ตอนที่ 515 โปรเจ็กต์ทดลองชั้นยอดระดับโลก! อภิมหาเทพอิ๋ง
คราวนี้หลีหานขนลุกซู่ทั้งตัว รู้สึกเหมือนขนชี้ตั้งตรง
เพราะทุกคำพูดของอิ๋งจื่อจินล้วนเป็นเรื่องที่เกิดกับตัวเธอจริงๆ
เธอถึงได้รู้สึกกลัว
หลีหานไอ “ระ…รุ่นน้องอิ๋ง กะ กลางวันแสกๆ เธอพูดเรื่องพวกนี้ออกจะสยองไปหน่อยนะ”
อิ๋งจื่อจินดันถ้วยน้ำไปให้พลางพูดปลอบ “ไม่ต้องกลัวค่ะ”
หลีหานดื่มน้ำ ร่างกายถึงรู้สึกอุ่นขึ้นมาบ้าง
“แต่เรื่องที่เธอพูดมาก็เคยมีคนพูดกับฉันประมาณนี้เหมือนกัน”
อิ๋งจื่อจินหรี่ตาลงเล็กน้อย “หืม?”
“อ้อ ใช่ เมื่อเดือนก่อนที่ฉันเกือบโดนของหล่นใส่หัว” หลีหานนั่งนึก “ฉันไปซื้อดอกไม้ที่ตลาดดอกไม้ ฉันเองก็ตกใจมาก คิดในใจว่าตัวเองยังโชคดี”
“ปรากฏว่าต่อมาก็มีหมอดูมาดึงตัวฉันไว้ บอกว่าประมาณปลายปีฉันจะเลือดตกยางออก พูดสาธยายร่ายยาวอยู่นานสองนาน จะเอาเงินฉันให้ได้ เข้าใจหลอกคนจริงๆ เลย”
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดชั่วขณะ “หมอดูที่รุ่นพี่ว่าเป็นผู้หญิงอายุไม่เกินยี่สิบหรือเปล่าคะ”
“ใช่ๆ” หลีหานพยักหน้า “แต่เธอก็โชคร้ายนะที่มาเจอฉัน ฉันแข่งโต้วาทีมาสองปี ยังไม่เคยมีใครโฆษณาชวนให้ฉันเชื่อสำเร็จสักคน”
อิ๋งจื่อจินนวดศีรษะ หยิบโทรศัพท์มือถือออกมาด้วยสีหน้าไร้ความรู้สึก หาแชทของตี้อู่เย่ว์
[อิ๋งจื่อจิน : วันที่สิบสองเดือนที่แล้วเธอไปหลอกคนที่ตลาดดอกไม้มาเหรอ ]
[ตี้อู่เย่ว์ : ? ฉันไม่ได้หลอกคนนะ ฉันพูดเรื่องจริงทั้งนั้น]
[ตี้อู่เย่ว์ : ผู้หญิงคนนั้นจะเลือดตกยางออก สาหัสด้วย แบบที่ต้องตายแน่นอนอย่างไม่ต้องสงสัย]
[อิ๋งจื่อจิน : เขาบอกว่าเธอเป็นพวกนักต้มตุ๋น]
[ตี้อู่เย่ว์ : …]
[ตี้อู่เย่ว์ : หลอกคนจนชินแล้ว พอทำนายเป็นจริงๆ ก็มาถูกหาว่าต้มตุ๋น มันแก้ไม่ได้จะให้ทำไง (อีโมชันร้องไห้โฮ)]
อิ๋งจื่อจินเงียบไป
เธอครุ่นคิด ตอนนั้นตี้อู่เซ่าเสียนลูกศิษย์เธอ ถึงแม้จะหาเงินเก่ง แต่ก็เป็นเด็กที่เถรตรงมาก
แต่ทำไมพอมาถึงรุ่นตี้อู่เย่ว์ถึงได้กลายเป็นแบบนี้ล่ะ
[ตี้อู่เย่ว์ : พี่สาว ไม่งั้นเอาแบบนี้ไหม ฉันจะแปลงโฉมก่อนออกจากบ้าน แต่งตัวเป็นคุณตาแก่ๆ ใส่เคราปลอม ทำให้ดูมีอายุหน่อย แบบนี้ได้หรือเปล่า]
[ตี้อู่เย่ว์ : ยังไงซะหมอดูอย่างพวกเรายิ่งแก่ก็ยิ่งเก่งไม่ใช่เหรอ จะต้องมีคนเชื่อฉันแน่นอน]
[อิ๋งจื่อจิน : อย่าเลย เลิกคิดเถอะ]
[ตี้อู่เย่ว์ : …(เสียใจ)]
