“เหนือล้ำกว่าแสง!”
“เหนือล้ำกว่าสายฟ้า!”
“เหนือล้ำกว่าทุกสิ่ง!”
เสียงร้องของเฉิงเซี่ยวตงภายใต้การบรรเลงดนตรีอันเร่าร้อน ปะทะเข้าเยื่อหูของทุกคนอย่างรุนแรงและต่อเนื่อง
เสียงเขาแหลมสูงดังกระหึ่ม ชักนำพลังทะลุทะลวงโพยพุ่งสู่ฟากฟ้า บทเพลงร็อคอมตะ《เหนือล้ำ》เพลงนี้ปลดปล่อยความโดดเด่นออกมามากล้น โดยเฉพาะท่อนเสียงสูงที่มีระดับยากมากนั้น ไม่ว่าจะเป็นการเปลี่ยนลมหายใจหรือรายละเอียดปลีกย่อยอื่น นักร้องนำวงฟิตคนนี้ก็สามารถควบคุมได้อย่างชำนิชำนาญ
หากไม่ใช่เห็นกับตาได้ยินกับหู ก็ยากที่จะจินตนาการออกว่าร่างเล็กๆแบบนี้ กลับสามารถเปล่งเสียงร้อง“ระดับสุดยอด”เช่นนี้ออกมาได้ พรสวรรค์ในการร้องเพลงของเฉิงเซี่ยวตงนั้นไม่เป็นที่น่ากังขาแต่ประการใด
ผู้ชมงานสองพันกว่าคนถูกเสียงร้องของเขากระตุ้นจนเลือดลมพลุ่งพล่าน ไม่ว่าในมือจะมีแท่งเรืองแสงหรือไม่ แต่ละคนต่างโบกสองมือไปมา กระโดดโลดเต้นไปตามการบรรเลงของเสียงดนตรี ส่งเสียงร้องเฮๆดังมาเป็นระยะ!
เพียงแค่ได้ยินสองท่อนแรก คนที่เข้าใจดนตรีต่างล้วนทราบกระจ่างว่า การที่เฉิงเซี่ยวตงเลือกเพลงร็อคเพลงนี้นั้นไม่ใช่ไม่มีสาเหตุ แต่เขาคงจะขอยอดฝีมือให้ปรับเพลง《เหนือล้ำ》เสียใหม่ ทำให้เพลงนี้ยิ่งเข้ากับสไตล์และเสียงร้องของเขาอยู่ก่อนแล้ว เท่ากับว่าเป็นการเดินทางลัดเลยทีเดียว
แต่ทางลัดเช่นนี้เลือกเดินได้ชาญฉลาดและได้ใจผู้ชมมาก แค่เสียงตอบรับจากผู้ชมในงานก็สามารถมองเห็นได้แล้ว
เห็นได้ชัดว่าวงฟิตเป็นวงดนตรีที่มีความคิดและความสามารถมากวงหนึ่ง และฝีมือของเฉิงเซี่ยวตงเองก็ช่างเหนือความคาดหมายนัก
การที่พวกเขาจะโด่งดังในวงการนั้นย่อมต้องมีเหตุผล!
แต่ยิ่งความสามารถในการแสดงของวงฟิตกล้าแข็งมากเท่าไหร่ แรงกดดันที่ลู่เฉินซึ่งจะขึ้นเวทีเป็นคิวถัดไปนั้นก็ยิ่งมากขึ้นเท่านั้น!
จุดนี้คนไม่น้อยในงานต่างล้วนทราบกระจ่าง
อย่างเช่นซูชิงเม่ยที่นั่งอยู่ในโซนวีไอพีตรงชั้นบนของร้าน ดวงตาหล่อนนั้นมีร่องรอยภาคภูมิใจแว่บผ่านอยู่ไม่น้อยทีเดียว
*(ยัยนี่แอบจัดหรือเปล่าเนี่ย!)
