ตอนที่ 378 มักจะมีคนที่ชอบขุดคุ้ยบอสเสมอ
ตอนนี้ตรงหน้ามีแต่กล้อง แสงแฟลชเสียงกดชัตเตอร์ดังรัวๆ
“ฉันไม่รู้!” ในที่สุดเส้นประสาทที่ตึงเครียดมาหลายวันของเยี่ยซีก็ขาดผึง เธอสติแตกจนกรีดร้อง “ฉันไม่รู้อะไรทั้งนั้น!”
เธอแย่งกล้องจากนักข่าวคนหนึ่งเหมือนคนบ้า จากนั้นก็เขวี้ยงทิ้งแล้ววิ่งออกจากกลุ่มนักข่าวโดยไม่หันกลับมามองอีก
ทุกคนต่างฮือฮา
เฉินหลีอับอายแบบที่ไม่เคยมีมาก่อน
เรื่องนี้หาข้ออ้างมากลบเกลื่อนก็สามารถผ่านไปได้
หลักฐานมีเหรอจะปลอมขึ้นมาไม่ได้
ขอแค่หลอกแฟนคลับได้ก็พอแล้ว ชาวเน็ตส่วนใหญ่ไม่ได้สนใจเรื่องในวงการบันเทิงนักหรอก
แต่เยี่ยซีทำแบบนี้ ขาดสติต่อหน้าสาธารณชน มันคือการสร้างจุดด่างพร้อยให้ตัวเอง
เฉินหลีกัดฟัน อารมณ์เสียขั้นสุด “หลบหน่อยค่ะ ช่วยหลบหน่อย”
เยี่ยซีวิ่งหนีไปแล้ว บรรดานักข่าวกับปาปารัซซี่ย่อมไม่มีทางตามเฉินหลี ครั้นแล้วจึงหลีกทางให้
เฉินหลีเดินอยู่ท่ามกลางลมหนาว หนาวจนปากสั่นฟันกระทบกัน
เธอรู้แค่ว่า เกรงว่าครั้งนี้เยี่ยซีจะตกสวรรค์จริงๆ แล้ว
…
สามวันต่อมาเนี่ยเฉาถึงฟื้นขึ้น
เป็นก่อนวันสิ้นปีพอดี
พอเขาฟื้นขึ้นมาก็เอาแต่เหม่อมองไปที่หนึ่ง
ผู้เฒ่าเนี่ยไปต้มซุปให้เขาด้วยตัวเอง ภายในห้องนอนจึงมีแต่เนี่ยอี้
ช่วงก่อนและหลังวันตรุษจีนเป็นช่วงที่หน่วยอีจื้อจะเหนื่อยกันแบบทวีคูณ
แต่สำหรับเนี่ยอี้ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าคนในครอบครัว
“นายมองตุ๊กตาบาร์บี้ที่นายซื้อตอนเด็กมาสามชั่วโมงแล้วนะ” เนี่ยอี้ทำลายความเงียบ “คิดอะไรอยู่”
“ผมอ่อนแอเหลือเกิน” เนี่ยเฉาก้มหน้า รู้สึกเศร้า “ถ้าผมเก่งอย่างพี่ใหญ่ คนพวกนั้นคงไม่กล้าทำแบบนี้”
เนี่ยอี้ได้ฟังกลับเงียบไปสักพัก “ฉันกลับหวังให้นายเป็นคนไม่เก่ง และก็ไม่รู้เรื่องพวกนี้”
เมื่อใดที่ตระกูลปุถุชนเข้าไปพัวพันกับโลกจอมยุทธ์ก็จะต้องไปอยู่ท่ามกลางความขัดแย้ง
จอมยุทธ์ใช้วิธีโหดเหี้ยม มักจะไประบายอารมณ์กับคนอ่อนแอ
ดังนั้นไม่ว่าจะตระกูลเนี่ยหรือตระกูลมู่ ก็มีแค่นายใหญ่เท่านั้นที่รู้ว่าประเทศจีนยังมีพวกจอมยุทธ์อยู่
“เฮ้อ” เนี่ยเฉาเศร้า “ดังนั้นตอนนี้ทัศนคติของผมมันถึงได้พังทลายลงแล้ว”
เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าที่แท้โลกใบนี้มีคนที่สามารถเหาะเหินเดินบนหลังคาได้ สกัดจุดกลางอากาศได้จริงๆ
จอมยุทธ์ที่เขารู้ก็แค่คนที่ต่อสู้เก่งเท่านั้น