“รุ่นน้องอิ๋ง คือ…” หลีหานลังเลเล็กน้อย “เธอจริงจังหรือเปล่า”
ถึงแม้เธอเองก็รู้ว่า ทางตันของวิทยาศาสตร์ก็คือศาสตร์ลี้ลับ
แต่เธอเป็นนักศึกษามหาวิทยาลัย วันๆ ท่องแต่ลัทธิมากซ์กับแนวคิดของเหมาเจ๋อตง หลีหานจึงไม่เชื่อเรื่องพวกนี้
แต่อิ๋งจื่อจินพูดออกมาได้แม่นมาก
อีกทั้งวันนี้เพิ่งจะเจอกันเป็นครั้งแรก
“จริงจังค่ะ” อิ๋งจื่อจินพยักหน้า “รุ่นพี่ไม่ได้โชคดี แต่รุ่นพี่ถูกยืมดวงไป”
หลีหานอึ้งเล็กน้อย “ยืมดวงเหรอ”
“พูดง่ายๆ ก็คือ ดวงดีของรุ่นพี่ถูกยืมไปแล้ว” อิ๋งจื่อจินหลับตาลง “พูดแบบนี้ก็ไม่ถูกนัก ตอนแรกสุดก็แค่ยืม ต่อมาคือปล้นไป”
“เพราะแบบนี้รุ่นพี่ถึงเกิดอุบัติเหตุบ่อย ยิ่งช่วงหลังๆ จะยิ่งถี่ขึ้น”
“สาเหตุที่รุ่นพี่ยังพ้นภัยได้ เป็นเพราะดวงของรุ่นพี่ยังไม่ถูกปล้นไปหมด และก็เพราะตัวรุ่นพี่เองก็เก่งด้วยค่ะ”
การยืมดวงเรื่องแบบนี้ไม่ใช่วิธีที่ถูกหลักของตระกูลนักพยากรณ์ แต่ก็มีนักพยากรณ์จำนวนไม่น้อยที่ใช้เป็น
การยืมดวงคล้ายการเปลี่ยนแปลงดวงชะตา แต่ไม่โหดเท่า
การยืมดวงแบ่งออกเป็นสามแบบ คือ ยืมดวงคนอื่น ยืมดวงตัวเอง และยืมดวงสวรรค์
แบบสุดท้ายมีแค่นักพยากรณ์ไม่กี่คนที่ทำได้ ต่อให้ทำได้ก็ไม่กล้าอยู่ดี
ส่วนการยืมดวงตัวเองก็คือ การยืมดวงดีในอนาคตมาก่อน
แต่การยืมดวงคนอื่น ตัวเองได้ผลดี คนอื่นซวยแทน
“ดวงดีของฉันเหรอ” หลีหานขมวดคิ้ว “เธอพูดแบบนี้ อยู่ๆ ฉันก็รู้สึกว่าฉันดวงไม่ดี”
ชั่วขณะนั้นเรื่องบางอย่างก็กระจ่าง
นับตั้งแต่เธอเกิดอุบัติเหตุทางรถยนต์ ดวงของเธอก็ดิ่งลงตลอด
ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัย อันที่จริงคะแนนของเธอผิดจากปกติ ได้ต่ำกว่าที่เคยทดสอบสามสิบคะแนน เข้ามหาวิทยาลัยตี้ตูได้แบบคาบเส้น
แน่นอนว่าคะแนนเท่านี้เข้าสาขาคอมพิวเตอร์ไม่ได้ เธอถูกย้ายไปเข้าคณะภาษาต่างประเทศ
ตอนจบปีหนึ่งหลีหานได้ที่หนึ่งของคณะถึงขอย้ายเข้าสาขาคอมพิวเตอร์ได้
ต่อมามีอยู่ครั้งหนึ่งเธอกับเพื่อนต่างสาขาแย่งชิงโควตาไปต่างประเทศ ปรากฏว่าวันนั้นอยู่ๆ เธอก็ไข้ขึ้นสูง
“อืม ถ้ารุ่นพี่ไม่ถูกยืมดวงไป ตอนสอบเข้ามหาวิทยาลัยรุ่นพี่ควรได้เจ็ดร้อยยี่สิบคะแนน” อิ๋งจื่อจินหยิบไพ่ทาโรต์ออกมาหนึ่งสำรับ “ไม่จำเป็นต้องมาย้ายคณะภายหลัง”
ขณะพูดเธอก็กางไพ่ทาโรต์ออก “รุ่นพี่หลีเลือกมาหนึ่งใบค่ะ”
