ตอนที่ 400 อิ๋งจื่อจิน ‘สิบล้าน’
ถึงแม้โซนใจกลางของศูนย์วิจัยแห่งนั้นจะสำคัญมากก็จริง และเป็นการลงทุนของสองมหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกสองแห่งของเมืองมหาวิทยาลัย
แต่เมื่อเทียบกับห้องทดลองของเกอร์เวนก็ยังด้อยกว่าขั้นหนึ่ง
แต่โครงการวิจัยโครงการไหนก็ตามที่เป็นแนววิทยาศาสตร์ก็ล้วนแต่จะเกี่ยวข้องกับฟิสิกส์
หากเกอร์เวนอยากวิจัยอาวุธอิเล็กทรอนิกส์อัจฉริยะจริงก็ง่ายดายมาก
อีกทั้งผู้ช่วยก็เข้าใจดี
ถ้าอิ๋งจื่อจินอยากได้ข้อมูลวิจัยฉบับนี้จริง แค่เธอเอ่ยปาก เกอร์เวนก็สามารถใช้อำนาจขอมาจากศูนย์วิจัยให้ได้
จำเป็นต้องไปขโมยด้วยเหรอ
ผู้ช่วยรู้สึกแค่ว่าเหลวไหลสิ้นดี เขาเดินเข้าไป “คุณอิ๋งครับ”
อิ๋งจื่อจินจำเขาได้ เธอหันไปมองหัวหน้าทีมสืบสวน “เขามาหาฉัน รอเดี๋ยวนะคะ”
หัวหน้าทีมสืบสวนขมวดคิ้ว แต่ก็ไม่ได้ขวาง
นักเรียนหกคนนี้เป็นเพียงผู้ต้องสงสัย พวกเขายังไม่มีสิทธิ์ห้ามเด็กเหล่านี้ตัดขาดจากโลกภายนอก
คนตั้งมากขนาดนี้มองอยู่ก็ทำเรื่องอะไรไม่ได้อยู่ดี
เผยเทียนอี้กลับอึ้ง
ตอนที่เขาคุ้มกันเกอร์เวนกลับยุโรปเคยเจอผู้ช่วยของเกอร์เวน
ทำไมผู้ช่วยคนนี้ถึงนอบน้อมกับอิ๋งจื่อจินแบบนี้
“คุณอิ๋งครับ” ผู้ช่วยหยิบกล่องขนาดเล็กออกมาหนึ่งกล่องยื่นให้อิ๋งจื่อจิน “คราวก่อนคุณรีบร้อนออกไป ศาสตราจารย์ก็ลืมให้ นี่เป็นเครื่องมือทางฟิสิกส์ที่เขาเพิ่งคิดค้นได้ ฝากผมเอามาให้คุณครับ”
โปรเจ็กต์ทดลองหลายโปรเจ็กต์ของเกอร์เวนเป็นความลับทั้งนั้น
ด้วยเหตุนี้ทั้งสองคนจึงคุยกันเบามาก
อิ๋งจื่อจินรับมาดู จากนั้นก็พยักหน้าเล็กน้อย “ฝากขอบคุณศาสตราจารย์ด้วยนะคะ”
“ศาสตราจารย์บอกว่าถ้าขาดเหลืออะไรก็ให้บอกเขาได้ เขามีอำนาจมาก” ผู้ช่วยเอ่ยขึ้นอีกครั้งด้วยความนอบน้อม “เรื่องทีมสืบสวน อยากให้ผมไปเชิญศาสตราจารย์มาไหมครับคุณอิ๋ง”
“ไม่ต้องค่ะ” อิ๋งจื่อจินพิงเก้าอี้ พูดอย่างไม่ใส่ใจ “ฉันแค่หาเงินนิดหน่อย เรื่องเล็กน้อย ยังไม่ต้องให้ศาสตราจารย์ออกหน้าหรอกค่ะ”
เมื่อวานพวกเขากู้ระเบิดกันอยู่นานมาก ก็แสดงว่าตอนนี้เมืองมหาวิทยาลัยไม่ปลอดภัยขั้นสูงสุด
เกอร์เวนเป็นถึงหนึ่งในศาสตราจารย์ชั้นแนวหน้าของโลก ชีวิตเขาย่อมสำคัญมาก
เขาเคยประสบเหตุการณ์ลักพาตัวมาแล้วครั้งหนึ่ง ถ้าอยู่ๆ มาปรากฏตัวต่อหน้าสาธารณชน ก็ยากที่จะรับประกันได้ว่าจะไม่ถูกจับตามองอีก
ผู้ช่วย “?”