ใครจะไปรู้ว่าพอได้ฟังผู้เฒ่าเนี่ยเล่าเรื่องโลกจอมยุทธ์จบ เขาถึงได้พบว่าจอมยุทธ์ที่ฝีมือล้ำเลิศจะตีรันฟันแทงไม่เข้า
แม้แต่กระสุนก็เจาะการป้องกันของพวกเขาไม่ได้
“อืม” เนี่ยอี้พูด “อีกหน่อยจะยิ่งกว่านี้”
“…” เนี่ยเฉาจุกยิ่งกว่าเดิม เขาหยั่งเชิงถาม “ดังนั้นนะพี่ชาย สอนให้บ้างสิ”
เนี่ยอี้ได้ฟังก็เอามือจับข้อมือของเขา ใช้กำลังภายในตรวจดู แววตาเปลี่ยนไปเล็กน้อย
เขาแน่ใจได้ว่าเมื่อก่อนเนี่ยเฉาไม่มีพรสวรรค์ในการฝึกจอมยุทธ์
พรสวรรค์เป็นจอมยุทธ์ ของแบบนี้พูดไปก็น่าแปลก
บรรพบุรุษของตระกูลเนี่ยไม่มีใครเป็นจอมยุทธ์สักคน แต่เขากลับมีพรสวรรค์มากในด้านฝึกจอมยุทธ์
ตอนนี้เนี่ยเฉากลับสามารถฝึกจอมยุทธ์ได้แล้ว นี่ก็แสดงว่าเพราะยาเม็ดนั้นของอิ๋งจื่อจินช่วย
เนี่ยอี้ปล่อยมือออก พูดเสียงเบา “ติดค้างน้ำใจใหญ่หลวงแล้ว”
เนี่ยเฉาเกาหัว “อะไรเหรอ”
“ไว้นายหายดีแล้วค่อยไปฝึกกับฉันทุกวัน” เนี่ยอี้ลุกขึ้น “ฉันจะบอกปู่ ขอวันหยุดให้นายสองเดือน สองเดือนนี้นายจะต้องไปโซนพิเศษที่เจ็ด”
เนี่ยเฉาฟังแล้วก็อึ้ง “หา?”
อุตส่าห์เลี่ยงแล้วเลี่ยงอีก สุดท้ายเขาก็หนีไม่พ้นโซนพิเศษที่เจ็ดเหรอ
“ฉันจะไปช่วยนายเตรียมของสำหรับฝึก” น้ำเสียงของเนี่ยอี้แน่วแน่ “อวิ๋นเซินกับคุณอิ๋งมาเยี่ยมนาย จัดการสภาพตัวเองให้ดูดีหน่อย”
พอเนี่ยอี้ออกไป ฟู่อวิ๋นเซินก็เข้ามา
เนี่ยเฉามองไปทางด้านหลัง “บอสล่ะ”
“ปู่นายกำลังเรียนจากเยาเยาว่าจะอบขนมเค้กยังไง เดี๋ยวจะทำให้นายกิน”
“…”
“เพื่อน ฉันตัดสินใจแล้วว่าฉันจะทำเรื่องที่ยิ่งใหญ่!” อยู่ๆ เนี่ยเฉาก็เกิดคึกขึ้นมา “บอสใกล้บรรลุนิติภาวะแล้วใช่ไหม”
มือของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก หันไปพูดกึ่งยิ้ม “นายคิดจะทำอะไร”
“ไม่ๆๆ คุณชายเจ็ด นายอย่าเข้าใจฉันผิดนะ” เนี่ยเฉาเอามือทาบอก เหงื่อออกท่วมตัว “ฉันไม่กล้าคิดกับบอสแบบนั้นแน่นอน ต่อให้มอบความกล้าให้ฉันร้อยเท่าฉันก็ไม่กล้าอยู่ดี”
แขนของฟู่อวิ๋นเซินวางบนพนักพิงเก้าอี้ ท่าทางเรื่อยเปื่อย ริมฝีปากยกกว้างยิ่งกว่าเดิม “อืม นายต้องไม่กล้าอยู่แล้ว ตอนเจอเธอครั้งแรกนายก็คุกเข่าลงไปข้างหนึ่ง อยู่ในท่าขอแต่งงาน”
เนี่ยเฉารู้สึกจุกอก “พูดดีๆ หน่อยเพื่อน ตอนนั้นเพราะฉันตกใจ ขอแต่งงานอะไรกัน นายพูดเองเออเองทั้งนั้น ยังจะมีหน้ามาโทษฉัน”
ฟู่อวิ๋นเซินค่อยๆ เหลือบตาขึ้น “สรุปว่านายเตรียมทำอะไร”