“ใบเดียวเหรอ” หลีหานก็เคยเล่นทำนายไพ่ทาโรต์ในเน็ต รู้ว่าโดยทั่วไปต้องเลือกมาสามใบ
สามใบนี้แบ่งเป็นอดีต ปัจจุบัน และอนาคต
“ค่ะ” อิ๋งจื่อจินตอบ “ใบเดียวพอแล้วค่ะ”
หลีหานพยักหน้า เริ่มเลือกไพ่
ขณะที่เธอกำลังอยากเลือกไพ่ใบนั้น มือกลับถูกไพ่สัมผัสก่อน
หลีหานอึ้งเล็กน้อย
ไพ่ใบนี้เหมือนเข้ามาแตะที่ฝ่ามือของเธอเองโดยอัตโนมัติ
สุดท้ายเธอคิดว่านี่อาจเป็นไฟฟ้าสถิตก็ได้
หลีหานเปิดดู
บนนั้นเขียนว่า Judgement[1] XX
วันพิพากษา ลำดับที่ยี่สิบ ใบที่ยี่สิบเอ็ดของสำรับใหญ่ ไม่กลับหัว
แสดงถึงการคืนชีพ
อิ๋งจื่อจินรับไพ่ใบนี้มาดูแล้วยื่นให้หลีหาน “เก็บให้ดีค่ะ พกติดตัว อย่าให้ห่างจากตัว”
หลีหานลังเล “แค่นั้นก็ป้องกันตัวเองถูกยืมดวงได้แล้วเหรอ”
“แค่ปกป้องได้ชั่วคราวค่ะ จำเป็นต้องหาช่วงเวลาเฉพาะเพื่อจัดการให้ถึงที่สุด แต่ช่วงสองสามวันนี้ไม่เหมาะ” อิ๋งจื่อจินเหลือบตาขึ้น “การยืมดวงต้องรู้วันเดือนปีเกิดของรุ่นพี่ค่ะ”
ทันใดนั้นหลีหานก็หนักใจ
เธอเก็บไพ่ทาโรต์ใบนั้นไว้กับตัว สีหน้าเคร่งขรึม “รุ่นน้องอิ๋ง ถ้าเธอมีอะไรให้ช่วยก็บอกมาได้เลยนะ ฉันจะช่วย”
“มีค่ะ” อิ๋งจื่อจินก็ไม่ปิดบัง “ฉันมีโปรเจ็กต์ทดลองที่อยากให้รุ่นพี่หลีช่วยค่ะ”
โปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาลค่อนข้างขาดแคลนคน ไม่ได้แค่ต้องการคนมีความสามารถของสาขาฟิสิกส์เท่านั้น สาขาคอมพิวเตอร์ก็สำคัญเหมือนกัน
แต่โปรเจ็กต์นี้เป็นสงครามอันยาวนาน
“ได้ ฉันเก็บหน่วยกิตครบหมดก่อนแล้ว” หลีหานตอบตกลงโดยไม่ต้องคิด “ตอนไหนก็ได้หมด”
รุ่นน้องที่เทพขนาดนี้จะไม่ให้ช่วยได้ยังไง
อิ๋งจื่อจินพยักหน้าเบาๆ “ฉันขอตัวก่อนนะคะ”
หลีหานโบกมือ จากนั้นถึงได้พบว่าตัวเองเหงื่อท่วมตัว ดวงตาฉายแววเย็นชา
คนที่รู้วันเดือนปีเกิดของเธอมีอยู่ไม่กี่คน
หลีหานเช็ดเหงื่อ นึกถึงภารกิจสำคัญที่เซวียกั๋วหวามอบให้เธอ
[ขอโทษค่ะศาสตราจารย์เซวีย ขอโทษที่ศาสตราจารย์อุตส่าห์บ่มเพาะหนูมา]
พอเซวียกั๋วหวาได้รับข้อความนี้ก็รู้สึกงุนงง
[เกิดอะไรขึ้น เสี่ยวหาน ปัญหาเรื่องเงินหรือเปล่า ไม่ต้องกังวลนะ อยากได้เท่าไร อาจารย์จะให้]
สาขาคอมพิวเตอร์เป็นสาขาสำคัญของมหาวิทยาลัยตี้ตูและสาขาสำคัญระดับโลก ทรัพยาการที่ได้ย่อมไม่ด้อยไปกว่าสาขาฟิสิกส์
หลีหานครุ่นคิดแล้วถึงตอบ
[หนูแย่งตัวมาไม่สำเร็จ แถมตัวหนูยังถูกแย่งไปด้วยค่ะ(โศกเศร้า)]
[?]
