ตอนที่ 389 อิ๋งเย่ว์เซวียนสติแตก
ประโยคแรกสร้างความฮือฮาในหมู่นักเรียนของชิงจื้อได้ทันที
ถึงแม้อิ๋งเย่ว์เซวียนจะเคยเป็นหนึ่งในสามนางฟ้าแห่งชิงจื้อ แต่ก็ยังไม่ถึงขั้นที่ทุกคนต่างรู้จัก อย่างน้อยเด็กมัธยมต้นก็มีแค่ไม่กี่คนที่รู้จักเธอ
ตอนนี้ที่เธอดังขนาดนี้ก็เป็นเพราะอิ๋งจื่อจิน
มีคนขุดคุ้ยพฤติกรรมของตระกูลอิ๋งโดยเฉพาะ เอาไปโพสต์ลงเว็บบอร์ดโรงเรียน
พวกนักเรียนต่างก็รู้ว่าตระกูลอิ๋งรับเลี้ยงอิ๋งจื่อจินเพียงเพื่อให้เธอบริจาคเลือดให้อิ๋งลู่เวย
สำหรับเรื่องที่ตระกูลอิ๋งเห็นอิ๋งจื่อจินเป็นคลังเลือดมีชีวิต พวกนักเรียนส่วนใหญ่ต่างก็ขยะแขยง รู้ดีแก่ใจ ไม่ได้รู้สึกดีกับตระกูลอิ๋งเท่าไรนัก
แต่พวกเขาคิดว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนไม่รู้อิโหน่อิเหน่ จึงไม่พูดเรื่องนี้ต่อหน้าเธอเพราะคำนึงถึงความรู้สึกของเธอ โดยเฉพาะคลาสเด็กอัจฉริยะ พอพูดถึงอิ๋งจื่อจินก็จะระมัดระวัง เลี่ยงทำให้อิ๋งเย่ว์เซวียนสะเทือนใจ
อย่างไรเสียเมื่อก่อนอิ๋งเย่ว์เซวียนก็ดีกับพวกเขามาก ซื้อของมาฝากพวกเขา อธิบายโจทย์ให้พวกเขาฟัง จนกระทั่งเมื่อสัปดาห์ก่อนที่ในเว็บบอร์ดชิงจื้อปรากฏชื่อจริง เผยธาตุแท้ของอิ๋งเย่ว์เซวียน นักเรียนในคลาสเด็กอัจฉริยะถึงได้ทำตัวห่างเหิน ไม่อยากเข้าใกล้อิ๋งเย่ว์เซวียนอีก ใครจะไปรู้ว่าสักวันหนึ่งตัวเองจะถูกอิ๋งเย่ว์เซวียนแทงข้างหลังหรือเปล่า
แต่พวกเขาก็ไม่ทำอย่างโจ่งแจ้ง อย่างไรเสียอิ๋งเย่ว์เซวียนก็เป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋ง เกิดมาล้างแค้นพวกเขาจะทำยังไง เป็นถึงหนึ่งในสี่ตระกูลเศรษฐีแห่งฮู่เฉิง เล่นงานตระกูลธรรมดาเป็นเรื่องที่ง่ายเหลือเกิน
แต่ตอนนี้…
ลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋ง แท้จริงแล้วก็คืออิ๋งเย่ว์เซวียน
แต่อิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋งไม่ใช่เหรอ หรือคนที่ทำบัตรเชิญเขียนพลาดไป
พวกนักเรียนบ้างก็มองป้ายผ้า บ้างก็มองบัตรเชิญ
[เนื่องด้วยคุณหนูตระกูลอิ๋งกำลังจะอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์ ทางตระกูลอิ๋งเตรียมกิจกรรมไว้มากมาย ขอเรียนเชิญทุกท่านมาที่ เลขที่ XX ถนน XX ในวันที่ 24 มีนาคม เวลา 17.00 น. เดิมทีพวกเราอยากประกาศสถานะของเธอในพิธีบรรลุนิติภาวะครั้งนี้ พร้อมทั้งจัดงานเลี้ยงฉลองให้คุณหนูใหญ่อิ๋งจื่อจิน แต่เนื่องจากพฤติกรรมของพวกเราที่สกปรกไร้ยางอายเกินไป คุณหนูใหญ่ได้ตัดขาดกับตระกูลอิ๋งไปแล้ว เป็นที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ไม่สามารถจัดงานเลี้ยงฉลองไปพร้อมกันได้ จึงเรียนมาเพื่อทราบ]