ส่วนฉินฮั่นหยางและพี่สาวนาที่เตรียมตัวอยู่หลังเวทีต่างก็ล้วนเงียบงัน ยิ่งคนหลังนั้นยิ่งแอบกังวลใจแทนลู่เฉินที่นั่งเงียบตรงมุมมาโดยตลอด เกรงว่าหลังจากลู่เฉินขึ้นเวทีแล้วคงไม่อาจสอดรับกับบรรยากาศที่ถูกเฉิงเซี่ยวตงกับวงฟิตยกระดับขึ้นมาจนเร้าใจขนาดนี้ได้ หากเลือกเข้าไปผิดจังหวะ อาจถูกคนเหยียบย่ำจนจมธรณี
เรื่องราวเหมือนกันนี้ เมื่อก่อนก็เคยเกิดขึ้นในงานค่ำคืนดนตรีมาแล้วหลายครั้ง
การต่อสู้ระหว่างนักร้องกับนักร้อง วงดนตรีกับวงดนตรีนั้น แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยลดน้อยถอยลงเลย!
ซึ่งฝั่งกานหล่างที่นั่งอยู่หลังเวทีด้วยนั้นก็นั่งอยู่อย่างแน่วแน่ สีหน้าเองก็ผ่อนคลายเช่นกัน
วงจื่อเป่ยเจินที่เขาเป็นตัวแทน ขึ้นเวทีหลังคิวลู่เฉิน อันดับแรกสุดคือได้หลีกเลี่ยงการปะทะกับวงฟิตที่มีแนวเดียวกัน ทั้งคิวก่อนก็ยังเป็นฟูกอย่างลู่เฉินอีก กาละฟ้าชัยภูมิดินประชากรหนุนสามเงื่อนไขครบถ้วนสมบูรณ์ขนาดนี้ ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะถูกคนบดขยี้ได้เลย
สิ่งที่สำคัญสุดคือกานหล่างยังซ่อนมีดฆ่าคนไว้
ส่วนวงฟิตนั้นแม้จะเล่นเพลง《เหนือล้ำ》ได้โดดเด่นกว่านี้ เฉิงเซี่ยวตงจะร้องได้มีสีสันกว่านี้ สุดท้ายนี่เป็นแค่เพลงเก่าเมื่อยี่สิบปีก่อน และเป็นบทเพลงอมตะที่ทุกคนคุ้นหูอีกด้วย
แม้งานร้องคัฟเวอร์เพลงจะเรียกเสียงตอบรับร่วมจากผู้ชมได้ง่าย แต่ทุกคนก็คุ้นชินกับการเข้าใจว่าร้องดีคือพอไหว จะไม่ซาบซึ้งหรือตื่นเต้นอะไรมากมายนัก แถมโดยมากมักจะหวนระลึกถึงเรื่องราววันวานเสียอีกด้วย
ซึ่งมีดฆ่าคนของวงจื่อเป่ยเจิน ก็คือเพลงใหม่สองเพลงที่สิ้นเปลืองเงินทองไปจ้างนักแต่งเพลงมืออาชีพเมื่อสองเดือนก่อนนั่นเอง กานหล่างพาสมาชิกวงไปเหน็ดเหนื่อยฝึกซ้อมมาเป็นเวลานาน เตรียมขึ้นแสดงคืนนี้ให้คนทั้งหมดตะลึงงัน!
หนึ่งในสองเพลงนั้นเคยให้คนดังในวงการทดลองฟัง ได้รับการวิจารณ์ว่ามีคุณสมบัติที่จะทะยานเข้าสู่หนึ่งร้อยอันดับแรกในโกลเด้นมิวสิคชาร์ทประจำปี บทเพลงนี้เองที่เป็นผลงานขาหยั่งซึ่งทำให้วงจื่อเป่ยเจินได้เข้าร่วมสังกัดไลท์เรนมีเดีย
กานหล่างมั่นใจเพลงนี้มาก!
เปรียบเทียบกันแล้ว ในห้องไลฟ์ลู่เฟยของ【วาฬTV】นั้น ปลาป่นจำนวนมากต่างไม่อาจสงบใจได้แล้ว
“เชดดดดดด หมอนี่ร้ายกาจขนาดนี้เชียว?”
