ตอนที่ 377 ฮือฮาปรอทแตก เยี่ยซีถูกโลกไซเบอร์รุมด่า
ในขณะเดียวกัน กล้องที่ตามจับภาพอวิ๋นเหอเย่ว์อยู่ตลอดก็เคลื่อนที่ทั้งหมด
แท่นที่วางเปียโนค่อยๆ เคลื่อนมาตรงกลาง
มีกล้องตัวหนึ่งถ่ายเจาะคนเล่นเปียโน
ไม่ว่าจะเป็นแฟนคลับที่นั่งอยู่ด้านล่างเวทีหรือแฟนคลับที่รับชมถ่ายทอดสด ต่างเห็นใบหน้าของเด็กสาวอย่างชัดเจน
ดวงตาหงส์ทอประกายวูบไหว
สีหน้าของเธอเรียบเฉย เจือไปด้วยความสบายๆ
ผมยาวที่เดิมทีสีดำ ครั้งนี้ก็ได้ทำทรงใหม่ ทำไฮไลท์บางส่วนเป็นสีน้ำเงินเข้ม
ดูเข้ากันกับผิวขาวผ่อง งดงามชวนสะกดตา
ตำแหน่งที่นั่งของโค้ชหันตรงเข้าหาเวที หัวใจของสวี่ถังโจวเต้นแรงจนเกินกว่าจะควบคุม หยุดมองไม่ได้เลย
ต้องยอมรับเลยว่ามีคนประเภทหนึ่งที่แค่ยืนอยู่สักที่ก็มีออร่าได้เองตามธรรมชาติ
ด้านล่างเวทีเงียบยิ่งกว่า ทุกคนลืมปรบมือ มองเด็กสาวจนเคลิบเคลิ้ม
เฉินหลีแทบไม่อยากเชื่อ เป็นครั้งแรกที่มาดหลุด
“มันเป็นไปได้ยังไง!”
อิ๋งจื่อจินไม่ได้เป็นเทพด้านการเรียนเหรอ
ทำไมยังเล่นเปียโนเก่งไม่แพ้นักเปียโนมืออาชีพด้วยล่ะ
สีหน้าของเยี่ยซีก็เปลี่ยนไปมาก เธอกำมือแน่นทันที จับเสื้อของเฉินหลี พูดเสียงสั่นเล็กน้อย
“พี่หลี เป็นเธอได้ยังไง”
เฉินหลีมีอารมณ์ตอบเยี่ยซีที่ไหนกัน เธอรู้สึกแค่ว่ามือเท้าเย็น
เพราะก่อนหน้านี้ไม่นานเธอเพิ่งให้แอคเคาท์เชิงพาณิชย์โพสต์ข้อความออกไป
แต่ตอนนี้คนที่เล่นเปียโนอยู่ก็คืออิ๋งจื่อจิน
ทำไงดี
ในที่สุดแฟนคลับล่างเวทีก็ได้สติกลับมา ต่างส่งเสียงกรี๊ดอย่างบ้าคลั่ง
“กรี๊ด!”
“สามีขา!”
“หลบไป! นี่เมียฉัน!”
