ตอนที่ 472 มีเรื่องกับตระกูลที่น่ากลัว
สีหน้าของชายวัยกลางคนเปลี่ยนไปทันที “คนตระกูลหลินเหรอ”
ตระกูลหลินเป็นหนึ่งในสามตระกูลใหญ่ของโลกจอมยุทธ์ ความสามารถแข็งแกร่งล้ำเลิศ
นักล่าที่อยู่ภายใต้ตระกูลเทเลอร์เคยสู้กับกลุ่มผู้คุ้มกันของตระกูลหลิน
ชายวัยกลางคนย่อมรู้ดีว่าไม่ควรไปยุ่งกับตระกูลหลินขนาดไหน
ความคล้ายที่ตรวจออกมาได้แม้จะไม่สูง แต่ก็เกินห้าสิบเปอร์เซ็นต์ แสดงว่าคนที่ทหารรับจ้างของพวกเขาต่อสู้ด้วยใช้วิทยายุทธ์ที่สืบทอดมาจากตระกูลหลิน
ถึงขั้นที่มีความเป็นไปได้ว่าอาจเป็นหลินชิงจยาเอง
ถือว่าหลินชิงจยาออกมาโลกภายนอกบ่อยครั้งมากแล้ว แต่พวกเขาก็มีอยู่แค่ห้าคลิปวิดีโอ อากัปกิริยาท่าทางย่อมไม่มีทางเหมือนได้ร้อยเปอร์เซ็นต์
ชายวัยกลางคนก็รู้สถานะของหลินชิงจยาในโลกจอมยุทธ์ว่าอยู่เหนือกว่าสมาชิกสายตรงอย่างแท้จริงของตระกูลหลินด้วยซ้ำ
แต่ก็โชคดีที่เป็นหลินชิงจยา เธอเป็นหมอ นิสัยก็เลยดีมาก
ทางยุโรปก็เคยมีตระกูลที่เชิญเธอมารักษา หนึ่งในนั้นคือตระกูลเบวิน
ถ้าเป็นหลินชิงจยา พวกเขาไปขอโทษทันทีก็ยังพอจะพลิกสถานการณ์ได้
แต่ชายวัยกลางคนยังไม่ทันได้โล่งอก บนหน้าจอใหญ่สีน้ำเงินก็ขยับ
มีอีกสองรูปเด้งออกมาพร้อมกรอบอันใหม่
[ตระกูลเย่ว์ เย่ว์ฝูอี อายุ 20 ปี ความคล้าย 49.6%]
[ตระกูลเซี่ย เซี่ยเนี่ยน อายุ 24 ปี ความคล้าย 47.4%]
“…”
เกิดความเงียบภายในห้องคลังข้อมูล
เสียงทุกอย่างหายไปในชั่วพริบตา พ่อบ้านมองสามรูปนี้แล้วก็อึ้ง
ชายวัยกลางคนแทบหยุดหายใจ อดถอยหลังไปหนึ่งก้าวไม่ได้
ดุ๊กเบิกตาโพลง พูดเสียงหลง “นะ นายใหญ่ นี่มัน…”
ในด้านเทคโนโลยี สี่ตระกูลมหาเศรษฐีแห่งยุโรปย่อมล้ำหน้ากว่าโลกจอมยุทธ์มาก
ถึงแม้นี่จะเป็นครั้งแรกที่ทำการเปรียบเทียบกับคลังข้อมูลจอมยุทธ์ แต่ไม่มีทางผิดพลาดแน่นอน
เพราะนอกจากคลังข้อมูลจอมยุทธ์ พวกเขายังมีคลังข้อมูลนักล่าอีกด้วย
พวกเขาก็ได้ใช้คลิปวิดีโอทำการเปรียบเทียบกับนักล่าที่มีความเป็นไปได้
เทคโนโลยีเทียบรูปพรรณสัณฐานนี้ล้ำหน้ามาก จะเลือกเฉพาะคนที่เหมือนที่สุด
เป็นครั้งแรกที่ชายวัยกลางคนเจอสถานการณ์ที่ผลลัพธ์ออกมาหลายคนแบบนี้
“นะ นายใหญ่…” พ่อบ้านก็เริ่มตัวสั่น “ตกลงคนไหนกันแน่ครับ”
พวกเขาไม่รู้เกี่ยวกับจอมยุทธ์มากนัก รู้แค่ว่าแบ่งออกเป็นหลายฝักหลายฝ่าย
คัมภีร์วิทยายุทธ์ที่ล้ำเลิศที่สุดย่อมอยู่ในมือสามตระกูลใหญ่แห่งโลกจอมยุทธ์