“เหนือล้ำร้องยากมากเลยนะ เขาร้องได้ดีเลยล่ะ ลู่เฟยต้าต้าของพวกเราได้รับแรงกดดันหนักมาก”
“เจ้าของไลฟ์อยู่หลังเวทีแล้วเหรอ?”
“ใช่ ประกาศคิวแล้วอะ คิวต่อไปเจ้าของไลฟ์ของพวกเราจะขึ้นเวทีแล้ว!”
“อย่างนั้นก็ไม่ดีแล้ว เพลงโฟล์คของเจ้าของไลฟ์ไม่เข้ากับบรรยากาศของงานตอนนี้ไม่ใช่เหรอ?”
“พวกนายแต่ละคนนี่มันยังไงกันห๊ะ? พวกเราต้องเชื่อมั่นในตัวลู่เฟยต้าต้าสิ ต้าต้าสู้ๆ!”
“ฉันจำได้ว่าก่อนหน้านี้เจ้าของไลฟ์เคยพูดว่า จะร้องเพลงใหม่นี่ หวังว่าเพลงใหม่จะใช้ได้นะ”
“ไม่ว่ายังไง ฉันก็จะสนับสนุนลู่เฟยต้าต้า…”
ความนิยมของห้องไลฟ์ทะลุถึงระดับหนึ่งแสนกว่าแล้ว แน่นอนว่าในบรรดาผู้ชมเหล่านี้ย่อมไม่ขาดแคลนผู้รู้ พวกเขาย่อมพบปัญหาได้อย่างรวดเร็วยิ่ง อีกทั้งยังพูดความกังวลของตัวเองออกมาด้วย
คนอื่นบ้างก็ไม่รู้ แต่พอเห็นความกังวลของพวกเขาก็นับได้ว่าทราบแล้ว ครั้นแล้วจึงพากันลำเอียงเข้าข้างกันเต็มที่
ความตื่นเต้นยินดีที่จะได้เห็นลู่เฉินขึ้นเวทีแต่เดิมนั้น แปรเปลี่ยนเป็นความกังวลใจจากแรงกดดันอย่างรวดเร็ว ทุกคนไม่ว่าใครก็ไม่อยากเห็นพิธีกรไลฟ์ที่ตัวเองชื่นชอบโดนผู้อื่นเหยียบย่ำจมธรณี กระทั่งฟิชบอลต่างก็อันตรธานหายไป
*(แฟนคลับลู่เฉินทั้งนั้น ไม่เข้าข้างลู่เฉินจะเข้าข้างใครล่ะ! กระทั่งฟิชบอลยังไม่ให้วงฟิตเลย…ว่าแต่นี่มันห้องไลฟ์ของลู่เฉินนะเฟ้ย ส่งมาให้ก็เข้ากระเป๋าลู่เฉินนี่หว่า พวกเอ็งทำเหมือนกับอยู่ในงานไปได้!)
เห็นสถานการณ์เป็นแบบนี้ พิธีกรเฉพาะกิจอย่างหลี่เฟยอวี่ก็ร้อนใจจนเหงื่อกาฬไหลพลั่กกันเลยทีเดียว
แต่ก่อนที่ลู่เฉินจะขึ้นเวทีนั้น เขาไม่อาจจัดการกับสถานการณ์ตอนนี้ได้เลย ได้แต่เพียงปลุกเร้าให้ทุกคนสนับสนุนลู่เฉินซ้ำแล้วซ้ำเล่า ขอให้ทุกคนส่งกำลังใจให้กับลู่เฉินด้วย
แต่ผลลัพท์กลับไม่มากนัก
ระบบแจ้งเตือน: เรียกข้าว่าหลี่ไป๋ (เงิน 3) ส่งมอบเรือบรรทุกเครื่องบินให้เจ้าของห้อง 1 ลำ!
ระบบแจ้งเตือน: เรียกข้าว่าหลี่ไป๋ (เงิน 3) ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินให้เจ้าของห้อง 1 ลำ!