คนแบบไหนมีแรงดึงดูดมากที่สุด ก็ต้องเป็นคนที่เพียบพร้อมทั้งหน้าตาและความสามารถ
สิ่งสำคัญที่สุดคือ ไม่ได้มีความสามารถแค่อย่างเดียว
อิ๋งจื่อจินเผยหน้าแบบนี้ คะแนนโหวตก็เกิดการเปลี่ยนแปลง
“คิดว่าทุกท่านคงทราบตั้งแต่ก่อนคอนเสิร์ตจะเริ่มแล้วว่าอาจารย์อิ๋งจะมาช่วยเสริมทัพให้อวิ๋นเหอเย่ว์”
ในฐานะที่เป็นหนึ่งในโปรดิวเซอร์วงบอยแบนด์ เซี่ยมั่นอวี่มีหน้าที่ควบคุมการดำเนินรายการ
“แต่วันนี้อาจารย์อิ๋งมีธุระส่วนตัวนิดหน่อยก็เลยมาช้าค่ะ”
เธอหันไปยิ้มให้ทางที่นั่งผู้ชมล่างเวที “แต่นี่ก็เป็นเซอร์ไพรส์ใช่ไหมคะ”
เสียงกรี๊ดที่ด้านล่างดังยิ่งกว่าเดิม
“ฉันก็นึกไม่ถึงเหมือนกันค่ะ” ฉินหลิงอวี๋พูดขึ้นในเวลานี้ เธอเลิกคิ้วพลางยิ้ม
“นึกไม่ถึงว่าอาจารย์อิ๋งจะเล่นเปียโนเป็นด้วย ดูท่าทางสายตาของฉันจะเฉียบคมที่จองตัวอาจารย์อิ๋งไปเล่นนางเอกเอ็มวีไว้ก่อนแล้ว ไม่อย่างนั้น ไม่รู้ว่าหลังออกอากาศวันนี้ไปฉันจะต้องไปแย่งกับคนอื่นตั้งเท่าไร”
พวกแฟนคลับคลั่งกันอีกรอบ
ข้อความเลื่อนบนหน้าจอก็ขึ้นมารัวๆ
[โอ้โห! สามีฉันกับเมียที่เพิ่งรับตำแหน่งจะร่วมงานกันในเอ็มวีเหรอ]
[ขิตแล้วจ้า ขิตแล้ว เทพร่วมงานกันแบบนี้ ฉันขอยาชุบชีวิตหน่อยจ้า]
[ลูกอวี๋ เบบี๋อิ๋ง แม่รักลูกๆ นะ!]
[แอนตี้แฟนที่เมื่อกี้บอกว่าคนเล่นเปียโนไม่ใช่เทพอิ๋งไปไหนหมดละ ทำไมไม่ออกมาล่ะ คิดว่าไอดอลตัวเองเก่งสักแค่ไหนกัน ก็อาศัยดาราที่มาเสริมทัพทั้งนั้นไม่ใช่เหรอ ขอโทษนะ เทพอิ๋งของพวกเราเก่งกว่าย่ะ(อีโมชันยิ้ม)]
เฉินหลีได้ยินแบบนี้สีหน้าก็เปลี่ยนไป กัดฟันพูด “ยัยฉินหลิงอวี๋!”
คำพูดนี้ของฉินหลิงอวี๋ดูเหมือนไม่มีอะไร ก็แค่เล่นรับส่งกับอิ๋งจื่อจิน
แต่แค่รับส่งกันบนเวทีแบบนี้ แฟนคลับของฉินหลิงอวี๋ก็โหวตให้อวิ๋นเหอเย่ว์แล้ว
นี่ก็คือปรากฏการณ์แฟนคลับ
แฟนคลับของฉินหลิงอวี๋เรียกได้ว่าเป็นกลุ่มแฟนคลับที่รักมั่นที่สุดในวงการบันเทิงแล้ว ส่วนใหญ่อย่าว่าแต่ไม่ได้ชอบดาราแบบฉาบฉวยเลย แม้แต่ดาราที่ชอบอันดับรองลงมาก็ไม่มี
เทียนสิงมีเดียเคยวิจัยปรากฏการณ์แบบนี้โดยเฉพาะ สุดท้ายพบว่านี่เป็นเพราะฉินหลิงอวี๋หน้าตาดีเกินไป สายตาของแฟนคลับก็เลยเฉียบคมยิ่งขึ้น ทำให้ถูกใจคนได้ยากขึ้น
“ลำดับถัดไปเราจะให้เวลาอาจารย์อิ๋งได้พูดอะไรหน่อยนะคะ” เซี่ยมั่นอวี่พูด “เชิญค่ะ”
อวิ๋นเหอเย่ว์ยื่นไมโครโฟนให้อิ๋งจื่อจิน
“ขอบคุณทุกคนค่ะ” กับคนภายนอก อิ๋งจื่อจินเป็นคนประหยัดคำพูดมาตลอด จะไม่พูดพล่ามแม้แต่คำเดียว
