ตอนที่ 516 พวกคุณล่วงเกินเวินเฟิงเหมียนไม่ได้
การฝึกระเบียบทหารของมหาวิทยาลัยตี้ตูเข้มงวดขนาดไหน เหยียนอันเหอรู้ดี
ถึงแม้การฝึกของนักศึกษาหญิงจะเบากว่านักศึกษาชายมาก แต่สิบสี่วันก็เหนื่อยทีเดียว
ตอนนั้นเหยียนอันเหอถึงกับไปขอใบลาป่วยปลอมๆ มาเพื่อเลี่ยงการฝึก
นักศึกษาปีหนึ่งมีหลายพันคน แอบโหดกับคนเดียวเป็นพิเศษย่อมไม่มีคนสนใจ ผู้บริหารมหาวิทยาลัยก็ไม่ว่างไปยุ่งด้วย
อย่างไรเสียขณะฝึกระเบียบทหารต้องทำตามคำสั่งทั้งหมด
หัวหน้าหมู่คนนั้นตอบกลับอย่างรวดเร็ว
[พี่สะใภ้ นักศึกษาหญิงคนนี้ทำไมเหรอ เธอรังแกพี่สะใภ้เหรอ]
หนิงอวี่เจ๋อเป็นหัวหน้าทีม สมาชิกในทีมเขาเลยเรียกเหยียนอันเหอว่าพี่สะใภ้
เหยียนอันเหอสีหน้าเย็นชา
[เรื่องมันซับซ้อน พูดลำบาก]
[ครับพี่สะใภ้ ไว้ถึงเวลาผมจะจับตาดูนักศึกษาหญิงคนนี้ให้]
เหยียนอันเหอลบข้อความสนทนาแล้วถึงวางโทรศัพท์มือถือลง
หันไปเห็นหนิงอวี่เจ๋อเหม่ออยู่ เธอขมวดคิ้ว พูดด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยพอใจ “ฉันอยู่ตรงนี้ คิดอะไรอยู่”
หนิงอวี่เจ๋อดึงสติกลับมา เม้มริมฝีปากเล็กน้อย “สองวันก่อน หน่วยอีจื้อส่งหัวหน้าผู้หญิงคนหนึ่งมาสาธิตยิงเป้าให้พวกเราดูในสนามฝึก”
เขาเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นในสนามฝึกให้ฟัง
ต่อมาพวกเขาก็ลองฝึก แต่ผลคะแนนแทบทนดูไม่ได้
เหยียนอันเหออึ้ง “ไม่น่ามั้ง ผู้หญิงเหรอ”
เนื่องจากหน่วยอีจื้อมักออกไปทำภารกิจ เวลาทำงานกับเวลาพักไม่แน่นอน ความยากในการฝึกก็สูงมาก ทั้งยังต้องสู้กับคนร้ายสารพัดรูปแบบ
เมื่อคำนึงถึงความปลอดภัยในชีวิตและสุขภาพร่างกาย จึงไม่รับสมาชิกที่เป็นผู้หญิง
เปรียบได้กับวัด
เหยียนอันเหอเครียดขึ้นมาทันที “หน้าตาเป็นไง รูปร่างดีไหม นายได้คุยกับเธอหรือยัง คุยอะไรไป”
“คุณคิดอะไรน่ะ” หนิงอวี่เจ๋อขมวดคิ้ว “ผมยังเป็นสมาชิกฝึกหัดอยู่เลย ถึงจะเป็นหัวหน้าทีม แต่ก็ไม่มีสิทธิ์ได้พูดคุยกับบุคคลระดับสูงของหน่วยอีจื้อ”
คนที่รับหน้าที่ฝึกพวกเขาคือพวกหัวหน้าทางการ