ถูกทีมสืบสวนเอาตัวไปสอบสวนยังจะหาเงินได้อีกเหรอ
แต่เขาก็รู้ว่าสถานการณ์ของเกอร์เวนในตอนนี้ต้องระวังให้มาก
ผู้ช่วยก็ไม่ได้เซ้าซี้อีก แค่พยักหน้า “งั้นก็ได้ครับ ถ้าคุณอิ๋งจัดการไม่ได้ ศาสตราจารย์จะต้องให้การช่วยเหลือแน่นอนครับ”
เกอร์เวนคุยให้ทั้งห้องทดลองฟังมานานแล้วว่าเขาบังเอิญเจอเมล็ดพันธุ์ชั้นดีแบบไหนมา
เกอร์เวนยังพูดอีกว่า ถ้าหลังอิ๋งจื่อจินเรียนจบแล้วมาเข้าร่วมห้องทดลอง อย่างมากสุดสิบปีเขาก็จะสามารถคิดค้นยานอวกาศที่ออกไปโลดแล่นนอกโลกได้
เมื่อถึงวันนั้นมนุษย์ก็จะสามารถไปกาแล็กซีอื่นได้ ไปสำรวจจักรวาล หรือแม้กระทั่งยังจะสามารถไปจักรวาลอื่น
ฉากในหนังไซไฟก็จะเป็นจริงได้
ผู้ช่วยออกไปอย่างรวดเร็ว
หัวหน้าทีมสืบสวนโบกมือ “พาตัวไปได้แล้ว”
“พวกเรามาเข้าร่วมการแข่งขัน และก็ไม่ใช่คนที่นี่ พวกคุณไม่มีสิทธิ์เอาตัวพวกเราไป” อิ๋งจื่อจินนั่งอยู่บนเก้าอี้ ไม่ขยับเขยื้อน “ต้องการสอบสวนอะไรก็ทำที่นี่ พวกเราจะให้ความร่วมมือ”
“จริงด้วย” เถิงอวิ้นเมิ่งพูด “ฉันกับพวกเขาอยู่ในโครงการปกป้องอัจฉริยะ ลำพังแค่พวกคุณสงสัยแล้วจะมาทำแบบนี้มันไม่สมเหตุสมผล”
ถ้าถูกเอาตัวไปจริง ต่อให้พ้นข้อสงสัยได้ก็จะถูกเอาไปนินทา
หัวหน้าทีมสืบสวนลังเล หันหน้าไปสั่ง “ให้ผู้เข้าแข่งขันคนอื่นออกไปให้หมด”
พวกลูกน้องรีบเดินเข้าไปเชิญผู้เข้าแข่งขันคนอื่นรวมถึงไอริน่าออกไปจากห้องโถงใหญ่
“ไอริน่า มิน่ายัยคนนั้นถึงได้มีแอ๊กเคานท์ระดับเอของเว็บบอร์ดเอ็นโอเค” นักเรียนหญิงพูดเสียงเบาอยู่ที่ด้านนอกห้องโถงใหญ่ “น่าจะเป็นคนที่ตระกูลไหนส่งมาขโมยข้อมูลของห้องทดลองแน่”
ไอริน่ากวาดตามองนักเรียนหญิง “ไม่จำเป็น”
ใครจะฝังกลบอนาคตตัวเองเพียงเพื่อข้อมูลที่ยังไม่เสร็จสมบูรณ์ของห้องทดลอง
ใครก็ตามที่มีสมองหน่อยย่อมมองออก
…
ภายในห้องโถงใหญ่
“เอาล่ะ ตอนนี้พวกคุณช่วยเอาอุปกรณ์สื่อสารออกมาด้วย” หัวหน้าทีมสืบสวนยกมือ “พวกเราแค่จะตรวจเช็กว่าในโทรศัพท์มือถือกับคอมพิวเตอร์ของพวกคุณไม่มีร่องรอยข้อมูลห้องทดลอง เราจะไม่แตะต้องอย่างอื่นครับ”
อิ๋งจื่อจินเอาโทรศัพท์มือถือกับคอมพิวเตอร์ออกมาให้
อีกห้าคนก็ทำแบบเดียวกัน
หัวหน้าทีมสืบสวนเริ่มตรวจ
“ข้อมูลการทดลองฉบับนี้มีค่ามากเหรอคะ” อิ๋งจื่อจินเงยหน้า “มูลค่าเท่าไร”
เผยเทียนอี้ยังไม่ทันจะตอบ อิ๋งเย่ว์เซวียนก็ชิงพูดก่อน สีหน้าเย้ยหยัน “ไม่ใช่แค่มีค่ามาก แต่มันประเมินราคาไม่ได้ เธอเอาไปก็ไม่มีทางไม่รู้หรือเปล่า”
เผยเทียนอี้เม้มริมฝีปาก “ประมาณนั้น”
“ได้ สิบล้าน” อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้นมองเผยเทียนอี้ “ฉันจะช่วยพวกคุณจับคนร้ายตัวจริงให้ และฉันก็จะไม่มีทางปล่อยให้ข้อมูลการทดลองรั่วไหลไปที่ไหนทั้งนั้น”
อิ๋งเย่ว์เซวียนรู้สึกเพียงว่าเป็นเรื่องตลกสิ้นดี “อิ๋งจื่อจิน เธอพูดเรื่องตลกอะไรน่ะ”
เผยเทียนอี้กลับรู้สึกว่าวิธีนี้ดีเยี่ยม
เขาเคยเห็นฝีมือทางด้านคอมพิวเตอร์ของอิ๋งจื่อจินมาแล้ว
เธอพูดแบบนี้ได้ก็แสดงว่าทำได้แน่นอน
เผยเทียนอี้ครุ่นคิดเล็กน้อยแล้วพยักหน้า “ได้”
อิ๋งเย่ว์เซวียนรู้สึกเหลือเชื่อ “รุ่นพี่!”