ระบบแจ้งเตือน: เรียกข้าว่าหลี่ไป๋ (เงิน 3) ส่งเรือบรรทุกเครื่องบินให้เจ้าของห้อง 1 ลำ!
ตอนนี้เอง บนหน้าจอจู่ๆก็ปรากฏข้อความแจ้งเตือนระบบสะดุดตาปล่อยออกมาอย่างต่อเนื่องสามบรรทัด เรือบรรทุกเครื่องบินอันน่าเกรงขามสามลำเรียงแถวผ่านสายตาของทุกคนในห้องไลฟ์ อันธพาลจนนับได้ว่ายากจะห้ามจริงๆ
บรรยากาศหมดอาลัยตายอยากในห้องไลฟ์ลู่เฟยนั้น ถูกเรือบรรทุกเครื่องบินสามลำบดขยี้จนเป็นผุยผง อันตรธานจางหายไปในชั่วพริบตา!
“หลี่ไป๋หมื่นปี!” “สายเปย์ทรงพลานุภาพ!”
หลังจากนั้นคลื่นกระสุนข้อความร้องขอกอดแข้งกอดขาร่ำร้องสรรเสริญแต่ละชนิดอันคุ้นเคยกลุ่มใหญ่ก็ถูกปล่อยออกมา ครั้นแล้วความสนใจของผู้ชมจำนวนมากต่างถูกหันเหไป ทั้งยังมีคนไม่มากนักหันไปสนใจฝีมือการร้องของวงฟิต
เรียกข้าว่าหลี่ไป๋: “นายพลลู่จะต้องชนะ กองกำลังลู่ไม่พ่ายตลอดกาล!”
“ไม่พ่ายตลอดกาล!”
กระสุนข้อความแบบเดียวกัน ยึดครองไปชั่วหน้าจอในชั่วพริบตา ทำให้คนแม้นอยากจะเห็นหน้าจอไลฟ์กระจ่าง อย่างนั้นได้แต่เพียงต้องแคนเซิลกระสุนข้อความหรือวางกระสุนข้อความไว้บนสุด ไม่เช่นนั้นก็คงขาวโพลนไปจนหมด!
ไม่พ่ายตลอดกาล!
นี่เป็นคำขวัญของกองกำลังลู่ เวลานี้ขนาดของกองกำลังลู่นั้นขยายใหญ่เป็นสิบเท่าไม่หยุด กลุ่ม 5,000 คนในตอนแรกสุดนั้นเต็มหมดแล้ว จนต้องเปิดกลุ่มใหม่เพิ่มอีกสองกลุ่ม
กองพลกรีฑาทัพ หญ้าสักต้นก็ไม่ขึ้น!
หลี่เฟยอวี่พูดปลุกเร้า “ผมขอเป็นตัวแทนลู่เฟยกล่าวขอบคุณเสนาธิการหลี่ไป๋ ขอบคุณสมาชิกกองกำลังลู่ทุกคน ผมเองก็เชื่อมั่นว่าลู่เฟยต้าต้าของพวกเรานั้นย่อมไม่พ่ายแพ้ให้กับผู้อื่น กองกำลังลู่จะไม่พ่ายตลอดกาล!”
เขาอดที่จะกำหมัดแน่นไม่ได้ แววตาหันไปมองเวทีใหญ่ด้านหน้า
ต้าเฉิน นายจะต้องพยายามเข้า!
บนเวที เฉิงเซี่ยวตงกำลังใช้โน๊ตเสียงสูงระดับปลาโลหวีดร้องมาจบการร้องของตัวเอง
ท่อนจบท่อนนี้เห็นได้ชัดว่าเป็นการเพิ่มสไตล์ของตัวเฉิงเซี่ยวตงเข้าไปด้วย มันเป็นการโอ้อวดฝีมือและโอ้อวดความสามารถ ผลักดันอารมณ์ของเหล่าผู้ชมให้พุ่งสู่ขีดสุดอย่างไม่นำพา!
