ตอนที่ 407 พ่ออิ๋งปกป้องเพื่อน หมัดเดียวจอด
ถุงหอมถูกตัดเย็บอย่างไม่มีคุณภาพจริงๆ แหลกเป็นผุยผงอยู่บนพื้น
เด็กหนุ่มผมน้ำตาลเหยียบขยี้ จงใจเหยียดหยามเฟิงเย่ว์ ขยี้ไม่กี่ทีถุงหอมก็แหลก
พอถุงแตกออก สมุนไพรที่อิ๋งจื่อจินใส่ไว้ก็กระจายบนพื้น เปรอะเปื้อนสิ่งสกปรก
เห็นได้ชัดว่าใช้การไม่ได้แล้ว
เฟิงเย่ว์มองด้วยสายตาเจ็บปวด แต่ก็เข้าไปห้ามไม่ได้
เด็กหนุ่มมองด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความรังเกียจ เขายกเท้าเตะเศษถุงหอมให้กระเด็นไปไกลๆ
“คิดว่าจะใส่ของดีอะไรไว้ แค่นี้เหรอ เหม็นสาบคนจนว่ะ”
เขาดูถูกคนเอเชียมาตลอด
มีคนเอเชียมาเรียนที่นี่ วันไหนเกิดเขาเห็นแล้วขัดหูขัดตาก็จะเข้าไปรังแก
ครั้งนี้เกี่ยวพันถึงไอริน่า เด็กหนุ่มผมน้ำตาลยิ่งยอมไม่ได้
แถมช่วงนี้ไม่ได้มีเรื่องกับใครเลย เริ่มคันไม้คันมือ ใครใช้ให้หมอนี่ปากดีจนเขามาได้ยินเข้าล่ะ
“ฉันขอเตือนแกนะ อยู่ในดินแดนของคนอื่นก็อย่าปากดีให้มันมากนัก” เด็กหนุ่มหวดหมัดเข้าที่ใบหน้าของเฟิงเย่ว์อีกครั้ง แสยะยิ้มใส่
“คำพูดบางอย่างพวกฉันพูดตามใจได้ แต่แกไม่ได้ เพราะแกไม่มีสิทธิ์ เข้าใจ?”
เตือนอีกครั้งเสร็จเขาถึงปล่อยมือ
เฟิงเย่ว์ทรุดลงไปบนพื้น มุมปากมีเลือดซึม
ผ่านไปสักพักเขาถึงหายหูอื้อ ฝืนลุกขึ้น
เฟิงเย่ว์เม้มริมฝีปาก เดินไปที่ถังขยะ เก็บถุงหอมที่ขาดเป็นเศษเล็กเศษน้อยขึ้นมาแล้วเอาเข้ากระเป๋าเสื้ออีกครั้ง
เขาล้มเลิกความคิดที่จะไปตลาดนัด สวมผ้าปิดปากแล้วกลับหอพัก
คนที่ได้โควตาผ่านเข้ารอบชิงชนะเลิศรวมกันทั่วโลกมีอยู่แค่ร้อยกว่าคน จึงพักอยู่ในหอพักเดียวกัน
ก็แค่นักเรียนชายพักอยู่ชั้นล่าง นักเรียนหญิงพักชั้นที่สูงขึ้นไป ห้ามนักเรียนชายขึ้นไป
ชั้นหนึ่งมีซูเปอร์มาเก็ตแบบไร้คนขาย ข้าวของครบครัน
เฟิงเย่ว์ก็ไม่ได้คิดจะเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เขาซื้อยากับผ้าพันแผลที่ซูเปอร์มาร์เก็ตเสร็จก็ขึ้นห้อง
เด็กหนุ่มผมน้ำตาลจงใจต่อยหน้าเขา บาดแผลไม่ใช่เล็กๆ ปิดบังได้ยาก
เฟิงเย่ว์คิดไว้ว่า พอถึงเวลาถ้ามีคนถามขึ้นมา เขาก็จะบอกว่าตัวเองล้ม จะปล่อยให้เพื่อนคนอื่นถูกรังแกไม่ได้อีก
ในขณะที่เขากำลังใส่ยาให้ตัวเอง เถิงอวิ้นเมิ่งกับเพื่อนอีกสามคนก็ได้ลงมาหาเขาเพื่อถกประเด็น หลังจากเห็นสภาพของเฟิงเย่ว์ เถิงอวิ้นเมิ่งก็ตกใจหน้าถอดสี “เฟิงเย่ว์ เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