“วันนี้รีบร้อนไปหน่อย ช่วยโหวตให้เหอเย่ว์ด้วยนะคะ”
หลังจากที่แขกรับเชิญร่วมแสดงเสร็จก็จะให้ช่วยเรียกคะแนนโหวตให้ผู้เข้าแข่งขัน
แม้แต่ดารายอดนิยมอย่างหวาอิ้นก็พูดอย่างน้อยหนึ่งนาที แสดงความจริงใจสูงมาก
แบบนี้ถึงจะกระตุ้นให้แฟนคลับช่วยโหวตได้
แต่อิ๋งจื่อจินพูดแบบนี้ก็เหมือนไม่พูด แถมยังดูเหมือนพูดขอไปที ทว่าก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อคะแนนโหวตของอวิ๋นเหอเย่ว์ที่พุ่งเร็วมาก
ก่อนหน้านี้คะแนนโหวตของอวิ๋นเหอเย่ว์เริ่มเพิ่มขึ้นตั้งแต่มีเสียงเปียโนดังขึ้นแล้ว
ภายในเวลาอันสั้นแค่ห้านาที เธอพลิกกลับมาโจมตีได้ คะแนนโหวตพุ่งขึ้นไปถึงสี่ล้าน
อันดับย่อมมีการเปลี่ยนแปลง
อันดับหนึ่ง อวิ๋นเหอเย่ว์ 3,6093,849 คะแนน
อันดับสอง เฟิงถง 3,5492,812 คะแนน
หวาอิ้นก็นั่งอยู่ล่างเวที พอเห็นอันดับที่เปลี่ยนไป สีหน้าของเขาก็เปลี่ยน
ผู้จัดการส่วนตัวที่นั่งข้างกันถอนหายใจ
“ตามคาด เรื่องที่ฉันกังวลสุดท้ายก็เกิดขึ้นแล้ว”
อวิ๋นเหอเย่ว์มีความสามารถมากพอ เดิมทีก็มีศักยภาพที่จะได้เดบิวต์ตำแหน่งเซ็นเตอร์ของวงอยู่แล้ว
ต่อให้มีหวาอิ้นมาช่วยเรียกคะแนนโหวต เฟิงถงก็ขึ้นนำอวิ๋นเหอเย่ว์ไม่ได้มาก แต่อย่างน้อยก็ข่มได้ระดับหนึ่ง
แต่พอมีอิ๋งจื่อจินเพิ่มเข้ามา กอปรกับฉินหลิงอวี๋ช่วยสร้างกระแส ทีนี้คะแนนก็พุ่งแบบกู่ไม่กลับแล้ว
เรียกได้ว่าการแสดงสดครั้งที่สองเป็นตัวชี้วัดเลยทีเดียว
สุดท้ายรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 จะได้เจ็ดคนตั้งเป็นวงบอยแบนด์ และตำแหน่งเซ็นเตอร์กับหัวหน้าวงก็จะตกเป็นของอวิ๋นเหอเย่ว์เท่านั้น
ผู้จัดการส่วนตัวส่ายหน้าแล้วพูดต่อ “ขอแค่เขาได้เดบิวต์ ต้องเป็นที่นิยมมากแน่”
เดบิวต์ปุ๊บโด่งดังปั๊บ จวบจนถึงทุกวันนี้ในประเทศจีนก็มีแค่ฉินหลิงอวี๋ที่ทำได้
หวาอิ้นหน้าบึ้ง เขาปิดโทรศัพท์มือถือ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย
“บริษัทไม่ปล่อยเรื่องนี้ไปง่ายๆ แน่”
เขาแจ้งเกิดจากเวทีประกวด อวิ๋นเหอเย่ว์มาชนกับเขาเข้าแล้ว
วันหน้าพวกเขาสองคนจะต้องเกิดการแย่งงานขึ้นแน่ นี่ย่อมไม่ใช่ข่าวดีสำหรับเขา
เขาเดบิวต์ตอนอายุยี่สิบ กลายเป็นดารายอดนิยมตอนอายุยี่สิบสอง ปีนี้อายุยี่สิบห้า ต้องพูดเลยว่าอยู่ในช่วงขาลงแล้ว
ถ้ามีอวิ๋นเหอเย่ว์มาเป็นตัวกระตุ้นอีก เกรงว่าเขาจะได้ตกกระป๋องเร็วขึ้น
ผู้จัดการส่วนตัวพยักหน้า พูดเตือน