หลีหานรู้สึกผิด เธอทำเป็นไม่เห็นเครื่องหมายคำถามที่เซวียกั๋วหานส่งมา ปิดหน้าจอโทรศัพท์เงียบๆ
จากนั้นเธอถึงนึกได้ว่า ดูเหมือนเธอจะลืมถามอิ๋งจื่อจินว่าเป็นโปรเจ็กต์ทดลองเกี่ยวกับอะไร
แต่หลีหานคิดว่าน่าจะเป็นแค่โปรเจ็กต์ใหม่ของทางมหาวิทยาลัยตี้ตู
โปรเจ็กต์ใหญ่ของพวกศาสตราจารย์ชั้นยอดระดับโลก อย่าว่าแต่หลีหานเลย ต่อให้เป็นพวกศาสตราจารย์ของมหาวิทยาลัยตี้ตูก็ไม่กล้าคิด
…
ช่วงหยุดวันชาติต้นเดือนตุลาคม มีนักศึกษาปีหนึ่งจำนวนไม่น้อยที่กลับบ้าน
เหยียนอันเหอก็ไม่อยู่มหาวิทยาลัย หลังจากที่เธอมอบหมายงานที่เหลือให้สมาชิกสภานักศึกษาคนอื่นแล้วเธอก็ไปหาหนิงอวี่เจ๋อ
เนื่องจากสมาชิกฝึกหัดของหน่วยอีจื้อต่างเตรียมการฝึกระเบียบทหารของนักศึกษาใหม่ที่กำลังจะมาถึง ช่วงหยุดวันชาติพวกเขาก็ได้หยุดด้วย
เหยียนอันเหอแปลกใจมาก “นายต้องมาฝึกระเบียบทหารให้เด็กปีหนึ่งรุ่นนี้เหรอ”
“อืม” หนิงอวี่เจ๋อยังนึกถึงเรื่องการฝึกในวันนั้น ค่อนข้างใจลอย “ผมเป็นหัวหน้าค่าย รับผิดชอบสิบหมู่”
เหยียนอันเหอรู้ระเบียบการฝึกของมหาวิทยาลัยตี้ตู แบ่งระดับตามค่ายทหาร
หมู่ละหกสิบคน สิบหมู่เป็นหนึ่งค่าย
มีทั้งหมดแปดค่าย รวมเป็นหนึ่งคณะฝึก
จำนวนนักศึกษาปีหนึ่งรุ่นนี้มีประมาณสี่พันแปดร้อยคน
แต่ไหนแต่ไรมาเหยียนอันเหอไม่สนใจเรื่องการฝึกระเบียบทหาร แต่ครั้งนี้เธอชักสนใจ
“พวกนายได้รายชื่อนักศึกษามาหรือยัง แบ่งกันยังไง”
“ได้แล้ว” หนิงอวี่เจ๋อเอาให้เธอโดยไม่คิดอะไรมาก
เหยียนอันเหอใช้ฟังก์ชันค้นหาในแอปฯ ดับบลิวพีเอส จากนั้นก็เจอชื่ออิ๋งจื่อจินอยู่ในสาขาชีววิทยา
ที่แท้ก็อยู่สาขาชีววิทยา เดิมทีเธอคิดว่าอิ๋งจื่อจินสอบเข้ามาได้อันดับหนึ่งจะไปอยู่สามคณะใหญ่เสียอีก
ก็ได้แค่นี้
เหยียนอันเหอดูชื่อหัวหน้าหมู่ที่อิ๋งจื่อจินอยู่
เป็นสมาชิกคนหนึ่งในทีมของหนิงอวี่เจ๋อ เธอรู้จัก สนิทในระดับหนึ่ง
หนิงอวี่เจ๋อเป็นหัวหน้าค่าย ไม่ได้มีหน้าที่ฝึกให้หมู่ไหนเป็นพิเศษ
เหยียนอันเหอหาชื่อหัวหน้าหมู่คนนี้ในรายชื่อเพื่อนวีแชทแล้วส่งข้อความไป
[ช่วยฉันดูแลนักศึกษาหญิงคนหนึ่งหน่อย ‘ดูแลเป็นพิเศษ’ โหดได้แค่ไหนก็จัดไป อย่ามองว่าเธอเป็นคน]
[1]Judgement (จัด-จี-เมินท์) แปลว่า การตัดสิน , พิพากษา