ด้านล่างของบัตรเชิญประทับตราอิ๋งซื่อกรุ๊ป รวมถึงตราประทับส่วนตัวของอิ๋งเจิ้นถิงกับจงมั่นหวา ทั้งยังมีลายเซ็น
พออ่านจบพวกนักเรียนชิงจื้อก็อึ้งมาก ช็อกกับข้อความพวกนี้ไม่ได้สติกลับมา
ไม่กี่นาทีต่อมา กลุ่มนักเรียนถึงระเบิดเสียงคุยกันให้แซดด้วยความตื่นตกใจ
“โอ้โห ข่าวใหญ่ข่าวดังเลยนะเนี่ย เทพอิ๋งต่างหากที่เป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋งเหรอ”
“เทพอิ๋งเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋ง งั้นทำไมตระกูลอิ๋งไม่ประกาศสถานะของเธอล่ะ ทำไมต้องรอถึงสองปี”
“ไม่ เรื่องนี้ไม่สำคัญ เรื่องที่สำคัญที่สุดคือ ถ้าเทพอิ๋งเป็นคุณหนูที่แท้จริงของตระกูลอิ๋ง พวกเขายังเอาเธอเป็นคลังเลือดมีชีวิตอีกเหรอ ประสาทหรือเปล่า!”
หลังจากเรียบเรียงเรื่องราวทั้งหมดจนเข้าใจแล้ว พวกนักเรียนแทบไม่อยากเชื่อ
โดยเฉพาะนักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะ
เมื่อก่อนตอนที่อิ๋งจื่อจินอยู่คลาสเด็กอัจฉริยะ คำที่พวกเขาถากถางอิ๋งจื่อจินมากที่สุดคือ
‘คุณหนูตัวปลอม’
‘ลูกเลี้ยงยังกล้าจะมาเทียบชั้นกับนางฟ้าจงนางฟ้าอิ๋ง’
‘เด็กบ้านนอกแค่นี้ก็ไม่เข้าใจ’
หลายคนพากันเอาแต่เรียกว่า ‘ลูกเลี้ยงตระกูลอิ๋ง’
ทั้งยังได้ปลอบอิ๋งเย่ว์เซวียนว่าอิ๋งจื่อจินไม่มีภูมิหลังครอบครัว ตัวปลอมจะมาสู้ตัวจริงได้ยังไง
ตอนนี้กลับกลายเป็นเรื่องน่าขบขันทั้งหมด พวกนักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะต่างหน้าแดงก่ำ ครึ่งหนึ่งเพราะอาย อีกครึ่งหนึ่งเพราะโกรธ
ตอนนี้มานั่งนึกถึงคำพูดพวกนั้นที่อิ๋งเย่ว์เซวียนเคยพูด พวกเขารู้สึกแค่ว่าถูกหลอกแล้ว
อิ๋งเย่ว์เซวียนจะต้องรู้อยู่ก่อนแล้วแน่ว่าตัวเองเป็นลูกเลี้ยง อิ๋งจื่อจินเป็นคุณหนูใหญ่ที่แท้จริง แต่กลับยังมีหน้าแต่งเรื่องมาพูดให้พวกเขาไขว้เขว
บรรดานักเรียนยังคงจมอยู่ในห้วงตะลึงช็อกขนานใหญ่ ไม่ทันสังเกตว่าออดเข้าเรียนดังแล้ว
“ดูอะไรอยู่ ยังดูไม่พออีกเหรอ” อีกด้านหนึ่ง อาจารย์ฝ่ายปกครองยืมไม้หน้าสามมาจากกลุ่มวิชาคณิตศาสตร์ เริ่มไล่นักเรียน “เร็วเข้า กลับไปอ่านหนังสือ”
พวกนักเรียนถึงได้สติ รีบวิ่งไปทางอาคารเรียนอย่างรวดเร็ว
ยังมีคนตะโกนด้วยความหวาดผวา “หนีเร็ว เร็วเข้า ปรมาจารย์กวาดล้างมาแล้ว!”