“ช่วยนายจีบบอสไง!” เนี่ยเฉาตื่นเต้นยิ่งกว่าเดิม “ต้องจัดพิธีบรรลุนิติภาวะให้บอสอย่างดี”
“อืม” ฟู่อวิ๋นเซินพยักหน้า “เริ่มเตรียมแล้ว”
“พอถึงตอนนั้นนายก็สารภาพรักกับบอสต่อหน้าทุกคนเลย” เนี่ยเฉาตบต้นขา “ตั้งเทียนกับเค้กรูปหัวใจ”
ฟู่อวิ๋นเซินชะงัก “นายนี่มันเชยจริงๆ”
เนี่ยเฉายังอยากพูดต่อ แต่อยู่ๆ ก็ร้องโอดโอย
ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินหรี่ลง “เกิดอะไรขึ้น”
“ฉันเผลอบิดกระดูกผิดท่าอีกแล้ว”
“…”
…
ช่วงหลายวันมานี้กระแสพูดคุยเกี่ยวกับรายการวัยรุ่นสร้างฝัน 202 ก็ยังคงสูงมากในเน็ต
อิ๋งจื่อจินได้แฟนคลับมากลุ่มใหญ่
บรรดาแฟนคลับต่างสายตาเฉียบคม ไม่ยอมให้ด้อมอื่นมาใส่ร้ายอิ๋งจื่อจิน ไม่นานก็ขุดหลักฐานไทม์ไลน์ต่างๆ กับพวกแอ๊กเคานท์ทีมเดียวกับเยี่ยซีออกมาได้
เยี่ยซีถูกชาวเน็ตด่ามาจนถึงตอนนี้
ฝ่ายประชาสัมพันธ์ของเทียนสิงมีเดียก็ร้อนใจมาก แต่ก็อับจนหนทาง
สามวันนี้เยี่ยซีไม่กล้าออกจากบ้าน หลบดื่มเหล้าอยู่ในคอนโดที่บริษัทจัดสรรให้มาตลอด
เธอเองก็ได้อ่านคอมเมนต์ในเน็ต ยิ่งอ่านก็ยิ่งสติแตก
เธอดื่มด่ำกับสิ่งที่ได้รับจากการเป็นดารายอดนิยมมาแค่ครึ่งปีกว่า
ตั้งแต่เป็นเน็ตไอดอลที่โด่งดังทั้งโลกไซเบอร์มาจนถึงถูกด่ากระฉ่อนทั่วเน็ต ความแตกต่างนี้ทำให้เยี่ยซีรับไม่ได้
เสียงเคาะประตูดังขึ้นในเวลานี้
“เยี่ยซี เปิดประตูเร็วเข้า” เฉินหลีอยู่ข้างนอก “เธอเอาแต่หลบมันจะมีประโยชน์อะไร ฐานแฟนคลับของเธอยังอยู่ ต่อให้ไม่ใช่ดารายอดนิยมแล้ว แต่เธอก็ยังเป็นดาราชั้นแนวหน้านะ”
เฉินหลีร้อนใจมาก เพราะเธอก็มีแค่เยี่ยซีเป็นที่พึ่งเพียงคนเดียว
ถ้าเยี่ยซีพังพินาศหมดสิ้น เธอก็จะถูกไล่ออกจากเทียนสิงมีเดียตามไปด้วย
ผ่านไปนานกว่าประตูจะถูกเปิดออก
เฉินหลีเกือบจำไม่ได้ว่าผู้หญิงที่ผมเผ้ายุ่งเหยิงตรงหน้าคือเยี่ยซี
เธอโมโหยิ่งกว่าเดิม “เธอดูสภาพของเธอซิ นี่ถ้าถูกปาปารัซซี่ถ่ายไว้ได้ ในเน็ตจะพูดกันยังไง”
“อยากจะพูดยังไงก็เชิญเลย” เยี่ยซีนิ่งมาก “ยังไงพวกเขาก็อยากเห็นฉันโชคร้ายอยู่แล้ว”
“เลิกดื่มเหล้าเถอะ มาช่วยกันวางแผน” เฉินหลีไม่สบอารมณ์ “เธอไม่ได้มีข่าวฉาวคบชู้กับใครเสียหน่อย ตั้งสติหน่อย”
“ฉันคิดดีแล้ว” เยี่ยซีพูด “ชื่อเสียงของฉันป่นปี้แล้ว ฉันก็จะทำให้อิ๋งจื่อจินพังเหมือนกัน ไม่ว่ายังไงก็ต้องฉุดลงมาให้ได้”
