ตอนที่ 505 ถอดเปลือก อันดับหนึ่ง!
ชั่วขณะนี้ ความเร็วของรถแข่งคันนี้ทะยานขึ้นสูงสุด
สามร้อยแปดสิบกิโลเมตรต่อชั่วโมง!
ซิวอวี่นั่งอยู่บนเบาะคนขับ จับพวงมาลัยแน่น รู้สึกเหมือนตัวเองกำลังจะบินแล้ว
เสียงลมรอบตัวดังมาก พุ่งผ่านหู แต่คำชี้แนะของอิ๋งจื่อจินก็ยังคงเข้าหูของเธออย่างต่อเนื่อง
เลี้ยวซ้าย
เลี้ยวขวา
ขับตรงกลางไปเรื่อยๆ
“บรื้น!”
ครั้นแล้วในขณะที่รถแข่งคันอื่นกำลังคงความเร็วไว้เท่าเดิมหรือมีหลายคันที่ลดความเร็วลง ทุกคนก็เห็นรถแข่งสีน้ำเงินเหาะผ่านโค้งมรณะนั้นไปอย่างองอาจ
แค่โค้งมรณะนี้โค้งเดียวได้ย่นระยะห่างเข้าไปถึงสองร้อยเมตร
[อื้อหือ นี่มันเป็นการเข้าโค้งขั้นเทพขนาดไหน ตาจะหลุดแล้วจ้า รถมันผ่านไปได้ยังไงนะ]
[นี่ฉันดูแข่งรถแรลลี่อยู่จริงเหรอ กล้าขับแรลลี่แบบนี้เลยเหรอ]
[นี่คือความแตกต่างระหว่างเทพกับคนธรรมดาใช่ไหม (รูปมือสั่น)]
“…”
ผู้ชมที่อยู่ในสนามและบรรดาผู้ชมที่ดูถ่ายทอดสดต่างก็ทึ่งมาก
การขับบ้าดีเดือดแบบนี้ไม่เหมาะใช้กับการแข่งแรลลี่ แต่เหมาะสำหรับการแข่งรถระยะทางสั้นๆ
โดยเฉพาะมีจุดสำคัญอย่างหนึ่งก็คือ นักแข่งเบอร์สิบเอ็ดเป็นนักแข่งหญิง
เดิมทีสมรรถภาพทางร่างกายของนักแข่งหญิงก็สู้นักแข่งชายไม่ได้ ตั้งแต่เริ่มการแข่งขันจนถึงตอนนี้เวลาผ่านไปห้าชั่วโมงแล้ว
ขับต่อเนื่องนานขนาดนี้ อย่าว่าแต่ความเหนื่อยล้าอ่อนเพลีย แม้แต่พละกำลังก็สูญเสียไปมาก
ทว่าภายใต้สถานการณ์แบบนี้ซิวอวี่ไม่ลดความเร็ว แต่กลับเพิ่มเสียด้วยซ้ำ
นายใหญ่แมนสันก็รับชมด้วยความตื่นเต้นเลือดในกายพลุ่งพล่าน อดตะโกนอย่างเมามันไม่ได้
ผ่านไปนานกว่าสภาพอารมณ์ของเขาจะเย็นลง หันไปสั่งพ่อบ้านอีกครั้ง
“ไปสืบมา เนวิเกเตอร์ของนักแข่งเบอร์สิบเอ็ดเป็นใครกันแน่”
การแข่งขันแรลลี่ นักแข่งย่อมต้องมีความสามารถมากพอสมควร
แต่เนวิเกเตอร์เก่งๆ สามารถทำให้นักแข่งแสดงศักยภาพได้ดีกว่าปกติ ถึงขั้นที่เพิ่มขึ้นจากความสามารถเดิมที่มีอยู่หลายเท่า
นายใหญ่แมนสันดูแข่งรถมานาน จุดนี้เขามองออก
พ่อบ้านพยักหน้า “ครับนายใหญ่ เดี๋ยวพอเข้าเส้นชัยแล้วผมจะส่งคนไปถามครับ”
…
ระยะทางช่วงสุดท้ายยาวที่สุด รวมทั้งสิ้นสองร้อยกิโลเมตร และยังเป็นช่วงสำคัญที่จะทิ้งห่าง ส่งผลต่อเวลา
เกือบหกชั่วโมงแล้ว อวิ๋นซานดูจนเหนื่อย