พวกเขารู้ว่ายังมีทีมชั้นยอดอีกสองทีม แต่พวกเขาก็ไม่เคยเจอคนของสองทีมชั้นยอด
ยิ่งไม่ต้องพูดถึงผู้บัญชาการใหญ่เนี่ยอี้
คนที่รู้ว่าเนี่ยอี้เป็นผู้บัญชาการใหญ่ของหน่วยอีจื้อ นอกจากคนใกล้ชิดเขาไม่กี่คน ในตี้ตูก็มีไม่กี่คนที่รู้
สถานะของเขาถูกเก็บเป็นความลับอย่างสิ้นเชิง
วันนั้นหนิงอวี่เจ๋อสนใจแค่สองเป้าคะแนนเต็มร้อยที่อิ๋งจื่อจินทำได้ ไม่ได้สนใจอย่างอื่นอีก
เขานึกๆ ดู
ดูเหมือนรูปร่างของเธอก็ดีด้วย
เหยียนอันเหอโล่งอก “ฉันก็แค่ลองถามดู ไม่มีอะไรหรอก งั้นเมื่อไรนายถึงจะได้เลื่อนเข้าเป็นสมาชิกทางการของหน่วยล่ะ”
ถึงแม้หลังจากที่หนิงอวี่เจ๋อเลื่อนเป็นสมาชิกทางการ โอกาสที่เธอกับเขาเจอกันจะยิ่งน้อยลง แต่เหยียนอันเหอก็ไม่แคร์
ใครบ้างไม่อยากมีความเกี่ยวข้องกับหน่วยอีจื้อ
“ยังไม่รู้เลย” หนิงอวี่เจ๋อส่ายหน้า “น่าจะยังมีการประเมินอีกหลายรอบ”
หยุดเล็กน้อยแล้วพูดต่อ “หัวหน้าทีมสองบอกว่า ถ้าความสามารถโดดเด่นยังสามารถไปสัมภาษณ์ที่ไอบีไอได้ด้วย”
“ไอบีไอเหรอ” เหยียนอันเหอมือสั่น “จริงเหรอ”
หนิงอวี่เจ๋อพยักหน้า “ผมไม่คุยด้วยแล้ว ไปฝึกก่อนนะ”
เขาต้องคว้าโอกาสไว้ให้ดี ห้ามทำให้พ่อแม่ผิดหวัง
คราวนี้เหยียนอันเหอไม่พูดอะไร ยิ้มส่งหนิงอวี่เจ๋อออกไป
หลังกลับถึงห้องเธอก็อดตื่นเต้นไม่ได้ หยิบมือถือออกมา “ฮัลโหล ป้าคะ หนูจะเล่าให้ฟัง…”
…
ช่วงหยุดวันชาติ อิ๋งจื่อจินไปบ้านตระกูลหลิงในโลกจอมยุทธ์
เวินเฟิงเหมียนต้องทำการทดลอง จึงไม่ได้ตามไปด้วย
เธอพิงรั้วสนามฝึก ขณะอาบแดดก็ฟังเสียงร้องโอดครวญของเจียงหรานที่ฝึกกับหลิงเหมียนซี
เสนาะหูพอสมควร
ฟู่อวิ๋นเซินเดินเข้ามายื่นนมอุ่นๆ ให้หนึ่งแก้ว
จากนั้นก็ยืนข้างๆ มองสนามฝึกแล้วเลิกคิ้ว “ตอนนี้เขาเชื่อฟังดีจริงๆ”
เขาเคยคลุกคลีกับเจียงหราน รู้ว่าเมื่อก่อนเจียงหรานหัวรั้นต่อต้านขนาดไหน
ให้เจียงหรานไปฝึกวรยุทธ์ เขาไม่มีทางยอมไป
“ไม่หรอก” อิ๋งจื่อจินดันหมวกเบสบอลขึ้น สีหน้าเรื่อยเปื่อย “เขาก็แค่ถูกข่มขวัญเท่านั้น”
เธอไม่เคยเจอคนแบบที่ว่าแค่เจอหน้าก็ถูกซ้อม