“อย่าเป็นแบบเฉินหลีเด็ดขาด เฉินหลีก็มั่นใจในตัวเองเกินไป เอาแต่โพสต์ข้อความเหยียบย่ำคนอื่น”
“เยี่ยซีก็น่าสงสารจริงๆ เดิมทีตัวเองก็ไม่ได้มีสมองเท่าไร ยังจะไปเจอเฉินหลีเข้าอีก”
“วันนี้พอรายการจบ เยี่ยซีก็จะหลุดจากตำแหน่งดารายอดนิยมอย่างสิ้นเชิงแล้ว”
ถึงแม้จะเป็นดาราในสังกัดเทียนสิงมีเดียเหมือนกัน แต่ก็คนละขอบเขตงาน หวาอิ้นกับเยี่ยซีไม่เคยได้พูดคุยอะไรกัน
เขาไม่สนใจ “ไปเถอะ”
ผู้จัดการส่วนตัวพยักหน้าแล้วตามออกไปพร้อมกับหวาอิ้น
…
ถัดไปจะเป็นการจัดกลุ่มรอบใหม่ อิ๋งจื่อจินก็ลงจากเวที
เธอมีห้องแต่งหน้าโดยเฉพาะ พอล้างเครื่องสำอางเสร็จก็เตรียมไปหาอะไรกินหน่อย
อยู่ๆ เธอก็ร้อนแก้ม
อิ๋งจื่อจินเงยหน้าขึ้น
ฟู่อวิ๋นเซินเอาแก้วน้ำส้มอุ่นๆ มาแนบหน้าเธอพร้อมยัดที่ซุกมือใส่มือเธอ
“เด็กน้อยไม่รู้จักกลัวหนาว” เขายืดตัวขึ้น ดวงตาดอกท้อโค้งมน
“ทำไมวันนี้ใส่กระโปรงด้วยล่ะ ไหนว่าไม่ชอบไม่ใช่เหรอ”
“อ่อ” อิ๋งจื่อจินชะงักเล็กน้อย สีหน้าเรื่อยเปื่อย “อยู่ๆ ก็พบว่ากระโปรงสวยดี”
สาเหตุที่เธอไม่ชอบใส่กระโปรงมาตลอดเป็นเพราะลงไม้ลงมือไม่สะดวก
แม้แต่รองเท้าก็ใส่แต่แบบส้นเตี้ย
ฟู่อวิ๋นเซินถอยหลังไปหนึ่งก้าว หลุบตาลงเล็กน้อย เขายิ้ม “สวยดีนะ”
อิ๋งจื่อจินใส่กระโปรงสีดำ รูปร่างสมบูรณ์แบบ สู้นางแบบสากลได้สบาย
ไม่ใช่เด็กน้อยแล้วจริงด้วย
อิ๋งจื่อจินหยิบเสื้อกันหนาวขนเป็ดมาใส่ “ไปเถอะ ฉันหิวแล้ว”
หลังกลับจากโลกจอมยุทธมาถึงโรงแรม เธอก็นอนจนถึงเย็น โชคดีที่มาทัน
“พี่ชายได้ยินมีคนเรียกเธอว่า…” ฟู่อวิ๋นเซินรับกระเป๋ามาจากมือเธออย่างเป็นธรรมชาติ เดินออกข้างนอกพร้อมกัน สีหน้าของเขากึ่งยิ้ม “สามี”
เขานั่งอยู่ล่างเวที เสียงกรี๊ดของแฟนคลับทำหูเขาแทบแตก
“คุณจะเรียกด้วยก็ได้” เท้าของอิ๋งจื่อจินชะงัก เลิกคิ้วขึ้น “ฉันไม่ถือสา”
“จะได้ยังไงกัน” ฟู่อวิ๋นเซินใจเย็น “ถ้าเรียกต้องเรียกว่า…”
“เบบี๋อิ๋ง!” มีเสียงเรียกด้วยความตกใจ “เบบี๋อิ๋ง ใช่จริงด้วย”
ฟู่อวิ๋นเซินชะงัก หันไปมอง
คนที่เรียกเป็นเด็กมัธยมต้น ดวงตาเปล่งประกาย
“เบบี๋อิ๋ง เมื่อกี้ฉันดูเบบี๋อิ๋งเล่นเปียโนด้วยนะ สุดยอดไปเลย”
ขณะพูดก็หยิบสมุดเล่มเล็กออกมา พูดด้วยความเขินอาย
“ฉันเป็นแฟนคลับใหม่ของเบบี๋อิ๋ง ช่วยเซ็นให้หน่อยได้ไหม”
เธอเพิ่งเลิกเรียน กะมาดักรอเจอ นึกไม่ถึงว่าจะได้เจอจริงๆ
อิ๋งจื่อจินรับปากกามาเขียนชื่อตัวเอง
แฟนคลับกำมือ ดวงตาเปล่งประกาย “เบบี๋อิ๋ง แม่รักหนูนะ!”
