“บางทีอาจคอยจนเธอหวนมา”
“บางทีอาจคอยจนเธอหวนมา”
“บางที…”
ท่อนจบซ้ำๆติดตามมาด้วยเสียงกีตาร์ที่ค่อยๆจางหาย ในที่สุดเพลง《ซินเดอเรลล่า》ก็จบลง
ร้านเหล้าที่เกือบจะเต็มเงียบงันไปชั่วขณะ จากนั้นเสียงปรบมือก็ดังไปทั่วทุกที่นั่ง แม้ไม่ได้ดังจนเพดานแทบพลิก แต่ก็อบอุ่นยาวนาน!
เริ่มเล่นเพลงรักสบายๆเพลงนี้อีกครั้งหนึ่ง ด้านฝีมือการร้องและการเล่นของลู่เฉินก็ไม่อาจจับผิดได้อีก แต่สิ่งที่ก้าวหน้าจริงๆคือความรู้สึกที่แทรกอยู่ในเสียงร้อง เพิ่มจริงใจมากขึ้นลึกซึ้งมากขึ้น ทำให้ทุกคนเกิดความรู้สึกร่วม
เสียงชื่นชมและเสียงปรบมือ เขาย่อมรับได้โดยไม่ละอาย!
“พวกคุณคิดว่ายังไง?”
ตรงที่นั่งวีไอพีชั้นบนของบาร์เดย์ลิลลี่มีคนนั่งอยู่หกคน เฉินเจี้ยนฮ่าวเองก็อยู่ในจำนวนนั้น
เขาหัวเราะแล้วถามว่า “เถ้าแก่ชาง หนุ่มน้อยของฉันคนนี้พอจะเข้าตาคุณไหม?”
แม้จะเป็นคำพูดถ่อมตัว เพียงแต่ฟังยังไงก็ดูจะแฝงความภาคภูมิใจบางอย่างเอาไว้
เฉินเจี้ยนฮ่าวย่อมไม่ใช่คนตื้นเขินแบบนั้น คู่สนทนาที่เขาหยอกล้อเป็นชายวัยกลางคนอายุประมาณสี่สิบกว่าคนหนึ่ง
ชางเว่ย เถ้าแก่บาร์บลูโลตัส
ชางเว่ยดูเหมือนจะผอม แต่ไม่ใช่ผอมจนต้านแรงลมไม่ได้แบบนั้น กลับดูชาญฉลาดเฉียบแหลมเสียมากกว่า
เขาตัดผมสั้น ดวงตาคู่นั้นแวววาวเป็นประกาย สวมเสื้อผ้ามีรสนิยม นอกจากแขนซ้ายที่ห้อยลูกประคำไม้พวงหนึ่งแล้ว ก็ไม่ได้มีเครื่องประดับอื่นอีก
ในแวดวงแถวโฮ่วไห่แห่งนี้ ชางเว่ยเป็นคนที่เฉียบแหลมที่สุดแน่นอน เส้นสายของเขานั้นแน่นหนามาก มีความสัมพันธ์ไปทั่วทุกแห่ง สิบกว่าปีมานี้ก็บริหารบลูโลตัสจนโดดเด่นมีชีวิตชีวา กลายเป็น No.1 ของแวดวงธุรกิจ
สิ่งที่ทำให้คนนับถือมากที่สุดยังคงเป็นสายตาของชางเว่ย ระหว่างที่ๆดินแถวโฮ่วไห่ยังมีราคาไม่สูงมาก เขาก็ไม่เสียดายสิ้นเปลืองเงินทองกวาดซื้อกรรมสิทธิ์ที่ดินที่ตั้งร้านเหล้ามา ตอนนี้มูลค่าที่ดินกลับเพิ่มขึ้นอย่างน้อยสิบเท่าแล้ว!
สิบกว่าปีมานี้ นักร้องชื่อดังเกิดจากบลูโลตัสไม่น้อย บางคนก็กลายเป็นคนใหญ่คนโตในวงการแล้ว
การประคับประคองของชางเว่ยจะเรียกว่าไม่มีความดีความชอบเลยก็ไม่ได้ แต่เขาก็ไม่เคยหลุดเรื่องเหล่านี้ออกมาจากปากเลย
ชางเว่ยและเฉินเจี้ยนฮ่าวเองก็รู้สึกกันสิบกว่าปีแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างคนทั้งสองนั้นเพียงพอที่จะเปิดปากหยอกล้อได้ไม่มีปัญหา แต่สำหรับคำหยอกล้อของคนหลัง เขายังคงพยักหน้าพูดอย่างจริงจังว่า “ไม่เลว”
เฉินเจี้ยนฮ่าวรู้ว่าสำหรับชางเว่ยแล้ว คำว่า“ไม่เลว”สองคำนี้เป็นการประเมินค่าที่สูงส่งแล้ว บางครั้งนักร้องดังบางคนที่วิ่งรอกมาร้องมาเล่นที่บลูโลตัส และได้รับเสียงชื่นชมเหมือนกัน การประเมินของชางเว่ยยังแค่“พอไหว”อยู่เลย
ด้วยความฉลาดของเขาจึงอดที่จะยิ้มกริ่มไม่ได้——ครั้งนี้เป็นการดีใจจริงๆ
“ไม่เลวจริงๆนั่นล่ะ!”
