ตอนที่ 458 จงมั่นหวาสติแตก
อวิ๋นซานส่งจดหมายฉบับนี้มาจากตี้ตูโดยเฉพาะ
ก่อนส่งพวกเขายังได้กำชับบริษัทขนส่งว่าต้องให้จงมั่นหวารับจดหมายด้วยตัวเอง
ถ้าไม่ใช่ก็ให้ไปส่งใหม่ครั้งหน้า
จงมั่นหวาไม่รู้เรื่องพวกนี้ สติของเธอหนีหายไปพร้อมกับบรรทัดสุดท้ายของเอกสารตรวจดีเอ็นเอฉบับนี้
เลือดสูบฉีดขึ้นสมองในทันที หูอื้อไปหมด
อิ๋งเย่ว์เซวียนกับอิ๋งเจิ้นถิงมีความสัมพันธ์เป็นพ่อลูกแท้ๆ!
ความทรงจำเมื่อสิบกว่าปีก่อนถูกเรียบเรียงอย่างชัดเจนในเวลานี้
ช่วงที่ลูกหายไป ถึงแม้สภาพจิตใจของเธอจะย่ำแย่ แต่เรื่องบางอย่างก็ยังจดจำได้ดี
ตอนที่อิ๋งเจิ้นถิงพาอิ๋งเย่ว์เซวียนกลับมาเป็นตอนเย็น
เด็กทารกหน้าตาคล้ายกันหมด เธอก็เลยไม่ได้คิดอะไรมาก
ต่อมาอิ๋งเย่ว์เซวียนโตขึ้นเรื่อยๆ จงมั่นหวาก็พบว่าหน้าตาเริ่มคล้ายอิ๋งเจิ้นถิง
แต่ก็ไม่เก็บเอามาใส่ใจ คิดแค่ว่าเป็นความบังเอิญ
ขนาดสามีภรรยาอยู่ด้วยกันนานๆ ยังมีคำพูดที่ว่าสามีภรรยาหน้าคล้ายกัน
แต่เมื่อความจริงถูกเปิดเผย ความบังเอิญก็กลับกลายเป็นหลักฐาน
ถึงขั้นที่จงมั่นหวายังรู้สึกว่า หลังจากที่พวกเขารู้ผลการเรียนที่แท้จริงของอิ๋งจื่อจิน อิ๋งเจิ้นถิงยังจงใจกดอิ๋งจื่อจินให้ต่ำต่อหน้าเธอ ยกอิ๋งเย่ว์เซวียนให้สูงกว่า
พูดไปพูดมา อิ๋งเจิ้นถิงไม่มีความรู้สึกดีๆ ต่ออิ๋งจื่อจินเลย
ไม่เหมือนเธอที่ยังมีความรู้สึกผิดนึกเสียใจ
ถ้าอิ๋งเย่ว์เซวียนเป็นลูกนอกสมรสของอิ๋งเจิ้นถิง ทุกอย่างก็ลงล็อกพอดี
จงมั่นหวามือสั่น ริมฝีปากซีด “ไม่…ฉันไม่เชื่อ ฉันไม่เชื่อ…”
สมัยนี้เทคโนโลยีเจริญก้าวหน้าขนาดนี้ อะไรก็ปลอมแปลงกันได้
แต่พอเห็นรูปแนบชิดสนิทสนมที่หล่นอยู่บนพื้น เลือดในกายจงมั่นหวาก็แทบแข็งตัวหยุดนิ่ง
เธอจำผู้หญิงในรูปถ่ายไม่ได้ และก็ไม่รู้จักชื่อ แต่รู้สึกคลับคล้ายคลับคลา
เป็นหนึ่งในผู้หญิงที่อิ๋งเจิ้นถิงเคยคบก่อนแต่งงานกับเธอ
แม้จะเป็นตอนที่ตระกูลจิ่งยังไม่ตกอับก็เทียบชั้นกับตระกูลอิ๋งไม่ได้อยู่ดี
จงมั่นหวาทะนงตนอวดดีมาตลอด เธอไม่เคยเห็นผู้หญิงคนอื่นในสายตา ยกเว้นสาวไฮโซอย่างฟู่หลิวอิ๋งกับเจียงฮว่าผิง
จิ่งหงเจินไม่เคยเข้าตาจงมั่นหวา
เธอถูกใจอิ๋งเจิ้นถิง และจะต้องแต่งงานกับเขาให้ได้
ตอนนั้นผู้เฒ่าจงรักเธอมาก แม้เขาจะห้ามเธอครั้งแล้วครั้งเล่า สุดท้ายก็สู้ความรั้นของเธอไม่ไหว จึงตอบตกลง
