ทั่วทั้งงานที่มีคนอยู่กว่าสองพันคนกลับเงียบสงบยิ่ง
เงียบสงบจนกระทั่งหากมีใครคนหนึ่งกระแอ่มไอคราหนึ่งตรงมุมมืด อย่างนั้นทุกคนทั่วทั้งงานก็คงได้ยิน
แต่อารมณ์ที่ไม่อาจพรรณนาบางอย่างกลับปะทุขึ้นท่ามกลางผู้คน!
ลู่เฉินวางกีตาร์ลงแล้ว ประสบการณ์ในดวงตาเขาคล้ายดั่งน้ำลงที่ถดถอยไป ฟื้นคืนสู่ความกระจ่างใสดังเดิม
พูดเรียบง่ายประโยคหนึ่งว่า “ขอบคุณ!”
แล้วเสียงปรบมือก็ดังขึ้นโดยไม่ทันตั้งตัว อันดับแรกเป็นเพียงแค่เสียงปรบมือดังขึ้นไม่กี่แห่งเท่านั้น อย่างรวดเร็วทุกคนก็คล้ายตื่นขึ้นมาจากความฝันอันลึกล้ำ ครั้นแล้วจึงปรบมืออย่างรุนแรงออกมา
พวกเขาจ้องมองและปรบมือให้กับลู่เฉิน จากเศษชิ้นจนแน่นหนา จากสับสนจนพร้อมเพียง หนึ่งต่อไปอีกหนึ่ง!
“ทะยาน!”
ไม่รู้เป็นใครที่จะโกนขึ้นมากลางฝูงชน แต่ก็แพร่ไปสู่ทุกคนรอบบริเวณอย่างรวดเร็ว
“ทะยาน!” “ทะยาน!” “ทะยาน!”
แขนกว่าพันแขนชูขึ้น คนนับไม่ถ้วนตะโกนพร้อมกัน ชั่วขณะนั้นก็เริ่มกลายเป็นคลื่นเสียงมหาศาลดังขึ้นทั่วลาน
หากอยู่ในนั้น แม้จะเป็นคนที่ใจเย็นก็จะรู้สึกหนังหัวซาซ่านทั่วร่างสั่นเทา ตื่นเต้นจนไม่อาจควบคุมตัวเอง เลือดลมพลุ่งพล่านอยู่ในร่าง อดที่จะร่วมเข้าไปผสมโรงในนั้นแล้วตะโกน “ทะยาน(冲)” ไปด้วยไม่ได้!
แต่สถานการณ์เช่นนี้ ตามปกติมีเพียงงานดนตรีขนาดใหญ่เท่านั้น เมื่ออารมณ์ของผู้ชมปะทุถึงจุดเดือดหลังจากนั้นก็จะปรากฏออกมา การตะโกน “ทะยาน” ไปพร้อมกันเองก็แฝงความหมายว่าให้นักร้องร้องอีกรอบหรือร้องอีกเพลง
แรกสุดเดิมทีของคำนี้ เป็นท่อนหนึ่งในเพลงร็อคอมตะ《GO》 ของวงดนตรี Bluebird ที่โด่งดังในอเมริกา เหล่าแฟนคลับเมื่อได้ยินเพลงนี้ในงานคอนเสิร์ต ก็จะตะโกน “GO” อย่างฮึกเหิม และแม้จะร้องยังไม่ทันจบ ก็ยังอยากให้วงบลูเบิร์ดร้องใหม่อีกรอบอยู่ดี
ด้วยเหตุนี้เมื่อเกิดเป็นกระแสงขึ้นในประเทศ แฟนเพลงในประเทศก็เปลี่ยนคำว่า “GO” กลายเป็นคำว่า “ทะยาน” ของตัวเอง ความหมายเหมือนกัน แต่เสียงกลับมีพลังมากขึ้นไปอีกขั้นหนึ่ง!
ทะยาน! ทะยาน! ทะยาน! สหายท่านจงทะยานขึ้นบนท้องนภา!
เหล่านักร้องที่มาเข้าร่วมค่ำคืนดนตรีไลท์บลูด้วยกันเหล่านั้นเมื่อได้ยิน นอกจากจะอิจฉาแล้ว กระทั่งยังอดบังเกิดความริษยาขึ้นมาไม่ได้ เพราะว่าพวกเขาเองก็ทราบถึงความหมายแฝงในคำว่า “ทะยาน” คำนี้
นอกจากแฟนคลับนักร้องจำนวนเล็กน้อยแล้ว ผู้ชมในงานส่วนใหญ่ต่างเป็นคนที่รักเสียงดนตรีอย่างแท้จริง อยากจะทำให้พวกเขาเห็นพ้องต้องกันได้นั้นเป็นเรื่องยากเป็นอย่างยิ่ง จำนวนครั้งในการจัดงานครั้งก่อนนั้นมีน้อยเอามากๆ
เปรียบเทียบกับบรรยากาศคึกคักที่ถูกวงฟิตและเฉิงเซี่ยวตงชักนำมาก่อนหน้านี้แล้ว นั่นไม่นับเป็นอะไรเลย!