ผู้หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ข้างซ้ายของชางเว่ยคนหนึ่งแสดงความเห็นด้วยออกมา “ทั้งสองเพลงต่างมีเอกลักษณ์ เป็นเพลงโฟล์คแนวคิดถึงแบบมาตรฐานเลย ไม่ได้ฟังเพลงแบบนี้มานานแล้วนะ ช่างน่าคิดถึงเสียจริงๆ”
ผู้หญิงคนนี้เองก็มีอายุประมาณสี่สิบกว่าเช่นกัน รูปร่างหน้าตาอวบอิ่มมีน้ำมีนวล ผิวขาวสะอ้านด้วยการดูแลอย่างดี เพียงแต่รอยตีนกาตรงหางคิ้วเผยให้เห็นอายุที่แท้จริงของเธอ นิสัยท่าทางต่างมีแบบฉบับเฉพาะยิ่ง
“พี่ชายชางกับพี่สาวเฉินต่างพูดว่าไม่เลว อย่างนั้นก็ย่อมไม่เลวแล้ว!”
ผู้ชายที่หัวเราะหรี่ตาอีกคนหนึ่งพูดติดตลกว่า “กรรมการซู คุณกับเถ้าแก่เจี้ยนฮ่าวสนิทกันขนาดนั้น รีบๆเซ็นไอ้หนุ่มนี่เข้าสังกัดได้แล้วมั้ง ปล่อยให้เขาปวดใจไปเหอะ!”
คนที่เขาหยอกล้อ เป็นซูชิงเม่ยนั่นเอง
เพียงแต่เขายังไม่รู้ว่า เมื่อสองวันก่อนซูชิงเม่ยได้รับทานแห้วมาจากลู่เฉินแล้ว ตอนนี้มาพูดแบบนี้กับเธอ นับว่าคำไหนไม่เอ่ยกลับเอ่ยคำนี้ เกือบจะโดนตบหน้าแล้วไหมล่ะ!
ซูชิงเม่ยส่งเสียง“เฮอะ”ออกมาคำหนึ่ง พูดว่า “ลูกน้องของพี่เจี้ยนฮ่าวคนนี้หยิ่งมาก พวกเรารับไว้ไม่ได้หรอก”
ผู้ชายที่ดวงตาดูเจ้าชู้หน่อยๆคนนี้เป็นเพื่อนของชางเว่ย และเป็นคนที่อยู่ในวงการด้วยเช่นเดียวกัน เขาไม่รู้เรื่องยังกล้าเปิดปากหยอกล้อเธอถ้าแตกหักด้วย อย่างนั้นต่อไปคงคลุกคลีอยู่ในวงการไม่ได้อีกแล้ว
ดังนั้นซูชิงเม่ยจึงทำได้แค่อดทน แต่ความอาฆาตของเธอนั้นฝังแน่นลึกล้ำยิ่ง
ไม่ว่าคนไหนที่นั่งอยู่ต่างก็ไม่ใช่ละอ่อน ได้ยินซูชิงเม่ยแสดงความโมโหออกมาก็เข้าใจเรื่องราวแล้ว
ผู้ชายที่หรี่ตาตระหนักได้ว่าตนเองพูดถ้อยคำผิดไป เขาจึงรีบพูดแก้ไขอย่างตื่นตกใจ “ไม่ใช่มั้ง? กระทั่งไลท์เรนมีเดียของพวกคุณ เขาก็ไม่พอใจหรือ?”
แม้เขาจะพยายามพูดเอาใจอีกฝ่ายเพื่อแก้ไขคำพูดก่อนหน้านี้ก็ตาม แต่เขาก็รู้สึกตกใจจริงๆ
แม้ไลท์เรนมีเดียจะเป็นยอดฝีมือรุ่นหลังในแวดวงธุรกิจ และเพิ่งก่อตั้งกิจการในเมืองหลวงได้ไม่นานนัก แต่ไม่ว่าจะเป็นคนหนุนหลังหรือความสามารถต่างก็เรียกได้ว่าแน่นหนายิ่ง โดยเฉพาะการดึงตัวคนที่มีฝีมือยอดเยี่ยมกลุ่มหนึ่งให้เข้าร่วมได้ แสดงว่ากำลังยืดหมัดเท้าเตรียมขยายตัวแล้ว
บริษัทใหม่เช่นนี้พูดได้ว่ามีอนาคตไร้จำกัด หมู่นี้ไลท์เรนมีเดียก็ร่วมกับบาร์บลูโลตัสเปิดมิวสิกไนท์อีก มีคนตั้งไม่รู้เท่าไหร่อยากแทรกตัวเสนอหน้าออกมา
คนอื่นล้วนรีบกันเหมือนเป็ด ลู่เฉินกลับปฎิเสธคำเชิญจากซูชิงเม่ยเสียได้ ช่างเหนือความคาดหมายนัก!