เสียงหวีดร้องยาวนานยี่สิบวินาทีสิ้นสุดลง แล้วเขาก็สะบัดหัวอันเปียกโชกอีกครั้ง พูดอย่างรุนแรงว่า “ขอบคุณทุกท่าน คืนนี้เป็นคืนของพวกคุณ พวกเรามาเฮพร้อมกันอีกครั้งเถอะ!”
“เฮ!”
เสียงตะโกนของเหล่าผู้ชมนับไม่ถ้วนขานรับ เสียงตะโกนคึกคักเป็นอย่างมาก
เมื่อเห็นผลตอบรับดีงามขนาดนี้ เฉิงเซี่ยวตงก็ยิ้มอย่างภาคภูมิใจยิ่ง อุ้มกีตาร์ไฟฟ้าโค้งตัวลงคารวะต่อเหล่าผู้ชมอย่างสำรวม จากนั้นก็หันตัวกลับไปยังหลังเวที
“เฉิงเฉิง! เฉิงเฉิง ร้องอีกเพลง!”
แฟนคลับสาวไม่น้อยหวีดร้องอย่างสุดชีวิต บางคนกระทั่งร้องไห้เสียด้วยซ้ำ คล้ายกับสูญเสียของสุดรักสุดหวงไป
การแสดงของวงฟิตสิ้นสุด ก็ถึงรอบให้ลู่เฉินขึ้นเวทีแล้ว
พี่สาวนากอดเขาเต็มรัก “สู้ๆ พวกเราจะสนับสนุนเธอ!”
ฉินฮั่นหยางเองก็ตบไหล่ของเขา “ร้องให้ดีๆ!”
ลู่เฉินพยักหน้า จากนั้นก็หิ้วกีตาร์ก้าวยาวๆออกจากหลังเวที เหยียบขึ้นไปบนขั้นบันไดของเวที
ตอนนี้เองที่เฉิงเซี่ยวตงเองก็พาสมาชิกของวงฟิตเดินลงมา หนุ่มเมโทรคนนี้จึงเงยหน้าขึ้น คล้ายกับกษัตริย์ผู้ได้รับชัยชนะผู้หนึ่ง เพิ่งได้รับการกราบกรานจากขุนนางสามัญชนทั้งหมด จิตปณิธานโพยพุ่งความยโส!
เมื่อเขาเห็นลู่เฉินขึ้นบันไดมาเพียงลำพัง มุมปากก็เบะออกเผยให้เห็นรอยยิ้มอันหยิ่งทระนง แย้มยิ้มจนแทบหุบไม่ลง
ลู่เฉินเหยียบไปได้สองขั้น ยังถอยให้เฉิงเซี่ยวตงเดินลงไปสองขั้น แต่เทียบชั้นกับอีกฝ่ายได้แล้ว
เมื่อสังเกตเห็นสีหน้าท่าทางที่เปี่ยมล้นด้วยการยั่วโมโหและความภาคภูมิใจของเฉิงเซี่ยวตง ลู่เฉินก็พยักหน้าให้กับเขาแล้วพูดว่า “ร้องได้ดีนี่!”
เฉิงเซี่ยวตงเบ้ปากอย่างเหยียดหยาม ไม่มีความคิดที่จะหลีกทางให้แม้แต่น้อย
ลู่เฉินยิ้มสงบ เบี่ยงตัวเบียดขึ้นไปทางด้านข้างเฉิงเซี่ยวตง ไม่มีความคิดจะเปรียบเทียบกับอีกฝ่าย
มุขง่อยๆแบบนี้ ไม่ได้ผลกับลู่เฉินในตอนนี้เลยสักนิด!
ตอนที่เดินขึ้นบนเวที เขาได้ยินเสียงหัวเราะเยาะของสมาชิกวงฟิตดังมาจากด้านหลัง
ลู่เฉินสีหน้าไม่แปรเปลี่ยน จังหวะก้าวเดินมั่นคงมีพลัง เมื่อเดินมาถึงหน้าไมค์
แล้วเขาก็ต้องเผชิญหน้ากับผู้ชมกว่าสองพันคน!