ยิ่งไปกว่านั้นพวกเขาก็อยากจะให้ลู่เฉินร้องอีกรอบด้วย อยากได้ยินเพลงที่กระแทกไปถึงจิตวิญญาณอย่าง《ในฤดูใบไม้ผลิ》อีกสักครั้ง
เมื่อกี้ยังฟังไม่หนำใจเลย!
เสียงตะโกน “ทะยาน” กวาดผ่านไปรอบงาน ปะทะเข้าใส่คนที่อยู่ตรงโซนวีไอพีของบาร์บลูโลตัสอย่างรุนแรง
คนดังในวงการเหล่านั้นต่างมองหน้ากันเลิกลั่ก นอกจากจะหวั่นไหวแล้วกลับอับจนถ้อยคำด้วย
ต่งอวี่มองลู่เฉินที่ยืนอยู่บนเวทีอย่างเคลิบเคลิ้ม ดวงตาหงส์ที่แอบว่อนอยู่ใต้กรอบแว่นขอบดำคู่นั้นของเธอเผยร่องรอยแปลกๆออกมา คล้ายกำลังพูดกับตัวเองว่า “เป็นการแสดงที่ยอดเยี่ยมจริงๆ…”
ซูชิงเม่ยที่นั่งอยู่ข้างๆเธอ ใบหน้างามบิดกระตุกคล้ายหาที่ระบายโทสะไม่พบ เมื่อกี้หล่อนยังเพิ่งโม้ว่าจะจัดการลู่เฉินอยู่เลย แต่สุดท้ายกลับโดนลู่เฉินแย่งซีนไปอย่างคาดไม่ถึง
ขณะเดียวกันก็เหมือนกับตบหน้าหล่อนอย่างแรงด้วย!
ลูกเล่นที่หล่อนจะใช้กับลู่เฉินนั้น ไม่ว่าจะเป็น “แผนหยอกล้อง่อยๆ” หรือ “มื้ออาหารใหญ่” ไม่มีที่ให้ระบายออกมาเลยสักนิดเดียว เผลอแปปเดียวก็ถูกกวาดเข้ากรุจนหมดสิ้น
คุณหนูใหญ่ผู้เย่อหยิงมาตั้งแต่เล็ก ไหนเลยจะทานทนได้เล่า!
ต่งอวี่ไม่คิดจะเหน็บแนมน้องสาวของตัวเองต่อ เธอหันร่างไป แล้วพูดกับซูชิงเม่ยอย่างจริงจังว่า “สายตาของเธอไม่เลวเลย สัญญาของเขาให้ฉันเจรจาแทนไหม”
ซูชิงเม่ยโค้งร่าง ศีรษะแทบจะจุมลงในหน้าอกของอีกฝ่าย จากนั้นก็ร้อง “อา” ขึ้นมา
ต่งอวี่ยิ้มแย้ม
ตรงโต๊ะที่นั่งใกล้ๆ เถ้าแก่ใหญ่ชางเว่ยที่ปกติมีสีหน้าไม่ยินดียินร้ายนั้นกลับเผยให้เห็นสีหน้าประหลาดใจ
เขาใช้สายตาที่ไม่อยากจะเชื่อหันไปมองเฉินเจี้ยนฮ่าวที่อ้าปากค้างอยู่ข้างๆพลางหันมองมาทางเขาเช่นเดียวกันคนนั้น กระซิบกล่าว “เหล่าเฉินเอ้ยเหล่าเฉิน นายนี่มันแอบเก็บยอดฝีมือเอาไว้เสียลึกล้ำเชียวนะ แต่จู่ๆกลับส่งลูกระเบิดมาฝังฉันเสียอย่างนั้น!”
งานค่ำคืนดนตรีครั้งนี้จัดขึ้นร่วมกันโดยไลท์เรนมีเดียและบลูโลตัส แต่ตัวหลักของงานยังคงเป็นไลท์เรนมีเดีย เป้าหมายก็เพื่อหนุนส่งวงจื่อเป่ยเจินที่เพิ่งเซ็นสัญญาเข้าสังกัดนั่นเอง
วงจื่อเป่ยเจินและกานหล่างเองก็เตรียมพร้อมอย่างตั้งอกตั้งใจเสียขนาดนั้น แถมยังทุ่มเทเงินทองไม่น้อยไปเชิญมืออาชีพมาผลิตผลงานเปิดตัวให้พวกเขาถึงสองเพลงเลยด้วย อีกทั้งยังได้รับคำชื่นชมจากคนดังในวงการอีก จึงกะจะมาเซอร์ไพร์สบนเวทีค่ำคืนดนตรีด้วยซ้ำไป!