แถมยังมาท้าสู้กับเธอ
“ไม่กี่วันก่อนมีก้งเฟิ่งคนหนึ่งเกษียณแล้ว พวกผู้อาวุโสใหญ่ต่างเสนอชื่อคนใหม่ พี่ชายก็มีสิทธิ์เสนอได้หนึ่งชื่อ” ฟู่อวิ๋นเซินลูบหัวเธอ ยิ้มเบาๆ “คิดๆ ดูแล้ว พี่ชายเตรียมเสนอชื่อคุณลุง เยาเยาเธอคิดว่ายังไง”
อิ๋งจื่อจินหันไป “ก้งเฟิ่งเหรอ”
ในศาลสถิตยุติธรรม อำนาจของคณะผู้อาวุโสย่อมมากที่สุด
ถัดลงมาคือฮู่ฝ่า
วรยุทธ์ของบรรดาฮู่ฝ่าสูงที่สุด ควบคุมดูแลทีมคุ้มกัน แสดงถึงความแข็งแกร่งของศาลสถิตยุติธรรม
ส่วนก้งเฟิ่งทำหน้าที่กำกับดูแลแต่ละฝ่ายของศาลสถิตยุติธรรม และก็ถูกเรียกว่าหัวหน้าฝ่าย
ศาลสถิตยุติธรรมมีทั้งหมดสี่ฝ่าย
ฝ่ายตัดสิน ฝ่ายลงทัณฑ์ ฝ่ายความปลอดภัย และฝ่ายตรวจตรา
ตอนแรกสุดสี่ฝ่ายนี้ไม่ได้ชื่อนี้
เป็นคำเรียกแบบโบราณ เรียกยาก
ต่อมาฟู่อวิ๋นเซินเข้ามาอยู่ศาลสถิตยุติธรรมถึงได้เปลี่ยนชื่อ
คณะผู้อาวุโสก็ไม่ได้คัดค้าน อย่างไรเสียก็แค่ชื่อ อยากเปลี่ยนก็เปลี่ยนไป ไม่มีทางส่งผลต่อสถานะและอำนาจของพวกเขา
สถานะของก้งเฟิ่งทั้งสี่แม้จะอยู่ใต้คณะผู้อาวุโส แต่ก็ยังคงมีอำนาจมาก
ไม่ได้มีข้อกำหนดมากมายเกี่ยวกับวรยุทธ์ของก้งเฟิ่ง แต่อย่างน้อยต้องสี่สิบปีขึ้นไป
ก่อนหน้านี้เวินเฟิงเหมียนฝึกวรยุทธ์เองและได้ยาที่อิ๋งจื่อจินให้เข้าช่วย จึงผ่านพ้นขั้นนั้นไปแล้ว
อิ๋งจื่อจินครุ่นคิดชั่วขณะ “ฉันจะลองถามความสมัครใจของพ่อดู”
แต่ไหนแต่ไรมาเวินเฟิงเหมียนไม่แก่งแย่งชิงดีกับใคร เพิกเฉยเย็นชาจนชินแล้ว
“ต้องลองถามดู” ฟู่อวิ๋นเซินเชิดคางเล็กน้อย แววตาลุ่มลึกชวนสะกดใจ “พี่ชายก็แค่ช่วยเสนอ ต้องขึ้นอยู่กับคุณลุงด้วย”
ศาลสถิตยุติธรรมรับรองความยุติธรรม ตัวเลือกของทุกตำแหน่งต้องผ่านการประเมิน ไม่ว่าใครรวมถึงคณะผู้อาวุโสก็ไม่มีสิทธิ์เจ้ากี้เจ้าการใครได้
หากศาลสถิตยุติธรรมคดโกงเสียเอง โลกจอมยุทธ์ก็จะเกิดความวุ่นวายครั้งใหญ่
อิ๋งจื่อจินโทรหาเวินเฟิงเหมียนแล้วเล่าเรื่องให้ฟัง
แต่เหนือความคาดหมายของเธอนิดหน่อย เวินเฟิงเหมียนตอบตกลง
สายตาของอิ๋งจื่อจินจับจ้อง “พ่อคะ?”