ข้อมูลปรากฏออกมาสามคน นี่ก็แสดงว่าคนที่ลงมือเป็นวิทยายุทธ์ของทั้งสามตระกูลใหญ่
ล้อเล่นอะไรน่ะ
เรียนมั่วไปหมดจะใช้คล่องได้ยังไง
บางครั้งการทำเป็นทุกอย่างก็หมายถึงความธรรมดา
คนที่เรียนเยอะจะเก่งสักด้านได้ยังไง
คราวนี้ได้เรื่อง ผลลัพธ์ออกมาเป็นสามคนนี้แสดงถึงสามตระกูลใหญ่แห่งโลกจอมยุทธ์พอดี
เอาไงล่ะทีนี้
“รูปร่างท่าทางของเธอค่อนข้างคล้ายหลินชิงจยา” เจ้าหน้าที่พูด “ผลก็เลยออกมาคล้ายที่สุด ส่วนอีกสองคน…”
“เย่ว์ฝูอีมีอยู่แค่คลิปเดียว” ขณะพูดเขาก็เปิดคลิปของเย่ว์ฝูอี “นี่เป็นเหตุการณ์ตอนที่กลุ่มก่อการร้ายฝังระเบิดไว้ในสวนสนุกของยุโรป ระเบิดรางรถไฟเหาะครับ”
“รถไฟเหาะเบรกได้ทันเวลา แต่ผู้หญิงที่นั่งแถวหน้าเผลอทำลูกที่อุ้มอยู่ตกลงไป”
ในคลิปเป็นตอนที่หญิงสาวคนหนึ่งเข้าไปด้วยความรวดเร็วเพื่อช่วยเด็กเอาไว้ จากนั้นก็จากไปด้วยความเร็วที่เร็วกว่า
เนื่องจากรวดเร็วมากจึงจับภาพใบหน้าของเธอได้แค่แวบเดียว
จากการเปรียบเทียบก็ยืนยันได้ว่าคือเย่ว์ฝูอีคุณหนูตระกูลเย่ว์
ตระกูลเย่ว์โด่งดังเรื่องความรวดเร็วมาตลอด
แน่นอนว่าคลิปนี้ก็ถูกลบไปแล้ว
หลังเกิดเรื่อง เด็กคนนี้รอดมาได้อย่างไรกันแน่ได้กลายเป็นปริศนาที่ยังไม่มีคำตอบในสายตาของสาธารณชน
“นี่เป็นสองคลิปของเซี่ยเนี่ยนครับ” เจ้าหน้าที่เช็ดเหงื่อ ค้นมาอีกสองคลิป “ตระกูลเซี่ยโหดเหี้ยมอำมหิต ก็ค่อนข้างคล้ายครับ”
ชายวัยกลางคนพูดไม่ออกแม้แต่คำเดียว
พ่อบ้านเงยหน้าทันที “นายใหญ่ ตอนนี้จะทำไงดีครับ”
“ไม่มีทางใช่ตระกูลเซี่ยหรอก” สายตาของชายวัยกลางคนเคร่งเครียด “ตระกูลเซี่ยโหดเหี้ยม ไม่มีทางปล่อยให้รอดมา มีความเป็นไปได้แค่ตระกูลหลินกับตระกูลเย่ว์”
แต่วิทยายุทธ์ของตระกูลหลินกับตระกูลเย่ว์ก็แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง หากว่ากันตามเหตุผลไม่มีทางได้ผลลัพธ์ออกมาพร้อมกัน
“ไปที่ตระกูลเย่ว์กับตระกูลหลิน” ชายวัยกลางคนขมวดคิ้วแน่น ครุ่นคิดอยู่นานแล้วตัดสินใจ “ไม่ต้องบอกว่าเรื่องอะไร บอกแค่ว่าเอาของขวัญมาให้”
พ่อบ้านขานรับทันที “ครับ นายใหญ่”
“หยุดยุ่งกับเกอร์เวนชั่วคราว” ชายวัยกลางคนหันไปสั่งดุ๊ก “ไม่ว่าจะเป็นจอมยุทธ์ตระกูลใหญ่ตระกูลไหนก็ไปมีเรื่องด้วยไม่ได้ทั้งนั้น”
ถึงแม้แค่พวกเขาโยนระเบิดปรมาณูใส่ก็สามารถทำลายตระกูลหลินได้ก็ตาม
แต่ตระกูลหลินก็มีฝีมือ เป็นถึงประมุขของนายใหญ่ตระกูลอื่น