“ไม่มีอะไร” เฟิงเย่ว์ร้องซี้ด กลั้นใจ “ฉันล้มมาน่ะ”
“นายพูดโกหกได้หน้าตาเฉย” เถิงอวิ้นเมิ่งโมโหจนหัวเราะ “แบบนี้คือไปมีเรื่องมาชัดๆ”
“มองออกเลยเหรอ” เฟิงเย่ว์ยิ้มเศร้า
“ถูกแฟนคลับของไอริน่าต่อยมา แต่ฉันก็ต้องโทษตัวเองด้วยที่ไม่ระวังคำพูด”
“มีสิทธิ์อะไรมาต่อยนาย” เถิงอวิ้นเมิ่งโมโหยิ่งกว่าเดิม
“พวกเขาพูดจาแย่กว่าอีก คำพูดหยาบคายก็ขุดมาใช้หมด คิดว่าตัวเองเป็นผู้พิพากษาหรือไง”
เฟิงเย่ว์ก้มหน้า “ใครใช้ให้พวกเรามาอยู่ในดินแดนของพวกเขาล่ะ ถ้าอยู่บ้านเราคงไม่มีทางเกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นแน่นอน”
อาจารย์ที่มาด้วยในครั้งนี้มีศาสตราจารย์จั่วหลีกับศาสตราจารย์กิตติมศักดิ์หลายคนของมหาวิทยาลัยตี้ตู
แต่พวกศาสตราจารย์พักอยู่อีกตึกหนึ่ง ห่างจากที่นี่ไกลมาก
“เมิ่งเมิ่ง ห้ามบอกเรื่องนี้กับเทพอิ๋งเด็ดขาดนะ” เฟิงเย่ว์นึกเรื่องสำคัญที่สุดขึ้นมาได้
“ฉันกลัวเทพอิ๋งไปเอาเรื่อง”
เถิงอวิ้นเมิ่งยังไม่ทันตอบก็มีเสียงเย็นชาพูดขึ้น “ฉันได้ยินแล้ว” เฟิงเย่ว์ตกใจ หันขวับ
อิ๋งจื่อจินยืนกอดอกพิงประตูอยู่
แววตาของเธอไร้ความอบอุ่น ไม่ว่าใครก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศกดดัน ชวนให้หายใจไม่ทั่วท้อง
“ทะ…เทพอิ๋ง เธอ…” เฟิงเย่ว์พูดติดอ่าง “ทำไมเธอถึงกลับมาเวลานี้”
“ดูท่าจะพอดี” อิ๋งจื่อจินเดินเข้ามา “ไม่อย่างนั้นฉันคงไม่รู้เรื่อง แต่แค่มองนายก็ดูออกว่าถูกคนต่อยมา”
เธอดูบาดแผลบนใบหน้าเฟิงเย่ว์แล้วหยิบตลับยาออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “เอาไปทา”
เฟิงเย่ว์รีบเปิดตลับยา ข้างในเป็นยาทาเนื้อสีขาว
เขาไม่ลังเล เอาก้านพันสำลีป้ายยาขึ้นมาทาตรงบาดแผล
ไม่เพียงแต่จะไม่เจ็บ กลับให้ความรู้สึกเย็นๆ
เฟิงเย่ว์พูดเสียงลอดตามไรฟัน จงใจเปลี่ยนเรื่องคุย
“อืม เทพอิ๋ง ยาของเธอเจ๋งมากเลย ไม่รู้ว่าฉันรู้สึกไปเองหรือเปล่า เหมือนบาดแผลของฉันเริ่มดีขึ้นแล้ว ซื้อที่ไหนเหรอ ฉันอยากซื้อบ้าง”
“อย่าพูดมาก”
“…” เฟิงเย่ว์รีบหุบปาก
อิ๋งจื่อจินเดินออกไป เรียกนักเรียนหญิงคนหนึ่งที่อยู่ตรงบันได เธอพูดเข้าประเด็น
“รบกวนหน่อย รู้ไหมว่าไอริน่าอยู่ที่ไหน”
“ทะ…เธอน่าจะอยู่ที่โฮมปาร์ตี้ตรงถนนเลขที่สิบสี่” นักเรียนหญิงพูดติดๆ ขัดๆ
“พะ…พรุ่งนี้จะจับฉลากแล้ว เธอมีเพื่อนเยอะ พากันไปฉลองให้เธอหมด”