จงมั่นหวาไม่เคยตั้งใจจดจำคนชื่อจิ่งหงเจิน ยิ่งไม่ต้องพูดถึงว่าหลังจากตระกูลจิ่งล้มละลายก็หายไปจากฮู่เฉิงอย่างรวดเร็ว ไม่เหลือแม้แต่เงา
ตระกูลแบบนี้ควรค่าให้เธอสนใจด้วยเหรอ
ในสายตาของจงมั่นหวา ก่อนแต่งงานอิ๋งเจิ้นถิงจะเที่ยวเล่นแค่ไหนก็ได้ แต่หลังแต่งงานต้องซื่อสัตย์
เธอเป็นพวกชอบควบคุม เลขากับผู้ช่วยที่อยู่ข้างกายอิ๋งเจิ้นถิงห้ามมีคนต่างเพศเป็นอันขาด
จนกระทั่งมีลูก เธอก็เบนความสนใจไปส่วนหนึ่ง
เป็นสามีภรรยากันมานานแล้ว อิ๋งเจิ้นถิงยังจะสามารถทำเรื่องที่ผิดต่อเธอได้อีกเหรอ
แต่ตอนนี้อิ๋งเจิ้นถิงไปมีลูกกับคนรักเก่าอยู่ข้างนอกลับหลังเธอ
แถมยังเอาเด็กคนนี้กลับมาให้เธอเลี้ยง!
จงมั่นหวารู้ว่าอิ๋งเย่ว์เซวียนโตกว่าอิ๋งจื่อจิน
นี่ก็แสดงว่าอิ๋งเจิ้นถิงนอกใจตั้งแต่ก่อนเธอตั้งท้องลูกคนที่สองแล้ว
จงมั่นหวาโมโหเลือดขึ้นหน้า ใบหน้าแดงก่ำ
เธอเงยหน้าหันไปมองอิ๋งเย่ว์เซวียน
ความรู้สึกผิดและสงสารก่อนหน้านี้หายไปหมด เหลือเพียงความโกรธและความแค้น
จงมั่นหวาง้างมือตบเข้าที่หน้าอิ๋งเย่ว์เซวียน “ยังจะเรียกฉันว่าแม่อีกเหรอ เธอไม่คู่ควร! เธอกำลังเยาะเย้ยฉัน!”
ลูกสาวของเมียน้อยเรียกเธอว่าแม่งั้นเหรอ
อิ๋งเย่ว์เซวียนถูกตบอย่างไม่ทันตั้งตัว สมองเบลอไปหมด
ตบนี้ของจงมั่นหวาหวดไปเต็มแรงทั้งหมดที่มีโดยไม่ยั้งมือแม้แต่น้อย ทำให้อิ๋งเย่ว์เซวียนปากแตก
“เธอรู้อยู่ก่อนแล้วใช่ไหม” จงมั่นหวาไม่หายแค้น ตบอิ๋งเย่ว์เซวียนไปอีกหนึ่งที สูดลมหายใจ แสยะยิ้ม “รวมหัวกับแม่แท้ๆ ของเธอมาปั่นหัวฉันงั้นเหรอ ใช่ไหม”
ในที่สุดอิ๋งเย่ว์เซวียนก็ได้สติกลับมา โมโหมากเหมือนกัน
“จงมั่นหวา ฉันขอเตือนคุณนะ” ในขณะที่จงมั่นหวากำลังจะง้างมือตบครั้งที่สามก็ถูกอิ๋งเย่ว์เซวียนยั้งไว้ เธอพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา “คุณอย่าบังคับให้ฉันต้องลงมือกับคุณ คุณอายุเกือบห้าสิบแล้ว ถ้าฉันอยากตบคุณจริง คุณลุกไม่ขึ้นแน่”
จงมั่นหวาแทบไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน “เธอว่าไงนะ”
อิ๋งเย่ว์เซวียนได้รับความรักจากเธอกับความร่ำรวยของตระกูลอิ๋ง ยังคิดจะลงมือกับเธออีกเหรอ
คนที่เป็นเหยื่อคือเธอนะ
อิ๋งเย่ว์เซวียนสะบัดมือของจงมั่นหวาออกแล้วถอยหลัง
“ว่ามา!” จงมั่นหวาตาแดงก่ำ จ้องเหมือนจะกินเลือดกินเนื้อ “เธอคิดจะเอายังไงกันแน่!”