“ในนี้มีสิบล้านดอลลาร์” เผยเทียนอี้ส่ายมือให้อิ๋งเย่ว์เซวียน เขาเดินขึ้นหน้า “คุณ…”
ยังไม่ทันที่เขาจะพูดจบ ทันใดนั้นหัวหน้าทีมสืบสวนที่อยู่ข้างๆ ก็ตบโต๊ะ เงยหน้าพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณอิ๋ง ไม่ทราบว่าคุณจะอธิบายยังไง ข้อมูลการทดลองพวกนี้อยู่ในคอมพิวเตอร์ของคุณ”
เผยเทียนอี้หันขวับ มองหน้าจอคอมพิวเตอร์
เขาคุ้นเคยมาก นั่นก็คือข้อมูลการทดลองของพวกเขา
“รุ่นพี่ ฉันบอกแล้วไงคะ” อิ๋งเย่ว์เซวียนแสยะยิ้ม “ฉันบอกแล้วว่าเธอขโมยไป”
เผยเทียนอี้แอบรับไม่ค่อยได้
อิ๋งจื่อจินทำเรื่องแบบนี้จะลือไปในแวดวงคนระดับสูงของวงการวิจัยวิทยาศาสตร์ได้เร็วมาก
ถ้าต่อไปเธออยากทำงานวิจัยก็ไม่มีหนทางเหลืออีก
เผยเทียนอี้ลำเอียงเข้าข้างอิ๋งเย่ว์เซวียนก็จริง แต่เขาก็ยอมรับว่าอิ๋งจื่อจินเก่งมาก
ถ้าเธอเข้ามาอยู่วงการวิจัยจะต้องก้าวหน้าไปไกลแน่นอน
“ไม่ใช่จื่อจินแน่นอน!” เถิงอวิ้นเมิ่งโกรธมาก “เธอไม่มีทางขโมยข้อมูลการทดลอง”
น้ำเสียงของหัวหน้าทีมสืบสวนเย็นชายิ่งกว่าเดิม “หลักฐานอยู่ตรงนี้ ยังมีอะไรจะพูดอีกไหม”
“อืม มีค่ะ” อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น “ ฉันมีหลักฐานให้อีกอย่าง”
เธอยื่นมือออกจากกระเป๋าเสื้อ จากนั้นก็มีแผ่นเหล็กกลมที่ขนาดเท่าเล็บไปวางอยู่บนโต๊ะ
พออิ๋งเย่ว์เซวียนเห็นแผ่นเหล็กนี้ก็หน้าซีด เอามือคลำเสื้อผ้าตัวเองโดยอัตโนมัติ
แต่เธอคลำแล้วไม่เจออะไร
มันเรื่องอะไรกัน แผ่นเหล็กกลมอันนั้นทำไมถึงไปอยู่ในมืออิ๋งจื่อจิน
แล้วทำไมเธอไม่รู้สึกตัวเลยสักนิด!