ลู่เฉินจากเดย์ลิลลี่ ทีเดิมทีเพียงส่งขึ้นมาขัดตาทัพ เพียงแค่หินรองเท้าของวงจื่อเป่ยเจิน
ใครจะไปคิดว่า จู่ๆลู่เฉินจะหยิบเพลงแต่งที่ยอดเยี่ยมขนาดนี้ออกมา โยนระเบิดลูกใหญ่ลงกลางงานแบบนี้เล่า!
คล้ายค่ำคืนดนตรีครั้งนี้เป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อเขาเสียด้วยซ้ำ!
แม้ชางเว่ยและบลูโลตัสจะไม่ได้รับความเสียหาย แถมยังอาจได้ประโยชน์มากมายเสียอีก แต่เขาก็ยังรู้สึกว่ามันช่างเหลวไหลเสียเหลือเกิน
ในบรรดาคนที่นั่งด้วยกับชางเว่ยและเฉินเจี้ยนฮ่าว ยังมีชายวัยกลางคนที่ดูสุภาพเรียบร้อยคนหนึ่ง เมื่อเขาได้ยินถ้อยคำตำหนิของชางเว่ย ก็สั่นศีรษะพูดว่า “เพลงนี้ เพลงนี้…”
ชายวัยกลางคนผู้นี้เองก็เป็นคนดังในวงการ มีชื่อว่าเฉินเค่อ เขาเป็นบรรณาธิการของนิยสาร《เพลงป๊อบเมืองหลวง》และเป็นนักวิจารณ์ดนตรีด้วย นามปากกา“ผู้พเนจรท่องยุทธจักร”ของเขานั้นมีชื่อเสียงมากในวงการ
ความสัมพันธ์กับเฉินเค่อและชางเว่ยก็ดียิ่ง งานค่ำคืนดนตรีบลูโลตัสเขาก็เข้าร่วมหลายครั้ง เพลงดีของวงจื่อเป่ยเจินเองก็ได้รับการยอมรับจากเขา อีกทั้งยังประเมินไว้ไม่เลวเลย
แต่ตอนนี้เขาต้องยอมรับจริงๆว่า เพลงใหม่สองเพลงนั้นไม่อาจเปรียบเทียบกับเพลง《ในฤดูใบไม้ผลิ》ได้เลยสักนิด!
เพียงแต่เฉินเค่อไม่รู้จะพูดยังไงดี เนื่องจากผลงานที่แฝงประสบการณ์มากมายเช่นนี้ ไม่ควรเป็นเพลงที่คนหนุ่มอายุยี่สิบกว่าคนหนึ่งจะเขียนออกมาได้
แต่เมื่อความเป็นจริงวางไว้ตรงหน้า ลู่เฉินไม่เพียงเขียนเพลง《ในฤดูใบไม้ผลิ》ออกมาเท่านั้น แถมยังดึงอารมณ์เพลงออกมาได้อย่างแท้จริงอีกต่างหาก!
โคตรมหัศจรรย์สุดๆไปเลยเว้ยเฮ้ย!
เขาสั่นศีรษะไม่ใช่ปฎิเสธ แต่เพราะถูกทำลายสามัญสำนึกต่างหาก สมองจะไหลออกไปหมดแล้ว
ตอนนั้นเองเฉินเจี้ยนฮ่าวก็ฝืนยิ้มแล้วโบกมือพูดว่า “ชางเหล่าต้า คุณอย่าใส่ร้ายผมสิ ผมบริสุทธิ์นะ!”
ทุกคนต่างอดหัวเราะออกมาไม่ได้ ยากนักที่จะได้เห็นมือเก่าผู้นี้จู่ๆก็แสดงท่าทางขายหัวเราะออกมา
ขณะเดียวกัน ห้องไลฟ์ลู่เฟยของ【วาฬTV】 บรรยากาศก็ถูกกระตุ้นจนร้อนแรงยิ่งกว่า!
“ชื่นชม! ชื่นชม! ชื่นชม! เพลงใหม่ของลู่เฟยต้าต้าโคตรเพราะเลย!”
