ตอนที่ 486 อภิมหาเศรษฐินีอิ๋งจื่อจิน ‘จะลองดูก็ได้’
ผู้อาวุโสสามรู้ดีว่าผู้นำตระกูลของตระกูลแพทย์แผนโบราณมีตำรับยาและวิชาฝังเข็มอยู่ไม่น้อย
สิ่งเหล่านี้ใช่ว่าจะเขียนอยู่ในหนังสือทั้งหมด
ถ้าไม่มีอาจารย์ถ่ายทอดให้ก็ไม่มีทางเรียนได้
แต่พวกผู้นำตระกูลก็ไม่ออกมา
ครั้งล่าสุดก็ผู้นำตระกูลฝูที่ออกมาตอนตระกูลหลิงเอาคนทรยศมาส่งให้พวกเขา
แต่ตระกูลหลินสืบไม่ได้ว่าผู้นำตระกูลฝูเคยทำข้อตกลงอะไรกับตระกูลหลิงไว้หรือเปล่า
ฝีมือการรักษาของหลินชิงจยาเก่งกว่าพวกแพทย์แผนโบราณที่อาวุโสกว่าหนึ่งรุ่น นั่นก็เพราะเธอรู้จักคิดค้นสิ่งใหม่
ปีนี้ผู้อาวุโสสามอายุร้อยยี่สิบปี อายุเท่านี้ยังถือเป็นวัยแข็งแรงในโลกจอมยุทธ์
เรื่องบางอย่างเขาเข้าใจโลกมากกว่าหลินชิงจยา วงการแพทย์แผนโบราณจนถึงตอนนี้เรียกได้ว่าถอยหลังลงเรื่อยๆ
ช่วงหลายสิบปีนั้นที่เริ่มมีแพทย์แผนโบราณปรากฏ เก่งกว่าในตอนนี้มาก
พอวงการแพทย์แผนโบราณถดถอย ตัวเสริมจากภายนอกที่จอมยุทธ์พึ่งพาได้ก็มีน้อยลง
หลินชิงจยาสร้างคุณูปการให้วงการแพทย์แผนโบราณไว้ไม่น้อย ตระกูลหลินจะเชิญแพทย์แผนโบราณก็สะดวกมาก
ด้วยเหตุนี้ตระกูลหลินถึงสนับสนุนหลินชิงจยาโดยไม่คำนึงถึงอะไรทั้งสิ้น
“ผู้อาวุโสสามคะ…” หลินชิงจยาห้ามไม่ทัน ผู้อาวุโสสามเปิดม่านเดินออกไปแล้ว
เขามองห้องที่เป็นต้นกำเนิดเสียงนั้น ดูชื่อห้อง…
เปลวเทียนโชติช่วง
สีหน้าของผู้อาวุโสสามเปลี่ยนไปเล็กน้อย “ศาลสถิตยุติธรรมเหรอ”
นอกจากสามตระกูลใหญ่อย่างหลิน เย่ว์ และเซี่ยแล้ว ศาลสถิตยุติธรรมก็มีห้องประจำอยู่หลายห้อง สิ่งที่แตกต่างคือ ห้องของศาลสถิตยุติธรรมจะเป็นสี่พยางค์
ผู้อาวุโสสามก็เลยแยกออกได้ทันทีจากชื่อห้อง
มิน่าถึงได้กล้ามาแข่งกับตระกูลหลินของพวกเขา
หลินชิงจยาได้ฟังก็ขมวดคิ้ว “ถ้าเป็นศาลสถิตยุติธรรมงั้นก็ช่างเถอะค่ะ”
“ชิงจยา ถ้าเธอต้องการจริง ฉันจะประมูลให้” ผู้อาวุโสสามพูด “การประมูลเป็นไปอย่างยุติธรรม ศาสสถิตยุติธรรมต้องการก็ต้องมีเงินด้วย”
ศาลสถิตยุติธรรมร่ำรวยก็จริง แต่ไม่ได้หมายความว่าคนของศาลสถิตยุติธรรมจะรวยด้วย