“รอพ่อเสร็จการทดลองนี้ก่อน” เวินเฟิงเหมียนยิ้ม “ไว้ถึงเวลาพ่อจะไปโลกจอมยุทธ์ หวังว่าพ่อจะไม่ทำให้ลูกผิดหวัง ได้รับเลือกขึ้นไป”
ดวงตาฟู่อวิ๋นเซินขยับ “เยาเยา เพราะเขาเป็นพ่อ”
คนเป็นพ่อ ไม่ว่าลูกจะเก่งสักแค่ไหนก็ยังคงปกป้องไปตามสัญชาตญาณ
อิ๋งจื่อจินกำโทรศัพท์มือถือ ชะงักเล็กน้อย “คุณก็เรียกพ่อได้เหมือนกัน”
จนถึงตอนนี้พวกเขาไม่มีใครรู้ว่าฟู่หลิวอิ๋งแต่งงานกับใครกันแน่ มีฟู่อวิ๋นเซินกับผู้ชายคนไหน
คำว่าพ่อ ดูห่างเหินมากในการรับรู้ของฟู่อวิ๋นเซิน แทบจะไม่มีอยู่จริง
และไม่จำเป็นต้องมีอยู่
“หืม?” พอได้ยินแบบนี้ดวงตาดอกท้อของฟู่อวิ๋นเซินก็โค้งมน เหลือบตาขึ้น “พูดแบบนี้พี่ชายเลื่อนขั้นแล้วเหรอ”
“กลางวันแสกๆ อย่าฝัน”
“…”
อวิ๋นซานเผลอได้ยินเข้า คราวนี้ยิ่งอยู่ห่างออกไปอีก
เขาร้องซี้ด หันไปหาอวิ๋นอู้ “น้องสาม ถ้าลุงเวินเป็นก้งเฟิ่งจริง งั้นก็สุดยอดไปเลยนะ”
อย่าว่าแต่ตระกูลจี้ในตี้ตูเลย ต่อให้เป็นตระกูลจี้ในโลกจอมยุทธ์ก็จะมาปีนเกลียวไม่ได้
อวิ๋นอู้ยังคงหน้าตาย พยักหน้าไม่มีพิษไม่มีภัย
อวิ๋นซาน “…”
ถ้าไม่เคยได้ข้อความพวกนั้น เขาคงถูกท่าทางจอมปลอมแบบนี้ของน้องสามหลอกไปแล้ว
หน้าไม่อายเลยจริงๆ
อวิ๋นซานทำเสียงหึ เดินไปดูที่ห้องครัว
หลังจากเจียงหรานถูกซ้อมเสร็จ อาหารเย็นก็เริ่ม
กินเสร็จอิ๋งจื่อจินก็รับสายจากเกอร์เวน
เพราะเรื่องที่จะให้หลีหานเข้าร่วมโปรเจ็กต์ทดลอง
“คนนี้เป็นไงบ้างคะศาสตราจารย์”
“ใช้ได้ ดีเลยล่ะ” เกอร์เวนตอบ “ส่งที่อยู่กับช่องทางติดต่อของเธอให้ผมหน่อย ผมจะส่งเอกสารทดลองขั้นตอนหนึ่งให้เธอ”
“แต่ก็ไม่รีบ ไว้รอเธอเรียนจบมหาวิทยาลัยก่อนค่อยว่ากัน”
นับตั้งแต่เกอร์เวนประกาศโปรเจ็กต์ยานอวกาศข้ามจักรวาลออกไป วงการวิจัยวิทยาศาสตร์ก็ให้ความสนใจเป็นอย่างมาก มีศาสตราจารย์จำนวนไม่น้อยที่อยากส่งนักศึกษาของตัวเองเข้าร่วม
แต่เนื่องจากเกอร์เวนค่อนข้างคัดคน จึงมีคนได้ร่วมไม่มาก
จนถึงตอนนี้คนก็เลยไม่พอสักที
แต่ถึงแม้จะเป็นแบบนี้เกอร์เวนก็ยังไม่ยอมลดเงื่อนไขลง
เขานึกไม่ถึงจริงๆ ว่าคนที่อิ๋งจื่อจินแนะนำมาให้เขาจะเก่งขนาดนี้
อิ๋งจื่อจินพยักหน้า ส่งที่อยู่กับช่องทางติดต่อของหลีหานให้เกอร์เวน