แต่เส้นประสาทของเขาตึงเกร็งมาก พูดด้วยความตื่นเต้น “คุณชายครับ อันดับหนึ่งคงลอยลำแล้วครับ”
ในที่สุดอวิ๋นซานก็เจอเรื่องที่จะเอาไปอวดอวิ๋นอู้
เขาหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาทันทีแล้วส่งข้อความออกไป
[น้องสาม ฉันได้มาดูคุณอิ๋งแข่งรถในสนามด้วยเว้ย นายต้องอยู่โรงพยาบาล ไหวไหมๆ]
หนึ่งนาทีต่อมาอวิ๋นอู้ก็ตอบกลับ
[พี่เซี่ยบอกว่า ไว้ถึงเวลาเธอจะชมผมต่อหน้าคุณอิ๋งบ่อยๆ ผมจะได้มีรางวัล (^-^)]
อวิ๋นซาน “…”
ไอ้XX
เขาโมโหเหวี่ยงโทรศัพท์ทิ้ง
ฟู่อวิ๋นเซินก็มองที่หน้าจอใหญ่
บนหน้าจอใหญ่แบ่งออกเป็นเก้ากรอบ แต่ละกรอบถ่ายนักแข่งเก้าอันดับแรก
ตอนนี้ซิวอวี่กับอิ๋งจื่อจินอยู่อันดับสาม ตามจี้อันดับสองไปติดๆ
บนหน้าจอเห็นแค่รถแข่ง ไม่เห็นคนที่อยู่ภายใน
แต่สายตาของฟู่อวิ๋นเซินอยู่ที่ตำแหน่งข้างคนขับตลอด ดวงตาดอกท้อทอประกายอ่อนโยนดุจสายน้ำ
ทันใดนั้นเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้น
แววตาของฟู่อวิ๋นเซินชะงักเล็กน้อย
ปกติฉินหลิงเยี่ยนไม่ชอบโทร ชอบแฮกเข้าระบบโดยตรง
เขากดรับ “ว่าไงหนุ่มหน้าเด็ก”
“เหล่าฟู่ น้องฉันตามพวกนายไปด้วยใช่ไหม”
ครั้งนี้ฉินหลิงเยี่ยนไม่โวยวายคำเรียกนี้ น้ำเสียงของเขาเคร่งขรึม
“ตอนนี้พวกนายอยู่ในอาณาเขตของตระกูลแมนสันใช่หรือเปล่า”
ฟู่อวิ๋นเซินกะพริบตา “อืม”
“ตามคาด นายให้บอสสาวบอกน้องฉันด้วยว่าอย่าหุนหันพลันแล่น” ฉินหลิงเยี่ยนสูดลมหายใจเข้าลึก
“อย่าบุกไปที่ตระกูลแมนสันคนเดียว อาการบาดเจ็บของเธอยังไม่หายดี ไม่ใช่คู่ต่อสู้ของพวกผู้อาวุโสกับทหารรับจ้างของตระกูลแมนสัน”
ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินหรี่ลงเล็กน้อย “น้องสาวนายคือมูนเหรอ”
นักฆ่าอันดับสามของชาร์ตเอ็นโอเคคือ มูน
ฉายา ดวงจันทร์
เพราะจะปรากฏแค่ในความมืดยามราตรีเท่านั้น ถึงได้มีชื่อนี้
“เรื่องนี้ไม่สำคัญ” ฉินหลิงเยี่ยนหงุดหงิดมาก
“เดิมทีฉันคิดว่าน้องสาวฉันเข้าวงการบันเทิงเพราะอยากเป็นดาราจริงๆ ใครจะไปรู้ว่ายังคิดแค้นเรื่องนี้อยู่ กล้าโกหกฉันว่ามาร่วมรายการวาไรตี้ที่ยุโรป ฉันว่าน้องฉันน่าจะต้องการไปที่ตระกูลแมนสันอีก”
ตอนแรกสุดเขาก็ไม่รู้ว่าฉินหลิงอวี๋อยู่อันดับที่เท่าไรของชาร์ตนักฆ่า เนื่องจากระดับแอคเคาท์ของเขาได้สิทธิ์ไม่มากพอ เช็กข้อมูลของพวกนักล่าห้าอันดับแรกไม่ได้