อีกทั้งพูดตามตรงศาลสถิตยุติธรรมก็แค่หน่วยงานที่กำกับดูแลโลกจอมยุทธ์ เหมือนหน่วยอีจื้อของตี้ตู
ถ้าผู้นำตระกูลหลินออกมา ศาลสถิตยุติธรรมก็ไม่มีจอมยุทธ์ที่ฝึกได้ถึงขั้นนั้น
แต่ก็ต้องดูด้วยว่าคนในรุ่นระดับผู้นำตระกูลพวกเขายินดีออกมาหรือเปล่า คณะผู้อาวุโสก็เชิญมาไม่ได้
ถ้าจะออกมาก็ต้องเป็นตอนที่เกี่ยวพันถึงความเป็นความตายของตระกูลหลิน
“ไม่ได้สำคัญมากค่ะ” หลินชิงจยายิ้มพลางพูดห้าม “ผู้อาวุโสสามยอมถอยเถอะค่ะ ไม่จำเป็นต้องมีปัญหากับศาลสถิตยุติธรรม”
ผู้อาวุโสสามยอมแพ้อย่างไม่สบอารมณ์เท่าไร แต่ถูกเกลี้ยกล่อมแบบนี้ก็ได้แต่เลยตามเลย
เขาพยักหน้า “ในเมื่อเธอบอกว่าไม่สำคัญ งั้นสมุนไพรที่เหลือฉันจะประมูลมาให้ได้”
แต่พอมาหลังๆ อย่าว่าแต่ผู้อาวุโสสามเลย แม้แต่หลินชิงจยาก็ชักนั่งไม่ติดแล้ว
เธอต้องการสมุนไพรทั้งหมดเจ็ดชนิด ตอนนี้ออกมาแล้วห้าชนิด แต่ทั้งหมดก็ถูกศาลสถิตยุติธรรมประมูลไปหมด
อีกทั้งราคาของสมุนไพรแต่ละชนิดก็เกินความคาดหมายของตระกูลหลินไปมาก
ตระกูลหลินกิจการใหญ่โตก็จริง แต่ก็ไม่ได้พกเงินสำหรับประมูลมามากขนาดนั้นในแต่ละครั้ง ทรัพยากรส่วนใหญ่พวกเขาต้องเอาไว้สนับสนุนคนรุ่นหลัง
เวลานี้เริ่มการประมูลของชิ้นต่อไปแล้ว
พิธีกรที่อยู่บนเวทีเริ่มแนะนำ “สมุนไพรชนิดนี้มีชื่อว่าจื่อซวงหลิงจือ สรรพคุณก็อย่างที่ทุกท่านทราบกัน ราคาประมูลเริ่มต้นที่แปดล้านครับ เชิญครับ”
นี่เป็นสมุนไพรที่ราคาเริ่มประมูลสูงที่สุดในตอนนี้
“จื่อซวงหลิงจือค่อนข้างสำคัญสำหรับหนูค่ะ” หลินชิงจยากำมือคารวะผู้อาวุโสสาม “รบกวนผู้อาวุโสสามช่วยประมูลมาให้ได้ด้วยนะคะ”
ผู้อาวุโสสามพยักหน้า สีหน้าแย่ลงไปมาก
พอเขากำลังจะตะโกนประมูล เสียงที่ก่อนหน้านี้แข่งกันกับเขาก็ดังขึ้นก่อน
“สิบล้าน”
คนที่รับหน้าที่ประมูลคืออวิ๋นซาน
แน่นอนว่าเขาทำตามความต้องการของฟู่อวิ๋นเซิน
จุดด้อยของคุณชายก็คือ มีเงินเยอะเกินไป
ผู้อาวุโสสามหน้าบึ้ง กัดฟันพูด “สิบห้าล้าน!”
สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินไม่เปลี่ยนแปลง นิ้วเรียวยาวเคาะโต๊ะเบาๆ
อวิ๋นซานพูดขึ้นทันที “ยี่สิบล้าน”
“ยี่สิบห้าล้าน!”
