ตอนที่ 447 ห้ามหาเรื่อง ถูกแฉหนัก
พอได้ยินหมอพูดแบบนี้ จงมั่นหวาก็อึ้ง ริมฝีปากสั่น “ปลูกถ่ายตับเหรอคะ”
อาการป่วยของอิ๋งเจิ้นถิงรุนแรงถึงขั้นต้องปลูกถ่ายตับแล้วเหรอ
“ทางโรงพยาบาลตรวจในระบบให้แล้ว ไม่มีที่เข้ากันได้เลยครับ” หมอเจ้าของไข้พยักหน้าเล็กน้อย
“หาตับมาปลูกถ่ายหายากพอๆ กับไตเลยครับ คนที่ยินดีบริจาคก็มีน้อยมาก ผมขอแนะนำญาติที่มีความสัมพันธ์ทางสายเลือดโดยตรงสามรุ่นมาลองตรวจดูนะครับ”
“ดูจากอาการของคุณอิ๋งในตอนนี้ เกรงว่าจะไม่มีเวลารอตับจากที่อื่นแล้วครับ”
ตับกับไตไม่เหมือนกัน
เมื่อตับถูกตัดทิ้งไปส่วนหนึ่ง จะสามารถงอกกลับมาได้ภายในสามเดือน
ขอแค่ดูแลหลังการผ่าตัดให้ดี ก็จะไม่ส่งผลกระทบต่อร่างกายมากนัก
แน่นอนว่าก็อาจเกิดเหตุการณ์ไม่คาดคิดได้เช่นกัน
อีกทั้งเดิมทีตับก็เป็นอวัยวะกำจัดของเสีย มีความอ่อนแออยู่เสมอ
ต่อให้ตัดทิ้งแล้วงอกออกมาใหม่ได้ก็ไม่มีทางแข็งแรงดังเดิม
มีหลายอย่างที่กินไม่ได้ ต้องรักษาสุขภาพ มีข้อจำกัดมากทีเดียว
การบริจาคอวัยวะโดยทั่วไปล้วนต้องเซ็นยินยอมกันหลังมีคนตาย ด้วยเหตุนี้ตับและไตจึงเป็นสิ่งที่รอได้ยากมาตลอด
ผู้ป่วยหลายคนเสียชีวิตระหว่างที่รอ
อิ๋งเทียนลี่ว์ขมวดคิ้ว พยักหน้า “ผมจะไปตรวจ ถ้าเข้ากันได้ก็เอาของผมเลยครับ”
“ไม่ได้!” จงมั่นหวาตกใจคำพูดนี้ พูดแทรกขึ้นมาทันที “เกิดผิดพลาดระหว่างผ่าตัดจะทำยังไง แม่มีลูกชายคนเดียว ถ้าลูกเป็นอะไรไปแล้วแม่จะทำยังไง”
“แล้วแม่จะเอายังไงครับ” อิ๋งเทียนลี่ว์ชักหงุดหงิด “ถ้าอยากช่วยพ่อก็ต้องมีตับไปปลูกถ่าย ถ้าผมไม่ลองไปตรวจดูแล้วจะหาตับมาจากไหน”
ร่างกายนี้พ่อแม่ให้มา
ไม่ว่าอย่างไรอิ๋งเจิ้นถิงก็เป็นพ่อแท้ๆ ของเขา
อิ๋งเจิ้นถิงกับจงมั่นหวาเลือดเย็นกับคนในครอบครัวได้ แต่เขาทำไม่ได้
“คือ คือ…” จงมั่นหวาลำบากใจ พูดตะกุกตะกัก
“ให้ ให้คนอื่นในตระกูลอิ๋งมาตรวจก่อน ถ้าเข้ากันไม่ได้ค่อยว่ากัน”
เธอเน้นย้ำเสียงแข็ง “เอาเป็นว่าลูกอย่าเพิ่ง”
อิ๋งเทียนลี่ว์เป็นลูกชายแท้ๆ ของเธอ เธอไม่มีทางปล่อยให้เขาเสี่ยงอันตราย
ถึงแม้ตระกูลอิ๋งจะเบียดเข้าไปอยู่วงการไฮโซของตี้ตูไม่ได้ แต่ก็เป็นตระกูลใหญ่มีกิจการใหญ่ในตี้ตู ยังจะหาตับมาเปลี่ยนไม่ได้เลยเหรอ
