดียวที่เขาปักหมุดไว้บนสุด
[เด็กน้อย มีคนบอกว่าพวกเราดูเหมาะสมกันมาก]
[พี่ชายก็เลี้ยงดูเธอจริงๆ ถ้าเป็นคนอื่นคงเลี้ยงไม่ไหว อันที่จริงราคาตับหมูจานนั้นเกินหมื่นนะ]
[เธอว่าเธอควรให้รางวัลพี่ชายหรือเปล่า เป็นต้นว่าให้พี่ชายหยิกแก้ม]
ตอนที่เห็นสามข้อความนี้อิ๋งจื่อจินกำลังอธิบายโจทย์ให้เถิงอวิ้นเมิ่งฟัง
พอเธออ่านจบก็ยิ้มมุมปากเล็กน้อย โค้งนิดหน่อยแบบที่สังเกตเห็นได้ยาก
แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็ว ไม่แสดงอารมณ์ใดๆ อีก ลมหายใจก็ผ่อนคลาย
เถิงอวิ้นเมิ่งสังเกตเห็นถึงความผิดปกติอย่างชัดเจน เธอแอบงง “จื่อจินเป็นอะไรไป”
เธอรู้สึกอยู่บ่อยๆ ว่าเจออิ๋งจื่อจินครั้งนี้มีบางอย่างที่ไม่เหมือนเดิม
ดูมีชีวิตชีวาขึ้นไม่น้อย ไม่เหมือนเมื่อก่อนที่เย็นชาห่างเหิน
ให้คนใกล้ชิดเธอได้ แต่เข้าไม่ถึงใจเธอ
“เปล่า” อิ๋งจื่อจินวางโทรศัพท์มือถือลง พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “เจอคนที่ดีแต่เอาอกเอาใจ หลอกเก่งน่ะ”
หยุดเล็กน้อย จากนั้นเธอก็พูดเสริม “เอาใจไปหมดทุกคน แม้แต่หมา”
คำพูดของผู้ชายคนนี้บางครั้งก็เชื่อไม่ได้
เถิงอวิ้นเมิ่ง “?”
เอาใจหมานี่ทำไงเหรอ
เถิงอวิ้นเมิ่งงง ทำโจทย์ฟิสิกส์ต่อ
เธอพบว่าทำโจทย์สนุกกว่า
…
เวลานี้ที่สำนักงานใหญ่เทียนสิงมีเดีย
เฉินหลีกับเยี่ยซีต่างถูกเรียกไปที่ห้องทำงานของลั่วเหวินปินประธานเทียนสิงมีเดีย
ทั้งสองคนหน้าซีด เหงื่อออกตลอด แม้แต่ยืนก็ยังเกือบยืนไม่อยู่
“เฉินหลี ผมเคยพูดไว้ว่าไง” ลั่วเหวินปินตวาดเสียง “บอกให้คุณสงบเสงี่ยมไว้ไม่ใช่เหรอ แล้วดูซิ ทำไมถึงเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้นอีกแล้ว”
เขากระแทกเอกสารลงบนโต๊ะอย่างแรง โมโหจนหัวเราะ “คุณยังจะมาบอกว่าเป็นผู้จัดการส่วนตัวมือทอง เก่งจริงนะ ยื่นหน้าไปให้เขาตบเฉย เนี่ยน่ะเหรอผู้จัดการส่วนตัวมือทอง หา!”
เฉินหลีปากสั่นฟันสบกันดังกึกๆ หน้าซีดยิ่งกว่าเดิม “ประ ประธานลั่วคะ นั่นมัน มัน…”
ไม่ว่าอย่างไรเธอก็พูดว่าไม่สมเหตุสมผลไม่ออก
เด็กเรียนเก่งที่กำลังจะเข้าร่วมงานแข่งขันวิชาการระดับนานาชาติ ทำไมถึงมาเป็นผู้ช่วยของอวิ๋นเหอเย่ว์ได้!
นี่มันเรื่องตลกบ้าบออะไรกัน
แต่ความจริงประจักษ์อยู่ตรงหน้า อวิ๋นเหอเย่ว์ไม่มีทางซื้อตัวเด็กเรียนเก่งได้
หลังจากที่เห็นคลิปในเน็ต สมองของเฉินหลีก็ตื้อไปหมด จนถึงตอนนี้สติก็ยังไม่กลับมาอย่างสมบูรณ์
“หุบปาก!” ลั่วเหวินปินตวาดเสียงอีกครั้ง “ตอนนี้คุณทำทุกอย่างพังแล้ว บริษัทลงทุนไปกับเยี่ยซีตั้งเท่าไร กว่าจะดันเธอสู่ตำแหน่งดารายอดนิยมได้ แล้วคุณดูตอนนี้ในเน็ตด่าเธอว่ายังไง!”
“เห็นหรือยัง หา” เขาชี้คอมพิวเตอร์ สีหน้าบึ้งตึง “ถ้าไม่เห็น อยากให้ผมอ่านให้ฟังไหม”
พอเยี่ยซีอ่านก็ทรุดลงไปกองบนพื้น