“สามสิบล้าน”
“…”
ตะโกนกันหลายรอบจนราคาสมุนไพรขึ้นไปถึงเก้าสิบล้าน
อย่าว่าแต่แขกคนอื่นเลย แม้แต่พิธีกรก็อึ้ง
เขารู้แค่ว่าห้องนั้นเป็นของศาลสถิตยุติธรรม แต่ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในห้องคือใคร
ผู้อาวุโสสามแทบกัดฟันพูดออกมา “ร้อยล้าน!”
ร้อยล้านก็เท่ากับพันล้านของโลกภายนอก
ฟู่อวิ๋นเซินเชิดคางขึ้น ยิ้มมุมปาก พวงตาดอกท้อเหม่อลอย “บอกไป ห้าร้อยล้าน”
อวิ๋นซาน “…”
เขาจะพูดอะไรได้
เลอะเลือนใหญ่แล้ว
รวยก็ไม่ใช่เอามาล้างผลาญแบบนี้
คนที่คิดแบบเดียวกันยังมีอิ๋งจื่อจินอีกคน
ไม่รู้ว่าครั้งที่เท่าไรแล้วที่เธอรู้สึกว่า ความเร็วในการหาเงินของเธอสู้ฟู่อวิ๋นเซินไม่ได้
อิ๋งจื่อจินหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาโทรหาฟู่อวิ๋นเซิน “แพงเกินไปแล้ว หยุดเถอะ”
เมื่อครู่ตอนที่เธอไปหาเขา เขาให้ตัวปล่อยสัญญาณขนาดจิ๋วมาหลายอัน ติดไว้ที่โทรศัพท์ได้
เธอก็เลยเอาไปแบ่งให้พวกจี้หลีด้วย
ฟู่อวิ๋นเซินพูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ น้ำเสียงกึ่งหยอกล้อตามเคย “ของที่เธอต้องการก็ต้องประมูลมาให้ได้”
หยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “เงินประมูลที่ได้ในตอนสุดท้ายทางศาลสถิตยุติธรรมจะหักไว้สามสิบเปอร์เซ็นต์ ไม่ต้องห่วง พี่ชายรวย”
ศาลสถิตยุติธรรมให้การสนับสนุนงานประมูลก็จะมีการเก็บค่าใช้จ่ายในการเป็นตัวกลาง
ซึ่งสามสิบเปอร์เซ็นต์ที่หักนี้ก็จะเอามาให้เขา
พอมีเสียงตะโกนห้าร้อยล้าน ตระกูลหลินก็หุบปากสนิท
ผู้อาวุโสสามจากที่โมโหในตอนแรก ตอนนี้ก็ใจเย็นลง “คนระดับสูงของศาลสถิตยุติธรรมเหรอ”
“ไม่น่าใช่ค่ะผู้อาวุโสสาม” หลินชิงจยาส่ายหน้าเบาๆ ยิ้มพลางพูด “ถ้าเป็นคนระดับสูงของศาลสถิตยุติธรรมอยากได้สมุนไพรพวกนี้จริงก็จะเก็บเอาไว้ก่อนแล้ว ไม่มีทางปล่อยให้เอามาประมูล”
ผู้อาวุโสสามโมโหขึ้นมาอีก “ไม่รู้ว่าใครกันที่ไม่ดูตาม้าตาเรือ จะแย่งกับพวกเราให้ได้”
ศาลสถิตยุติธรรมจะไม่รู้ความสำคัญของหลินชิงจยาเลยเหรอ
ผู้อาวุโสสามหน้าบึ้ง “ยังมีชิ้นสุดท้าย ชิ้นนี้ไม่ว่ายังไงก็ไม่มีทางปล่อยให้ศาลสถิตยุติธรรมแย่งไปได้อีก”
หลินชิงจยายังต้องการยาอีกหนึ่งชนิด ยางอกกระดูก
ยางอกกระดูกเป็นยาที่ศาลสถิตยุติธรรมเอาออกมา มีอยู่เม็ดเดียว