ทั้งๆ ที่เธอกับอิ๋งจื่อจินอยู่ห่างกันตั้งหนึ่งเมตร
“นี่คืออะไร” หัวหน้าทีมสืบสวนมองแล้วขมวดคิ้วเล็กน้อย
“นี่เป็นแฟลชไดร์ฟแบบไร้สายค่ะ” อิ๋งจื่อจินตอบ “แต่ประสิทธิภาพดีกว่าแฟลชไดร์ฟไร้สายทั่วไป ไม่ต้องสัมผัส หรือแม้กระทั่งไม่ต้องเชื่อมต่อ ขอแค่อยู่ในพื้นที่เดียวกันกับอุปกรณ์อื่นก็สามารถถ่ายโอนข้อมูลได้ตามใจชอบ ถ้าไฟร์วอลอ่อนแอหน่อยก็สามารถถูกทำลายได้โดยอัตโนมัติ”
เธอเงยหน้าเล็กน้อย “นี่เป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ของสาขาคอมพิวเตอร์มหาวิทยาลัยตี้ตูค่ะ
หัวหน้าทีมสืบสวนกับเผยเทียนอี้ต่างอึ้งไปตามๆ กัน
ช่วงไม่กี่ปีมานี้สาขาคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยตี้ตูพัฒนาไปเร็วมาก ขึ้นไปอยู่ชั้นแนวหน้าของโลกแล้ว
เทคโนโลยีบางอย่างแม้แต่ทางยุโรปก็ไม่มี
มหาวิทยาลัยตี้ตูสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์แบบนี้ออกมาได้ก็ค่อนข้างสมเหตุสมผล
“ในนั้นมีบันทึกการโอนถ่ายข้อมูล และก็มีรอยนิ้วมือ” อิ๋งจื่อจินเชิดคางขึ้น “พวกคุณลองไปตรวจสอบดูค่ะ”
หัวหน้าทีมสืบสวนสวมถุงมือ หยิบเอาไปให้ลูกน้องอีกคนหนึ่ง
พวกเขาเตรียมเครื่องไม้เครื่องมือมาพร้อม สามารถตรวจสอบได้เลยตอนนี้
บนหน้าผากของอิ๋งเย่ว์เซวียนเริ่มมีเหงื่อผุด มือก็สั่น
ไม่ถึงห้านาทีผลการตรวจสอบก็ออกมา
“หัวหน้า ตรวจเรียบร้อยครับ บนนั้นมีรอยนิ้วมือของคนแค่คนเดียว” ลูกน้องพูด “เมื่อเทียบกับรอยนิ้วมือที่อยู่ในคลัง พบว่ารอยนิ้วมือนี้เป็นของผู้เข้าแข่งขันไอเอสซีที่ชื่ออิ๋งเย่ว์เซวียนครับ”
“และในนั้นก็มีบันทึกการโอนถ่ายข้อมูลจริง ข้อมูลแสดงเวลาเมื่อวานบ่ายสี่โมงกับวันนี้เจ็ดโมงเช้าสิบนาทีครับ”
ใครก็ตามที่เข้าเมืองมหาวิทยาลัยจะต้องถูกบันทึกใบหน้าและเก็บรอยนิ้วมือ
ด้วยเหตุนี้ผลการเทียบถึงได้ออกมาเร็วมาก
อิ๋งเย่ว์เซวียนหน้าซีดเผือดในทันที
เผยเทียนอี้เงยหน้ามองเธอด้วยสีหน้าเหลือเชื่อ “เย่ว์เซวียน?”
ถึงแม้อิ๋งเย่ว์เซวียนจะไม่ได้แตะต้องคอมพิวเตอร์ แต่เขาก็ได้ปลดล็อกรหัสตอนให้เธอดูข้อมูลอย่างอื่น
ตอนนั้นไฟร์วอลจะอ่อนแอมาก
อีกทั้งเจ็ดโมงสิบนาที ไม่ใช่เวลาที่พวกเขาเพิ่งตามทีมสืบสวนมาถึงที่นี่หรอกเหรอ
“ปลอมแปลงรอยนิ้วมือก็ง่ายเหมือนกัน” อิ๋งเย่ว์เซวียนพยายามคุมสติ แต่เสียงยังคงสั่น “มีใครไม่รู้บ้างว่าเธอมีความแค้นกับฉัน ใส่ร้ายฉันแบบนี้เพื่ออะไร”
“กล้องวงจรปิดที่นี่จับภาพไม่ได้ แต่ที่มหาวิทยาลัยตี้ตูมี” อิ๋งจื่อจินหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาพลางพูด “ต้องการให้ฉันโทรหาสาขาคอมพิวเตอร์ของมหาวิทยาลัยตี้ตูไหม ให้พวกเขาลองเช็กดูว่ามีแฟลชไดร์ฟไร้สายหายไปอันนึงหรือเปล่า”