อาจารย์ฝ่ายปกครอง “…”
…
เวลานี้
ภายในห้องทำงานผู้อำนวยการโรงเรียน
อาจารย์ฝ่ายวิชาการภูมิใจมาก “ผู้อำนวยการครับ ผมทำได้ดีเยี่ยมเลยใช่ไหมครับ”
“ส่งบัตรเชิญถึงมือก็พอแล้ว จะเอาป้ายผ้าไปแขวนทำไม” ผู้อำนวยการปวดหัวมาก
“เดี๋ยวเอาลงด้วยนะ ให้พวกนักเรียนตั้งใจเรียนอย่างสงบ อย่ารบกวนคนอื่น”
“เรื่องนี้จะโทษผมไม่ได้นะครับ” อาจารย์ฝ่ายวิชาการผายมือออก
“ตระกูลอิ๋งส่งป้ายผ้ามาให้เอง แถมยังบอกว่าต้องแขวนจนถึงวันที่ยี่สิบสี่มีนาคม”
ใครจะไปรู้ว่าตระกูลอิ๋งจะโหดขนาดนี้ เล่นระเบิดตัวเอง แบบนี้มันยิ่งกว่าละครชิงรักหักสวาทในครอบครัวที่เขาดูเสียอีก
เขาชอบ
“ใกล้ถึงช่วงสอบเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว” ผู้อำนวยการชี้ปฏิทิน พูดด้วยความกลุ้มใจ
“ผมกังวลว่าคนที่ได้เจ็ดร้อยคะแนนขึ้นไปจะน้อยกว่าปีที่แล้ว”
โรงเรียนอื่นให้ความสำคัญกับเปอร์เซ็นต์ในเขตการศึกษาเดียวกัน แต่ชิงจื้อให้ความสำคัญกับอันดับระดับมณฑลกับอันดับของข้อสอบทั้งประเทศในแต่ละปี
“ผู้อำนวยการวางใจได้ครับ” อาจารย์ฝ่ายวิชาการตบหน้าอกด้วยความมั่นใจ
“ดูอย่างเทพอิ๋ง เธอคนเดียวก็กินขาด การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศเดือนพฤษภา ผมว่าจะตามไปดูด้วย”
การแข่งขันรอบชิงชนะเลิศระดับนานาชาติของไอเอสซีก็สำคัญเหมือนกันสำหรับชิงจื้อ
เรื่องนี้เกี่ยวพันถึงเกียรติของประเทศแล้ว ต้องให้ความสำคัญ ผู้อำนวยการพยักหน้า
“ได้ คุณตามไป พาอาจารย์ไปด้วยอีกสองคน ไปที่ฝ่ายการเงิน ผมจะอนุมัติงบให้”
…
อีกด้านหนึ่ง
ห้องมอหกทับสิบเก้าก็แทบระเบิด
เรื่องที่อิ๋งจื่อจินต่างหากที่เป็นคุณหนูตระกูลอิ๋งตัวจริง แม้แต่เจียงหรานกับซิวอวี่ก็เพิ่งรู้
ซิวอวี่ชี้บัตรเชิญ เป็นครั้งแรกที่โมโหจนตัวสั่น
“เสือจะร้ายแค่ไหนก็ไม่กินลูกตัวเอง ตระกูลอิ๋งนี่มันยิ่งกว่าสัตว์เดรัจฉานอีกนะ”
ถึงแม้ตระกูลซิวจะเละเทะ ผู้เฒ่าซิวไล่เธอออกจากตระกูลซิวอย่างอ้อมๆ แต่ก็ไม่เคยคิดจะเอาชีวิตเธอ
เจียงหรานสีหน้าเรียบเฉย หยิบกระสอบออกมาจากลิ้นชักโต๊ะตัวเอง