ได้ยินว่าศาลสถิตยุติธรรมไปเจอมาจากสุสานแห่งหนึ่ง ผ่านกาลเวลามาร้อยปี กินไม่ได้แล้ว
ยางอกกระดูกช่วยกระตุ้นความสามารถในการเยียวตัวเองของมนุษย์ได้ ถึงขั้นที่ว่าสามารถทำให้คนที่พิการขาขาดมีขางอกออกมาใหม่ได้ภายในช่วงระยะเวลาหนึ่ง
ตระกูลจอมยุทธ์หลายตระกูลเตรียมประมูลเพื่อเอาไปวิจัยสูตรยาเม็ดนี้
พิธีกรบนเวทีพูดขึ้นอีกครั้ง “ยางอกกระดูก ราคาประมูลเริ่มต้นที่สิบล้านครับ”
อยู่ๆ ก็ได้ยินชื่อที่คุ้นเคย อิ๋งจื่อจินค่อยๆ เงยหน้าขึ้น สีหน้าชะงักเล็กน้อย
แค่นี้เริ่มต้นตั้งสิบล้านเลยเหรอ
ถ้าเป็นข้างนอกก็คือร้อยล้าน
ดังนั้นในความเป็นจริงเธอเป็นอภิมหาเศรษฐินีจริงๆ งั้นสิ
“จากบันทึกบอกว่ายางอกกระดูกมหัศจรรย์มาก” ฟู่อวิ๋นเซินที่อยู่ในสายพูดเสียงเนือย “เยาเยา เอาไหม ไม่ต้องช่วยประหยัดเงินหรอก”
“ไม่เอา” อิ๋งจื่อจินเท้าศีรษะ “ไม่มีประโยชน์”
ของที่เธอทำขึ้นมาเองได้ ทำไมต้องเสียเงินซื้อ
ฟู่อวิ๋นเซินยิ้ม “อืม ได้”
อิ๋งจื่อจินคิดแล้วพูดขึ้น “คนนำออกมาคือศาลสถิตยุติธรรม พวกคุณไปเจอมาเหรอ”
“ในสุสานแห่งหนึ่ง” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “ในนั้นยังมีของอย่างอื่นอีกเยอะนอกจากยาเม็ดนี้”
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิด
เธอเข้าใจแล้ว
สมัยที่โลกแพทย์แผนโบราณเพิ่งบุกเบิก ยางอกกระดูกไม่ใช่ของวิเศษอะไร
เธอเองก็เคยทำไว้ไม่น้อย ให้ฝูซีไป ฝูซีก็แจกจ่ายให้จอมยุทธ์จำนวนหนึ่งหลังจากได้รับอนุญาตจากเธอ
แต่สูตรยางอกกระดูก เธอไม่ได้ถ่ายทอดให้ใคร รวมถึงฝูซีด้วย
“ตระกูลหลิงส่งคำเชิญมาให้เธอ” ฟู่อวิ๋นเซินพูดต่อ “เดี๋ยวไปบ้านตระกูลหลิงไหม”
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “ไปสิ”
พอฟังเสียงคนแย่งกันประมูล ทันใดนั้นฟู่อวิ๋นเซินก็ยิ้มออกมา “เยาเยา ถ้าเธอไม่เอา พี่ชายจะลองเสนอราคานะ”
แววตาของอิ๋งจื่อจินวูบไหวเล็กน้อย “หืม?”
ฟู่อวิ๋นเซินกวาดตามองไปทางห้องของตระกูลหลิน “อวิ๋นซาน เสนอไป ห้าร้อยล้าน”
อวิ๋นซานมุมปากกระตุก ไม่เข้าใจว่าทำไมคุณชายของเขายังจะประมูลอีก แต่ก็ทำตามที่สั่ง
พิธีกรปาดเหงื่อ “ห้องเปลวเทียนโชติช่วงเสนอมาที่ห้าร้อยล้าน มีใครให้มากกว่านี้ไหมครับ”
ผู้อาวุโสสามตะโกนไปด้วยความโมโห “ตระกูลหลินพันล้าน!”