“ฉันจะเอาไงน่ะเหรอ” อิ๋งเย่ว์เซวียนกลับดูใจเย็น “จงมั่นหวา ฉันบังคับให้คุณมารักฉันเหรอ ฉันบังคับให้คุณยกตำแหน่งคุณหนูใหญ่ตระกูลอิ๋งให้ฉันเหรอ หรือฉันบังคับให้คุณไล่อิ๋งจื่อจินออกไปหรือไง”
“คุณทำเองทั้งนั้น!”
“คุณมันเห็นแก่ตัว เห็นแก่หน้าตัวเอง ไม่มีอะไรสำคัญไปกว่าศักดิ์ศรีของคุณ” อิ๋งเย่ว์เซวียนพูดชัดถ้อยชัดคำ “อย่ามาบอกว่ารักฉัน คนที่คุณรักมีแค่ตัวเอง จะมาทำเสแสร้งอะไรตรงนี้”
ถูกพูดแทงใจดำ สีหน้าของจงมั่นหวาซีดลงกว่าเดิมทันที
เธอรับไม่ได้ ริมฝีปากสั่น “เธอยังจะกล้าแถอีกเหรอ ถ้าไม่มีเธอฉันคงรับอิ๋งจื่อจินกลับมาได้นานแล้ว!”
ถ้าไม่ใช่เพราะอิ๋งเจิ้นถิงเอาเด็กทารกกลับมาพอดี เธอจะต้องตามหาลูกต่อแน่นอน
“จงมั่นหวา สมน้ำหน้า” อิ๋งเย่ว์เซวียนแสยะยิ้ม พูดถากถางต่อ “ทั้งๆ ที่ตัวเองลำเอียงเองแท้ๆ เห็นอิ๋งจื่อจินเป็นเครื่องมือ จิตใจโหดร้ายน่าขยะแขยง ยังจะปัดความรับผิดชอบทั้งหมดให้คนอื่นอีก”
“คุณคิดว่าสร้างภาพให้ตัวเองรับบทเป็นเหยื่อแล้วจะรู้สึกดีขึ้นงั้นเหรอ ฝันไปเถอะ คุณจะต้องจมอยู่กับความทุกข์ไปทั้งชีวิต”
“พอเห็นคุณได้รับกรรมฉันก็ดีใจแล้ว”
อิ๋งเย่ว์เซวียนพูดจบก็ไปจากคฤหาสน์บ้านตระกูลอิ๋งทันที
จงมั่นหวายืนไม่อยู่ ราวกับมีผึ้งพันตัวบินวนเวียนอยู่รอบหูของเธอ ส่งเสียงหึ่งๆ ไม่หยุด
เธอสูญเสียลูกสาวแท้ๆ ของตัวเองไปอย่างสิ้นเชิงเพราะลูกสาวเมียน้อย
ครอบครัวยังแตกแยก
เธอไม่ได้อะไรเลยสักอย่าง
เส้นประสาทตึงเครียดในเวลานี้ จงมั่นหวาหน้ามืดล้มลงไป
ชั่วขณะที่มีสติเลือนราง เธอได้ยินคนตะโกนเรียกรถฉุกเฉิน
จากนั้นสติของเธอก็อยู่ในห้วงความมืดมน
…
ณ เมืองตี้ตู
ภายในห้องส่วนตัวร้านอาหารตำรับเฉพาะแห่งหนึ่ง
จี้อี้หางนั่งอยู่ที่โต๊ะ รอคอยด้วยความร้อนใจ
ผ่านไปสิบกว่านาที ประตูห้องถึงถูกเปิดออก
จี้อี้หางลุกพรวด ขาเซเล็กน้อย เกือบยืนไม่อยู่
มีมือข้างหนึ่งประคองเขาไว้ได้ทันเวลา เรียกด้วยเสียงแผ่วเบา “พี่รอง”
สองพี่น้องได้มาเจอกันอีกครั้งหลังจากผ่านไปยี่สิบกว่าปี ขอบตาของจี้อี้หางเริ่มแดงขึ้นมาทันที เขาพูดด้วยเสียงสะอื้น “เฟิงเหมียน…”
ประหยัดจนชินแล้ว แม้ตอนนี้อิ๋งจื่อจินจะร่ำรวยมาก แต่เวินเฟิงเหมียนก็ยังคงแต่งตัวเรียบง่าย
แต่เสื้อผ้าธรรมดาเหล่านี้ก็ยังยากที่จะปิดบังบุคลิกอันดูดีของเขา