เธอไม่แปลกใจ
ภายใต้สถานการณ์ที่ถูกยืมดวง หลีหานยังมีวันนี้ได้ ความสามารถย่อมไม่ธรรมดา
ขอแค่หยุดถูกยืมดวง หลีหานจะเก่งได้ยิ่งกว่านี้
อิ๋งจื่อจินหาวหวอด
เธอก็จำเป็นต้องแย่งคนเหมือนกัน
…
บ่ายวันต่อมา หลีหานได้รับพัสดุที่ส่งมาจากยุโรป
เธอถือพัสดุไปที่ตึกของสาขาคอมพิวเตอร์ ระหว่างทางมีหลายคนทักทายเธอ
มหาวิทยาลัยตี้ตูมีคำเรียกรวมสามคณะใหญ่
ซึ่งสามคณะที่ว่านี้ก็คือสามคณะหรือสาขาที่ต้องใช้คะแนนสอบเข้าสูงที่สุดมาตลอด
แบ่งออกเป็นสาขาฟิสิกส์ สาขาคอมพิวเตอร์ และคณะแพทย์
นักศึกษาคนไหนก็ตามที่จบจากสามคณะนี้ บรรดาตระกูลใหญ่และเครือบริษัทต่างแย่งชิงตัว รวมถึงตระกูลมู่กับตระกูลเนี่ย
วันนี้เซวียกั๋วหวาอยู่มหาวิทยาลัยแบบที่เห็นได้ยาก เพราะเขารู้สึกว่าวันนั้นคำพูดของหลีหานดูไม่ชอบมาพากล ก็เลยรีบมาทันที
“นี่เธอ!” หลังจากได้รู้เรื่องราวทั้งหมดเซวียกั๋วหวาก็โมโหมาก เกือบกระอักเลือด “เธอเป็นหัวหน้าชมรมโต้วาทีไม่ใช่เหรอ นักศึกษาพวกนั้นต่างเลื่อมใสในตัวเธอ ยังเรียกเธอว่าอะไรเลยนะ”
“อ้อใช่ นักโต้วาทีหญิงที่แข็งแกร่งที่สุด นักโต้วาทีเลยนะ แล้วดูเธอทำกับฉันสิ ฉันว่าวันไหนเธอคงได้ขายตัวเองไปด้วย”
หลีหาน “…”
เธอบอกไม่ได้หรอกว่า เธอแพ้ให้กับศาสตร์ลี้ลับ
พูดออกไปเซวียกั๋วหวาได้ตีเธอตาย
แต่เธอเชื่อในตัวอิ๋งจื่อจินมาก
นับตั้งแต่เธอพกไพ่ทาโรต์ใบนั้นไว้กับตัว ใจเธอก็สงบขึ้นมาก
ความหนาวเย็นที่บางครั้งมีมาอย่างไม่รู้สาเหตุก็หายไปหมด
นี่ไม่ใช่ผลในเชิงจิตวิทยาแน่นอน
หลายวันนี้เธอเองก็ลองคิดดูว่าใครกันที่ยืมดวงของเธอไป
อิ๋งจื่อจินบอกว่า ถ้าแค่ยืมดวง ตัวเธอไม่มีทางเป็นอันตรายถึงชีวิต
แต่นี่เห็นได้ชัดว่า คนที่ยืมดวงเธอไม่ได้แค่อยากเอาไปนิดหน่อย เหมือนต้องการปล้นไปให้หมดด้วยซ้ำ
“ช่างเถอะ” เรื่องเป็นแบบนี้เซวียกั๋วหวาก็ได้แค่ส่ายมือ “โปรเจ็กต์ทดลองอะไร”
“อ๋อ ศาสตราจารย์คะ รุ่นน้องอิ๋งไม่ให้หนูบอกคนอื่นค่ะ” หลีหานพูด “ต้องเก็บเป็นความลับ”
เซวียกั๋วหวาอึ้ง ขมวดคิ้ว “ความลับเหรอ”
มีแค่พวกโปรเจ็กต์ชั้นยอดที่สามารถขับเคลื่อนความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์ของทั้งโลกได้ ถึงจะต้องเก็บเป็นความลับจนกว่าจะวิจัยเสร็จสมบูรณ์