โฮมปาร์ตี้ ชื่อภาษาจีนคือฮงพา เป็นสถานที่สำหรับจัดงานปาร์ตี้ส่วนตัว
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ขอบคุณมาก”
“คะ…คือ…เธอ” นักเรียนหญิงรวบรวมความกล้า “ทะ…เธอสวยมากเลย ฉันขอถ่ายรูปคู่ได้ไหม”
“มีเรื่องด่วน ไว้ค่อยว่ากันนะ” อิ๋งจื่อจินกลับเข้าห้องของเฟิงเย่ว์อีกครั้ง สายตาเย็นชา
“ฉันจะเรียกรถตอนนี้ ไปด้วยกัน”
…
สิบห้านาทีต่อมา
ณ โฮมปาร์ตี้ ถนนเลขที่สิบสี่
คนจัดงานปาร์ตี้ของเด็กวัยรุ่นในวันนี้ไม่ใช่ไอริน่า แต่เป็นพวกผู้ชายที่ตามจีบเธอ
เด็กหนุ่มผมน้ำตาลก็อยู่ด้วย เขากำลังเล่าเรื่องที่เมื่อครู่ต่อยเฟิงเย่ว์ให้คนอื่นฟังอย่างสนุกสนาน
ประตูถูกถีบออกในเวลานี้ เสียง “ตึง” ดังสนั่น กลบเสียงเพลงทั้งหมด
ไอริน่าหันมา พอเห็นคนที่มาเธอก็ขมวดคิ้ว
“ฉันจำได้ว่าไม่ได้ชวนพวกเธอนะ” นักเรียนคนอื่นก็หยุดทุกอย่างที่ทำอยู่ พากันมองมา
อิ๋งจื่อจินกวาดตามอง “เฟิงเย่ว์ ชี้ตัว คนไหน”
เฟิงเย่ว์อ้าปาก “เทพอิ๋ง ฉัน…”
เขารู้ว่าอิ๋งจื่อจินทะเลาะวิวาทเก่ง คนเดียวสู้กับผู้ชายหลายคนได้ไม่มีปัญหา ไม่ได้รับบาดเจ็บแน่นอน
แต่เธอเป็นผู้เข้าแข่งขัน ถ้าลงไม้ลงมือก็มีความเป็นไปได้ที่จะถูกตัดสิทธิ์
อิ๋งจื่อจินยังคงยืนยันคำเดิม “ชี้ตัว”
เฟิงเย่ว์ยังไม่ทันได้ตอบ เด็กหนุ่มผมน้ำตาลก็ยืนขึ้น สีหน้าหยามเหยียด
“โอ๊ะ ไปเรียกคนมาช่วยเหรอ แถมยังเป็นผู้หญิงด้วย บอกมาซิ อยากให้ฉันต่อยเธอยังไง”
เถิงอวิ้นเมิ่งมุมปากกระตุก
เธอไม่เคยเจอเลยจริงๆ มีคนเสนอตัวรนหาที่ตายด้วย
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “เขาเหรอ”
สองคำของเธอถึงแม้จะเป็นคำถาม แต่น้ำเสียงราบเรียบ
เมื่อแน่ใจแล้วก็จัดการง่าย
อิ๋งจื่อจินถกแขนเสื้อขึ้น เดินขึ้นหน้า
ใบหน้าของเด็กหนุ่มยังคงมีรอยยิ้มดูถูก “ทำไม คิดจะทำ…”
ยังไม่ทันพูดจบเขาก็รู้สึกจุกที่ลำคอ
วินาทีถัดมาเขาก็ถูกอัดเข้ากำแพง
มือข้างหนึ่งของอิ๋งจื่อจินจับคอเสื้อของเด็กหนุ่มผมน้ำตาลแล้วกระชากขึ้นมา
ภาพเหตุการณ์นี้ไม่มีใครคาดคิด ไอริน่าก็อึ้ง ไม่กี่วินาทีถัดมาก็มีเสียงพวกนักเรียนหญิงกรีดร้องด้วยความตกใจ
เฟิงเย่ว์พึมพำ “อื้อหือ”
ตอนนั้นที่อยู่ไดนาสตี้เคทีวี เขาสลบไปแล้ว ไม่ได้เห็นฝีมือของอิ๋งจื่อจินกับตา หลังเกิดเรื่องก็เห็นแค่ในคลิป
ในคลิปเห็นแค่ไกลๆ ไม่เร้าใจเท่าอยู่ในสถานการณ์จริง
เด็กหนุ่มผมน้ำตาลไม่คาดคิดว่าเขาจะถูกทำแบบนี้ สายตาดุดัน “อยากตายเหรอ!”