มูลค่าของลู่เฉินในใจเขาจึงลดฮวบลงทันที——ร้องเพลงได้ไม่เลว คนก็หล่อ แต่สมองท่าจะไม่ไหวแฮะ!
เฉินเจี้ยนฮ่าวอึดอัดอยู่หน่อยๆ จึงกระแอมสองทีแล้วพูดว่า “นิสัยของเสี่ยวลู่อาจหละหลวมบ้าง จึงไม่คิดจะถูกสัญญาผูกมัด คนหนุ่มก็เงี้ย ความคิดเลยไม่เหมือนกับคนแก่อย่างพวกเรา”
ชางเว่ยมองซูชิงเม่ยแว่บหนึ่ง พูดด้วยสีหน้าไร้อารมณ์ว่า “ร้องเพลงพอไหว อย่างนั้นก็นับเขาไปคนหนึ่งเถอะ”
ไม่มีใครโต้แย้ง กระทั่งซูชิงเม่ยก็ไม่โต้แย้ง เพียงแค่หงุดหงิดก็เท่านั้น
“พี่ลู่!”
ทางด้านลู่เฉินที่เพิ่งร้องเสร็จ ยังไม่ทันเข้าไปหลังเวทีก็ถูกเด็กเสิร์ฟคนหนึ่งขวางไว้
ลู่เฉินตกใจ แล้วก็เปลี่ยนเป็นยิ้มกล่าว:“พี่จาง มีเรื่องอะไรหรือครับ?”
เด็กเสิร์ฟของเดย์ลิลลี่ไม่มีคนที่ลู่เฉินไม่รู้จัก เพราะเดิมทีเขาก็เป็นเด็กเสิร์ฟคนหนึ่ง เพียงแต่ไม่นับว่าสนิทกับเด็กเสิร์ฟแซ่จางตรงหน้าคนนี้สักเท่าไหร่ ซึ่งระหว่างคนทั้งสองก็ไม่ได้สนิทอะไร เป็นแค่เพียงเพื่อนร่วมงานเท่านั้น
เมื่อก่อนท่าทีของเขาต่อลู่เฉิน ไม่ได้กระตือรือร้นขนาดนี้ กระทั่งยังแฝงการประจบเอาใจหน่อยๆด้วย
“ไม่กล้ารับคำว่าพี่หรอก…”
เด็กเสิร์ฟแซ่จางสั่นศีรษะพูดว่า “พี่ลู่ตอนนี้นายเป็นนักร้องเซ็นสัญญาแล้ว เรียกผมว่าเสี่ยวจางก็ได้”
นักร้องเซ็นสัญญายังไม่ถึงกับทำให้เขานอบน้อมถึงเพียงนี้ จริงๆเป็นเพราะเพื่อนร่วมงานเก่าเสี่ยวเกา ว่ากันว่าเขาล่วงเกินลู่เฉินเลยถูกเถ้าแก่ไล่ออก กระทั่งโฮ่วไห่ยังคลุกคลีต่อไปไม่ได้!
ลู่เฉินพูดอย่างจนใจว่า “พี่ชางมีเรื่องอะไรก็พูดมาตามตรงเถอะครับ ไม่ต้องเกรงใจขนาดนี้หรอก”
เด็กเสิร์ฟแซ่จางยิ้มแหยๆ จากนั้นใช้มือชี้ไปทางด้านหลัง แล้วพูดว่า “ลูกจ้าโต๊ะ27ตรงนั้นอยากพุดกับนายสักคำสองคำ ทุกคนต่างเป็นนักศึกษาสาว มีอยู่สองคนสวยมาก!”