“แต่เธอบอกว่าถ้าเป็นศาสตราจารย์ก็ได้ค่ะ” หลีหานกระแอม “เพราะถ้าไม่ให้ศาสตราจารย์ดู ศาสตราจารย์ไม่ยอมปล่อยหนูไปแน่นอน”
เซวียกั๋วหวา “…”
เข้าอกเข้าใจเขาขนาดนี้เลยเหรอ
สมกับเป็นเทพอิ๋งที่ทุกคนยอมรับ
นักศึกษาปีหนึ่งเพิ่งเข้ามาก็ได้โปรเจ็กต์ทดลองแล้ว เก่งจริงๆ
อย่างน้อยจนถึงตอนนี้ก็มีแค่อิ๋งจื่อจินคนเดียว
เซวียกั๋วหวารู้ว่าอิ๋งจื่อจินเป็นแชมป์เดี่ยวในการแข่งไอเอสซี มหาวิทยาลัยชั้นนำระดับโลกรวมถึงมหาวิทยาลัยนอร์ตันต่างหยิบยื่นโอกาสให้เธอทั้งนั้น
เพียงแต่เธอไม่ไป
เซวียกั๋วหวาเลยคิดว่า ไม่แน่อาจเป็นโปรเจ็กต์ทดลองที่ร่วมมือกับมหาวิทยาลัยต่างประเทศ แบบนี้ระดับก็จะเลื่อนสูงขึ้น
หลีหานแกะเอกสารออก
เป็นปึกหนามาก เข้าเล่มมาอย่างสวยงาม
ด้านนอกเขียนไว้ว่า ‘ส่วนประกอบเครื่องยนต์’
นี่เป็นส่วนหนึ่งของโปรเจ็กต์ทั้งหมด
“โปรเจ็กต์ทดลองทางฟิสิกส์เหรอ กะแล้วเชียว!” เซวียกั๋วหวาดันแว่นตา โมโหเลือดขึ้นหน้า “จั่วหลีตัวดี! กล้าใช้มุกนี้!”
“ฉันว่าเพราะช่วงนี้ผมเขาดกดำเลยเริ่มทำตัวหน้าไม่อายแล้ว!”
เขาไม่มีทางอ่อนข้อให้สาขาฟิสิกส์!
ช้าเร็วเขาต้องทึ้งผมบนหัวจั่วหลีไม่ให้เหลือ!
เซวียกั๋วหวาโมโหมาก
เขารู้ว่าอิ๋งจื่อจินเป็นพี่น้องกับเวินทิงหลาน ต่างเป็นอัจฉริยะที่เก่งรอบด้านทั้งคู่
ปรากฏว่าเขาชิงตัวมาไม่ได้แม้แต่คนเดียว
เวินทิงหลานไปอยู่มหาวิทยาลัยนอร์ตัน นั่นช่วยไม่ได้แล้ว
แต่อิ๋งจื่อจินอยู่ตรงหน้าแท้ๆ กลับแย่งมาไม่ได้
แค้นปวดใจเหลือเกิน
“ศาสตราจารย์ใจเย็นก่อนนะคะ” หลีหานจับเซวียกั๋วหวาไว้แน่น “หนูแค่ช่วยรุ่นน้องทำการทดลองเองค่ะ ศาสตราจารย์จะหัวร้อนไปทำไมคะ”
“ยังไงหนูก็เก็บหน่วยกิตหมดแล้ว และหนูก็ไม่ได้เรียนฟิสิกส์เสียหน่อย หนูเป็นคนของสาขาคอมพิวเตอร์ หนีไปไหนไม่ได้หรอกค่ะ”
เซวียกั๋วหวาถึงได้เริ่มใจเย็นลง “ขอดูหน่อยว่าคนรับผิดชอบโปรเจ็กต์คือใคร”
ถ้าเป็นจั่วหลี เดี๋ยวเขาจะไปซื้อยาทำผมร่วงส่งไปให้ทันที
“ดูค่ะดู” หลีหานปลอบชายชราหัวรั้นพลางเปิดเอกสารโปรเจ็กต์
เซวียกั๋วหวาชะโงกหน้าเข้าไป
เป็นอักษรภาษาอังกฤษสีทอง
เกอร์เวน