เมื่อถึงเวลานั้นก็มีแต่จะเจ็บหนักทั้งสองฝ่าย
ไม่จำเป็นต้องล่วงเกินโลกจอมยุทธ์เพราะเกอร์เวน
ถึงแม้ดุ๊กจะไม่ยินยอมนัก แต่ก็จำต้องรับปาก
ชายวัยกลางคนจุดบุหรี่ด้วยมือที่สั่นเทา
สมมติว่าไม่ใช่ทั้งตระกูลหลินกับตระกูลเย่ว์ แล้วพวกเขาไปมีเรื่องกับตระกูลที่น่ากลัวตระกูลไหนกันแน่
…
โลกจอมยุทธ์
บ้านตระกูลหลิน
ถึงแม้โลกจอมยุทธ์จะไม่ชอบใช้เทคโนโลยีของโลกภายนอก และก็ไม่สนใจข่าวใดๆ ของโลกภายนอกเช่นกัน
แต่เนื่องจากเคยต่อสู้กับสี่ตระกูลมหาเศรษฐีของยุโรปหลายครั้ง จึงมีคนที่รับหน้าที่ติดต่อกับทางยุโรปโดยเฉพาะ
หลินจิ่นอวิ๋นขมวดคิ้ว “ตระกูลเทเลอร์บอกจะขอเข้ามามอบของขวัญให้งั้นเหรอ แถมไม่บอกสาเหตุด้วย”
พ่อบ้านที่เลื่อนขั้นขึ้นมาใหม่ตอบด้วยความนอบน้อม “ไม่บอกครับ แต่พวกเขาถามถึงคุณชิงจยาด้วย”
“ชิงจยาเหรอ” หลินจิ่นอวิ๋นอึ้ง ให้คนคุ้มกันไปเชิญชิงจยามา “ชิงจยา ช่วงนี้ไปข้างนอกมาบ้างหรือเปล่า”
เขาเลี้ยงชิงจยาแบบปล่อยมาตลอด
เขาจะจับตาดูพวกลูกหลานสายตรงของตระกูลหลิน เพราะกลัวจะแอบอู้เรื่องการฝึกและการเรียน
แต่หลินชิงจยาไม่มีทางทำให้เขาหนักใจเรื่องนี้ เธอมีความตระหนักรู้สูง
“หา?” หลินชิงจยาอึ้ง “เปล่านี่คะ ช่วงนี้หนูอยู่แต่ในโลกจอมยุทธ์”
“อย่างนั้นเหรอ” คิ้วที่ขมวดอยู่ของหลินจิ่นอวิ๋นคลายออก “งั้นไปทำงานต่อเถอะ”
หลินชิงจยาพยักหน้า
“จริงสิ” หลินจิ่นอวิ๋นเรียกเธออีกรอบ “งานประมูลเดือนหน้า ศาลสถิตยุติธรรมส่งใบรายการมาแล้ว มีสมุนไพรที่จำเป็นต้องใช้ไหม”
“ตระกูลหลินจะเตรียมเงินไว้สำหรับประมูลตอนนั้นให้”
หลินชิงจยามองใบรายการของประมูลแล้วขีดเลือกของที่ต้องการ “ขอบคุณค่ะพ่อ”
หลินจิ่นอวิ๋นส่ายมือ “ไปเถอะ”
พ่อบ้านเอ่ยขึ้นในเวลานี้ “จริงสิครับนายใหญ่ ดูเหมือนว่าตระกูลเทเลอร์ก็ติดต่อตระกูลเย่ว์เหมือนกัน ได้ยินว่าเกี่ยวข้องกับคุณเย่ว์ฝูอี”
พอได้ยินชื่อนี้หลินจิ่นอวิ๋นก็ถามเสียงขรึม “เย่ว์ฝูอีเหรอ”
เขาเคยเจอเย่ว์ฝูอี
คนตระกูลเย่ว์ถ่อมตัว เพราะพวกเขาล้วนเป็นพวกคลั่งฝึกวิทยายุทธ์
ปีนี้เย่ว์ฝูอีอายุยี่สิบปี แต่วิทยายุทธ์ล้ำเกินคนวัยเดียวกันไปไกลมาก
เย่ว์ฝูอีไม่ค่อยคบคนวัยเดียวกัน มีเพื่อนสนิทเพียงคนเดียวคือหลิงเหมียนซี
“ช่างเถอะ” หลินจิ่นอวิ๋นส่ายหน้า “ตระกูลเย่ว์ไม่ทำอะไร พวกเราก็อยู่เฉยๆ ตระกูลเทเลอร์อยากเอาอะไรมาให้ก็ปล่อยไป”