“ฉันจะไปจับสองผัวเมียคู่นั้นเดี๋ยวนี้ จากนั้นจะระเบิดหัวให้เละไปเลย”
ซิวอวี่มองค้อนใส่เขา “นายเป็นจอมยุทธ แถมยังเป็นคุณชายตระกูลหลิง มีคนตั้งเท่าไรจับตาดูอยู่ ระวังศาลสถิตยุติธรรมจะมาเอาเรื่องนาย”
ศาลสถิตยุติธรรมเป็นองค์กรที่รักษาความเป็นระเบียบเรียบร้อยในโลกจอมยุทธ ไม่ขึ้นอยู่กับตระกูลใด
เจียงหรานจำต้องอดทนไว้ รู้สึกหงุดหงิด
“งั้นฉันจะไปหาคนอื่น” ขณะพูดเขาก็เตะลูกน้องไปหนึ่งที
ซิวอวี่ขมวดคิ้ว “พ่ออิ๋ง ไม่ล้างแค้นคืนเหรอ”
“มีเหตุย่อมมีผล ทำชั่วย่อมได้รับกรรม ชีวิตชดใช้ด้วยชีวิต” อิ๋งจื่อจินตอบ “ถึงเวลาแล้ว แค่นี้ก็พอแล้ว”
เรื่องเวรกรรมจะว่างมงายก็งมงาย แถมยังเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น
เมื่อใดที่เข้าไปพัวพันก็จะวุ่นวาย
ซิวอวี่เอาหัวโขกโต๊ะอย่างหมดอาลัยตายอยาก
“พ่ออิ๋ง นับวันเธอจะยิ่งเหมือนพวกหมอดูกำมะลอตระกูลตี้อู่ ฉันไม่เข้าใจว่าเธอพูดอะไร”
“ไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไร คนปกติก็ฟังไม่เข้าใจอยู่แล้ว” อิ๋งจื่อจินยื่นมือออกไป
“ขอยืมบัตรเชิญหน่อย จะเอามาถ่ายรูป”
ซิวอวี่ยื่นบัตรเชิญให้เธอ
อิ๋งจื่อจินรับมา ถ่ายเสร็จก็ส่งรูปให้ฟู่อวิ๋นเซิน
[ฝีมือผู้บัญชาการเหรอ]
ต่อให้อิ๋งเจิ้นถิงกับจงมั่นหวาจะไร้สมองขนาดไหนก็ไม่มีทางทำแบบนี้
แต่ไหนแต่ไรมาเธอขี้เกียจจะสนใจเรื่องของตระกูลอิ๋ง พอเห็นตระกูลอิ๋งเธอก็หมดอารมณ์แม้แต่จะกินของหวาน
ฟู่อวิ๋นเซินตอบกลับอย่างรวดเร็ว ยังคงเป็นโทนเสียงแบบไม่จริงจัง
[อ๋อ พี่ชายเอง มีรางวัลให้ไหม]
อิ๋งจื่อจินหลุบตาลง พิมพ์ตอบกลับคำเดียว
[ไม่มี]
คราวนี้ทางนั้นส่งเป็นข้อความเสียงมา
“เยาเยาไร้เยื่อใยขนาดนี้เลยเหรอ ไม่มีก็ไม่เป็นไร พี่ชายเตรียมรางวัลไว้ให้เธอแล้ว อีกไม่กี่วันก็เสร็จ”
อิ๋งจื่อจินนิ่งไปเล็กน้อย ลุกขึ้นแล้วเดินออกจากห้องเรียน
ซิวอวี่เงยหน้าจากกองข้อสอบ “พ่ออิ๋ง จะไปไหน”
“ซื้อของขวัญให้คน” อิ๋งจื่อจินหยุดเดินอีกรอบ “ช่วยฉันเลือกหน่อย”
“ได้ๆ” ซิวอวี่ตามออกไปด้วยความดีใจ ก่อนไปยังไม่ลืมทำหน้าทะเล้นใส่เจียงหราน
เจียงหราน “…”