นิ้วของฟู่อวิ๋นเซินเคาะเก้าอี้ ไม่พูดอะไร
เขารู้ว่าตระกูลแมนสันตามล่ามูนที่เป็นนักฆ่าอันดับสามมาตลอด แต่ไม่เคยจับได้
แต่ในความเป็นจริงฉินหลิงอวี๋ก็มีแฟนคลับชาวยุโรปอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มคนหนุ่มสาว ลอยไปลอยมาอยู่ตรงหน้าตระกูลแมนสัน
แต่ตระกูลแมนสันกลับมองข้ามเธออย่างสิ้นเชิง
ภายใต้สถานการณ์ที่ฉินหลิงเยี่ยนลบร่องรอยทั้งหมดของฉินหลิงอวี๋ไปแล้วเก้าสิบเปอร์เซ็นต์ ต่อให้เป็นพวกมันสมองของตระกูลแมนสันก็ไม่มีทางเดาได้ว่าตอนนี้ฉินหลิงอวี๋เป็นดาราที่มีชื่อเสียงโด่งดัง
“ได้” แววตาของฟูอวิ๋นเซินขรึมลง “ฉันจะให้เยาเยาไปบอก”
“ฉันขึ้นเครื่องบินแล้ว” ฉินหลิงเยี่ยนเน้นย้ำอีกครั้ง
“เดี๋ยวฉันก็ไปถึง ดึงตัวน้องฉันเอาไว้ ต้องห้ามให้ได้นะ”
เขาบ่นอีกเล็กน้อย “ยัยคนนี้ไม่เคยเชื่อฟังฉันเลย ไม่รู้เหมือนใคร น่าหงุดหงิดชะมัด”
ฟู่อวิ๋นเซินคุยเสร็จก็มองมือถือพลางครุ่นคิด
อวิ๋นซานก็ได้ยินแล้ว “คุณชายครับ มูนอะไรเหรอครับ”
“เพื่อนคนนั้นของเยาเยา ฉินหลิงอวี๋” ฟู่อวิ๋นเซินตอบ “นักฆ่าอันดับสาม ฉายา มูน”
อวิ๋นซานเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางหัว ทำหน้าอึ้ง “…”
เดี๋ยวนะ มีแค่เขาคนเดียวที่น่าสงสารเหรอ
พวกบอสก็คบกันแต่พวกบอสสินะ
…
จุดเริ่มต้นของการแข่งแรลลี่ก็คือเส้นชัย
นักแข่งวิ่งครบหนึ่งรอบก็จะกลับเข้าจุดปล่อยตัวอีกครั้ง
บรรดาผู้ชมในสนามไม่มองที่หน้าจออีกต่อไป แต่มองที่ลู่แข่ง
ไกลออกไปเริ่มเห็นรถแข่งสีน้ำเงินอยู่ลิบๆ พุ่งทะยานมาข้างหน้าท่ามกลางเมฆหมอกที่หนาทึบ
เวลานี้เสียงเครื่องยนต์ดังสนั่น เล่นเอาแสบแก้วหู
“บรื้น!”
ความเร็วของรถแข่งสีน้ำเงินยังคงพุ่งทะยานจนกระทั่งเข้าเส้นชัย
บนหน้าจอขนาดใหญ่ที่แสดงเวลาก็ได้ปรากฏการทำเวลาแข่งขันขึ้นไปพร้อมกัน
อันดับหนึ่ง ซิวอวี่ ทีมรถแข่งตระกูลซิว หกชั่วโมง สิบสองนาที ยี่สิบสามวินาที
แต่บรรดาผู้ชมไม่ได้สนใจการทำเวลาแข่งขันที่อยู่บนหน้าจอ สายตากลับไล่ตามรถแข่งไป
วินาทีถัดมาซิวอวี่ก็ไปกลับรถอย่างสวยงามแล้วจอดบนลู่แข่ง
คลุ้มคลั่งกันทั้งสนาม
บ้างก็ตะโกน
“เบอร์สิบเอ็ด!”
“ราชานักแข่ง! ราชานักแข่ง!”