อิ๋งเทียนลี่ว์ชะงัก เงียบไปชั่วขณะ ทันใดนั้นก็พูดขึ้น
“แม่บอกผมมาดีกว่าว่า ตอนที่คุณหมอบอกให้หาตับมาปลูกถ่าย ตัวเลือกที่เหมาะสมที่แม่นึกถึงเป็นคนแรกคือใคร”
หมอเจ้าของไข้ได้ยินแบบนี้ก็รู้ว่าความขัดแย้งในครอบครัวเริ่มมาแล้ว
เขาไม่อยากเข้าไปยุ่งเรื่องในตระกูลอิ๋ง จึงรีบร้อนกลับห้องทำงานไปพักผ่อนทันที
จงมั่นหวาสีหน้าเปลี่ยน เธอเม้มริมฝีปาก หงุดหงิดใจ
“แม่จะมีตัวเลือกอะไรได้ ตระกูลอิ๋งแตกสายไปตั้งมากมาย แม่ไม่ได้รู้จักทุกคนเสียหน่อย”
อิ๋งเทียนลี่ว์มองแม่ อยู่ๆ ก็แสยะยิ้ม “แม่โกหก คนแรกที่แม่นึกถึงคือจื่อจิน”
จงมั่นหวาถูกพูดแทงใจดำ ใบหน้าแดงก่ำ ปฏิเสธเสียงแข็ง
“แม่เปล่านะ นั่นก็ลูกแท้ๆ ของแม่ แม่จะให้มาบริจาคได้ยังไง”
ในความเป็นจริงเธอก็มีความคิดแบบนี้จริงๆ แต่ก็สลัดทิ้งไปอย่างรวดเร็ว
อิ๋งเทียนลี่ว์รู้สึกเหลือเชื่อ “แม่คิดใช่ไหมว่าไหนๆ เธอก็ถูกบังคับให้เป็นคลังเลือดมีชีวิตมาหนึ่งปีแล้ว เอามาเป็นคลังอวัยวะอีกก็ไม่เห็นเสียหาย แม่ใช้ประโยชน์จากเธอจนชินแล้วใช่ไหม”
“หยุดนะ” จงมั่นหวาสีหน้าแย่ลงกว่าเดิม “ใช้ประโยชน์อะไรกัน”
“วันนี้ผมขอพูดไว้ตรงนี้เลย” อิ๋งเทียนลี่ว์พูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เธออุตส่าห์ไปจากบ้านตระกูลอิ๋งแล้ว ตอนนี้เธอมีชีวิตที่ไม่ต้องแคร์พวกคนที่แอบนินทาว่าร้ายแล้ว แม่ห้ามไปยุ่งกับเธออีก”
“อีกอย่างแม่ก็ไปเอาเรื่องเธอไม่ได้หรอก ระวังสุดท้ายจะไม่ได้สักอย่าง”
อิ๋งเทียนลี่ว์ไม่ได้พูดเรื่องที่อิ๋งจื่อจินรู้จักกับตระกูลเนี่ย ตระกูลมู่ ตระกูลตี้อู่
เขารู้จักจงมั่นหวาดีเกินไป
ถ้าจงมั่นหวารู้เรื่องนี้จะยิ่งมองอิ๋งจื่อจินเป็นสินค้า จากนั้นก็อาศัยเธอเป็นสะพานสร้างสัมพันธ์กับตระกูลเหล่านั้น
จงมั่นหวาสีหน้าเปลี่ยนทันที “อิ๋งเทียนลี่ว์ ลูกหมายความว่ายังไง”
อะไรคือเธอไปเอาเรื่องไม่ได้
‘เอาเรื่องไม่ได้’ คำนี้ควรเอามาใช้ระหว่างพ่อแม่กับลูกเหรอ
“แม่เข้าใจความหมายของผมดี” อิ๋งเทียนลี่ว์ไม่อยากพูดมากกับจงมั่นหวาอีก หันตัวเดินออก
“ผมจะไปตรวจดู”
“ดื้อ พวกลูกมันดื้อจริงๆ” จงมั่นหวาโกรธจนตัวสั่น แน่นหน้าอก
“แต่ละคนไม่ฟังแม้แต่คำพูดของพ่อแม่!”