“เห็นด้วย ฟังแล้วฉันจะร้องไห้”
“รักเจ้าของไลฟ์แทบตายแล้ว ขอถามทุกคนใครก็ได้บอกฉันทีว่าองค์หญิงน้อยของเจ้าของไลฟ์เป็นใคร ฉันรับรองว่าจะไม่ทุบตีเธอจนตาย”
“ได้ฟังเพลงแบบนี้ ต่อให้ขายบ้านก็คุ้มค่า!”
“อยากฟังอีกรอบอะ อยากฟังสดๆในงานว้อย อยากฟังอยากฟังอยากฟังอยากฟัง!”
“ฮะฮะฮะ เมื่อกี้ใครบอกว่าลู่เฟยต้าต้าโดนกดดัน หายหน้าไปแล้วเหรอ?”
“ช่างเถอะ หน้าฉันบวมแล้ว แต่ฉันโคตรดีใจเลย!”
“ทะยาน! ทะยาน! ทะยาน!…”
ระบบแจ้งเตือน: เรียกข้าว่าหลี่ไป๋ (เงิน 3) ส่งมอบเรือบรรทุกเครื่องบินให้เจ้าของห้อง 1 ลำ!
ระบบแจ้งเตือน: เรียกข้าว่าหลี่ไป๋ (เงิน 3) ส่งมอบเรือบรรทุกเครื่องบินให้เจ้าของห้อง 1 ลำ!
ระบบแจ้งเตือน: พี่ใหญ่ปลาวาฬ (ทอง 6) ส่งมอบเรือบรรทุกเครื่องบินให้เจ้าของห้อง 1 ลำ!
ระบบแจ้งเตือน: ใครก็อย่าขวางข้า (เงิน 9) ส่งมอบเรือบรรทุกเครื่องบินให้เจ้าของห้อง 1 ลำ!
……
เมื่อเห็นบนหน้าจอกวาดเรือบรรทุกอันน่าเกรงขามลำแล้วลำเล่า หลี่เฟยอวี่ก็ยิ้มจนแทบไม่หุบ
ไลฟ์ในคืนนี้ตั้งแต่เริ่มจนถึงตอนนี้ ของขวัญที่เหล่าปลาป่นส่งมาให้ รวมทั้งฟิชบอลที่เพิ่มเข้ามาใหม่นับรวมได้เกิน20Tเสียอีก เกินเป้าการันตี 5T ที่เขารับรองกับลู่เฉินไว้มากมายนัก!
ไม่เพียงเท่านั้น ความนิยมของห้องไลฟ์ก็ทะลุหนึ่งแสนห้าหมื่นแล้ว อีกทั้งยังเพิ่มขึ้นก้าวกระโดดอย่างต่อเนื่อง
สภาพการปะทุของความนิยมเช่นนี้ ทำให้สหายเสี่ยวเฟยเกออยากจะโทรศัพท์ไปบอกลู่เฉินเสียจริงๆ
ร้องมาอีกสองเพลงเลยว้อย!
“ทะยาน!” “ทะยาน!” “ทะยาน!”
ผู้ชมในงานตะโกน “ทะยาน” ถึงหนึ่งนาทีเต็ม จนลู่เฉินที่ถูกความเร่าร้อนพวกเขาทำให้ตื้นตันเสียแล้วนั้นในที่สุดก็สงบสติอารมณ์ได้สักที เขายิ้มแล้วดวงตาก็เปล่งประกายออกมา
จากนั้นจึงพูดผ่านไมค์ว่า “ขอบคุณที่ทุกท่านสนับสนุนครับ…”
เสียงกู่ร้องเงียบลงในพริบตา ทุกคนตั้งใจฟังคำพูดของลู่เฉินอย่างจริงจัง
ลู่เฉินพูดต่อว่า “เพลงต่อไป เป็นเพลงที่ผมขอมอบให้กับทุกคน เป็นเพลงแต่งเพลงที่สองของผม”
“และเช่นเดิม เป็นการร้องเผยแพร่สู่สาธารณชนครั้งแรกครับ!”
อะไรนะ? เพลงแต่งเพลงที่สอง?
หลายคนยังเข้าใจว่าตัวเองฟังผิด สีหน้าเผยให้เห็นความประหลาดใจไม่น้อย
ภายในบรรยากาศในตอนนี้ ไม่ว่าใครก็เข้าใจว่าลู่เฉินจะต้องตอบรับความเร่าร้อนของพวกเขา แล้วร้องเพลง《ในฤดูใบไม้ผลิ》อีกรอบแน่ๆ ทุกคนจะฟังจนพอใจ รับฟังจนหนำใจ!
ร้อยไม่คิดพันไม่คิด ลู่เฉินกลับเลือกจะร้องเพลงแต่งเพลงที่สองแทน
นี่นายจะฝืนลิขิตฟ้าหรือไง?