เขาขมวดคิ้ว ถ้าพลาดไปสักครั้งก็คงน่าเสียดายเกิน
ลู่เฉินกลั้นหัวเราะ พูดว่า “ครับ ผมขอเอากีตาร์ไปเก็บก่อน ขอบคุณ”
เขาทราบว่าอีกฝ่ายคงจะได้ทิปมาจากคนอื่น เลยมาตามตัวเขาอย่างสุภาพนอบน้อมแบบนี้
เพียงแต่เดิมทีนี่ก็เป็นเรื่องที่ไม่นับเป็นอะไร ทำดีกับคนอื่นก็มักจะดีกว่าถูกคนนินทาหลับหลัง เขาเป็นเด็กเสริมมานานขนาดนั้น รู้ถึงความลำบากของงานนี้ดี จะได้เงินมาก็ไม่ง่ายเลยจริงๆ
เด็กเสิร์ฟแซ่จางพูดอย่างคาดไม่ถึงว่า “ยอดเลย เดี๋ยวฉันไปบอกลูกค้าก่อนนะ ขอบคุณมากพี่ลู่!”
เขารีบวิ่งไปอย่างรวดเร็ว ส่วนลู่เฉินก็กลับไปเก็บกีตาร์ไว้ที่หลังเวที แล้วจึงค่อยมาที่โต๊ะ27
เด็กเสิร์ฟแซ่จางคนนั้นกลับไม่ได้อำเขาจริงๆ โต๊ะ27มีหญิงสาวนั่งอยู่ถึงห้าคน มองแวบเดียวก็ทราบว่าเป็นนักศึกษาที่มาจากมหาวิทยาลัยใกล้ๆมาเที่ยวเล่นแถวนี้ สองคนในนั้นนับว่าเป็นสาวสวยจริงๆด้วย
“สวัสดีครับทุกคน!”
ลู่เฉินยิ้มๆแล้วทักว่า “ยินดีต้อนรับสู่เดย์ลิลลี่ครับ”
โต๊ะสี่ที่นั่งกลับนั่งไปแล้วถึงห้าคน* เขาจึงไม่อยากเข้าไปเบียดอีก เตรียมจะคุยสักไม่กี่คำแล้วก็จะไป
*(น่าจะมีโต๊ะเสริม)
หญิงสาวทั้งห้าต่างเขินหนักมาก พวกหล่อนเธอมองฉันฉันมองเธอ ในที่สุดก็มีคนใจกล้าลุกขึ้นพูดว่า “สวัสดีค่ะ พวกเราเห็นวิดีโอของคุณจากในเว็บบอร์ด ดังนั้นเลยมาฟังคุณร้อง คุณร้องได้เพราะมากๆเลย…”
“เว็บบอร์ด?”
ลู่เฉินผงะ “เว็บบอร์ดอะไรครับ?”
“เว็บบอร์ดเมืองเป่ยไห่น่ะค่ะ!”
หญิงสาวคนนี้พูดอย่างตื่นเต้นอยู่บ้างว่า “คุณดังใหญ่แล้วในนั้น กระทู้ที่แนบวิดีโอของคุณในพื้นที่อิสระบอร์ดนั่นมียอดคลิกตั้งแสนกว่าแน่ะ น่าเสียดายที่ความยาวของวิดีโอมันสั้นไปหน่อย ดังนั้นคืนนี้พวกเราเลยมาดูการแสดงสดน่ะค่ะ”
เมื่อเห็นเธอพูดกับลู่เฉินเสียคล่อง ความกล้าของหญิงสาวคนอื่นๆเริ่มเพิ่มขึ้นมา จึงพูดกระซิบๆกัน
“ได้ยินว่าคืนก่อนมีคนมา น่าเสียดายไม่พบคุณ ยังเข้าใจว่ามาผิดที่เสียอีก!”
“โชคของพวกเรายังไม่เลว เลยได้เจอตัวเป็นๆ”
“เหอะๆ ฟังการแสดงสดค่อยดีหน่อย เสียงในวิดีโอนี่ไม่ไหวเลยอะ”
“หนุ่มหล่อ คุณจะขึ้นเวทีไปร้องต่อไหมคะ?”
ที่แท้เป็นแบบนี้นี่เอง!
ลู่เฉินพยักหน้า เขาไม่รู้ว่ามีคนแอบถ่ายวิดีโอของเขา แถมยังอัพโหลดขึ้นเว็บบอร์ดอีกต่างหาก
ไอ้หมอนี่ไม่รู้กฎของเดย์ลิลลี่หรือยังไง? น่าจะถูกตีก้นสักป๊าบ!
ฮัดเช่ย!
ขณะเดียวกัน ห้องพักหมายเลข 415 ในหอหญิงของมหาวิทยาลัยครูนครหลวง
สหายเสี่ยวหมี่ที่กำลังพลิกสมุดอ่านอยู่ตรงหน้าโต๊ะเรียน จู่ๆก็อดที่จะจามฮัดเช่ยเสียไม่ได้
หล่อนถูจมูก ทั้งยังใช้มือนวดก้นที่นั่งจนเหน็บของตนเอง
พลันมีความรู้สึกแปลกๆที่บรรยายไม่ได้บางอย่าง