“…”
เกิดความเงียบขึ้นในชั่วขณะ
ผู้อาวุโสสามมีสีหน้าเย็นชา ตะโกนประชด “นายท่านของศาลสถิตยุติธรรมยังจะเพิ่มอีกไหมครับ”
มีเสียงเนือยดังขึ้น พูดกึ่งหัวเราะ “อ๋อ ขอโทษที บอกตัวเลขผิด เดิมทีจะบอกห้าสิบล้าน โปรดอภัย”
ผู้อาวุโสสามโมโหเกือบเป็นลม
แต่ตะโกนราคาไปแล้ว อีกทั้งมีคนตั้งมากมายมองอยู่ เขาอยากกลับคำก็ทำไม่ได้
ยางอกกระดูก สุดท้ายก็ได้มาอยู่ในมือตระกูลหลิน แต่ผู้อาวุโสสามกลับยิ้มไม่ออก
แต่พอคิดว่าหลินชิงจยาจะสามารถวิจัยสูตรยาออกมาได้ ผู้อาวุโสสามก็พอจะอารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้าง
เขาหน้าบึ้ง “จงใจแน่นอน เดี๋ยวจบงานประมูลฉันจะไปที่ศาลสถิตยุติธรรมหน่อย”
ผู้อาวุโสสามไม่ได้ยินเสียงตอบจึงหันไป เห็นหลินชิงจยานั่งเหม่ออยู่ “ชิงจยา?”
หลินชิงจยาได้สติกลับมา ส่ายหน้า “ไม่มีอะไรค่ะ”
…
ภายในห้องเปลวเทียนโชติช่วง
เปลือกตาของฟู่อวิ๋นเซินขยับเล็กน้อย ยังคงคุยโทรศัพท์ หัวเราะเบาๆ “เยาเยา ดูสิ แค่นี้ก็หาเงินกลับมาได้แล้ว”
อวิ๋นซานที่อยู่ข้างๆ ถอนหายใจอีกครั้ง
คุณชายของพวกเขาหาเงินเก่งจริงๆ
ไม่อย่างนั้นวีนัสกรุ๊ปจะกลายเป็นเครือบริษัทอันดับหนึ่งของโลกได้ยังไง
อวิ๋นซานรู้สึกว่า ถ้าคุณชายของพวกเขาได้เจอกับผู้กุมอำนาจตระกูลลอเรนท์ ไม่แน่อาจมีทัศนคติร่วมกันหลายอย่างในด้านหาเงินก็ได้
อิ๋งจื่อจินที่อยู่ปลายสายเงียบไปชั่วขณะ “หนึ่งเดือน”
“หนึ่งเดือนอะไร”
“ห้ามจูบฉัน”
สีหน้าของฟู่อวิ๋นเซินชะงัก เสียงเริ่มสูง “หืม? เหตุผลคืออะไร”
“ไม่มีเหตุผล ถ้าแอบจู่โจม ก็ลองดู”
“…”
ท่ามกลางการประมูลที่ดุเดือด ในที่สุดจี้อี้หยวนก็ใจเย็นลง
ข้างเขาเป็นเหยียนรั่วเสวี่ย
เหยียนรั่วเสวี่ยพาผู้ช่วยมาด้วย เธอไม่ได้สนใจงานประมูลเท่าไร ก็แค่มาดูเฉยๆ
จี้อี้หยวนกระซิบ “คุณเหยียนครับ เมื่อครู่ผมเห็นจี้อี้หางกับครอบครัวอยู่ที่ห้องบนชั้นสอง ใครให้บัตรเชิญเขา”
“ห้องด้านบนเหรอคะ” เหยียนรั่วเสวี่ยขมวดคิ้ว “เป็นไปไม่ได้”
จี้อี้หางคู่ควรเหรอ
“แต่ผมเห็นจริงๆ นะครับ” จี้อี้หยวนทำหน้าขมขื่น “เขา…”