เธอพยายามสงบสติอารมณ์ จากนั้นก็แจ้งข่าวพวกญาติๆ ในนามของอิ๋งเจิ้นถิง เพื่อให้พวกเขามาตรวจ
…
สองวันต่อมา
กระแสเรื่องอันดับหนึ่งของการสอบเริ่มซาลง แต่ยังคงติดอันดับคำค้นยอดนิยม
ทว่าก็เกิดกระแสฮือฮาขึ้นอีกครั้ง
เรื่องทุกอย่างที่เทียนสิงมีเดียเคยทำได้ถูกแฉออกมา เขียนบรรยายอย่างชัดเจน
หนึ่งในนั้นเรื่องที่ได้รับความสนใจของชาวเน็ตมากที่สุดคือ บันทึกการสนทนาวีแชทของภายในเทียนสิงมีเดีย
ในบันทึกสนทนานี้คุยกันเรื่องจะหาแฟนให้ซังเย่าจืออย่างไร แถมตัวเลือกคนที่จะมาเป็นแฟนยังต้องทำให้แฟนคลับของซังเย่าจือเกลียดเข้าไส้ได้อีกด้วย
ในบันทึกสนทนามีหลายชื่อ หนึ่งในนั้นก็คือดาราสาวที่เพิ่งทำผิดกฎหมายเมื่อไม่นานมานี้
นอกจากนี้ยังมีแผนทำลายดาราอีกหลายคนในสังกัดของชูกวงมีเดีย
ถึงขั้นที่ว่ายังมีพฤติกรรมผิดกฎหมายอีกไม่น้อยและเกี่ยวพันถึงวงการสีเทา เช่น การค้าอวัยวะมนุษย์ ลักพาตัวคน
นี่ไม่ใช่แค่การเล่นงานภายในวงการบันเทิงแล้ว ยกระดับถึงขั้นทำผิดกฎหมาย
[อื้อหือ ปูเสื่อรอยาวๆ]
[เรื่องใหญ่แบบนี้ต้องย้ายไปมุงในท้องนาเลยไหม]
[? เทียนสิงมีเดียหมายความว่าไง จะจับคู่ให้ลูกของพวกเราเหรอ]
ต้องพูดเลยว่า เทียนสิงมีเดียวางแผนไว้อย่างดี แผนของพวกเขาเรียกได้ว่าแนบเนียนไร้ช่องโหว่
ถ้าอิ๋งจื่อจินกลับมาไม่ทันเวลา ชูกวงมีเดียก็อาจถูกโจมตีจนเละ
ต่อมาชูกวงมีเดียก็โพสต์เวยปั๋ว
[แอทชูกวงมีเดีย : สำหรับเรื่องที่กล่าวมา ทางบริษัทเราจะทวงถามความรับผิดชอบทั้งหมดจากเทียนสิงมีเดีย และเอาเรื่องให้ถึงที่สุด]
ด้านล่างแนบจดหมายทนายหลายฉบับ
[อาจเป็นเพราะมีไทม์มีเดียหนุนหลัง เทียนสิงมีเดียก็เลยลอยไปไหนต่อไหนแล้ว คราวนี้ได้เรื่อง ก่อเรื่องจนเดือดร้อนไปทั้งบริษัท]
[อย่าหาเรื่องชูกวงมีเดีย อย่าหาเรื่องเทพอิ๋ง เดี๋ยวได้หมดตัว]
เทียนสิงมีเดียรู้เรื่องตั้งแต่วินาทีแรกที่ติดอันดับคำค้นยอดนิยม
ภายในห้องทำงานประธาน ลั่วเหวินปินโมโหจนโยนคอมพิวเตอร์ทั้ง กระทืบเท้าด้วยความโกรธ
“ฝ่ายประชาสัมพันธ์ล่ะ บอกให้ฝ่ายประชาสัมพันธ์ถอนอันดับคำค้นออก! เร็วเข้า ได้ยินไหม”
“ประธานลั่ว ถอนแล้วครับ” ผู้อำนวยการฝ่ายประชาสัมพันธ์เช็ดเหงื่อ
“แต่พอพวกเราถอนออกมันก็กลับมาใหม่ ถอนไม่ได้เลยครับ”
เขายิ้มเศร้า “ประธานลั่วครับ ท่านไม่รู้หรอกครับว่าแฟนคลับของซังเย่าจือเวลาฮึดสู้ขึ้นมาที ใครก็สู้พวกเขาไม่ได้”
ถ้าทำลายซังเย่าจือสำเร็จแล้วคงดี แต่ตอนนี้ยังไม่ทันทำอะไร กลับถูกแฉแผนเสียอย่างนั้น เท่ากับว่ายังไม่ทันสร้างข่าวลือ ข่าวลือก็ถูกทำลายลงไปก่อนแล้ว
“เกิดอะไรขึ้นกับบันทึกสนทนา” ลั่วเหวินปินโมโหยิ่งกว่าเดิม
“บอกให้พวกคุณออกจากกลุ่มหมดแล้วไม่ใช่เหรอ”
ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ลำบากใจ
“ประ…ประธานลั่วครับ ขนาดภาพจากกล้องวงจรปิดชูกวงมีเดียยังกู้กลับมาได้ แล้วนับประสาอะไรกับบันทึกสนทนาล่ะครับ”
“งั้นก็รีบไปจัดการ” ลั่วเหวินปินสีหน้าบึ้งตึง
“ยังไงซะชาวเน็ตพวกนี้ก็ไม่มีความทรงจำ อีกสองสามวันก็ลืมแล้ว ไม่ต้องตอบโต้ ปล่อยไว้แบบนั้น”
“จนปัญญาครับประธานลั่ว” เลขายิ้มเศร้า
“พวกเรารอกระแสซาได้ แต่ทางศาลไม่มีทางเลือกแล้วครับ ชูกวงมีเดียให้คนส่งหมายศาลมาแล้ว”
สีหน้าของลั่วเหวินปินเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง เขาทรุดตัวนั่งบนเก้าอี้ เหงื่อแตกเต็มตัว ทันใดนั้นก็นึกเรื่องสำคัญขึ้นมาได้ “ทางไทม์มีเดียล่ะ!”