นักวิจัยอันดับหนึ่งของตระกูลจี้และเด็กสุดของประเทศ
ทุกคนต่างคิดว่าเขาเป็นอัจฉริยะที่หายสาบสูญไปแล้ว
ต้องได้เห็นตัวจริงเท่านั้นจี้อี้หางถึงจะแน่ใจว่าเวินเฟิงเหมียนยังมีชีวิตอยู่
“เฟิงเหมียน นั่งสิ” จี้อี้หางเช็ดน้ำตา รีบแนะนำ “นี่เป็นลูกสาวคนเล็กของฉัน จื่อจิน เธออายุเท่าหนู แต่เกิดเดือนมกราคม”
“หนูเป็นไอดอลของเธอด้วยนะ ลุงดูรอบชิงชนะเลิศไอเอสซีด้วย หนูเก่งมาก”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “สวัสดีค่ะ”
“เทพอิ๋ง ฉันรู้ว่าเธอชอบหมู” จี้หลีหยิบกล่องใบหนึ่งออกมาจากกระเป๋าหนังสือ “ฉันตั้งใจซื้อลูกหมูคริสตัลมาให้เธอเลยนะ”
พูดเสริมด้วยความภูมิใจ “ซื้อมาด้วยเงินค่าขนมของฉันเอง”
อิ๋งจื่อจิน “…”
ตูตูหัวชมพูโผล่ออกมาจากกระเป๋าเสื้อ “…”
อิ๋งจื่อจินรับมา “ขอบคุณนะ”
“ไม่ต้องขอบคุณๆ” จี้หลีส่ายมือ “ต่อไปพาฉันทำโจทย์เยอะๆ ก็พอแล้ว”
อิ๋งจื่อจินมองเวินเฟิงเหมียน “…”
นี่เป็นการเลี้ยงดูของตระกูลจี้เหรอ
เห็นการทำโจทย์เป็นเรื่องสนุก
เวินเฟิงเหมียนกระแอมเบาๆ แสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน
จี้อี้หางยื่นซองอั่งเปาให้ “จื่อจิน นี่เป็นน้ำใจเล็กน้อยจากลุงรอง”
“ไม่ต้องหรอกค่ะ” อิ๋งจื่อจินไม่ได้รับไว้ “ห้องทดลองของพวกคุณลุงจำเป็นต้องใช้เงินเยอะ”
ตระกูลจี้มีเงินอยู่ไม่น้อย มีส่วนหนึ่งได้มาจากทางการที่สนับสนุนให้เอามาใช้ในการทดลองโดยเฉพาะ
แต่ก็เพราะมีหลายโปรเจ็กต์การทดลองที่อยู่ในช่วงดำเนินงาน วัสดุอุปกรณ์ที่จำเป็นต้องซื้อยังขาดอีกมากมาย
จี้อี้หางก็เพิ่งเสร็จขั้นตอนการทดลองไปหนึ่งขั้นถึงได้รับเงินมาจำนวนหนึ่ง ไม่อย่างนั้นก็คงไม่มีเงินออกมาใช้แบบนี้
“พี่รอง เธอไม่รับหรอก” เวินเฟิงเหมียนยิ้มพลางส่ายหน้า “เธอมีกิจการของตัวเอง”
“หนูรู้ค่ะ!” จี้หลียกมือ “เทพอิ๋งเป็นอภิมหาเศรษฐินีที่เป็นที่ยอมรับในวงการบันเทิง”
อิ๋งจื่อจินที่ซื้อสมุนไพรทุกครั้งจะใช้เงินเกือบร้อยล้าน “…”
ไม่ จริงๆ เธอจนมาก
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดชั่วขณะ จากนั้นก็หยิบกล่องใบหนึ่งออกมา “อันนี้ให้คุณลุงค่ะ”
ภายในกล่องมีก้อนสี่เหลี่ยมสีดำ ดูไม่มีความพิเศษอะไร
จี้หลีไม่รู้จัก
แต่จี้อี้หางดวงตาเบิกโพลง เงยหน้าทันที “นี่ นี่มัน…”