เครื่องยนต์ดับลง ซิวอวี่ถอดหมวกกันน็อก หายใจหอบแรง สูดอากาศบริสุทธิ์
เธอนั่งพิงเบาะอย่างหมดแรง หายตึงเครียด ไม่มีแม้แต่แรงจะลุก แต่ก็ยังคงตะโกน “สะใจโว้ย!”
เธอไม่เคยแข่งรถที่ตื่นเต้นเร้าใจแบบนี้มาก่อน
ทุกนาทีทุกวินาทีราวกับกำลังต่อสู้กับยมทูต
ซิวอวี่นั่งพักอยู่บนรถสักพักถึงสังเกตเห็นว่าอิ๋งจื่อจินยังไม่ถอดหมวกกันน็อก
“พ่ออิ๋ง ไม่ถอดหมวกกันน็อกไม่อึดอัดเหรอ”
อิ๋งจื่อจินเหลือบมองซิวอวี่ “ฉันมีวรยุทธ เรื่องแค่นี้ไม่เท่าไรหรอก”
ซิวอวี่ “…”
เอาเถอะ…ถึงแม้เธอจะฝึกจนมีวรยุทธแล้ว แต่ก็ไม่ได้สนใจในด้านนี้สักเท่าไร
อิ๋งจื่อจินรอซิวอวี่พักเสร็จถึงเปิดประตูรถเดินลงไป
“ฟึ่บ” กล้องหลายตัวจับภาพมาที่เธอ รวมถึงตัวที่ใหญ่ที่สุด
แต่เนื่องจากอิ๋งจื่อจินไม่ถอดหมวกกันน็อก เผยให้เห็นเพียงดวงตาหงส์
[? พวกคุณถ่ายความเหงากันเหรอ]
[หน้าล่ะ! ฉันอยากดูหน้า!]
เจ้าหน้าที่ถ่ายภาพ “…”
พวกเขาน่าสงสารมากพอแล้วนะ
ผ่านไปอีกแปดนาทีกว่ารถคันที่สองจะพุ่งเข้าเส้นชัย
บนหน้าจอใหญ่มีการขยับอีกครั้ง แสดงเวลาของอันดับสอง
อันดับสอง มอนด์ ทีมเอ็กซ์เอส หกชั่วโมง ยี่สิบนาที สี่สิบห้าวินาที
“…”
เกิดความเงียบขึ้นในสนาม
อันดับหนึ่งกับอันดับสองห่างกันถึงแปดนาที
ตระกูลแมนสันไม่เคยเจอแบบนี้มาก่อนจากการแข่งขันทั้งหมดที่เคยจัดมา
ตรงที่นั่งวีไอพี สีหน้าของพวกทหารรับจ้างทีมเอ็กซ์เอสบึ้งตึง
ถึงแม้พวกเขาจะได้ที่สอง แต่รางวัลของอันดับสองไม่ได้เสี้ยวของอันดับหนึ่งเลยด้วยซ้ำ
สิ่งที่เดิมทีเป็นของพวกเขา ตอนนี้ไม่มีแล้ว มีเหรอจะทนไหว
แต่ความแตกต่างมันชัดเจนเกินไป
ผ่านไปอีกไม่กี่นาทีรถแข่งที่อยู่ด้านหลังก็ทยอยเข้าเส้นชัย
รถแข่งของอันดับสองจอดสนิท ประตูรถถูกเปิดออก คนที่ลงมาเป็นชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้ม
นี่คือมอนด์ หัวหน้าทีมเอ็กซ์เอส
ข้างตัวเขาก็มีตากล้องและนักข่าว
มอนด์ผลักตากล้องพวกนั้นออกด้วยสีหน้าเย็นชาแล้วแย่งไมโครโฟนมาจากนักข่าว
“ขอถามนักแข่งเบอร์สิบเอ็ด และก็เนวิเกเตอร์ของคุณ…” ท่ามกลางสายตาจับจ้อง มอนด์ถอดหมวกกันน็อกปาลงพื้นอย่างแรง จ้องไปที่อิ๋งจื่อจินกับซิวอวี่ สายตาเคียดแค้น พูดด้วยความไม่พอใจ
“โกงการแข่งขัน ใช้ยาต้องห้าม มองข้ามความยุติธรรมในการแข่ง มันสนุกมากใช่ไหม หืม?”