“คิดว่าพี่ไม่อยากเหรอ” เฉินหลีก็อดทนอดกลั้น “อิ๋งจื่อจินเป็นเทพด้านการเรียน มีสถานีโทรทัศน์กลางปกป้องอยู่”
“อีกอย่างแฟนคลับของเธอที่ใส่ร้ายอิ๋งจื่อจินก็เป็นแฟนคลับตัวยงที่อยู่กลุ่มแฟนคลับในเวยปั๋ว ช่วยเธอไว้ได้ไม่น้อย”
“มีสิ” เยี่ยซียิ้ม โยนรูปถ่ายให้หลายใบ “พี่ดูเอาเอง”
“อะไรเหรอ” เฉินหลีขมวดคิ้ว หยิบมาดู ดวงตาเบิกโพลง “นี่มัน…”
เธอรู้จักสองคนที่อยู่ในรูปนั้น
เป็นอิ๋งจื่อจินกับซังเย่าจือ
ทั้งสองคนเดินออกมาจากในห้อง อีกทั้งเพื่อไม่ให้อิ๋งจื่อจินเดินชน ซังเย่าจือยังได้ช่วยเอามือกันด้านข้างให้
ไม่ได้เป็นพฤติกรรมที่สนิทสนมอะไร แต่ถือว่าเป็นแล้วสำหรับซังเย่าจือ
เพราะซังเย่าจือเดบิวต์มานานขนาดนี้ แต่ข่าวฉาวเป็นศูนย์
ต่อให้เมื่อก่อนถูกซิงเฉินเอนเตอร์เทนเมนต์บังคับเล่นข่าวคู่จิ้นกับเยี่ยซี แต่ซังเย่าจือก็ไม่เคยถ่ายรูปคู่กับเยี่ยซีเป็นการส่วนตัวแม้แต่รูปเดียว
กับผู้หญิงคนอื่นยิ่งรักษาระยะห่างเข้าไปใหญ่ ไม่เคยเข้าไปใกล้ชิดหรือคลุกคลีด้วย
ในใจของเฉินหลีตั้งข้อสันนิษฐานที่ไม่อยู่กับความเป็นจริงเท่าไร “อิ๋งจื่อจินคงไม่ได้เป็นแฟนลับๆ ของเขาหรอกนะ”
ไม่อย่างนั้นด้วยสถานะของซังเย่าจือ ยังจะต้องระมัดระวังกับคนต่างเพศขนาดนี้ด้วยเหรอ
“สรุปว่า คนที่เหล่าแฟนคลับประคมประหงมดั่งแก้วตาดวงใจ กลับดีกับผู้หญิงอื่นขนาดนี้” เยี่ยซียิ้มอีกครั้ง เธอเปิดขวดเบียร์ “พี่หลีว่า แฟนคลับของซังเย่าจือจะไปฉีกอกยัยนั่นไหม”
เฉินหลีลังเล “เรื่องแบบนี้ต่อให้แพร่ออกไป ถ้าทางซังเย่าจือยืนยันความบริสุทธิ์ใจก็ไม่มีทางเป็นเรื่องหรอก”
“แต่มันก็ต้องมีคนไม่เชื่อ แค่นี้ก็พอแล้ว” เยี่ยซีเงยหน้า “อีกอย่าง พี่หลียังมีวิธีอื่นอีกไหมล่ะ”
เฉินหลีส่ายหน้า หงุดหงิดมาก
“ไม่ว่ายังไงฉันก็ส่งรูปพวกนี้ให้สื่อไปแล้ว” เยี่ยซีแสยะยิ้ม “พี่หลีรอดูเถอะ เดี๋ยวก็ได้รู้ผลลัพธ์แล้ว”
หยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “อีกอย่างอิ๋งจื่อจินยังไม่บรรลุนิติภาวะ เป็นเด็กมอปลาย มีความรักเร็วก็จะส่งผลกระทบต่อทางโรงเรียน”
เฉินหลีนวดขมับ “งั้นก็ตามนั้น ยังไม่ต้องสนทางซังเย่าจือ อย่างน้อยแฟนคลับคู่จิ้นของพวกเธอก็จะตามไปฉีกอกยัยนั่น”
นี่ก็เป็นโอกาสสุดท้ายของพวกเขาแล้ว
ครั้นแล้วเย็นวันนั้นก็มีแฮชแท็กขึ้นไปติดอันดับหนึ่งคำค้นยอดนิยมภายใต้การผลักดันของเฉินหลีกับเยี่ยซี
#แฟนลับๆ ของซังเย่าจือ#