พวกคนรวยอวดเบ่งเกี่ยวอะไรกับพวกเขาด้วย สงสัยว่างจัด
…
วันต่อมา
ตระกูลจี้
ศูนย์วิจัย
อิ๋งจื่อจินเอาส่วนประกอบที่ได้มาให้เวินเฟิงเหมียน
หลังจากยื่นรายละเอียดโปรเจ็กต์ให้ศูนย์ในไป ศูนย์ในก็อนุมัติห้องทดลองมาให้โดยเฉพาะ
วันนี้พวกเขาจะไปเอากุญแจที่ศูนย์ใน
ในฐานะที่จี้หลีเป็นหนึ่งในสมาชิกของโปรเจ็กต์นี้ เธอย่อมตามไปด้วย
ระหว่างทางทั้งสามคนเจอจี้อี้หยวนกับพวกเด็กหนุ่ม
เวินเฟิงเหมียนหยุดเดิน แต่ไม่ได้มองไป
กลับเป็นจี้อี้หยวนที่เข้ามาหาพร้อมใบหน้ายิ้มแย้ม “เฟิงเหมียน ไม่เจอกันยี่สิบกว่าปี นายยังดูดีเหมือนเดิมเลยนะ”
“ตอนนั้นมีสาวๆ หลายคนในศูนย์วิจัยที่ปลาบปลื้มนายยกใหญ่ พอนายตายพวกเธอร้องไห้ให้ด้วยนะ ฉันสู้ไม่ได้เลยจริงๆ”
เวินเฟิงเหมียนไม่พูดอะไร เขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้
พวกเด็กหนุ่มที่ตามจี้อี้หยวนมาพอได้ยินแบบนี้ก็หัวเราะ
“นาย…” จี้หลีโมโห กำลังจะพูด แต่ถูกห้ามไว้
“คุณสู้ไม่ได้หรอก” อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น พูดอย่างใจเย็น “พอคุณตาย พวกเธอคงไปเต้นระบำหน้าหลุมศพคุณ”
เวินเฟิงเหมียนพูด “ฝังให้เสียหลุม”
จี้หลีหัวเราะออกมาอย่างไม่ไว้หน้า
สีหน้าของจี้อี้หยวนบึ้งตึงลงในทันที โกรธจนหน้าเขียว
“เยาเยา ไปเถอะ” เวินเฟิงเหมียนละสายตา “อย่าไปสนใจคนที่ไม่เกี่ยวข้อง”
ทั้งสามคนเดินออกไป
สีหน้าของจี้อี้หยวนยังคงดูแย่
“พ่อ ศาสตราจารย์เหยียนอยู่ในนั้น” เด็กหนุ่มคนหนึ่งพูด “พวกเขาไม่มีทางได้เงินสนับสนุนไปง่ายๆ หรอก”
“ได้แล้วไงล่ะ” จี้อี้หยวนไม่แคร์ “ไม่มีแม้แต่ส่วนประกอบ ทำออกมาไม่ได้หรอก”
เขาส่ายมือ “ไปเถอะ อีกสิบวันก็จัดการเวินเฟิงเหมียนกับพวกจี้อี้หางได้แล้ว”
…
ภายในโถงใหญ่ของศูนย์ใน
ยังมีรองผู้อำนวยการอีกคนนอกจากเหยียนรั่วเสวี่ย
จี้หลีพูดเสียงเบา “เทพอิ๋ง คนนั้นไงเหยียนรั่วเสวี่ย”
อิ๋งจื่อจินหันไป
ในเวลาเดียวกันเหยียนรั่วเสวี่ยก็มองมาด้วยสายตาสำรวจ
สักพักก็พูดขึ้น “เธอน่ะเหรออิ๋งจื่อจิน ได้ยินว่าสอบได้อันดับหนึ่งของฮู่เฉิง รู้หรือเปล่าว่าอะไรคือไวรัสซี”
“ตอบได้จะให้เงินสนับสนุนการทดลองเพิ่มจากขั้นพื้นฐานสิบเท่า”
รองผู้อำนวยการไม่ได้ห้าม
สถานะของเหยียนรั่วเสวี่ยสูงกว่าเวินเฟิงเหมียนมาก
จี้หลีจะอ้าปากตอบ “ไวรัสซีคือ…”
เหยียนรั่วเสวี่ยขัดจังหวะโดยไม่แม้แต่จะฟัง “เธอไม่ต้อง ให้อิ๋งจื่อจินตอบ”