ยังไม่ทันพูดจบก็มีคนคุ้มกันของตระกูลจี้รีบร้อนลงมาจากชั้นบน เดินมาหาจี้อี้หยวน “จี้อี้หยวน นายใหญ่เรียกขึ้นไป”
จี้อี้หยวนตัวสั่น ลุกขึ้นทันที
เหยียนรั่วเสวี่ยดูงานประมูลต่อ
ทันใดนั้นผู้ช่วยที่อยู่ข้างกันก็พูดขึ้น “เอ๊ะ ศาสตราจารย์ครับ ผมนึกออกแล้ว ที่ผมบอกว่าเวินเฟิงเหมียนหน้าคล้ายใครคนหนึ่ง ก็คือคุณชิงจยาครับ ใบหน้าพวกเขาคล้ายกันมากครับ”
“ศาสตราจารย์ว่าคุณชิงจยากับเวินเฟิงเหมียนจะ…”
เรื่องที่หลินชิงจยาไม่ใช่ลูกสาวแท้ๆ ของหลินจิ่นอวิ๋นทุกคนต่างรู้
แต่เธอเก่งเกินไป เลยไม่มีใครไล่บี้เรื่องนี้ไม่ยอมปล่อย
“คิดอะไรอยู่” เหยียนรั่วเสวี่ยพูดเสียงแข็ง “เวินเฟิงเหมียนเป็นคนธรรมดา จะมีลูกสาวที่มากพรสวรรค์อย่างคุณชิงจยาได้ยังไง ถ้าคำพูดของนายรู้ถึงหูตระกูลหลิน ระวังจะเอาชีวิตไม่รอด”
“ลูกสาวของเวินเฟิงเหมียนอย่างมากก็แค่ระดับอิ๋งจื่อจิน เอาล่ะ หุบปากซะ”
ตระกูลจี้มุ่งมั่นในการทดลองชีวเคมีก็เพื่อต้องการค้นคว้าเทคโนโลยีที่สามารถต่อกรกับแพทย์แผนโบราณได้
แต่ผ่านมาสิบกว่าปีก็ไม่เคยทำสำเร็จ
หลินชิงจยาเป็นอัจฉริยะที่ได้รับการยอมรับในโลกแพทย์แผนโบราณกับโลกจอมยุทธ์ ยาชนิดใหม่หลายตัวของวงการแพทย์แผนโบราณก็เป็นฝีมือเธอคิดค้น
อิ๋งจื่อจินเป็นอัจฉริยะก็จริง แต่นั่นก็สำหรับโลกภายนอก เทียบกับหลินชิงจยาได้เหรอ
ผู้ช่วยคิดแล้วก็รู้สึกว่าจริง กระอักกระอ่วนใจ “คนหน้าคล้ายกันมีเยอะแยะ ผมคงคิดมากไปจริงๆ ครับ”
…
ชั้นบน
ภายในห้อง
จี้อี้หยวนกลัวจนตัวสั่น “ไม่ทราบว่ามีอะไรจะสั่งเหรอครับนายใหญ่”
“ได้ยินว่านี่คือคนที่พวกนายเรียกว่าคนวงการบันเทิงอะไรนั่น” นายใหญ่ตระกูลจี้ยื่นรูปให้ดู “เทียนฮ่าวชอบเธอ นายดูซิ จะตามหาตัวยังไง”
จี้อี้หยวนรับรูปมา มองแวบแรกก็รู้สึกดีใจมีความหวัง
“คุณชายเทียนฮ่าวชอบเหรอครับ” เขาเก็บอารมณ์ตื่นเต้นไว้ไม่อยู่ “เธอชื่ออิ๋งจื่อจิน เป็นลูกสาวของเวินเฟิงเหมียน และก็ถือเป็นคนตระกูลจี้ด้วย แตะต้องได้ตามสบาย ไม่เป็นไรครับ”
เขาจัดการครอบครัวเวินเฟิงเหมียนไม่ได้ แต่ตระกูลเดิมยังจะจัดการไม่ได้อีกเหรอ