ยัยXX
เขาหยิบปากกาขึ้นมาอย่างไม่ยอม เปิดหัวข้อเคมีอินทรีย์
…
วันต่อมา
ตอนที่อิ๋งเย่ว์เซวียนมาถึงโรงเรียนป้ายผ้าก็ถูกรื้อออกไปแล้ว
เธอรู้ว่าชื่อเสียงตัวเองไม่ดี และก็ไม่อยากอยู่ในโรงเรียนให้คนมองด้วยสายตาหยามเหยียด
ดังนั้นทุกวันหลังเรียนเสร็จ คาบเรียนด้วยตัวเองสองคาบเธอจึงกลับบ้านตระกูลอิ๋ง
เดิมทีเธอก็เป็นเจ้าของงานเลี้ยงฉลองวันเกิด ย่อมไม่มีบัตรเชิญอยู่ในมือ จึงไม่รู้เรื่องที่เกิดขึ้น
อีกทั้งหลังเกิดเรื่องในเว็บบอร์ด นักเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะก็ยิ่งตีตัวออกห่าง ไม่มีทางบอกอะไรกับเธอ
พออิ๋งเย่ว์เซวียนเข้าไปในห้องเรียนคลาสเด็กอัจฉริยะก็เห็นนักเรียนคนอื่นมองเธอด้วยสายตารังเกียจ ราวกับเธอเป็นขยะสกปรก อารมณ์รุนแรงยิ่งกว่าไม่กี่วันก่อน
ต่อให้อิ๋งเย่ว์เซวียนจะไม่แคร์แค่ไหน แต่ถูกมองแบบนี้นานเข้าก็ทนไม่ไหวเหมือนกัน
“พวกเธอไม่จำเป็นต้องมองฉันแบบนี้” อิ๋งเย่ว์เซวียนหงุดหงิด ในที่สุดก็ทนไม่ไหวพูดขึ้น
“พวกเธอรู้ตัวหรือเปล่าว่าน่ารำคาญ ไม่มีเรื่องอื่นทำแล้วหรือไง พวกเธอวางใจได้ ฉันไม่มีทางลงมือกับพวกเธอ ฉันเรียนเก่งกว่าพวกเธอ แถมยังเป็นคุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋ง อนาคตของฉันจะเจริญก้าวหน้า ใช่ว่าแค่สายตาของพวกเธอจะทำลายได้ ไม่เบื่อกันบ้างเหรอ”
สีหน้าของอิ๋งเย่ว์เซวียนเย็นชา “ถ้าว่างมาทำแบบนี้ฉันว่าเอาเวลาไปทำข้อสอบดีกว่านะ แน่จริงก็ทำคะแนนนำฉันให้ได้ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย”
ถูกกระชากหน้ากากแล้ว เธอก็ไม่จำเป็นต้องรักษามิตรภาพไว้ต่อไป
พอเธอพูดจบ สายตาของเพื่อนร่วมชั้นก็เปลี่ยนเป็นตะลึง
“คุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋งเหรอ” นักเรียนชายคนหนึ่งแสยะยิ้ม “สมัยนี้ยังมีไก่ป่าที่อยากบินขึ้นเขากลายเป็นหงส์อีกเหรอ”
“น่าเสียดายนะ ตัวปลอมก็ยังเป็นตัวปลอมอยู่วันยังค่ำ จะเสแสร้งยังไงก็ยังห่างชั้นกับตัวจริงอยู่เยอะ”
คำพูดพวกนี้แต่ละคำแทงใจดำของอิ๋งเย่ว์เซวียน
เธอหน้าซีด ริมฝีปากสั่น “ว่าไงนะ!”