ตะโกนเสร็จก็วิ่งกอดสมุดไปอย่างมีความสุข
“…”
อิ๋งจื่อจินนิ่งไปชั่วขณะ “ดูเหมือนเธอจะเด็กกว่าฉันนะ”
ฟู่อวิ๋นเซินหลุบตาลง ริมฝีปากโค้งมน “แม่ยกยังดีกว่าแฟนคลับที่เรียกตัวเองเป็นแฟน”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองเขา “ไม่รู้สึก”
ในที่สุดเธอก็รู้แล้วว่าทำไมซังเย่าจือถึงพูดไม่ออกตอนที่เห็นแฟนคลับเรียกเขาว่าลูก ลูกแม่
เธอเองก็รับไม่ได้เหมือนกัน
…
การแสดงสดครั้งนี้ผ่านไปอย่างราบรื่น ผลตอบรับเกินกว่าที่ทีมงานคาดหมายไปมากทีเดียว
พอการแสดงเสร็จสิ้นลง เวยปั๋วก็แทบระเบิด ติดอันดับคำค้นยอดนิยมสิบอันดับแรก
แฮชแท็กอิ๋งจื่อจินเทพเปียโน
แฮชแท็กอิ๋งจื่อจินกับฉินหลิงอวี๋เล่นเอ็มวีด้วยกัน
แฮชแท็กเทพอิ๋งสมกับเป็นเทพจริงๆ
[ฉันขอประกาศ นอกจากลูกอวี๋แล้ว ในที่สุดฉันก็เจอคนให้เป็นแฟนคลับได้อีกคนแล้ว]
[เรียนเก่งแถมยังเล่นเปียโนได้ เทพอะไรขนาดนี้คะน้อง!]
[อิ๋งจื่อจินจะสวยเกินไปแล้ว!]
ไม่เหมือนกับการแสดงที่ฮู่เฉิงก่อนหน้านี้กับรายการฉลาดแบบนี้ยกนิ้วให้เลย! ที่มีการเผยแพร่ในวงแคบ
นี่เป็นครั้งแรกที่อิ๋งจื่อจินปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชนแบบเต็มๆ
ข่าวของวงการบันเทิงแพร่ไปเร็วที่สุด ความนิยมในโลกไซเบอร์ก็ขึ้นถึงขีดสุด
พออิ๋งจื่อจินกลับถึงโรงแรมก็มีคนโทรมา
“นักเรียนอิ๋ง!” น้ำเสียงจั่วหลีที่อยู่ปลายสายเหมือนกัดฟันพูด “ทำไมเธอยังเล่นเปียโนได้ด้วย”
เขาหมดหวังแล้วจริงๆ นี่เขารู้จักคนประหลาดแบบไหนกัน
ยังเป็นมนุษย์อยู่ไหม
เขาก็แค่นึกครึ้มอยากท่องเน็ต แต่ไปเจอเซอร์ไพรส์อะไรเข้า
อิ๋งจื่อจินหาว “เป็นเพราะอาจารย์ไม่ได้อ่านข่าว”
ถึงแม้เธอจะให้ฉินหลิงเยี่ยนลบคลิปที่เธอเล่นเปียโนสามเพลงของวีร่า โฮลท์ซออกหมดแล้ว รวมถึงห้ามการอัปโหลดคลิปที่เกี่ยวข้องกับการแสดงครั้งนั้น
แต่ถ้าเสิร์ชชื่อเธอในเน็ต ตรงคำค้นสำคัญก็จะมีคำว่า ‘เปียโน’ พ่วงอยู่ด้วย
จั่วหลีสะอึก เขาทำเสียงฮึดฮัด
“โอเคๆ ยังไงซะเธอก็เป็นรองศาสตราจารย์ของคณะเราแล้ว ยังไงก็หนีไม่พ้น”
พอพูดจบเขาก็วางสายอย่างไร้เยื่อใยทันที
“…”