เลขาก้มหน้า พูดเสียงเบามาก “เมื่อเช้าไทม์มีเดียบอกว่าจะไม่ส่งคนมาอีกแล้วครับ”
“ฉันไม่เชื่อ!” ลั่วเหวินปินกัดฟัน
“วงการบันเทิงประเทศจีนเป็นเค้กชิ้นโตแบบนี้ พวกเขาจะทิ้งไปได้ยังไง”
เขาค้นเบอร์โทรศัพท์แล้วโทรไปด้วยตัวเอง
ยังไม่ทันที่ลั่วเหวินปินจะพูดอะไร อีกฝ่ายก็ชิงพูดก่อนด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“ลั่วเหวินปิน ทุกอย่างเป็นเพราะนายตรวจสอบไม่ละเอียด แม้แต่ซีอีโอของชูกวงมีเดียเป็นชายหรือหญิงนายก็ยังสืบมาผิด”
“ครั้งนี้ไทม์มีเดียก็เสียเงินไปไม่น้อย ไม่มีทางช่วยนายอีกแล้ว จัดการเอาเองแล้วกัน”
ทางนั้นพูดเสร็จก็ตัดสาย
ลั่วเหวินปินหน้าซีด เหงื่อออกจนชุดเปียก
แย่แล้ว คราวนี้จบเห่อย่างสิ้นเชิงแล้ว
…
หลังจากกรอกเลือกมหาวิทยาลัยเสร็จ อิ๋งจื่อจินก็ไม่ได้อยู่ที่ตี้ตูต่อ เดินทางกลับฮู่เฉิง
มีหลายมหาวิทยาลัยโทรหาเธอ รวมถึงรองอธิการบดีก็ถามเธออยู่หลายครั้งว่าจะไปอยู่มหาวิทยาลัยนอร์ตันไหม
สุดท้ายเธอก็ยังคงเลือกมหาวิทยาลัยตี้ตู ก็แค่ยังไม่ได้เลือกคณะไหน
หลังจากมหาวิทยาลัยตี้ตูที่แย่งกันชิงตัวเด็กกันเองเห็นว่าสิ้นหวังแล้ว ศาสตราจารย์ของหลายคณะจึงติดต่ออธิการบดีของมหาวิทยาลัยตี้ตูให้เปิดสิทธิพิเศษแก่อิ๋งจื่อจิน
เธอไม่ต้องอยู่คณะไหนเลยก็ได้ อยากเรียนอะไรก็ได้ทั้งนั้น
อิ๋งจื่อจินรู้สึกว่าแบบนี้ก็ดีเหมือนกัน จึงตอบตกลง
อย่างไรเสียเธอก็มีตำแหน่งเป็นรองศาสตราจารย์ของคณะฟิสิกส์ไปแล้ว ไม่ถือเป็นนักศึกษา
“เมื่อเช้าอวี้อวี้ยังโทรหาพ่อ ถามว่าลูกก็จะไปอยู่มหาวิทยาลัยนอร์ตันด้วยใช่ไหม”
เวินเฟิงเหมียนยิ้มจนปัญญา
“บอกว่าถ้าลูกไปก็จะได้มีคนช่วยเขาทำห้องทดลองระเบิดด้วยกัน จะได้ช่วยกันหารค่าเสียหาย”
อิ๋งจื่อจินเลิกคิ้วเล็กน้อย พูดอย่างใจเย็น “งั้นก็ให้เขาทำระเบิดไปคนเดียวเถอะค่ะ”
ถ้าเธอไปก็ไม่ไปอยู่คณะเครื่องกล ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางทำห้องทดลองระเบิด
เวินเฟิงเหมียนถอนหายใจ “พ่อมีความสุขมากที่ได้เห็นพวกลูกเจริญก้าวหน้าแบบนี้”
เกิดความเงียบบนโต๊ะอาหารอยู่สักพัก
จากนั้นอิ๋งจื่อจินก็วางตะเกียบลง เงยหน้าขึ้น “พ่อคะ อยากกลับตระกูลจี้ไหม”