เขาอยากสู้กลับทันที แต่กลับรู้สึกเพียงว่าแขนขาชาไปหมด หมดแรงในชั่วขณะ
อิ๋งจื่อจินหันมามองเฟิงเย่ว์
“เมื่อกี้เขาทำร้ายนายยังไง นายก็เอาคืนแบบนั้น”
เฟิงเย่ว์ยังอยู่ในอาการตะลึงไม่ได้สติ ไม่กี่วินาทีถัดมาเขาก็เดินขึ้นหน้า พูดด้วยความลังเล
“เทพอิ๋ง จะเป็นเรื่องหรือเปล่า”
อิ๋งจื่อจินพูดแค่ว่า “ลุย”
เฟิงเย่ว์เลิกลังเลทันที เขากำหมัดแล้วต่อยเข้าที่หน้าเด็กหนุ่มผมน้ำตาล
เด็กหนุ่มโมโหมาก “ไอ้บ้าเอ๊ย แก…” เป็นอีกครั้งที่เขายังไม่ทันพูดจบ เพราะเฟิงเย่ว์ซัดเข้ามาอีกหมัด
หลังจากต่อยไปสองหมัดเฟิงเย่ว์ก็สะบัดมือด้วยความเจ็บ
“เทพอิ๋ง ฉันต่อยเสร็จแล้ว”
ปิดเทอมหน้าร้อนเขาต้องไปเรียนต่อยมวยซะแล้ว
“ฉันว่ายังไม่พอ” อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น
“สงครามสมัยก่อน ประเทศจีนของพวกเรามีคำพูดหนึ่งที่ว่า ใครไม่รังแกเรา เราไม่รังแกคนอื่น แต่ถ้าใครหาเรื่องเรา เราต้องสู้กลับ”
“ฉันจะใช้ขนบธรรมเนียมของพวกเรามาสอนนายว่าแบบไหนที่เรียกว่า วิธีรับรองแขก ความรู้สึกที่ดิ้นไปไหนไม่ได้ นายจะได้เรียนรู้”
มือข้างหนึ่งของอิ๋งจื่อจินจับตัวเด็กหนุ่มผมน้ำตาลไว้ มืออีกข้างที่ว่างอยู่ชูหมัดขึ้น ต่อยเข้าไปอีกครั้ง
หมัดนี้เหมือนไม่แรงเท่าหมัดของเฟิงเย่ว์ แต่เทียบได้กับเฟิงเย่ว์ต่อยเข้าไปหลายหมัด
เด็กหนุ่มผมน้ำตาลสมองตื้อ หน้ามืด เกือบสลบไป กลิ่นคาวเลือดพุ่งขึ้นมาจุกที่ลำคอ มีกลิ่นสนิมแผ่ซ่าน เด็กหนุ่มผมน้ำตาลเคยรังแกคนเอเชียมาไม่น้อย ไม่เคยคาดคิดว่าสักวันหนึ่งจะถูกเด็กสาวเอเชียอัด
“เรื่องนี้ให้จบๆ กันไป” ในที่สุดไอริน่าก็ทนดูต่อไปไม่ไหว รู้สึกหงุดหงิด
“พวกผู้ชายขัดแย้งกันส่วนตัวนิดหน่อยก็เรื่องปกติ เธอมายุ่งอะไรด้วย”
เธอเห็นอิ๋งจื่อจินแล้วขัดหูขัดตา ไม่เชิงไม่ชอบ ก็แค่หงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก
คล้ายกับเป็นศัตรูที่เธอเกลียดมาก
แต่ไอริน่าก็เอาความคิดนี้ออกจากสมองอย่างรวดเร็ว ทั้งยังรู้สึกว่าความคิดของเธอมันน่าขำสิ้นดี ต่อให้เธอรำคาญศัตรูคนนี้มาก แต่เธอก็ต้องยอมรับว่า ใช่ว่าใครจะมาเทียบได้
อิ๋งจื่อจินไม่ได้มองไอริน่า ไม่แม้แต่จะชายตา
เธอเอามือหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งตรงกระเป๋าเสื้อของเด็กหนุ่มผมน้ำตาลแล้วโยนลงพื้น
คนที่อยู่ในรูปถ่ายใบนี้คือไอริน่า เด็กหนุ่มผมน้ำตาลชอบมากเลยพกติดตัวไว้ตลอด
อิ๋งจื่อจินเตะหนึ่งที รูปถ่ายกระเด็นไปตรงหน้าเฟิงเย่ว์
“ฉีกมันซะ”