อิ๋งจื่อจินวางโทรศัพท์ไว้ข้างตัว เปิดโหมดห้ามรบกวนแล้วไปอาบน้ำ
…
อีกด้านหนึ่ง ณ สถานที่ทำการแสดงคอนเสิร์ต
บรรดานักข่าวและปาปารัซซี่ได้เข้าไปรุมล้อมสามชั้นสี่ชั้นอยู่ก่อนแล้ว ขนอุปกรณ์ถ่ายภาพต่างๆ เข้าไปรอเตรียมพร้อม
อันที่จริงพวกเขามาดักรออิ๋งจื่อจิน แต่อิ๋งจื่อจินกลับเร็ว อีกทั้งมีฟู่อวิ๋นเซินคุ้มกัน จึงไม่มีใครได้เจอ
แต่ก็ไม่เป็นอุปสรรคต่อการรอต่อ
เพราะคำค้นยอดนิยมสิบอันดับแรก มีอยู่สองอันดับที่ไม่เข้าพวก ก็คืออันที่เฉินหลีช่วยซื้อแทนเยี่ยซี
แฮชแท็กเยี่ยซีช่วยกู้สถานการณ์
แฮชแท็กอวิ๋นเหอเย่ว์หลอกลวงแฟนคลับ
ถึงแม้คำค้นยอดนิยมสองอันดับนี้จะไม่ได้พูดถึงอิ๋งจื่อจินโดยตรง แต่ในเนื้อความก็มีการตำหนิทางอ้อม ชาวเน็ตมองออก
อันที่จริงแผนเดิมของเฉินหลีก็ช่วยได้จริงๆ
จนกระทั่งอิ๋งจื่อจินออกมา คำค้นยอดนิยมสองอันดับนี้ก็กลายเป็นเรื่องขบขัน
ในเน็ตมีแต่คอมเมนต์ถากถางเสียดสี
[ฉันก็ว่าใครมันมาสร้างกระแส ที่แท้ก็แฟนคลับของเยี่ยซีอีกแล้ว]
[ช่วยกู้สถานการณ์งั้นเหรอ คู่ควรเหรอ]
[ดารายอดนิยมเยี่ยซีนิสัยเป็นแบบนี้เหรอ ระรานเทพสายวิชาการครั้งแล้วครั้งเล่า]
นี่เป็นการจุดประเด็นที่ดีมาก บรรดาสื่อย่อมไม่มีทางปล่อยผ่าน
เวลานี้ได้มีปาปารัซซี่คนหนึ่งตะโกนขึ้น “ออกมาแล้วๆ!”
นักข่าวกับปาปารัซซี่ทั้งหมดต่างวิ่งกรูเข้าไปรุมล้อม
เยี่ยซีเกือบถูกเบียด แต่บอดี้การ์ดตามติดช่วยกันไปด้านข้างให้
เฉินหลีหน้าบึ้ง “ขอโทษด้วยค่ะ ดาราของเราไม่ขอให้สัมภาษณ์ ช่วยหลีกทางด้วยค่ะ”
ทว่าบรรดานักข่าวกับปาปารัซซี่ต่างไม่สนใจเฉินหลี ไมโครโฟนทั้งหมดที่อยู่ในมือถูกยื่นไปตรงหน้าเยี่ยซี
“ขอถามหน่อยครับเยี่ยซี กู้สถานการณ์ที่คุณว่าคือแบบนี้เหรอครับ”
“เยี่ยซีคะ มีชาวเน็ตขุดเจอว่าแอคเคาท์เชิงพาณิชย์พวกนั้นกับแอคเคาท์เชิงพาณิชย์ที่คราวก่อนใส่ร้ายเทพอิ๋งเป็นกลุ่มเดียวกัน เวลาที่ล็อกอินก็เหมือนกัน เกี่ยวข้องกับคุณไหมคะ”
“เยี่ยซีครับ เรื่องคราวก่อนยังไม่ได้ให้บทเรียนกับคุณเหรอครับ คุณไม่ถูกชะตากับเทพอิ๋งเหรอครับ ผมช่วยถามแทนชาวเน็ต คุณคู่ควรเหรอ”
เยี่ยซีถูกจี้ถามแบบนี้ก็เริ่มหน้าซีดทีละนิด หน้าผากมีเหงื่อผุด